ตอนที่ 56 กฏของการฆ่า
ในระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังวางแผนส่งตัวเขาออกนอกเผ่านั้น หลงเฉินกลับมิรู้เรื่องรู้ราว และยังคงจดจ่ออยู่กับการอ่านประวัติของมนุษย์อยู่ในห้อง
‘นี่คือเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นสินะ!’ หลิงเฉินครุ่นคิดอยู่ในใจหลังจากที่อ่านคัมภีร์เล่มนั้นจบ
“เทพเจ้าเทียนเฉินงั้นรึ? นับเป็นฉายาที่สูงส่งและเป็นชื่อที่ไพเราะยิ่งนัก.. อย่างน้อยเวลานี้ข้าก็ได้รู้ชื่อของเขาแล้ว!” หลงเฉินพึมพำกับตนเอง
“ซุน! เจ้าปรากฏตัวได้แล้ว!” หลงเฉินเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงดุดัน
“เลิกเล่นสนุกเสียที ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่!” หลงเฉินกล่าวย้ำเมื่อยังมิได้ยินคำตอบจากอีกฝ่าย
“เจ้ารู้ได้อย่างไรกันว่าข้าอยู่ที่นี่?”
จู่ๆเสียงเล็กๆน่ารักของหญิงสาวก็ดังขึ้นจากด้านหลังของหลงเฉิน เขาจึงรีบหันกลับไปมองทันที และพบว่าหญิงสาวผมสั้นสีชมพูนามว่าซุน ซึ่งเป็นวิญญาณนำทางของเขากำลังยืนอยู่ที่นั่น
“ข้าเป็นอัจฉริยะย่อมต้องฉลาดกว่าคนธรรมดาอย่างไรเล่า! ฮ่าๆๆๆ” หลงเฉินตอบกลับไปพร้อมกับหัวเราะร่วน
“บอกข้ามาตามตรง.. เหตุใดเจ้าจึงรู้ว่าข้าอยู่ในโลกทดสอบนี้กับเจ้าด้วย!” ซุนเอ่ยถามด้วยสีหน้าท่าทางอยากรู้
“ข้าก็อ่านจากคัมภีร์นี่อย่างไรกันเล่า..” หลงเฉินตอบยิ้มๆ
“เจ้าหลอกข้ามิได้แน่.. คัมภีร์นั่นหาได้บันทึกสิ่งใดเกี่ยวกับตัวข้าไม่..” ซุนทำหน้ามุ่ยในขณะที่ตอบโต้กลับไป
“เจ้าแน่ใจถึงเพียงนั้นเชียวรึ? เจ้าอย่าลืมว่า.. ในเมื่อเทียนเฉินปรากฏตัวในฐานะมนุษย์ผู้แข็งแกร่งขึ้นที่นี่ ย่อมต้องมีการเขียนบันทึกเรื่องของเขาไว้อย่างละเอียดมากมาย แม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆ”
“ในคัมภีร์เล่มนี้บันทึกไว้แม้กระทั่งว่า.. เทียนเฉินมักจะพูดคุยกับใครบางคน ทั้งที่รอบกายมิมีผู้ใดปรากฏอยู่เลย เหตุการณ์เล็กๆน้อยนี้ได้ถูกบันทึกไว้ในตำนานที่เกี่ยวกับกับเทียนเฉิน ทำนองว่าเขาสามารถสื่อสารกับเทพเจ้าซึ่งคนทั่วไปมิอาจมองเห็นได้ แต่ข้ารู้ว่าเทียนเฉินกำลังพูดอยู่กับผู้ใด..”
หลงเฉินอธิบายยืดยาวพร้อมกับยกคัมภีร์ในมือขึ้น และชี้ไปที่ประโยคหนึ่งในคัมภีร์เล่มนั้น..
