ตอนที่ 83 ไม่แบ่งปัน
เท็นช่าพยายามทำเช่นเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่กระนั้นก็ไม่สามารถเข้าใกล้ทางเข้าอารามได้ไม่ว่าเขาจะพยายามมากเพียงใดก็ตาม ในที่สุดเขาก็เริ่มหมดแรง และได้ล้มเลิกความคิดที่จะเข้าไปในอารามอีก แต่ได้เปลี่ยนมาเป็นการใช้เสียงร้องตะโกนเรียกแทน เพื่อหวังให้หลงเฉินได้ยินและออกมา
เหล่าทหารอารักขาในบริเวณนั้นต่างก็นึกแปลกใจเมื่อเห็นหัวหน้าเผ่าเอาแต่ยืนอยู่นอกประตูอาราม และร้องตะโกนเรียก ‘ท่านหลงเฉิน’ อยู่เช่นนั้น แต่หลังจากร้องตะโกนเรียกอยู่นาน เท็นช่ากลับมิได้ยินเสียงตอบรับกลับมา อีกทั้งมิมีผู้ใดเปิดประตูออกมาเลยแม้แต่น้อย เขาจึงได้แต่ล้มเลิก และสั่งให้ทหารอารักขาทำหน้าที่ร้องตะโกนอยู่หน้าประตูแทน เมื่อใดที่หลงเฉินออกมาให้แจ้งเขาในทันที ก่อนจะเดินจากไปด้วยความเหนื่อยล้ายิ่ง..
………
“ข้าสั่งให้บรรดาแม่ทัพไปจัดเตรียมกองกำลังเพื่อที่จะเดินทางไปช่วงเผ่าแบนชีแล้ว คาดว่าอีกไม่นานก็คงพร้อมที่จะออกเดินทาง” ซูแจ้งกับเท็นช่าทันทีที่เขากลับมาถึงคฤหาสน์
“ท่านไปเจรจากับท่านหลงเฉินเป็นเช่นใดบ้าง? แต่.. เหตุใดจึงมีท่าทีเหนื่อยล้าเช่นนี้?” ซูเอ่ยถามทันทีเมื่อสังเกตเห็นท่าทางหมดเรี่ยวหมดแรงของเท็นช่า
“ข้ายังมิได้เจรจาสิ่งใดกับเขาเลย.. แม้แต่จะเข้าไปในอารามยังมิสามารถทำได้ เพราะมีปราการที่มองมิเห็นสกัดกั้นข้าไว้ไม่ให้เข้าใกล้ประตูทางเข้า และเป็นปราการที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบเห็นมา ปราการนี้สามารถเปลี่ยนทิศทางของข้าได้ทุกครั้งที่พยายามจักก้าวเท้าเข้าไปด้านใน ทุกครั้งที่ข้าก้าวเดินไปด้านหน้า มักจะจบลงด้วยการที่ข้ายืนหันหลังให้กับอาราม”
เท็นช่าอธิบายด้วยสีหน้าหม่นหมองหดหู่..
“เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไรกัน? ข้าจะลองไปตรวจสอบดูด้วยตัวเอง!” ดูเหมือนซูจะมิเชื่อในคำบอกเล่าของเท็นช่า เขาจึงไปตรวจสอบด้วยตัวเอง
เท็นช่ามิได้สนใจซู แต่กลับเข้าไปในห้องโถง แล้วนั่งลงบนเก้าอี้พักผ่อนแทน..
“ท่านพ่อ? นี่พวกเราจักต้องไปรบกับเผ่าอสูรกายจริงๆรึ?” เทอร่าตรงเข้าไปหาพร้อมกับเอ่ยถามขึ้นทันที
“ใช่แล้ว! พวกเราจำเป็นต้องปกป้องดินแดนและชนในเผ่า นี่เป็นสงครามแห่งการดำรงอยู่ที่พวกเราจักต้องผ่านไปให้ได้ แต่เจ้ากับพวกเด็กๆในเผ่าจักมิได้เป็นส่วนหนึ่งในการรบครั้งนี้ พวกเจ้าและเด็กๆต้องอยู่ที่เผ่านี่!” เท็นช่าเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
“ไฉนจึงเป็นเช่นนั้นเล่า?! ข้าเองก็ต้องการออกรบเพื่ออนาคตของเผ่าเราเช่นกัน!! หรือท่านคิดว่าข้าอ่อนแอจนอาจกลายเป็นตัวถ่วงกันแน่?” เทอร่าเอ่ยถามด้วยสีหน้าบึ้งตึง
“หาใช่เช่นนั้นไม่ลูกชาย!! ข้ารู้ว่าเจ้านั้นแข็งแกร่งยิ่ง แต่ข้าเองก็มิต้องการเห็นเจ้าถูกสังหารตายในสงคราม สงครามครั้งนี้มีทั้งจอมราชันย์และจักรพรรดิของเผ่าอสูรกาย มันอันตรายเกินไปสำหรับเจ้า อีกทั้งที่เผ่าจำเป็นต้องมีคนคอยปกป้องเช่นกันหากเกิดเหตุการณ์ที่มิคาดคิดขึ้น!”
เท็นช่าจ้องมองบุตรชายพร้อมกับยิ้มอ่อนโยนให้..
“อย่าได้คิดว่าภารกิจนี้หาได้สำคัญไม่! ความปลอดภัยของเผ่าเอลเฟียนับเป็นเรื่องสำคัญที่สุด และต้องมาก่อนเรื่องอื่นใด ข้าให้เจ้าอยู่ที่นี่ก็เพื่อที่จะมั่นใจได้ว่าเผ่าของเราจักปลอดภัย! การอยู่ปกป้องเผ่าของเราที่นี่หาได้ต่างจากการรบในสนามเลยแม้แต่น้อย..” เท็นช่ากล่าวต่อ
“ตกลงท่านพ่อ ข้าจักอยู่ที่นี่..” เท็นช่าเอ่ยตอบด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
“มีข่าวคราวจากพี่ชายของข้าบ้างหรือไม่?” เทอร่าเอ่ยถามด้วยสีหน้าคาดหวัง ในขณะที่สายตาก็จับจ้องอยู่ที่ร่างของเท็นช่า
“ไม่เลย.. นับตั้งแต่ที่เขาจากไปนานถึงสิบสี่วันก็มิเคยติดต่อกลับมาเลย ข้าเองก็มิได้รับข่าวคราวเกี่ยวกับพี่ชายของเจ้าเลยแม้แต่น้อย ข้าได้ส่งคนออกไปตามหาตามเผ่าต่างๆ แต่ก็มิมีข่าวคราวใด ข้าเองก็เป็นห่วงเขายิ่งนัก..” เท็นช่าตอบกลับด้วยใบหน้าเศร้าหมอง
“ท่านพ่ออย่าได้กังวลใจไปนักเลย พี่ชายของข้าแข็งแกร่งยิ่งนัก ข้าว่าเขาจักต้องกำลังฝึกฝนอยู่ในป่าที่ใดสักแห่งเป็นแน่ ไว้เขากลับมาเมื่อใดท่านค่อยลงโทษให้หนัก!!” เท็นช่าเอ่ยหยอกเย้าผู้เป็นบิดาพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้ม เพื่อปกปิดความกังวลในใจ
“เจ้าไปได้แล้ว.. ข้าจักพักผ่อนเอาแรงเสียหน่อย!” เท็นช่าเอ่ย
เท็นช่านั่งพักผ่อนอยู่ร่วมหนึ่งชั่วยาม และจู่ๆก็สังเกตเห็นซูเดินกลับมาด้วยสีหน้าท่าทางเหนื่อยล้าแทบขาดใจเช่นกัน..
“เฒ่าซู ท่านดูย่ำแย่ยิ่งกว่าข้าเสียอีก! ว่าแต่ท่าทำสำเร็จหรือไม่?” เท็นช่าเอ่ยถามยิ้มๆ
“นี่.. เจ้าเลิกล้อข้าได้แล้ว! ข้าเชื่อเจ้าแล้ว.. ที่นั่นมีปราการประหลาดอยู่จริงๆ ไม่ว่าจักทำเช่นใดก็มิสามารถผ่านเข้าไปได้ ข้ามิรู้ว่าควรทำเช่นใดดี..” ซูเอ่ยตอบด้วยสีหน้าหงุดหงิดใจ
“จะทำเช่นใดได้อีกเล่า? ก็เตรียมตัวเข้าสู่สูงครามโดยมิมีท่านหลงเฉินอย่างไรน่ะสิ! พวกเรามิอาจชักช้าได้ หากเผ่าแบนชีล่มสลายเมื่อใด เผ่าเอลเฟียเราย่อมต้องเกิดปัญหาใหญ่แน่ ข้าจักให้เทอร่ากับเซี่ยอยู่ที่นี่เพื่อรอแจ้งข่าวให้ท่านหลงเฉินทราบทันทีที่เขาออกมา หากเขาได้ทราบข่าวจักต้องรีบไปช่วยพวกเราเป็นแน่” เท็นช่าเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มเศร้าหมอง
“กองทัพของเราจักพร้อมในคืนวันพรุ่งนี้ จากนั้นจึงจะออกเดินทาง..”
ซูเอ่ยตอบไปตามตรง และหลังจากที่อยู่สนทนากับเท็นช่าในเรื่องกลยุทธการทำสงครามครู่หนึ่งแล้ว เขาจึงลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป..
….
ในวันที่กองทัพของเผ่าเอลเฟียพร้อมออกเดินทาง กองทัพของเผ่าอสูรกายก็เข้าใกล้เผ่าแบนชีมากแล้ว..
“พวกเราใกล้จักถึงดินแดนของเผ่าแบนชีแล้ว ข้ารู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก ในที่สุดข้าก็จักได้ลิ้นรสโลหิตของพวกมันแล้ว!” หนึ่งในจอมราชันย์อสูรกายผู้มีใบหน้าเป็นหมาป่าเอ่ยขึ้นพร้อมกับยิ้มกว้าง
“แต่สิ่งที่ข้าสนใจยิ่งกลับเป็นราชินีของพวกมัน ข้าได้ยินมาว่านางงดงามยิ่งนัก ข้าจักพานางกลับไปที่เผ่าให้เป็นนางบำเรอคนใหม่ของข้า และจักให้นางปรนเปรอความสุขให้กับข้าทุกคืนทีเดียว..” จอมราชันย์กระทิงเอ่ยตอบพร้อมกับยิ้มกว้าง
“ท่านทำเช่นนั้นไม่ยุติธรรม.. ข้าเองก็อยากได้นางเช่นกัน!” จอมราชันย์หมีตอบกลับเสียงดัง
“เฒ่าหมี.. ท่านห้ามใช้นางบำเรอร่วมกับข้า!” จอมราชันย์กระทิงตอบโต้พร้อมกับจ้องมองจอมราชันย์หมี
“นางหาใช่เป็นของเจ้าคนเดียวไม่!! นางจักต้องเป็นของข้าด้วย!!” จอมราชันย์หมีตอบกลับด้วยสีหน้าแววตาโกรธเกรี้ยว
“หยุดทะเลาะกันได้แล้ว!! พวกเจ้าก็แค่สับเปลี่ยนกันคนละเจ็ดวัน.. ฮ่าๆๆ” จอมราชันย์โครงกระดูกกล่าวขึ้นพรอมกับหัวเราะเสียงดัง
“ข้าจักมิยอมแบ่งปันสิ่งใดกับเขาโดยเด็ดขาด!!”
จอมราชันย์ทั้งสองร้องตะโกนตอบกลับมาอย่างพร้อมเพรียงกัน..
จอมราชันย์โครงกระดูกต้องการจะตอบโต้กลับไป แต่แล้วจู่ๆเสียงโกลาหลวุ่นวายก็ดังขึ้น หลุมจำนวนมากมายตามจุดต่างๆเปิดออก เวลานี้เหล่าอสูรกายได้เดินเข้าสู่เขตกับดักที่ราชินีเมี่ยสั่งให้สร้างขึ้น ภายในหลุมกับดักเหล่านั้นมีหนามแหลมคมมากมายยื่นออกมา และแทงทะลุเนื้อของเหล่าอสูรกายที่ตกลงไป สร้างความโกลาหลวุ่นวายให้กับกองทัพของพวกมันยิ่งนัก และเพียงแค่ไม่กี่อึดใจ อสูรกายก็ถูกกับดักตายไปหลายพันตน
“ทุกคน.. หยุดร้องโวยวายกันได้แล้ว!! กับดักเล็กๆที่เผ่าแบนชีสร้างขึ้นนี้ มิเพียงพอที่จะสร้างความปั่นป่วนให้กับกองทัพอสูรกายผู้มีหัวใจแข็งแกร่งได้แน่!! จงกล้าหาญและก้าวเดินต่อไป!! แต่ก็คอยระมัดระวังทุกๆฝีเก้าของพวกเจ้า ด้านหน้าอาจยังมีกับดักอยู่อีก”
จักรพรรดิเชนเทียร้องตะโกนบอกเมื่อเห็นกองทัพอสูรกายเริ่มโกลาหลขึ้น..
แม้ว่าเหล่าอสูรกายที่เหลือจักสามารถสงบลงและก้าวเดินไปข้างหน้าต่อไปได้ แต่ยิ่งก้าวเดินต่อไปก็ยิ่งพบเห็นเหล่าอสูรกายตายเพราะกับดักมากขึ้นเท่านั้น ผ่านไปครู่ใหญ่ กองทัพอสูรกายก็ต้องสูญเสียนักรบไปมากมายนับหมื่นตน แต่ในที่สุดกองทัพของพวกมันก็มาถึงจุดที่มองเห็นเขตแดนของเผ่าแบนชีแล้ว..
“นั่นน่ะรึ.. กองทัพของเผ่าแบนชี? มิเห็นมีสิ่งใดโดดเด่น ข้าเห็นเพียงแค่ราชินี แต่มิเห็นมนุษย์ผู้นั้น! หรือมันจักหนีไปเสียแล้ว?” จักรพรรดิทารัสเอ่ยขึ้น
“มันน่าจักต้องอยู่ภายในเผ่า อีกไม่นานพวกเราต้องพบกับมันแน่!” จักรพรรดิเชนเทียเอ่ยตอบ
กองทัพของเผ่าแบนชียืนตระหง่านอยู่ด้านนอกอย่างพร้อมเพรียง พร้อมด้วยอาวุธต่างๆครบมือ ในขณะที่กองทัพอสูรกายก็ยืนประจันหน้าอยู่ฝั่งตรงข้าม