ตอนที่ 72 จับกุม?
หลงเฉินล่วงรู้สถานที่เก็บลูกแก้วจากองค์ชายอัลตันว่า มันถูกเก็บรักษาไว้ในอารามที่อยู่หลังพระราชวังแห่งนี้ และที่นั่นก็มีทหารอารักขาอยู่อย่างหนาแน่น หลงเฉินทราบจากองค์ชายอัลตันว่าที่อารามแห่งนี้มีทหารอารักขาอยู่โดยรอบ หากผู้ใดต้องการเข้าไปด้านใน จักต้องผ่านการตรวจอย่างละเอียดทั้งก่อนและหลังเข้า มีเพียงเชื้อพระวงศ์เท่านั้นที่จักสามารถเข้าไปได้โดยมิต้องผ่านการตรวจใดๆ
หลงเฉินยังคงเดินมุ่งหน้าไปยังทางออกนอกวัง ระหว่างทางที่ผ่านไปก็ได้แปลงโฉมเป็นคนรับใช้ที่ตนพบเห็น แต่เมื่อผ่านไปแล้วก็จักรีบเปลี่ยนกลับเป็นตนเองทันที เพื่อมิให้สูญเสียเวลาของหน้ากากไปโดยใช่เหตุ ระหว่างทางที่หลงเฉินเดินไปนั้น ก็ได้สวนกับองค์ราชินีเช่นกัน แต่นางกลับมิปรายตามองเขาเลยแม้แต่น้อย นั่นเพราะนางคิดว่าเขาเป็นเพียงสาวใช้คนหนึ่งเท่านั้น และเมื่อถึงประตูทางออกนอกพระราชวัง หลงเฉินก็ได้ใช้เวลาของหน้ากากไปแล้วกว่าห้านาที
ทันทีที่เดินออกจากประตูวัง หลงเฉินก็รีบไปหาจุดที่ลับตาคนทำการเปลี่ยนเสื้อผ้า เขาเปลี่ยนมาสวมอาภรณ์ขององค์ชายอัลตัน และจัดการแปลงโฉมหน้าให้เป็นใบหน้าขององค์ชายเช่นกัน
เวลานี้ผมของหลงเฉินเปลี่ยนเป็นสีขาวดุจหิมะ ในขณะที่ใบหน้าก็เริ่มเปลี่ยนเป็นขาวซีดขึ้นจากเดิมเล็กน้อย ผ่านไปเพียงไม่กี่อึดใจ หลงเฉินก็ได้เปลี่ยนเป็นองค์ชายอัลตันได้อย่างใกล้เคียง
ทหารภายในวังต่างก็พากันคุกเข่าลงข้าหนึ่งทำความเคารพเขาไปตลอดทาง จนกระทั่งถึงหน้าประตูทางเข้าอาราม เหล่าทหารอารักขาต่างก็ปฏิบัติเหมือนดังเช่นที่องค์ชายอัลตันมาที่นี่เป็นปกติ
‘ข้ารู้สึกดียิ่งนัก!’
หลงเฉินเดินยิ้มเข้าไปภายในอาราม เมื่อเข้าไปด้านในได้แล้ว เขาก็มิปล่อยให้เวลาของหน้ากากต้องเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ จึงรีบเปลี่ยนโฉมกลับเป็นตนเองทันที
หลงเฉินสังเกตเห็นว่าภายในอารามแห่งนี้มีประตูอยู่สองบาน เขาตัดสินใจเดินเข้าประตูด้านขวามือไปก่อน และเมื่อเปิดประตูเข้าไปจึงพบว่า ตนเองกำลังอยู่ในห้องที่เย็นยะเยือกซึ่งมีหิมะปกคลุมอยู่ทั่ว และตรงกลางห้องนั้นก็มีลูกแก้วสีขาวตั้งตระหง่านให้ความรู้สึกขนลุกขนชันอยู่
“นี่น่าจักเป็นลูกแก้วกฏแห่งหิมะที่ชนเผ่าแบนชีใช้ฝึกฝนเป็นแน่ ส่วนลูกแก้วกฏแห่งการสังหารน่าจักอยู่อีกห้อง ไหนๆข้าก็เข้ามาในอารามแห่งนี้ได้แล้ว คงต้องนำลูกแก้วนี้ไปด้วย..”
หลงเฉินพึมพำกับตนเอง และรีบเก็บลูกแก้วแห่งหิมะเข้าไปในแหวนบรรจุ แล้วเดินออกมาทันที..
หลงเฉินไม่เสียเวลาครุ่นคิดมากนัก เขาเดินตรงไปยังห้องที่สองทันที แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบเพียงแค่ลูกแก้วใสวางอยู่เท่านั้น และภายในห้องนี้ก็แตกต่างจากห้องก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง ห้องนี้ไม่เย็นและไม่ร้อน ไร้ซึ่งลมและเสียง หลงเฉินรู้สึกราวกับว่าตนกำลังอยู่ในห้วงมิติที่แปลกแยกออกมาโดยสิ้นเชิง
“อืมม.. มันดูแตกต่างจากครั้งก่อนมากทีเดียว ดูเหมือนนี่จักมิใช่กฏแห่งการสังหาร แต่…” ซุนกล่าว
“ไว้ค่อยคุยกัน.. เวลานี้ต้องรีบออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด หากมีผู้ใดเข้ามาและพบเห็นเข้า พวกเราคงต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่เป็นแน่!”
หลงเฉินรีบพูดขัดขึ้นมาเสียก่อน ในขณะเดียวกันก็รีบเก็บลูกแก้วเข้าไปในแหวนบรรจุ และเดินออกจากห้องทันที..
หลงเฉินรีบใช้หน้ากากแปลงโฉมตนเองกลับเป็นองค์ชายอัลตัน และรีบเดินออกจากอารามไปอย่างรวดเร็ว ทหารอารักขายังคงเฝ้าอารามเป็นปกติโดยมิรู้เลยว่า สมบัติล้ำค่าของเผ่าได้ถูกใครบางคนขโมยออกไปแล้ว โดยปกติทหารอารักขาอารามแห่งนี้จักต้องตรวจตราผู้ที่เข้าออกโดยตลอด จึงมิเคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นมาก่อน แต่กฏระเบียบนี้หาได้ใช้กับเชื้อพระวงศ์ภายในเผ่าไม่ ใช้เฉพาะแต่กับชาวบ้านทั่วไปเท่านั้น เพราะไม่จำเป็นต้องกลัวว่าเชื้อพระวงศ์จักขโมยไปเสียเอง ในเมื่อลูกแก้วเป็นของพวกเขาอยู่แล้ว
ไม่นานนัก.. หลงเฉินก็กลับไปถึงห้องนอนของตนเอง เขาใช้กุญแจเปิดเข้าไปภายในห้อง และพบว่าหญิงรับใช้กำลังนอนหลับอย่างสบายอยู่บนเตียง เขาจึงรีบปิดประตูและเดินตรงไปที่เตียงทันที
……
หลังจากที่หลงเฉินขโมยลูกแก้วแล้วกลับออกจากอารามได้ไม่นานนัก องค์ราชินีเมี่ยก็ได้เข้าไปภายในอารามเช่นกัน..
“สองสามวันที่ผ่านมาดูเหมือนจักมีแต่เรื่องประหลาดเกิดขึ้น เวลานี้ข้าสัมผัสพลังชี่มิได้เลยแม้แต่น้อย ในเมื่อไม่สามารถฝึกวรยุทธบ่มเพาะได้ชั่วคราว ช่วงเวลานี้ข้าคงต้องเปลี่ยนมาศึกษากฏแห่งหิมะไปก่อน หลังจากข้าออกจากที่นี่ ทุกอย่างน่าจักต้องกลับสู่ความเป็นปกติแล้ว..”
องค์ราชินีเมี่ยพึมพำกับตนเองในขณะที่ก้าวย่างเข้าไปยังประตูภายในอารามด้านขวามือ แต่ทันทีที่นางเห็นห้องว่างเปล่า ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นแดงก่ำด้วยความโกรธทันที
“ทหาร!!!” นางร้องตะโกนเสียงดัง และน้ำเสียงก็เจือไว้ด้วยความต้องการหมายเอาชีวิต
ทหาอารักขาที่อยู่ด้านนอกต่างก็พากันวิ่งเข้าไปภายในอารามทันทีที่ได้ยินเสียงร้องตะโกนขององค์ราชินี..
“ผู้ใดขโมยลูกแก้วกฏแห่งหิมะของข้าไป!!! ข้าเลี้ยงพวกเจ้าไว้เสียข้าวสุกจริงๆ ทำงานมิได้เรื่องเลยสักคน!!” องค์ราชินีร้องคำรามออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว
แต่แล้วจู่ๆ ก็ดูเหมือนว่านางนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบวิ่งออกจากห้องทางขวาตรงไปยังห้องทางด้านซ้ายทันที และเมื่อเปิดประตูเข้าไป นางก็ต้องเศร้าโศกเสียใจอีกครั้ง เมื่อพบเห็นเพียงห้องที่ว่างเปล่า..
ทหารอารักขาต่างก็จ้องมององค์ราชินีด้วยความหวาดกลัว เมื่อเห็นสายตาดุดันของนาง..
“ผู้ใดเข้ามาที่อารามแห่งนี้เป็นคนสุดท้ายก่อนหน้าข้า?” องค์ราชินีถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด
“ใต้ฝ่าพระบาท.. เมื่อราวครึ่งชั่วยามก่อนหน้าที่พระองค์จะมาที่นี่ องค์ชายอัลตันได้เข้ามาก่อนแล้ว..” หนึ่งในทหารอารักขาเอ่ยตอบ
“นี่เจ้ากำลังจะบอกว่าหลานชายของข้าเป็นผู้ขโมยลูกแก้วงั้นรึ?” องค์ราชินีถามกลับด้วยสีหน้าท่าทางที่เดือดดาล
“ตะ.. ใต้ฝ่าพระบาท ทหารที่อารักขาอารามแห่งนี้ล้วนแล้วแต่เห็นเช่นเดียวกับกระหม่อม มีเพียงองค์ชายอัลตันเข้ามาที่นี่ก่อนพระองค์เพียงคนเดียวเท่านั้นจริงๆ กระหม่อมมิกล้ากล่าวหาองค์ชายขโมยลูกแก้วเป็นแน่ เพียงแต่กล่าวว่าองค์ชายเป็นคนสุดท้ายที่เข้ามาในอารามแห่งนี้!”
ทหารอารักขาระล่ำระลักอธิบายต่อทันที และทหารคนอื่นๆต่างก็ตอบเป็นเสียงเดียวกัน แม้องค์ราชินีเมี่ยจักมิอยากเชื่อนัก แต่ก็มิสามารถพูดได้เต็มปากว่าทหารอารักขาทั้งหมดกล่าววาจาเท็จ
“พวกเจ้าไปขังตัวเองอยู่ที่คุกเดี๋ยวนี้ ข้าจักทำโทษพวกเจ้าด้วยตนเองคราหลัง รอให้ข้าสะสางเรื่องนี้เสร็จเรียบร้อยเสียก่อน” องค์ราชินีสั่งพร้อมกับออกไปจากที่นั่น
นางเดินตรงไปที่ห้องขององค์ชายอัลตัน หลังจากเคาะประตูห้องอยู่ไม่นานนัก องค์ชายอัลตันก็เดินออกมาเปิดประตู..
