ตอนที่ 89 โลหิตและการทำลายล้าง
เทอร่าและเซี่ยกำลังนั่งอยู่ในห้องโถง ทั้งคู่ต่างก็ตกอยู่ในห้วงแห่งความคิดในระหว่างที่ชายชรากำลังนำพาหลงเฉินเข้ามา..
“เหตุใดพวกเจ้าทั้งสองคนจึงมีสีหน้าหม่นหมองเช่นนั้นเล่า?” หลงเฉินเอ่ยถามยิ้มๆทันทีที่เดินเข้าไปด้านใน
ทั้งเทอร่าและเซี่ยต่างก็เงยหน้าขึ้นมองพร้อมกัน และเมื่อพบว่าเป็นหลงเฉิน ทั้งคู่ต่างก็ผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยสีหน้าท่าทางตื่นเต้นยิ่งนัก
“ในที่สุดท่านก็ออกมา!!! ขอบคุณสวรรค์!! ได้โปรด.. ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย!” เทอร่าเอ่ยบอกหลงเฉินด้วยสีหน้าท่าทางอ้อนวอน
“เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่? ข้ารู้เพียงแค่ว่าหัวหน้าเผ่าเท็นช่าไปทำสงครามพร้อมกับกองทัพเผ่าเอลเฟีย..” หลงเฉินเอ่ยถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ ก่อนที่จะตัดสินใจรับปาก
“เผ่าอสูรกายก่อสงครามขึ้นอีกครั้งแล้ว เวลานี้พวกมันได้บุกไปทีเผ่าแบนชี และทุกเผ่าต่างก็ได้ส่งกองกำลังของตนไปสู้กับเผ่าอสูรกายที่นั่น แต่ดูเหมือนโอกาสที่พวกเราจักชนะพวกมันนั้นมีน้อยมาก..” เซี่ยเอ่ยตอบหลงเฉินด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยพร้อมกับขบฟันแน่น
“หมายความว่ากองทัพเอลเฟียก็อยู่ที่นั่น และกำลังต่อสู้กับเผ่าอสูรกายร่วมกับทุกคนงั้นรึ?” หลงเฉินเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ใช่แล้ว! สงครามครั้งนี้สำคัญยิ่งนัก เพราะมันหมายถึงอิสรภาพของพวกเราทุกเผ่า! ท่านพ่อของข้ากับท่านอาเท็นช่าได้นำกองทัพเกือบทั้งหมดไปที่เผ่าแบนชี ร่วมรบปกป้องอิสรภาพให้กับพวกเรา” เซี่ยเอ่ยตอบด้วยสีหน้าที่บ่งบอกถึงความวิตกกังวลยิ่ง
“ข้ารู้ว่าต่อให้ผลการรบออกมาเช่นใดย่อมมิส่งผลต่อท่านเป็นแน่ เพราะท่านนั้นแข็งแกร่งยิ่งนัก แต่ได้โปรด.. ได้โปรดช่วยพวกเราทุกคนด้วยเถิด!” เทอร่าเอ่ยอ้อนวอนต่อ
หลงเฉินครุ่นคิดอย่างหนักเมื่อได้ยินคำบอกเล่าของคนทั้งสอง..
…….
กลับไปยังเผ่าแบนชี..
สงครามกำลังโหมกระหน่ำอย่างดุเดือด โลหิตไหลหลั่งและการทำลายล้างเกิดขึ้นทั่วทุกหัวระแหงของสนามรบ เหล่านักรบจากเผ่าต่างๆ รวมทั้งเหล่าอสูรกายนับร้อยๆถูกสังหารตายไปทุกขณะ เปลวเพลิงและเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นทั่วทั้งบริเวณ
จักรพรรดิทารัสและจักรพรรดิเชนเทียยืนอยู่ข้างสนามรบ จ้องมองสงครามตรงหน้าด้วยความรู้สึกสนอกสนใจยิ่ง..
“มนุษย์ผู้นั้นยังมิออกมาอีกรึ? เป็นดังเช่นที่ข้าคาดไว้มิผิด มันคงจักหวาดกลัว และเกรงจักถูกสังหารตายเป็นแน่ ถ้าเช่นนั้นพวกเราบุกเข้าไปในเผ่าแบนชีค้นหาตัวมันจะดีกว่า!” จักรพรรดิทารัสเอ่ยกับจักรพรรดิเชนเทีย
“ใยต้องรีบร้อนมากมายเช่นนั้นด้วยเล่า? พวกเราสนุกสนานกับการสังหารมดปลวกตัวเล็กตัวน้อยไปก่อนมิดีกว่ารึ? จากนั้นจึงค่อยเข้าไปในเผ่าพร้อมๆกัน อสูรกายในเผ่าเราจักได้เห็นมนุษย์ถูกสังหารตายพร้อมๆกัน มนุษย์นั่นมิมีทางหนีรอดไปได้แน่!” จักรพรรดิเชนเทียเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นปกติ ในขณะที่สายตาก็จับจ้องอยู่ในสนามรบ
“นี่ท่านลืมไปแล้วหรือว่าเป้าหมายหลักของพวกเราคือมนุษย์ หาใช่มดปลวกตัวเล็กตัวน้อยเหล่านี้ไม่?” จักรพรรดิทารัสเอ่ยขัดด้วยสีหน้าหงุดหงิดรำคาญใจ
“นี่สหาย.. ในเมื่อมนุษย์เอาแต่หลบซ่อนตัวอยู่ด้านในทั้งที่ภายนอกกำลังทำสงครามกันเช่นนี้ ย่อมเป็นการพิสูจน์แล้วว่ามันหวาดกลัวและอ่อนแอยิ่งนัก แล้วเหตุใดพวกเราจึงต้องรีบร้อนด้วยเล่า? ปล่อยให้เหล่านักรบของเราเอาชนะสงครามด้วยตัวเอง และสังหารมนุษย์ด้วยมือของพวกเขาเองมิดีกว่ารึ? ประวัติศาสตร์เคยบันทึกสรรเสริญเทียนเฉินไว้มากมายว่า เขาสังหารเหล่าจักรพรรดิของเผ่าอสูรกายตายไปได้อย่างง่ายดาย จักมิน่าสนใจกว่ารึที่จะเห็นทายาทของมันถูกสังหารตายโดยเหล่าจอมราชันย์อสูรกาย หาใช่จักรพรรดิแห่งอสูรกายไม่..” จักรพรรดิเชนเทียเอ่ยตอบพร้อมกับหัวเราะร่วน
“เป็นความคิดที่ดีมาก ข้าเห็นด้วย!” จักรพรรดิทารัสเอ่ยตอบ พร้อมกับละสายตาจากสนามรบมาจ้องมองจักรพรรดิเชนเทียแทน
อีกด้านหนึ่งของสนามรบ หัวหน้าเผ่าบาล่าก็กำลังต่อสู้กับจอมราชันย์หมีอย่างดุเดือดเช่นกัน..
“ฮ่าๆๆๆ ยิ่งสู้กับเจ้ายิ่งสนุกนัก เจ้าเสมือนมดปลวกที่ฆ่ามิตาย!”
จอมราชันย์หมีหัวเราะเสียงดังพร้อมกับร้องตะโกนออกมาในระหว่างที่จู่โจมบาล่าที่เอาแต่หลบหลีก แม้บาล่าจักสามารถเอาชีวิตรอดมาจนถึงเวลานี้ได้ แต่เขาก็ได้รับบาดแผลที่เกิดจากการถูกเปลวเพลิงเผาไหม้หลายแห่ง แต่จอมราชันย์หมีก็หาได้ไร้ซึ่งบาดแผลเช่นกัน ตามร่างกายของเขาก็มีบาดแผลที่เกิดจากลูกธนูของหัวหน้าเผ่าบาล่าอยู่เต็มไปหมด แต่ถึงอย่างนั้นสภาพของจอมราชันย์หมีก็นับว่าดีกว่าสภาพของหัวหน้าเผ่าบาล่ามากนัก
“ข้าสนุกสนานกับการได้ต่อสู้กับเจ้ายิ่งนัก จนมิอยากใช้กฏที่สองบดขยี้เจ้า แต่จะว่าไปเจ้าเองก็ไม่เปิดโอกาสให้ข้าทำเช่นนั้นได้ เจ้านับเป็นคนฉลาดเฉลียวยิ่งนัก ที่เอาแต่คอยหลบอยู่ห่างๆให้ปลอดภัย” จอมราชันย์หมีเอ่ยขึ้นพร้อมกับหัวเราะออกมา
“นี่เป็นอุปนิสัยของนักธนูต่างหากเล่า..” หัวหน้าเผ่าบาล่าเอ่ยตอบ ในขณะเดียวกันก็พยายามมองหาโอกาสที่จะตอบโต้กลับ
“ข้าเองก็อยากจะเล่นสนุกกับเจ้าต่อ แต่เกรงว่าเมี่ยภรรยาของข้าจักถูกเฒ่ากระทิงแย่งไปเสียก่อน ข้าคงต้องจัดการกับเจ้าให้เสร็จสิ้นโดยเร็วเสียที..” จอมราชันย์หมีโอ้อวด
แล้วจู่ๆ ความรวดเร็วในการเคลื่อนไหวของจอมราชันย์หมีก็เพิ่มขึ้นในทันที จนสามารถไล่ล่าหัวหน้าเผ่าบาล่าซึ่งใช้กฏแห่งลมได้ทัน..
“นี่เจ้าใช้กฏแห่งความแข็งแกร่งกับร่างกายงั้นรึ?”
