ตอนที่ 66 วางแผน
“ฮ่าๆๆๆ ในที่สุดเจ้าก็เริ่มพูดจาเหมือนคนปกติแล้วสินะ! แล้วเจ้าจักขโมยเช่นใดเล่า?” ซุนหัวเราะคิกคักขณะที่เอ่ยถาม
“ข้าเชื่อว่าสถานที่เก็บลูกแก้วนั่นต้องมีการอารักขาอย่างดี การบุกเข้าไปอย่างโจ่งแจ้งย่อมเท่ากับการประกาศสงครามซึ่งหน้ากับพวกเขา ฉะนั้น.. ข้าจักต้องมีแผนหนึ่งและแผนสองสำรองไว้ด้วย..” หลงเฉินเอ่ยตอบ
“สำหรับแผนหนึ่ง.. ข้าจักใช้วิธีแอบเข้าไปขโมยเงียบๆ แต่หากแผนหนึ่งล้มเหลว หรือเริ่มมีปัญหา ข้าก็จะเปลี่ยนมาใช้แผนสองคือใช้กำลังแย่งชิงลูกแก้วนั้นมา แต่ข้าหวังว่าเหตุการณ์จักไม่บานปลายไปถึงเพียงนั้น”
หลงเฉินเอ่ยตอบซุนที่กำลังนอนเล่นอยู่บนเตียงของเขา..
“ข้าว่าเจ้าทำเรื่องให้มันวุ่นวายแล้วก็ซับซ้อนเกินความจำเป็น มิจำเป็นต้องมีแผนหนึ่ง.. ข้าชอบแผนสองของเจ้ามากกว่า ก็แค่บุกเข้าไปแย่งชิงมา..!” ซุนพยายามโน้มน้าว
“ข้ามีเหตุผลสองประการที่มิต้องการทำศึกกับพวกเขาโดยตรง ประการแรก.. หาใช่ข้าเกรงกลัวการทำศึกกับชนเผ่าแบนชี เพียงแต่ในความคิดของข้านั้น แผนหนึ่งทั้งง่ายกว่าและรวดเร็วกว่าหากสำเร็จ และนั่นจะมิเป็นการทำให้ชื่อเสียงของมนุษย์ในโลกใบนี้ด่างพร้อยด้วย” หลงเฉินอธิบาย
“ประการที่สอง ข้าเองก็ยังมิล่วงรู้กำลังความแข็งแกร่งของชนเผ่าแบนชี การประกาศศึกสงครามกับศัตรูโดยที่เจ้ามิล่วงรู้สิ่งใดเลยของฝ่ายตรงข้าม ย่อมนับเป็นการกระทำที่โง่เขลายิ่งนัก ข้ารู้ว่าตนเองจักสามารถใช้ปีกมารสวรรค์บินหนีไปได้ หากพบว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นแข็งแกร่งกว่า และข้ามิอาจเอาชนะพวกเขาได้ แต่เมื่อใดที่ข้าประกาศศึกแล้ว ข้าย่อมมิต้องการหนีไปเช่นนั้น หากมิอาจหลีกเลี่ยงการปะทะได้จริงๆ ข้าก็จักถล่มที่นี่ให้ราบคาบ..” หลงเฉินกล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“เจ้ายังต้องเรียนรู้อีกมากมายนัก แต่ข้าเองก็อยากจะรู้เช่นกันว่าเรื่องราวครั้งนี้จักจบลงเช่นใด? เอาล่ะ.. บอกเล่าแผนที่หนึ่งของเจ้าให้ข้าฟังสิ?” ซุนกล่าว
“ไม่ยาก.. ในเมื่อแม่นางเมี่ยรักหลานชายที่ชื่ออัลตันยิ่งนัก ข้าก็จักใช้เขาเป็นกุญแจพาข้าไปสู่ความสำเร็จ!” หลงเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“ข้าพอรู้ว่าเขาชื่นชมเจ้ายิ่งนัก แต่ข้าไม่คิดว่าเขาจักโง่เขลาถึงขั้นยอมขโมยลูกแก้วให้เจ้าแน่!” ซุนเอ่ยค้านขึ้นมาทันที
“ห๊ะ.. อัลตันย่อมต้องมิใช่ผู้ร้ายแน่ แต่เขาจักต้องเป็นผู้ที่ขโมยลูกแก้วนั่น!” หลงเฉินกล่าวพร้อมกับยิ้มออกมา
“ข้ามิเข้าใจความนัยของเจ้า..” ซุนเอ่ยตอบด้วยสีหน้างุนงง
“อีกไม่ช้าเจ้าก็จักเข้าใจเอง แต่ตอนนี้ได้เวลาลงมือแล้ว”
หลงเฉินตอบเพียงแค่นั้น จากนั้นจึงเดินไปบอกกับสาวใช้ที่ยืนอยู่หน้าประตูด้านนอกว่า..
“ไปบอกองค์ชายอัลตันทีว่าข้าว่างที่จะเข้าพบเขาแล้ว ข้ารับปากกับองค์ชายว่าหลังจากพบราชินีเมี่ยแล้ว จักไปพบเขาในทันที ข้าต้องทำตามสัญญา..”
สาวใช้ผู้นี้คือคนเดียวกับที่นำหลงเฉินไปพบองค์ราชินี และได้ยินบทสนทนาระหว่างเขากับองค์ชายอัลตันก่อนหน้า นางรีบเดินออกไปทันที และเพียงแค่ครู่เดียวก็กลับมา เมื่อหลงเฉินเปิดประตูห้องออกไปก็พบนางยืนอยู่ด้านหลังองค์ชายอัลตันแล้ว
‘เฮ้อ.. เจ้าทำแผนของข้าเสียหมด เหตุใดเจ้าไม่อยู่ที่ห้องของเจ้า แล้วเรียกให้ข้าไปพบที่ห้องแทนเล่า..’ หลงเฉินแอบผิดหวังอยู่ในใจ
“องค์ชายอัลตัน เหตุใดเจ้าจึงมาที่นี่เล่า? ข้าตั้งใจจะไปพบเจ้าที่ห้อง แต่เจ้ากลับมาพบข้าที่นี่แทน” หลงเฉินเอ่ยถามองค์ชายอัลตัน
“ทันทีที่ข้าได้ยินว่าท่านต้องการจะพบข้า ข้าก็ตื่นเต้นดีใจจนมิอาจคอยท่านที่ห้องได้น่ะสิ!” องค์ชายอัลตันตอบกลับไปทันที
“เช่นนั้นขอเชิญองค์ชายเข้ามาในห้องก่อน!”
หลงเฉินเอ่ยชวนองค์ชายอัลตันเข้ามาในห้อง จากนั้นจึงทำการปิดประตูห้องไว้ดังเดิม โดยมีสาวใช้ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู
“เชิญองค์ชายนั่งก่อน..” หลงเฉินบอกกับองค์ชายอัลตัน
“ท่านหลงเฉิน ท่านชอบห้องนี้หรือไม่? หากท่านมิพอใจ ข้าจักเปลี่ยนห้องที่ดีกว่านี้ให้ท่านดีหรือไม่?” องค์ชายอัลตันนั่งลงบนเก้าอี้พร้อมกับเอ่ยถามออกไป
“มิจำเป็นเลยองค์ชาย ข้าเองค่อนข้างชื่นชอบห้องนี้ด้วยซ้ำไป ข้าเพียงแต่นึกอัศจรรย์ใจว่า แม้แต่ห้องรับรองอาคันตุกะยังงดงามเช่นนี้ ห้องของเหล่าเชื้อพระวงศ์ในจักรวรรดิแบนชีจักสวยงามสักเพียงใด?” หลงเฉินเอ่ยออกไปพร้อมกับสมองที่เริ่มครุ่นคิดหาหนทาง
“ย่อมต้องงดงามกว่าที่นี่มากนัก! ท่านอยากจะเห็นหรือไม่เล่า? ห้องนอนของข้าเป็นห้องที่งดงามเป็นอันดับสองของพระราชวังแห่งนี้ ส่วนห้องที่งดงามที่สุดก็คือห้องของท่านป้าข้าเอง แม้ข้าจักมิสามารถพาท่านไปชมห้องของท่านป้าได้ แต่ข้าจักพาท่านไปชมห้องของข้าแทน!” องค์ชายอัลตันกล่าวตอบด้วยสีหน้าท่าทางกระตือรือร้นยิ่ง
“เช่นนั้นพวกเราก็ไปกันเลย ระหว่างทางจักได้เดินคุยกันไปด้วย..”
ก่อนที่องค์ชายอัลตันจะทันได้เข้าใจในคำพูดของหลงเฉิน ร่างของเขาก็ได้ไปยืนรออยู่ที่หน้าประตูเรียบร้อยแล้ว องค์ชายอัลตันจึงรีบลุกขึ้น และวิ่งตามหลงเฉินไปทันที จากนั้นทั้งคู่ก็ได้เดินออกไปจากห้องพร้อมกัน
“องค์ชายอัลตัน เมื่อครู่เจ้าบอกว่าห้องของราชินีเมี่ยนั้นงดงามที่สุด ส่วนห้องของเจ้านั้นงดงามเป็นอันดับสอง เช่นนั้นแล้วห้องนอนของพ่อกับแม่เจ้าเล่า?” หลงเฉินเอ่ยถามขึ้นในระหว่างที่เดินไปทาง
“พวกท่านทั้งสองจากโลกนี้ไปแล้ว.. ท่านพ่อกับท่านแม่ของเข้าเสียชีวิตหลังจากที่ข้าเกิดได้ราวสองสามปี..” องค์ชายอัลตันเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มที่ดูเศร้าสร้อย
“ข้าเสียใจด้วย..” หลงเฉินเอ่ยขึ้น
“ขอบคุณท่านมาก เรื่องนี้เกิดขึ้นนานแล้วล่ะ อย่าพูดถึงมันดีกว่า..” องค์ชายอัลตันเอ่ยตอบ
“เช่นนั้นแล้ว.. เจ้าคงจะอยู่ในห้องที่พ่อกับแม่ของเจ้าเคยอยู่สินะ?” หลงเฉินเอ่ยถาม
“มิใช่.. ท่านพ่อกับท่านแม่ของข้าเคยอยู่ที่ห้องขององค์ราชินี ท่านแม่ของข้าเป็นถึงองค์ราชินีของจักรวรรดินี้ แต่หลังจากที่ท่านแม่ของข้าเสียชีวิต ท่านป้าเมี่ยจึงได้ขึ้นเป็นราชินีแทน นางจึงได้อยู่ที่ห้องนั้น” องค์ชายอัลตันเล่าให้หลงเฉินฟัง
“เอาล่ะ.. พวกเรามาถึงแล้ว นั่นไงห้องของข้า เข้าไปข้างในกันดีกว่า..” องค์ชายอัลตันเอ่ยขัดความคิดมากมายที่พร่างพรูเข้ามาในหัวของหลงเฉิน
ทั้งสองคนเดินเข้าไปในห้อง และทันทันทีที่หลงเฉินก้าวเท้าเข้าไป เขาก็เข้าใจได้ทันทีว่า เหตุใดองค์ชายอัลตันจึงกล่าวว่าห้องนอนของตนนั้นงดงามกว่าห้องรับรองอาคันตุกะยิ่งนัก..
หลงเฉินรู้สึกว่า.. ที่นี่หาใช่ห้องนอนไม่ แต่มันเป็นห้องที่กว้างขวางใหญ่โตราวกับบ้านเล็กๆหลังหนึ่งเลยทีเดียว ภายในห้องกว้างใหญ่นั้น หลงเฉินยังเห็นประตูอีกหลายบานบนผนัง ที่ตกแต่งไว้ด้วยจิตกรรมฝาผนังที่งดงามยิ่งนัก และคาดว่าภายในห้องกว้างใหญ่นี้คงแยกย่อยได้อีกหลายห้อง
“ข้าจักพาท่านเดินชมห้องของข้าให้ทั่ว.. นี่เป็นห้องเก็บของที่ข้าใช้เก็บสิ่งของส่วนตัว..”
องค์ชายอัลตันเปิดประตูบานแรกออกให้หลงเฉินเข้าไปดูด้านใน ภายในห้องเก็บของนี้มีตู้และลิ้นชักอยู่มากมาย แต่หลงเฉินไม่สนใจที่จะอยากรู้ว่ามีสิ่งใดอยู่ด้านในบ้าง นั่นเพราะเขามีเป้าหมายอยู่ในใจแล้ว และไม่ต้องการที่จะเสียเวลาไปกับเรื่องเหล่านี้
“ส่วนนี่เป็นห้องนอนของข้า นั่นก็เตียงนอนแล้วก็ของใช้ส่วนตัวอื่นๆ!”
องค์ชายอัลตันเปิดห้องที่สองให้หลงเฉินเยี่ยมชม และคำชมของหลงเฉินก็ทำให้องค์ชายอัลตันมีความสุขมากยิ่งขึ้น..
“ห้องที่สามนี้.. ข้าใช้เก็บเฉพาะอาภรณ์และเครื่องแต่งกายอื่นๆเท่านั้น เช่นรองเท้า เครื่องประดับ..”
องค์ชายอัลตันอธิบายให้หลงเฉินฟังขณะที่พาเขาเดินเข้าไปในห้องที่สาม จากนั้นทั้งคู่ก็เดินออกจากห้องนั้น และไปนั่งที่เก้าอี้ในห้องโถงด้านนอก
“ท่านหลงเฉิน ท่านเห็นว่าห้องของข้าเป็นเช่นใดบ้าง?” อัลตันเอ่ยถาม
“งดงามมากจริงๆ และแน่นอนว่างดงามกว่าห้องนอนของข้านัก!” หลงเฉินเอ่ยตอบ
“ข้าสามารถจัดหาห้องเช่นนี้ให้ท่านได้ หากท่านต้องการ! เพียงแต่อาจมีขนาดเล็กกว่าห้องของข้าเล็กน้อยเท่านั้น!” องค์ชายอัลตันรีบร้องบอกทันที
“มิเป็นไร.. ข้าเองก็ค่อนข้างมีความสุขมากกับการได้อยู่ในเรือนรับรองอาคันตุกะเช่นนั้น!” หลงเฉินเอ่ยตอบทันที
“หากนั่นเป็นความต้องการของท่านข้าก็ยินดี.. อ่อ.. ท่านช่วยเล่าเรื่องของมนุษย์ให้ข้าฟังหน่อยจักได้หรือไม่? อย่างเช่นมนุษย์อยู่ที่ใด? เพราะสิ่งเหล่านี้หาได้มีบันทึกไว้ในคัมภีร์ไม่..” องค์ชายอัลตันร้องขอ
“โอ้.. มนุษย์เช่นเราอาศัยอยู่ในสถานที่ลี้ลับในโลกนี้ แต่มิชอบให้ผู้ใดรบกวน ข้าจึงมิอาจบอกให้เจ้ารู้ได้ แต่ข้าจักเล่าเรื่องอื่นๆให้เจ้าฟังก็แล้วกัน ในที่ที่มนุษย์อาศัยอยู่นั้นมีอยู่มากมายหลายประเทศ บางประเทศก็ใหญ่ บางประเทศก็เล็ก แต่ถึงแม้จะเป็นประเทศที่เล็กที่สุด ก็ยังใหญ่กว่าจักรวรรดิของเจ้ามากนัก”
หลงเฉินเล่าเรื่องโลกก่อนหน้าของตนเพียงผิวเผินให้องค์ชายอัลตันฟัง และองค์ชายก็ตั้งใจฟังด้วยความสนอกสนใจยิ่งนัก..
หลังจากสนทนากันอยู่เกือบครึ่งชั่วยาม หลงเฉินจึงได้ขอตัวกลับไปที่ห้องนอนของตน..
…..
“ข้าคิดว่าเจ้าจักไปที่นั่นเพื่อเกลี้ยกล่อมให้เขาขโมยลูกแก้วเสียอีก? เจ้ามิได้ทำเช่นนั้น แต่กลับขโมยสิ่งของบางอย่างจากห้องของเขามา เหตุใดจึงทำเช่นนั้น?”
ทันทีที่หลงเฉินทิ้งกายลงบนเตียงนอน ซุนก็รีบเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้างุนงงสงสัยทันที..
หลงเฉินจ้องหน้าซุนยิ้มๆ และเริ่มอธิบายให้นางฟัง..