ตอนที่ 8 จุมพิตแรก
เมื่อหลงเฉินกำลังจะเดินออกไป หน้าประตูโถงสมบัติพลันมีสาวน้อยนางหนึ่งเปิดประตูออกมา เขาที่เห็นดังนั้นก็จำนางได้ในทันที นางเป็นลูกสาวของผู้อาวุโสใหญ่หลงมู่แห่งตระกูลหลงนามว่า หลงเสวียอิ๋ง
หลงมู่เป็นหนึ่งในสมาชิกที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลหลง ในแง่ของความแข็งแกร่ง เขาอ่อนด้อยกว่าท่านประมุขตระกูลและผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลก็จริง แต่ในในด้านประสบการณ์ความเจนจัดกลับไม่แพ้ผู้ใดเลย
หลงมู่มีบุตรสาวเพียงคนเดียว ภรรยาของเขาเสียชีวิตตอนที่นางอายุได้เพียงแค่สิบสองปีจากการล้มป่วยอย่างหนัก หลงมู่จึงให้ความสำคัญกับบุตรสาวอย่างมาก และพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้นางสมหวังและมีความสุข
หลงเสวียอิ๋งยามนี้อายุน่าจะราวๆสิบหกหรือสิบเจ็ดปี นางมีผมสีเพลิงแดงทั้งยาวสลวยและเงางาม โดยปกตินางมักแต่งกายในชุดแพรพรรณสีแดงเรียบง่าย ชายกระโปรงอยู่ต่ำกว่าเข่าเล็กน้อย จึงเผยให้เห็นเรียวขาที่เนียนขาวประดุจน้ำนม
สายตาของหลงเทียนจับจ้องอยู่ที่ส่วนเว้าส่วนโค้งบนเรือนร่างของนางอยู่ครู่หนึ่ง หญิงสาวนางนี้มีเนินอกที่อวบอิ่มมิใช่น้อย ทำให้ชุดแพรพรรณที่นางสวมอยู่นั้นดูรัดรึงไปทันที แต่กลับขับให้นางดูมีเสน่ห์ชวนพิศมากขึ้น
หลงเสวียเอ๋อสง่างามดุจหงส์ดำ ใบหน้างดงามนั้นแต่งเติมแป้งแต่เพียงบางเบา คู่คิ้วโก่งโค้งเป็นรูปทรงสวยงาม ดวงเนตรคู่โตงดงามราวมณีล้ำค่า จมูกเล็กเหมาะพอเจาะกับใบหน้า โดยรวมคือความงดงามที่สมบูรณ์แบบยิ่งนัก
แต่เวลานี้นางกลับดูรีบร้อน คล้ายต้องการไปยังที่ใดที่หนึ่ง..
หลงเฉินหลงใหลเสน่ห์ของนางทันทีที่แรกเห็น เขาอยากจะจับจ้องมองนางให้ใกล้กว่านี้ จึงตัดสินใจเดินตรงเข้าไปยังโถงสมบัติ ในขณะที่หลงเฉินกำลังเดินไปหานาง เพื่อลอบมองทรวดทรงองค์เอวให้ชัดเจนนั้น นางเองก็กำลังจะเดินสวนออกไปเช่นกัน เหมือนว่าชั่วขณะทั้งคู่จำต้องเผชิญหน้ากันเล็กน้อย
หลงเฉินจับจ้องนางไม่วางตาขณะที่เดินเข้าไปใกล้ ยามนี้ห่างกันประมาณห้าฉื่อ แต่จู่ๆกลับเกิดเหตุที่ไม่คาดฝันขึ้นอย่างฉับพลัน ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใดหลงเฉินจึงได้เดินสะดุดขาตัวเอง ร่างของเขาล้มทับร่างของนางเข้าไปเต็มที่ ใบหน้าของทั้งสองอยู่ห่างกันไม่ถึงสองคืบด้วยซ้ำ
หลงเฉินตกหลุมรักนางเข้าให้เสียแล้ว ในขณะที่ล้มลง เขาก็พลันเข้าโอบเอวนางกอดไว้ในอ้อมแขน ทุกอย่างเป็นไปตามสัญชาติญาณ มือข้างนั้นของเขาพุ่งออกไปอย่างมิได้ตั้งใจ
ทั้งคู่ตกใจอย่างมากที่เวลานี้ร่างของพวกเขาล้มตัวลงกายแนบชิดกันอยู่บนพื้นเช่นนั้น หลงเฉินหลับตาแน่นสนิท แต่ทันใดนั้นกลับสัมผัสได้ถึงริมฝีปากนุ่มชุ่มฉ่ำของร่างตรงหน้า เขาตกใจอย่างมากกับความรู้สึกนี้ที่โฉบแล่นเข้ามาผ่านจิตใจ ช่างเป็นริมฝีมือที่นุ่มนวลและหวานหอมยิ่งนัก หลงเฉินปรารถนาให้เวลาหยุดลงแต่เพียงเท่านี้ เพื่อที่จะได้ประกบริมฝีปากของเขากับนางไว้ชั่วนิรันดร์
ขณะที่หลงเฉินกำลังเพลิดเพลินกับจุมพิตแรกของเขาอยู่นั้น จู่ๆก็พลันรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างนุ่มนิ่มที่มืออีกข้างกำลังสัมผัสอยู่ เมื่อลองขยับมือเล็กน้อย เขาจึงรู้ได้ในทันใดว่าสิ่งนั้นคืออะไร ปรากฏว่าเป็นเนินอกอันอวบอิ่มของหลงเสวียอิ๋ง นางครางเสียงแผดดังออกมาเล็กน้อย ประดับคู่กับชุดแพรพรรณรัดรูปนั้น ยิ่งทำให้นางดูมีเสน่ห์เกินกว่าที่เขาจะหักห้ามใจได้