หัวหน้าเผ่าบาล่าเอ่ยถามขึ้นในขณะที่พยายามจะวิ่งหนีการไล่ล่าของจอมราชันย์หมี และพยายามที่จะทิ้งระยะห่างให้เพิ่มมากขึ้น
“หาใช่เพียงแค่กฏแห่งความแข็งแกร่งไม่..” จอมราชันย์หมีเอ่ยยิ้มๆ
“นี่เจ้า..”
หัวหน้าเผ่าบาล่าเอ่ยได้เพียงแค่นั้นก็สัมผัสได้ถึงบางอย่างที่เกิดขึ้น จึงรีบหันกลับไปมองด้านหลังของตนเอง และพบว่าจอมราชันย์หมีได้ใช้ลูกไฟพุ่งจู่โจมเข้าใส่ตน บาล่ารีบเปลี่ยนทิศทางทันที แต่ในระหว่างที่กำลังหลบนั้น สีหน้าของเขาก็ถึงกับเปลี่ยนไปเมื่อพบว่าหมัดของจอมราชันย์หมีได้พุ่งตรงเข้าใส่ร่างของตน
หัวหน้าเผ่าบาล่าที่ในมือได้ง้างธนูรออยู่แล้วนั้น จึงได้ปล่อยลูกธนูของตนออกจากคันธนู และขับเคลื่อนตนเองไปข้างหลังด้วยกฏแห่งลม แต่กำปั้นของจอมราชันย์หมีก็ได้กระแทกเข้าใส่ร่างของเขา ทำให้ร่างของเขากระเด็นออกไปไกลก่อนจะร่วงลงสู่พื้นห่างจากจอมราชันย์หมี ส่วนลูกธนูของเขาก็ได้ปักเข้าที่ไหล่ข้างหนึ่งของจอมราชันย์หมี ซึ่งกำลังส่งเสียงร้องคำรามออกมาด้วยความเจ็บปวด
จอมราชันย์หมีจ้องมองไปทางหัวหน้าเผ่าบาล่าที่ถูกบดขยี้ และกำลังเดินตรงเข้าไปหา..
หัวหน้าเผ่าบาล่าพยายามกระเสือกกระสนที่จะลุกขึ้นจากพื้น แต่แล้วก็ต้องไอและกระเลือดคำโตออกมา เขารู้สึกว่ากระดูกภายในร่างกายได้แตกหักหลายซี่ แต่แววตานั้นยังคงเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณแห่งนักสู้ที่มิยอมแพ้
อีกด้านของสนามรบ หัวหน้าเผ่ามู่หลาน หรือที่รู้จักกันในนามเผ่าปฐพี มาซูมัสกำลังต่อสู้กับจอมราชันย์กระทิงที่กำลังพยายามบดขยี้ทำลายเกราะป้องกัน และการพยายามจู่โจมของมาซูมัส
แต่ทุกการจู่โจมของมาซูมัส กลับถูกจอมราชันย์กระทิงผู้ซึ่งใช้กฏแห่งไฟ และกฏแห่งความแข็งแกร่งพร้อมกันในคราวเดียวทำลายได้ทุกคราไป แม้มาซูมัสจักสามารถปกป้องตนเองจากการจู่โจมของกฏแห่งไฟและกฏแห่งความแข็งแกร่งไว้ได้ แต่กฏทั้งสองก็ได้สร้างปัญหาให้กับเขาอย่างมากมายทีเดียว การจู่โจมในระยะไกลของมาซูมัสมิได้ผล เพราะจอมราชันย์กระทิงสามารถทำลายพลังของกฏแห่งปฐพีได้ด้วยกฏแห่งความแข็งแกร่งของเขา และยิ่งหากเป็นการต่อสู้ในระยะประชิด จอมราชันย์กระทิงกลับจะยิ่งเป็นฝ่ายได้เปรียบ
ระยะห่างระหว่างจอมราชันย์กระทิงกับหัวหน้าเผ่ามาซูมัสค่อยๆร่นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และความเร็วของจอมราชันย์กระทิงก็เพิ่มขึ้นจากเดิมมาก ก่อนที่จะทันได้รู้ตัว จอมราชันย์กระทิงก็ได้เอื้อมฝ่ามือของตนออกไปบีบลำคอของหัวหน้าเผ่ามาซูมัสไว้ และยกร่างของเขาขึ้นจากพื้นดิน ทำให้หัวหน้าเผ่ามาซูมัสเริ่มหายใจลำบากมากขึ้น มือและเท้าของเขาดิ้นรนที่จะทำร้ายจอมราชันย์กระทิงให้ได้ แต่แล้วมาซูมัสก็กระอักเลือดออกมาคำโต และใบหน้าเริ่มซีดเผือด แม้แต่เปลือกแข็งแกร่งซึ่งห่อหุ้มผิวหนังบางส่วนของเขาอยู่ก็ถึงกับแตกออก..