“หลานอัลตัน.. เหตุใดวันนี้เจ้าจึงไปที่อาราม?” องค์ราชินีเมี่ยเอ่ยถามพร้อมกับยิ้มอ่อนโยน
“อาราม? ท่านน้า.. นี่ท่านกล่าวเรื่องอันใดกัน? วันนี้ข้ายังมิได้ไปที่นั่นเลย ความจริงต้องบอกว่าครั้งสุดท้ายที่ข้าไปที่นั่นผ่านมาร่วมเดือนแล้ว..” องค์ชายอัลตันเอ่ยตอบด้วยสีหน้างุนงง
“งั้นรึ?! เช่นนั้นอาจจักเป็นผู้อื่น พวกเขาคงจักเข้าใจผิด เอาล่ะ.. เจ้าทำอะไรอยู่ก็กลับไปทำต่อเถิด”” องค์ราชินเอ่ยเพียงเท่านั้นก็หันหลังเดินกลับออกไปทันที
แต่แทนที่จะกลับไปยังห้องของตน องค์ราชินีเมี่ยกลับเดินตรงไปหาทหารอารักขาตามทางเดิน และเอ่ยถามออกไปว่ามีผู้ใดเห็นองค์ชายอัลตันออกจากห้องบ้าง? แต่ทุกกคนก็ปฏิเสธว่าไม่เห็น..
‘ในเมื่องอัลตันมิได้ออกจากห้องของเขาเลย อีกทั้งมิมีเหตุผลอันใดที่เขาจักต้องขโมยลูกแก้วด้วย เขาต้องการที่จะเข้าถึงลูกแก้วเมื่อใดก็ย่อมได้ทุกเวลา ผู้ที่จะทำเรื่องเช่นนี้จักเป็นใครไปไม่ได้นอกจากมนุษย์ผู้นั้น! ในเมื่อข้าปฏิเสธมิให้เขาเข้าถึงลูกแก้วนั่น เขาจึงเลือกที่จักขโมย! ทหารอารักขาบอกว่าอัลตันเข้าไปในอารามร่วมครึ่งชั่วยามแล้ว ฉะนั้น.. ผู้ที่ทหารอารักขาพบเห็นย่อมต้องเป็นอัลตันตัวปลอม หากมนุษย์ผู้นี้สามารถแปลงโฉมตนเองได้เช่นนี้ มิรู้ว่าเขาจักมีความสามารถประหลาดอันใดอีก ข้าคงต้องไปไตร่ถามเขาให้รู้แน่..’ องค์ราชินีครุ่นคิดอยู่ในใจ และรีบเดินตรงไปที่ห้องของหลงเฉินทันที
……
ทันทีที่หลงเฉินเข้าไปในห้องนอน เขาก็จงใจทำเสียงดังให้สาวใช้ตื่น และเมื่อตื่นขึ้นมานางก็รีบขอโทษขอโพยหลงเฉินทันทีที่เผลอหลับไป จากนั้นสาวใช้ก็ออกจากห้องไปและปล่อยให้หลงเฉินอยู่ด้านในเพียงลำพัง
“ในเมื่อภารกิจลุล่วงแล้ว ข้าคงต้องรีบออกจากที่นี่โดยเร็ว!” หลงเฉินพึมพำกับตัวเองพร้อมกับยิ้มออกมา
‘แต่ข้าควรจักต้องบอกกล่าวอำลาก่อนที่จะจากไป หาไม่แล้วพวกเขาคงคิดว่าข้าขโมยลูกแก้วแล้วหนีไป หากพบว่าลูกแก้วได้หายไปจากอาราม และพวกเขาจักยิ่งสงสัยข้ามากขึ้นเมื่อพบว่า จู่ๆข้าก็หนีหายไปโดยมิได้บอกกล่าวเช่นนี้..’ หลงเฉินครุ่นคิดอยู่ภายในใจ
หลงเฉินเปิดประตูห้องนอน แต่เมื่อกำลังจะก้าวเท้าออกไป ก็พบว่าองค์ราชินีเมี่ยกำลังยืนอยู่ที่ด้านขวาของประตห้อง
“องค์ราชินนีเมี่ย ท่านมาทำอะไรที่นี่รึ?” หลงเฉินเอ่ยถามด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม