ตอนที่ 65 ขโมย!
“เป็นสิ่งใดกันรึ?” เซี่ยเอ่ยถามหลงเฉินด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“นี่คือของกำนัลสำหรับพวกเจ้าทั้งสองคน..”
หลงเฉินเอ่ยตอบพร้อมกับหรียญเงินสองเหรียญที่ปรากฏขึ้นในฝ่ามือของตน เขายื่นให้กับเซี่ยและเทอร่าทันที..
“โอ้โห!! เหรียญเงินเหล่านี้งดงามกว่าเหรียญทองแดงนั่นเสียอีก” เซี่ยร้องอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“ย่อมต้องเป็นเช่นนั้นแน่ ในเมื่อเหรียญเงินนี่มีค่ามากกว่าเหรียญทองแดง..” หลงเฉินตอบกลับไป
“น่าสนใจมากทีเดียว.. มนุษย์เช่นพวกท่านมีเหรียญหลากหลายมากเช่นนี้เชียวรึ? ว่าแต่การมีเงินแบบเดียวจักมิง่ายกว่ารึ?” เทอร่าเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“เรื่องนั้นหาได้สำคัญไม่?” หลงเฉินตัดบทเพราะคร้านที่จะอธิบายให้ยืดยาว..
“ท่านหลงเฉิน.. ขอบคุณท่านมากสำหรับของกำนัล พวกเราเองก็มีความสุขไม่น้อยที่ได้เดินทางร่วมกับท่านในครั้งนี้ อภัยที่พวกเรามิมีของล้ำค่าจักตอบแทนท่านนอกจากม้าเอลเฟีย พวกเราจักทิ้งมันไว้กับท่านที่นี่ วันหน้าท่านอาจจำเป็นต้องใช้มัน และหากท่านติดข้องประการใด สามารถกลับไปที่เผ่าเอลเฟียได้เสมอง พวกเรายินดีต้อนรับ..”
เซี่ยเอ่ยขอบคุณหลงเฉิน และมิได้รู้เลยการตัดสินใจของนางในครานี้ จักทำให้พ่อของนางต้องโกรธจนแทบคลั่งเป็นแน่ หากรู้ว่านางได้เอ่ยเชิญชวนหลงเฉินให้กลับไปที่เผ่าอีกครั้งเช่นนี้
“นั่นสิ! ประตูเผ่าเอลเฟียยินดีเปิดต้อนรับท่านเสมอ!” เทอร่าเอ่ยขึ้นอย่างเห็นด้วย
“ขอบใจพวกเจ้าทั้งสองยิ่งนัก วันหน้าข้าจักต้องกลับไปที่นั่นอีกครั้งแน่!” หลงเฉินตอบกลับด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“ลาก่อนท่านหลงเฉิน! หวังว่าพวกเราจักได้พบกันอีกครั้ง!” เซี่ยกล่าวอำลาหลงเฉินเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเดินนำทุกคนจากไปทันที
“เจ้าช่วยไปบอกองค์ราชินีของเจ้าทีว่าข้าต้องการสนทนากับนางเพียงลำพัง แจ้งกับนางว่าข้ามีเรื่องสำคัญที่จักต้องเจรจากับนาง!”
หลงเฉินหันไปบอกกับสาวใช้ที่ยืนอยู่ข้างประตูห้อง จากนั้นจึงกลับเข้าไปในห้องนอนอาบน้ำแต่งตัวใหม่ และนั่งรอคอยคำตอบอยู่ด้านใน..
ผ่านไปครู่ใหญ่.. เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น เมื่อหลงเฉินเปิดประตูออกไป สาวใช้ก็ได้แจ้งให้กับเขาทราบว่า องค์ราชินีของตนนั้นยินยอมให้หลงเฉินเข้าพบ และสั่งให้พาตัวหลงเฉินไปได้เลย
หลงเฉินเดินตามสาวใช้ไปทันที ระหว่างทางที่เดินไปนั้น หลงเฉินบังเอิญพบเห็นเด็กผู้ชายผมสีขาวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเข้า และดูเหมือนว่าเด็กนั่นก็กำลังเดินตรงเข้ามาหาเขาเช่นกัน
“ใต้ฝ่าพระบาท..”
ทันทีที่เด็กผู้ชายผมขาวเดินเข้ามาใกล้ สาวใช้ที่เดินนำเขาไปก็รีบย่อตัวลง และโน้มศรีษะทำความเคารพเด็กชายผู้นั้นทันที
“เจ้าเป็นมนุษย์งั้นรึ?! โอ้โห.. ครั้งแรกที่ข้าได้ยินว่ามีมนุษย์มาเยือนเผ่าเรา ข้าเองก็แทบไม่อยากจะเชื่อ! ข้าเคยอ่านตำนานเกี่ยวกับท่านปรมาจารย์เทียนเฉินมาแล้วไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ และทุกครั้งที่ได้อ่านก็อดที่จะประทับใจในความเก่งกาจของเขาไม่ได้! ข้าใฝ่ฝันอยากจะเป็นเหมือนท่านปรมาจารย์เทียนเฉิน!! คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้พบกับมนุษย์จริงๆ!”
เด็กผู้ชายผมขาวหาได้สนใจกับสาวใช้ที่กำลังทำความเคารพตนไม่ แต่กลับตรงเข้าไปหาหลงเฉินพร้อมกับจับไม้จับมือ และกล่าววาจากับเขาด้วยแววตาที่เป็นประกายสุกใส
“ข้าเองก็ยินดีที่ได้พบกับท่านเช่นกัน ท่านคงจักเป็นพระสวามีขององค์ราชินีเมี่ยสินะ? แล้วก็เป็นราชาแห่งเผ่านี้ด้วย?” หลงเฉินเอ่ยถามขึ้นทันที
“โอ้.. ไม่ๆๆ! ข้ามิอาจเป็นสามีของท่านป้าเมี่ยได้แน่ หากข้าทำเช่นนั้นย่อมเป็นเรื่องที่ผิดศีลธรรมยิ่ง! ข้าเป็นหลานชายของนางนามว่าอัลตัน!” อัลตันรีบระล่ำระลักตอบกลับไปทันที
“อ่อ.. งั้นรึ? เหตุใดเมื่อวานในท้องพระโรง ข้าจึงมิเห็นเจ้าอยู่ด้วยเล่า?” หลงเฉินเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ข้าเองก็หารู้ไม่ว่า เหตุใดท่านป้าเมี่ยจึงมิได้บอกกล่าวข้าเรื่องที่ท่านปรากฏตัวขึ้นในพระราชวัง อีกทั้งคนรอบกายข้ายังมิมีผู้ใดบอกกับข้าเรื่องนี้ด้วย! แต่ข้าไปได้ยินคนพูดเรื่องนี้เข้าโดยบังเอิญ จึงรีบไปสืบมาว่าท่านพักอยู่ที่ใด พอรู้ก็รีบมาพบท่านที่ห้องทันที!” อัลตันอธิบายให้หลงเฉินฟังด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
‘ข้าคิดว่าข้าพอจะเข้าใจว่าเหตุใดนางจึงมิยอมบอกกับเรื่องการมาของข้ากับเจ้า.. นั่นเพราะเจ้าดูเหมือนจะชื่นชอบในตัวมนุษย์ยิ่งนัก หากให้เจ้าอยู่ในท้องพระโรงด้วย เจ้าคงจักต้องทำลายอำนาจบารมีของนางลงจนสิ้น!’ หลงเฉินครุ่นคิดอยู่ในใจพร้อมกับยิ้มออกมา
“ไปที่ห้องของข้ากันดีกว่า! ข้ายังอยากจะคุยกับท่านให้มากกว่านี้!” อัลตันเอ่ยเชิญชวนหลงเฉิน
“ขออภัยด้วยอัลตัน เวลานี้ข้าต้องไปพบกับท่านป้าของเจ้า แล้วข้าจักไปพบเจ้าหลังจากนี้ ข้าต้องรีบไปก่อนแล้ว..” หลงเฉินเอ่ยตอบอัลตันพร้อมกับเดินจากไปทันที
“ตกลง..” อัลตันเอ่ยตอบด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยพร้อมกับจ้องมองหลงเฉินที่เดินห่างออกไป
หลงเฉินเดินตามสาวใช้ไปตามทางที่ทอดยาว ไม่ช้า.. ทั้งคู่ก็มาถึงห้องใหญ่ห้องหนึ่ง เมื่อเปิดเข้าไปจึงพบว่าตรงกลางห้องมีโต๊ะยาววางอยู่ และที่ปลายทั้งสองข้างมีเก้าอี้อยู่ข้างละตัว หลงเฉินเห็นราชินีเมี่ยนั่งอยู่บนเก้าอี้อีกด้านซึ่งเป็นเก้าอี้ที่สูงกว่าฝั่งของตน
‘นี่นางจงใจพยายามที่จะกดข่มข้าสินะ?’ หลงเฉินครุ่นคิดในขณะที่เดินตรงไปนั่งที่เก้าอี้ตรงข้าม
“เอาล่ะ.. ท่านมีอะไรจะสนทนากับข้างั้นรึ?” ราชินีเมี่ยเอ่ยถามขึ้นทันที
“ราชินีเมี่ย.. ข้ามีเรื่องอยากจะขอร้องท่าน ท่านคงจะรู้เรื่องราวเกี่ยวกับลูกแก้วของชนเผ่าบารองที่บรรพชนของข้าเคยศึกษาแล้วสินะ? ข้าได้ยินมาว่าเวลานี้ลูกแก้วนั่นอยู่ที่เผ่าของท่าน ข้าอยากจะขอเข้าไปศึกษากับลูกแก้วนั่นสักระยะเวลาหนึ่ง มิทราบว่าท่านพอจะอนุญาตให้ข้าทำเช่นนั้นได้หรือไม่?” หลงเฉินเอ่ยถามยิ้มๆ
“ลูกแก้วนั่นเคยเป็นของเผ่าบารอง แต่เวลานี้มันเป็นของข้าแล้ว! เหตุใดข้าจึงต้องให้ท่านเข้าใกล้ลูกแก้วนั่นด้วย?” นางเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน
“ราชินีเมี่ย.. ท่านเองก็รู้ดีว่าบรรพชนของข้าเป็นผู้ช่วยโลกนี้ และชนเผ่าต่างๆให้ปลอดภัย ท่านจักแสดงความกตัญญูต่อเขาด้วยการยินยอมให้ลูกหลานของเขาเข้าไปศึกษากับลูกแก้วนั่นมิได้เชียวรึ?”
หลงเฉินเอ่ยถามด้วยสีหน้าท่าทางที่ผิดหวังและไม่พอใจเช่นกัน!
“เฮอะ.. เทียนเฉินเป็นบรรพชนของเจ้าที่ไหนกัน? อย่างน้อยสิ่งที่เจ้าเหนือกว่าเทียนเฉินเห็นจะเป็นเรื่องการโหกนี่ล่ะ!” ซุนซึ่งอยู่ข้างๆรีบออกความเห็นทันที
“ฮ่าๆๆๆ ท่านกล่าวได้ถูกต้อง! เขาได้ช่วยชนเผ่าและโลกนี้ไว้มากมาย แต่สิ่งที่ท่านปรมาจารย์เทียนเฉินทำ หาได้เกี่ยวข้องอันใดกับท่านไม่? ต่อให้เขาเป็นบรรพชนของท่าน ข้าก็เป็นหนี้บุญคุณเขาหาใช่ท่านอีกเช่นกัน! ท่านมิใช่ผู้ที่ช่วยพวกเราไว้ และมิเคยทำสิ่งใดให้กับจักรวรรดิของข้า หรือเผ่าอื่นๆเลย! จึงมิมีเหตุผลที่ข้าจักต้องแสดงความกตัญญูต่อเขาด้วยการให้ท่านเข้าไปศึกษากับลูกแก้วของเรา..”
ราชินีเมี่ยหัวเราะออกมา ก่อนจะจ้องมองหลงเฉินพร้อมกับเอ่ยตอบกลับไป..
“เหตุใดท่านจึงมิยินยอม? ข้าไม่เห็นว่าท่านจักได้ หรือสูญเสียสิ่งใดกับการที่ยินยอมให้ข้าเข้าไปศึกษาลูกแก้วนั่นเลยแม้แต่น้อย” หลงเฉินเอ่ยถามพร้อมกับจ้องมององค์ราชินีด้วยความสงสัยใคร่รู้
“เอาล่ะ.. ข้าจักยินยอมให้ท่านเข้าไปศึกษากับลูกแก้วนั่นก็ได้ หากท่านยินยอมทำตามเงื่อนไขของข้าหนึ่งข้อ..” ราชินีเมี่ยเอ่ยตอบ
“เงื่อนไขอะไรงั้นรึ?”
“ข้าเองก็ได้อ่านตำนานเกี่ยวกับท่านปรมาจารย์เทียนเฉินเช่นกัน และรู้ว่าเขาสามารถบินได้ด้วยปีกทั้งสองข้าง ท่านจงบอกความลับเรื่องปีกมนุษย์ให้ข้ารู้! ข้าเชื่อว่ามนุษย์จักต้องมีวิธีสร้างปีกทั้งสองที่ข้าอ่านพบในตำนานได้เป็นแน่ หากท่านยินยอมบอกความลับเรื่องนี้ให้แก่ข้า ข้าก็จักยินยอมให้ท่านเข้าใกล้ลูกแก้วของเราเช่นกัน..”
องค์ราชินีเมี่ยบอกเงื่อนไขของตนให้กับหลงเฉินฟังทันที..
“หึ.. นี่หมายความว่าเจ้าจักมิยินยอมให้เข้าเข้าถึงลูกแก้วจริงๆงั้นรึ? หากเจ้าโลภมากเช่นนี้ มิเกรงกลัวว่าข้าจักทำลายเผ่าของเจ้าให้ราบคาบงั้นรึ?” หลงเฉินเอ่ยตอบด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่เคร่งเครียดขึ้นมาทันที
“ข้าไม่คิดว่าท่านจักมีความสามารถทำเช่นนั้นได้!”
“ข้าเคยเห็นภาพวาดของปรมาจารย์เฉินมาก่อน และหลังจากได้พบกับท่านในครั้งนี้ ทำให้ข้าได้รู้ว่ามนุษย์นั้นแตกต่างจากชนเผ่าเราที่เมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่งอายุจะหยุดนิ่ง และข้าก็เชื่อว่าท่านนั้นอายุน้อยกว่าข้า แม้นท่านปรมาจารย์เทียนเฉินจักแข็งแกร่งมากพอที่จะสังหารเหล่าอสูรกายได้ แต่นั่นก็มิได้หมายความว่าท่านจักแข็งแกร่งเช่นเดียวกับเขา และหากให้ข้าคาดเดาท่านเองก็ดูเหมือนจะอายุน้อยกว่าเขาด้วยเช่นกัน..”
องค์ราชินีเมี่ยอธิบายให้หลงเฉินฟังจนยืดยาว..
“ข้าคิดไม่ถึงจริงว่าองค์ราชินีจักโง่เขลาถึงเพียงนี้ ดูเหมือนท่านต้องการที่จะทดสอบความแข็งแกร่งของข้าสินะ?”
หลงเฉินผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที สายตาของเขาจับจ้องไปที่ปลายโต๊ะอีกข้างอย่างมิได้เกรงกลัว..
“หาใช่เช่นนั้นไม่? ข้ามิเคยคิดที่จะต่อสู้กับผู้สืบเชื้อสายของผู้มีพระคุณ และที่ข้าเชิญท่านมาที่นี่ก็เพื่อให้ท่านมารับประทานอาหารเช้าเท่านั้น..”
องค์ราชินีเมี่ยเอ่ยตอบหลงเฉินในขณะที่สาวใช้ได้เดินนำอาหารเข้ามาพอดี..
“ขอเชิญท่านรับประทานให้อิ่มหนำสำราญ ข้ายังมีหลายสิ่งที่ต้องทำจึงต้องขอตัวก่อน แต่ท่านอย่าลืมไตร่ตรองข้อเสนอของข้าให้ดี ไม่ว่าอย่างไรย่อมต้องดีกว่าการต่อสู้เป็นแน่ อย่าให้ความหยิ่งผยองปิดหูปิดตาตนเองจนมืดบอด..”
องค์ราชินีเมี่ยกล่าวจบก็เดินออกจากห้องไปทันที..
‘หวังว่าเจ้าจักไม่นึกเสียใจทีหลังกับการตัดสินใจของตนเอง’
หลงเฉินครุ่นคิดอยู่ในใจ ก่อนจะลุกขึ้นยืนและเดินออกจากห้องโดยไม่สนใจอาหารที่เรียงรายอยู่เต็มโต๊ะ ในขณะเดียวกันก็หันเอ่ยกับซุนว่า
“ซุน! พวกเราคงต้องขโมยลูกแก้วนั้นจริงๆ!”