ตอนที่ 58 กฏแห่งไม้ หรือกฏแห่งการสังหาร?
“เอ่อ.. เอ่อ.. มิมีปัญหาอันใดเลย” เท็นช่ามิอาจคิดหาเหตุผลมาห้ามหลงเฉินได้ทัน จึงได้แต่กระอึกกระอักตอบกลับไป
“ก็ดี! เช่นนั้นข้าก็จักขอศึกษาอยู่ที่นี่ตามลำพังสักพัก ภายในระยะเวลาหนึ่งเดือนนี้ ห้ามมิให้ผู้ใดเข้ามารบกวนข้าโดยเด็ดขาด” หลงเฉินเอ่ยตอบพร้อมกับหันหลังให้เท็นช่า
‘คิดออกแล้ว.. ลองวิธีนี้ดีกว่า’ จู่ๆความคิดหนึ่งก็พุ่งปราดขึ้นมาในหัวของเท็นช่า
“เอ่อ.. ท่านปรมาจารย์หลงเฉิน มีหนึ่งเรื่องที่ข้าควรจักต้องแจ้งให้ท่านทราบ!” เท็นช่านึกหาข้ออ้างขึ้นมาได้จึงรีบร้องบอกหลงเฉินทันที
“เจ้าต้องการบอกสิ่งใดกับข้างั้นรึ?” หลงเฉินหันไปมองเท็นช่าพร้อมกับเอ่ยถามด้วยความสนอกสนใจยิ่ง
“แม้นลูกแก้วที่บรรพบุรุษของชนเผ่าเราทิ้งไว้ให้จักล้ำเลิศยิ่ง แต่ก็ยังมีอีกหนึ่งสิ่งหนึ่งที่จักเป็นประโยชน์ต่อท่านยิ่งนัก และท่านปรมาจารย์เทียนเฉินเองก็ได้ร่ำเรียนจากสิ่งนั้นเช่นกัน เพียงแต่สิ่งนั้นเป็นของชนเผ่าอื่น หากท่านต้องการ ข้าจักพาท่านไปยังเผ่าที่ว่า ไม่แน่.. ท่านอาจบรรลุได้เช่นเดียวกับปรมาจารย์เทียนเฉินก็เป็นได้” เท็นช่าเอ่ยแนะนำด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“งั้นรึ? เป็นเผ่าใดกัน?” หลงเฉินเอ่ยถามด้วยแววตาเป็นประกายสนอกสนใจ
“เผ่าแบนชี.. ที่นั่นมีลูกแก้วกลมที่ปรมาจารย์เทียนเฉินร่ำเรียนจนสำเร็จด้วย!” เท็นช่าเอ่ยตอบ
“จักเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรกัน? เท่าที่ข้ารู้.. เทียนเฉินอาศัยอยู่ที่เผ่าบารองมิใช่รึ? เหตุใดจึงมาร่ำเรียนจนสำเร็จที่เผ่าแบนชีได้เล่า?” หลงเฉินเอ่ยถามขึ้นด้วยความงุนงงสงสัย
“หรือเป็นเพราะเผ่าแบนชีรุกรานเผ่าบารอง แล้วยึดเอาลูกแก้วนั้นไป?” หลงเฉินครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ และเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
“เอ่อ.. มิใช่เช่นนั้น.. ความจริงก็คือ.. หลังจากสิ้นสุดสงครามครั้งใหญ่กับเหล่าอสูรกาย เผ่าบารองก็ยิ่งอ่อนแอลงกว่าเดิมมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อปรมาจารย์เทียนเฉินจากไป ชนเผ่าอื่นก็เริ่มรุกรานเผ่าบารองด้วยความขัดแย้งบางอย่าง และเมื่อเผ่าบารองมิอาจปกป้องตนเองได้ จึงได้มาขอความช่วยเหลือจากเผ่าเรา เผ่าแบนชี และเผ่าอื่นๆ..” เท็นช่าเอ่ยตอบ..
“แต่ครั้งนั้นก็มิมีเผ่าใดแสดงออกว่าต้องการจักช่วยเหลือเผ่าบารองเลยแม้แต่เผ่าเดียว แม้ว่าเผ่าบารองพยายามที่จะเสนอทรัพย์สมบัติของเผ่าตนเป็นการแลกเปลี่ยนก็ตาม แต่แล้วในที่สุด.. เมื่อถูกรุกรานรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เผ่าบารองก็มิอาจที่จะต้านทานได้อีกต่อไป จึงต้องเสนอว่าจะยกลูกแก้วซึ่งท่านปรมาจารย์เทียนเฉินใช้ร่ำเรียนให้เป็นการแลกเปลี่ยน..”
“เมื่อเป็นเช่นนั้น ทุกเผ่าต่างก็เสนอที่จะช่วยเผ่าบารองทันที แม้แต่เผ่าที่รุกรานเผ่าบารองยังถึงกับเอ่ยปากว่า หากเผ่าบารองยินยอมมอบลูกแก้วนั้นให้พวกเขา พวกเขาก็จักยุติการรุกรานเผ่าบารองทันที” เท็นช่าเล่าให้หลงเฉินฟังต่อ
“แต่ครั้งนั้น เผ่าบารองตัดสินใจเลือกให้เผ่าแบนชีเป็นผู้ช่วยเหลือตน แม้ชนเผ่าแบนชีจะเป็นผู้ที่ดุดันที่สุด แต่ก็แข็งแกร่งที่สุดเช่นกัน อีกทั้งยังเป็นที่รู้กันว่าชนเผ่าแบนชีนั้นรักษาคำพูดและคำสัญญาของตนยิ่งกว่าสิ่งใด เพื่อให้ได้ลูกแก้วนั้นมา เผ่าแบนชีจึงได้รับปากว่าจะคุ้มครองเผ่าบารองนานถึงห้าพันปี!” เท็นช่ายังคงเล่าต่อไปเรื่อยๆ
“ไม่แปลกที่เผ่าบารองจะยอมรับข้อเสนอเช่นนั้น ในระยะเวลาห้าพันปี แน่นอนว่าเผ่าบารองย่อมสามารถฟื้นฟูความแข็งแกร่งของตนกลับมาได้แน่ ข้าจักไปที่เผ่านั่นหลังจากนี้ แต่ตอนนี้ เจ้าช่วยปล่อยข้าไว้ตามลำพังจะได้หรือไม่?” หลงเฉินเอ่ยตอบ
“ได้.. แต่ข้าก็ยังอยากจะแนะนำท่านปรมาจารย์อยู่ดีว่า เหตุใดยังต้องมาเสียเวลากับที่นี่ ในเมื่อเผ่าเพื่อนบ้านของเรายังมีสิ่งที่จักเป็นประโยชน์ต่อท่านอย่างมากมายกว่านี้ด้วยเล่า?” เท็นช่ายังคงพยายามที่จะโน้มน้าว และเปลี่ยนใจหลงเฉินให้ได้
“ขอบใจ! แต่ข้าได้ตัดสินใจแล้ว เจ้าออกไปได้ และอย่าให้ผู้ใดมารบกวนข้าที่นี่..” หลงเฉินเอ่ยตอบพร้อมกับจ้องมองเท็นช่า
“ถ้าเช่นนั้นข้าก็ขอตัว..” เท็นช่ากล่าวตอบด้วยน้ำเสียงผิดหวัง ก่อนจะเดินคอตกลับออกไป
“ซุน.. จริงหรือที่ลูกแก้วของเผ่าบารองมีประโยชน์ต่อข้ามากกว่าลูกแก้วตรงหน้านี้ ข้าควรร่ำเรียนกฏแห่งไม้ หรือกฏแห่งการสังหารดังเช่นเทียนเฉินดี!?” หลงเฉินเอ่ยถาม
“ก็ไม่จริงเสียทั้งหมด ไม่ว่าลูกแก้วใดก็ย่อมใช้ร่ำเรียนกฏธรรมชาติพื้นๆนี้ได้ ในดาวเคราะห์ต่ำต้อยของพวกเจ้าก็เช่นกัน แต่ถึงอย่างไร การเรียนรู้กฏแห่งไม้ก็มิได้ง่ายดายไปกว่ากฏแห่งการสังหารเลย ข้าแนะนำได้เพียงแค่ว่าการศึกษากฏพิเศษจักเป็นประโยชน์ต่อเจ้ามากกว่า..” ซุนที่ยืนอยู่ด้านขวามือของหลงเฉินเอ่ยตอบ
“ถ้าเช่นนั้นข้าขอถามอีกว่า.. ในโลกจริงๆที่มิใช่โลกทดสอบนี้ เรียนรู้กฏต่างๆด้วยลูกแก้วเช่นนี้หรือไม่?”
“ไม่.. คนส่วนใหญ่เรียนรู้และทำความเข้าใจเรื่องกฏเหล่านี้ ผ่านการครุ่นคิดไตร่ตรองจนบรรลุ แต่กฏเหล่านี้ก็หาใช่สิ่งที่ผู้ใดจะสามารถครุ่นคิดไตร่ตรองจนบรรลุได้ง่ายๆเช่นกัน” ซุนตอบ
“หากจะมีลูกแก้วเช่นนี้จริง ก็คงยากที่จะหาพบเจอได้ง่ายๆ เพราะผู้ที่มีคงจะเก็บซ่อนไว้ราวกับสมบัติล้ำค่าเป็นแน่” ซุนกล่าวต่อ
“แล้วลูกแก้วนี้ถูกสร้างขึ้นมาได้อย่างไร?” หลงเฉินยังคงตั้งคำถามต่อ
“ข้าจักบอกเรื่องนี้กับเจ้าหลังจากที่เจ้าผ่านการทดสอบครั้งนี้แล้ว เวลานี้ข้าบอกได้เพียงแค่ว่ามันเกี่ยวข้องกับเจ้าอย่างไรเท่านั้น?” ซุนยิ้มย้ยขณะตอบกลับไป
“มารน้อย.. เจ้ามีลับลมคมนัยเสมอสินะ!” หลงเฉินเอ่ยขึ้นพร้อมกับยื่นมือไปหยิกแก้มของซุน แต่แล้วก็ต้องร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ
“อะไรกัน?! นี่.. ข้าสามารถสัมผัสกายเจ้าได้จริงๆรึ?” หลงเฉินมิคิดว่าตนจะสามารถสัมผัสร่างของซุนได้จริง แต่เมื่อฝ่ามือของตนสัมผัสกับแก้มนุ่มนิ่มของนางเขาก็ถึงกับตกใจอย่างมาก
“นี่เจ้า.. เจ้ากล้าลวนลามข้ารึ?!! แม้แต่เทียนเฉินยังมิกล้าทำเช่นนี้กับข้าเลย.. ข้า.. ข้าไม่คุยกับเจ้าอีกแล้ว!!” ซุนชี้หน้าหลงเฉินพร้อมกับร้องตะโกนออกมาอย่างโมโห
“นี่.. ซุนผู้ยิ่งใหญ่ เจ้าอย่าทำตัวเป็นเด็กทารากไปเลย ข้ารู้ว่ามิมีสิ่งใดทำให้เจ้าตกอกตกใจได้ ในเมื่อเจ้าเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกนี้” หลงเฉินพยายามที่จะสรรเสริญเยินยอซุน
“หึ.. ก็ได้.. อย่างน้อยเจ้าก็รู้ว่าข้าเก่งกาจเพียงใด ข้าจะยกโทษให้เจ้าสักครั้ง!” ซุนกล่าวพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างภูมิอกภูมิใจ
‘เอาใจนางได้ไม่ยากนัก..’ หลงเฉินครุ่นคิดอยู่ในใจ
“เช่นนั้นแล้ว ข้าควรไปที่เผ่าแบนชีจักดีกว่า ข้าอยากผ่านการทดสอบครั้งนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้” หลงเฉินพึมพำกับตนเอง
“อ่อ.. ข้าสามารถนำลูกแก้วนี้ไปยังโลกจริงๆได้หรือไม่?” หลงเฉินเอ่ยถามพร้อมกับจ้องมองลูกแก้วสีเขียวตรงหน้า
“ไม่ได้.. นั่นเพราะลูกแก้วในโลกนี้หาใช่ของจริงไม่ มันเป็นเพียงแค่ของจำลองเท่านั้น จุดประสงค์เพื่อใช้ในการทดสอบ หลายปีผ่านไป พวกมันก็จะกลายเป็นมรดกตกทอดของชนเผ่าต่างๆเท่านั้น ต่อให้เจ้านำเก็บเข้าไปในแหวนบรรจุ และนำกลับไปยังโลก ก็มิได้มีความหมายใด” ซุนอธิบาย
“เฮ้อ.. สมบัติล้ำค่าเช่นนี้กลับกลายเป็นของไร้ค่า ช่างน่าเสียดายนัก! ไปกันดีกว่า” หลงเฉินร้องออกมาด้วยความรู้สึกผิดหวัง แล้วจึงเดินออกไปพร้อมกับซุน
“หัวหน้าเผ่าเท็นช่ากลับไปแล้วรึ?” หลงเฉินเอ่ยถามผู้อารักขาทั้งสองคนที่อยู่ด้านนอก
“ใช่แล้ว เพิ่งจะออกไปไม่นานนี้เอง ข้าจะนำท่านไปพบเขาเดี๋ยวนี้” หนึ่งในผู้อารักขากล่าวขึ้น
“มิต้อง.. ข้าจำเส้นทางได้” หลงเฉินร้องตอบพร้อมกับเดินออกไปทันที
หลงเฉินก้าวเดินไปอย่างช้าๆ เขาต้องการพิศมองภายในเผ่าให้ทั่ว หลงเฉินเดินสำรวจไปเรื่อยๆจนกระทั่งไปถึงตลาดแห่งหนึ่ง ซึ่งเขาเพิ่งจะเดินผ่านตอนขามา แต่เพราะความรีบร้อนมาดูลูกแก้วลึกลับนี้ เขาจึงได้เร่งฝีเท้าจนมิได้สนใจสิ่งรอบตัว ครั้งนี้เขาจึงตั้งใจจักเดินสำรวจให้ละเอียด