“อีกทั้งเจ้าก็เป็นผู้บอกข้าเองว่า เมื่อที่เทียนเฉินเข้ารับการทดสอบนั้น เจ้าเองก็อยู่กับเขาด้วย จึงไม่ยากที่ข้าจักสามารถเชื่อมโยงเรื่องราวได้ และหากเมื่อครั้งที่เทียนเฉินเข้าทำการทดสอบเจ้ายังเข้ามาได้ เหตุใดในครั้งนี้เจ้าจักไม่เข้ามากับข้าด้วยเล่า?” หลงเฉินอธิบายต่อ
“ว่าแต่.. เหตุใดเมื่อเป็นข้าเจ้าจึงต้องหลบซ่อนเช่นนี้? แต่กลับเปิดเผยตัวเองต่อเทียนเฉิน..” หลงเฉินเอ่ยถามด้วยสีหน้างุนงงสงสัย
“ข้าเองก็ซ่อนตัว และแอบมองเขาทำการการทดสอบอยู่เงียบๆเช่นกัน แต่ก็มิรู้ว่าเขาพบเห็นข้าได้อย่างไรเช่นกัน?” ซุนตอบไปตามความจริง
“ข้าว่าเจ้าอย่าได้นำตนเองไปเปรียบเทียบกับเขาจะดีกว่า มิเช่นนั้นเจ้าอาจต้องสูญเสียความมั่นใจในตัวเองไปก็เป็นได้..” ซุนตอบยิ้มๆ
“ข้าเองก็มิรู้จริงๆว่าเขารู้ได้เช่นใด? เพราะเขาเองก็มิเคยบอกเล่าให้ข้าฟังเช่นกัน” ซุนตอบพร้อมกับทำหน้ามุ่ย
“ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับเทียนเฉินที่บันทึกอยู่ในคัมภีร์เล่มนี้ ล้วนเป็นความจริงทุกอย่างเลยงั้นรึ?” หลงเฉินเอ่ยถามต่อ
“แม้ในบางเหตุการณ์อาจจะบันทึกไว้เกินจริงบ้าง แต่ทุกเหตุการณ์ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นจริงทั้งสิ้น” ซุนตอบ
“เทียนเฉินถูกส่งมาโลกนี้เพื่อทำการทดสอบเช่นเดียวกับเจ้า แต่ครั้งแรกที่เขามาถึงนั้น เขาได้พบกับเผ่าบารองเป็นเผ่าแรกซึ่งเป็นเผ่าที่อ่อนแอที่สุดในครั้งนั้น และเวลานี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้นอยู่ ในขณะที่เผ่าแบนชี และเผ่าเอลเฟียที่เจ้าอยู่ในเวลานี้เป็นเผ่าที่แข็งแกร่งที่สุด และเวลานี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น..”
“ชนเผ่าบารองนั้นเป็นชนเผ่าที่มีจิตใจโอบอ้อมอารี และยินดีต้อนรับเขา แม้ว่าเขาจะเป็นเผ่าพันธุ์ที่มิมีผู้ใดรู้จักก็ตาม” ซุนเล่าให้หลงเฉินฟัง
“ระหว่างที่เทียนเฉินอยู่ที่นั่น กลางวันก็ร่ำเรียนตำราของเผ่าบารอง กลางคืนก็ฝึกปรือวรยุทธบ่มเพาะ ในขณะเดียวกันก็พยายามมองหาหนทางที่จะผ่านการทดสอบครั้งนี้ไปให้ได้ จนกระทั่งวันหนึ่งเรื่องราวโกลาหลวุ่นวายก็เกิดขึ้นภายในเผ่าบารอง เทียนเฉินสืบสาวจนรู้ว่าเวลานี้ชนเผ่ากำลังตระเตรียมที่จะทำสงครามอยู่..”
“เขาจึงเข้าไปพบกับหัวหน้าเผ่าบารองเพื่อสอบถามรายละเอียด จึงได้รู้ว่าเหล่าอสูรกายได้เข้าโจมตีเผ่าซุนหมี่สำเร็จแล้ว หลังจากนั้นก็จะมุ่งหน้าโจมตีเผ่าอื่นๆต่อไป เป้าหมายของเหล่าอสูรในครั้งนี้คือ การได้ครอบครองดินแดนทั้งหมดของที่นี่!” ซุนจ้องมองหลงเฉินพร้อมกับเล่าไปเรื่อยๆ
“ครั้งนั้นทุกเผ่าต่างจึงตัดสินใจร่วมมือร่วมใจกันทำสงครามกับเหล่าอสูรกาย โดยมีเผ่าเอลเฟีย และแบนชีเป็นผู้นำ แม้แต่เผ่าบารองที่อ่อนแอที่สุด ยังตัดสินใจเข้าร่วมรบในครั้งนี้ด้วย”
“เทียนเฉินเชื่อว่าสงครามระหว่างชนเผ่ากับอสูรกายครั้งนั้น อาจเป็นกุญแจนำเขาไปสู่การผ่านบทสอบในครั้งก็เป็นได้ จึงตัดสินใจเข้าร่วมรบกับชนเผ่าต่างๆด้วย เขาเฝ้ามองการต่อสู้ด้วยความสนอกสนใจยิ่ง แต่ก็ยังมิได้ลงมือแต่อย่างใด เนื่องจากอสูรกายที่แข็งแกร่งที่สุดยังมิได้ปรากฏตัว..” ซุนทำสีหน้าคล้ายกำลังรำลึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้นขณะเล่า
“ในครั้งนั้น กองทัพของชนเผ่าบารองนับเป็นกองทัพที่อ่อนแอที่สุด จึงถูกจัดให้ไปอยู่ในบริเวณที่มีศัตรูแข็งแกร่งน้อยที่สุด เทียนเฉินจึงตัดสินใจที่จะไม่ร่วมรบกับชนเผ่าบารอง และเลือกที่จะเข้าไปอยู่ในจุดที่มีศัตรูแข็งแกร่งกว่า แต่เขาก็ยังมิได้ลงมืออย่างเต็มกำลังเท่าใดนัก จนกระทั่ง…”
“จนกระทั่ง.. ราชาแห่งอสูรกายปรากฏตัวขึ้น แต่กว่าที่เทียนเฉินจะรู้เรื่อง นักรบเผ่าบารองก็ถูกราชาแห่งอสูรกายเข่นฆ่าจนหมด ครั้งนั้นเทียนเฉินเสียใจและโกรธแค้นยิ่งนัก ในที่สุดเขาก็รู้ว่าตนเองควรต้องทำเช่นใด เทียนเฉินใช้พลังความแข็งแกร่งทั้งหมดในกายที่มี บุกตะลุยเข้าสังหารเหล่าอสูรกายทุกตนที่กีดขวางเส้นทางที่เขาผ่านไป..” ซุนยังคงเล่าต่อไปเรื่อยๆ
“โดยมิได้สนใจว่าจะเป็นอสูรกายที่แข็งแกร่งหรือว่าอ่อนแอ ในที่สุด.. เทียนเฉินก็ได้เข้าใจกฏแห่งการเข่นฆ่าในช่วงเวลาที่เขากำลังบุกตะลุยเข้าสังหารเหล่าอสูรกายทั้งหลายนั่นเอง ชนเผ่าต่างๆได้แต่ตกตะลึงไปกับพละกำลังที่แข็งแกร่งยิ่งของเขา ครั้งนั้นราชาและจอมราชันแห่งอสูรกายก็ได้ถูกเทียนเฉินสังหารตาย จนเหล่าอสูรกายที่เหลือต้องพากันหนีเอาชีวิตรอด และในหมู่อสูรกายต่างก็พากันเรียกขานเขาว่า.. ราชันปีศาจ!” ซุนยิ้มออกมาเมื่อเอ่ยถึงฉายาของเทียนเฉิน
“ที่เจ้าเล่ามาเป็นความจริงงั้นรึ? ในคัมภีร์เล่มนี้หาได้มีเรื่องราวเกี่ยวกับชนเผ่าบารองมากมาย บันทึกไว้เพียงแค่ว่าชนเผ่าบารองได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสงครามครั้งนี้เท่านั้น แต่มิได้กล่าวว่าเป็นเพราะชนเผ่าบารองถูกเหล่าอสูรกายสังหารตายจนสิ้น เทียนเฉินจึงได้โกรธแค้นเช่นนั้น..” หลงเฉินเอ่ยถามพร้อมกับจ้องมองคัมภีร์ในมือ
“เจ้าจักอ่านพบรายละเอียดของชนเผ่าบารองในคัมภีร์ของชนเผ่าอื่นได้อย่างไรกันเล่า หากเจ้าอยากรู้เรื่องชนเผ่าบารอง ย่อมต้องไปอ่านบันทึกของชนเผ่าบารองจึงจะถูก..” ซุนตอบยิ้มๆ
“เขาเก่งกาจมากถึงขนาดนั้นจริงๆรึ?!” หลงเฉินถามขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง และกำลังจินตนาการถึงความรู้สึกในเวลานั้น
“เขาเก่งกาจอย่างน่าอัศจรรย์เลยทีเดียว!” ซุนเอ่ยตอบขณะที่กำลังรำลึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น
“จริงด้วย! เมื่อครู่เจ้ากล่าวว่าเขาได้เรียนรู้ว่าตนเองควรต้องทำสิ่งใด? หรือข้าต้องเรียนรู้เรื่องกฏของการเข่นฆ่าด้วยงั้นรึ จึงจะสามารถผ่านการทดสอบครั้งนี้ไปได้?” หลงเฉินร้องถามออกมาด้วยความตื่นเต้น
“หาใช่เช่นนั้นเสมอไปไม่! ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้า..” ซูนตอบกลับแบบคลุมเครือ
“เจ้าหมายความเช่นใดกัน.. ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเข้า?” หลงเฉินเอ่ยถามด้วยความงุนงง