มืออีกข้างหนึ่งของเขาที่ถูกร่างของนางทับไว้นั้น ยามนี้ก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่งแสนนุ่มจับสบายมือยิ่งเช่นกัน หลงเฉินนับว่าได้กำไรไม่น้อย เพราะได้จับทั้งหน้าอกและบั้นท้ายของนางในเวลาเดียวกัน แต่แล้วจู่ๆหลงเสวียอิ๋งพลันได้สติ และรีบกระโจนลุกขึ้นจากพื้นทันที หลงเฉินจึงล้มตัวหงายหลังกลับไป
‘เฮ้อ… อยากจับอีกจัง’
………………………
หลงเสวียอิ๋งรอคอยเวลานี้มาแสนนานแล้ว เวลาที่นางจะได้เข้าโถงสมบัติไปเลือกยุทธภัณฑ์คู่กาย นางอยากได้ยุทธภัณฑ์ระดับวิญญาณอย่างมาก จึงเป็นเหตุผลให้นางพากเพียรฝึกปรือบ่มเพาะพลังอย่างหนัก เพื่อทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรผสานวิญญาณระดับห้า ทั้งหมดเพื่อสิ่งนี้โดยเฉพาะ และในที่สุดวันนี้ก็มาถึง คล้อยหลังขึ้นกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์อาณาจักรผสานวิญญาณระดับห้าได้ นางจึงรีบกุลีกุจอมาที่นี่ทันทีโดยมิยอมพักผ่อนแม้สักนิด
นางตรงเข้าไปในโถงสมบัติทันที และได้รับยุทธภัณฑ์ระดับวิญญาณชิ้นแรกมาครอบครองในที่สุด ซึ่งมันเป็นยุทธภัณฑ์ระดับวิญญาณขั้นต่ำชื่อว่า ผีเสื้อเพลิง
ว่ากันว่าช่างยุทธ์ภัณฑ์ที่ตีอาวุธชิ้นนี้ขึ้นมานั้นก็เพื่อรำลึกแก่หญิงที่เขารัก นางชอบร่ายรำประดุจผีเสื้อ แต่โชคไม่ดีนัก…วันหนึ่งนางกลับต้องตายลงในกองเพลิง เขาจึงตั้งชื่อมันว่า ผีเสื้อเพลิง และมันยังเป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดของเขาอีกด้วย
หลงเสวียอิ๋งมีความสุขยิ่งที่ได้รับยุทธ์ภัณฑ์ระดับวิญญาณชิ้นแรกมา และนางกำลังรีบเดินทางกลับเพื่อนำไปให้ท่านปู่ของนางดูโดยเร็ว แต่ในขณะที่นางกำลังตรงออกมาจากโถงสมบัตินั้น กลับมีคนล้มลงทับร่างของนางไว้
ยิ่งไปกว่านั้น… คนผู้นี้ยังบังอาจขโมยจูบแรกของนางไปด้วย ทั้งๆที่จูบแรกนี้…นางต้องการเก็บไว้ให้ชายที่รักในวันข้างหน้า เท่านั้นยังไม่พอทั้งเนินอกและบั้นท้ายของนางยังถูกชายผู้นี้คว้าจับสัมผัสอีก เมื่อครู่ที่ล้มลง นางสะดุ้งโหยงราวกับถูกวัตถุร้อน เนื่องจากสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายกำลังบีบเค้นทั้งหน้าอกและบั้นท้ายนางไปสองสามที
และที่น่าอายที่สุดคือ…นางยังรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างจากหว่างขาของชายผู้นี้…
หลงเสวียอิ๋งเดือดดาลจนเลือดขึ้นหน้า นางแทบอยากจะฆ่าชายผู้นี้ทิ้ง ดังนั้นนางจึงเร่งเร้าพลังปราณออกมาสุดกำลังไม่มีรั้งรอ
ขณะที่หลงเฉินกำลังเสียอกเสียดายอยากจับหน้าอกและก้นของอีกฝ่ายอยู่นั้น พลันสัมผัสได้ถึงพลังปราณทั่วห้วงอากาศที่เริ่มรวนเรไร้เสถียร ชั่วอึดใจนั้นเอง กลับปรากฏกำปั้นหนักซัดตรงเข้าที่ใบหน้าเขาอย่างแม่นยำ จนกระเด็นออกไปดุจว่าวไร้เชือก เขารู้สึกปวดร้าวไปทั่วร่าง แต่ก็พยายามพยุงตัวยืนขึ้นโดยไว
“เจ้ากล้าดีอย่างไรมาสัมผัสร่างกายข้า!!!”
หลงเสวียอิ๋งส่งเสียงคำรามลั่น และเตรียมโจมตีอีกระลอกหนึ่ง หลงเฉินยามนี้เร่งระดมพลังปราณผนึกสร้างขึ้นเป็นเกราะลมปราณพร้อมป้องกันเต็มรูปแบบ
“หยุด!”
ก่อนที่นางจะเข้าโจมตีหลงเฉิน จู่ๆก็มีสุ้มเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง