ตอนที่ 030 การปะทะในทันที
“ นี้มันคืออะไร ? “
ในช่วงเวลาเพียงครู่เดียว สิ่งที่ลอยขึ้นมาจากน้ำแข็ง สายตาทุกคู่ของผู้คนมากมายต่างก็มองไปยังบริเวณนั้นของทะเลสาบน้ำแข็ง หลังจากที่ดูอย่างระมัดระวังแล้ว มีคนไม่น้อยที่เริ่มเห็นอย่างชัดเจน ว่ามีบางสิ่งท่ามกลางทะเลสาบน้ำแข็งแห่งนี้มีลักษณะเป็นสายสีดำกำลังเลื่อยไปมาอยู่
มีคนไม่น้อยที่เห็นสิ่งที่เป็นสายสีดำเลื่อยไปมา ไม่นานก็เริ่มที่จะมีเงาร่างของผู้คนถูกดูดเข้าไปยังด้านในน้ำ ทำให้มีผู้คนที่เห็นได้ชัดเจนมีเจ้าเส้นสีดำนี้คือสิ่งใด
สิ่งนี้เป็นงูหลามที่มีรูปร่างที่ปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีฟ้าเป็นหย่อมๆ งูหลามนี้ไม่ว่าจะเป็นด้านร่างกายหรือเลือดเนื้อ ต่างก็ดูราวเหมือนเป็นเนื้อเดียวกับธารน้ำแข็งแห่งนี้ แต่ว่าภายในร่างกายของมันจะประกฎให้เห็นกระดูกสันหลังเส้นหนึ่ง สิ่งนั้นมีสีเป็นสีดำสนิท หากมองมาจากที่ห่างไกล งูหลามตัวนี้ก็เป็นเหมือนดั่งสายสีดำเส้นนี้ก็มิปาน
ในตอนนี้ เหล่างูเหลือมต่างก็โผล่ออกมาจากน้ำแข็งขึ้นมาทำให้กลุ่มคนอยู่ในอาการแตกตื่นตามๆกัน พวกมันเวียนว่ายในทะเลสาบไปมา นัยน์ตาสีฟ้าเปล่งประกายความดุร้ายและเลือดเย็น เป็นเหมือนกับการจ้องมองที่เย็นชาไปยังเงาของกลุ่มคนมากมาย
“ นี้คืองูหลามยักษ์ทมิฬ “
มีคนที่แสดงอาการตกตะลึง เห็นได้ชัดว่ามีคนจดจำเจ้าดุร้ายชนิดนี้ได้ นี้คือสัตว์อสูรจำพวกหนึ่ง อีกทั้งยังอาศัยอยู่ในบริเวณที่หนาวเหน็บ พวกมันยังมีความสามารถพิเศษในการใช้พลังความเย็นเป็นพลังชีวิตอีกด้วย ต่อให้ใช้คนกลุ่มหนึ่งรวมพลังกันก็ยังยากที่จะต่อกรด้วยได้
“ งูหลามยักษ์ทมิฬเหล่านี้ไม่น่าจะเข้ามาเพื่อปกป้องบัวหิมะวิญญาณม่วงในที่แห่งนี้ พวกมันน่าจะเข้ามาปกป้องก้านไม้วิญญาณม่วงเสียมากกว่า หลังจากที่มองไปยังฉากเบื้องหน้าเป็นเช่นนี้ เกรงว่าจะไม่มีดวงสมพงษ์กับก้านไม้วิญญาณม่วงซะแล้ว “ เยี่ยจงแม้จะมิได้แตกตื่นตกใจเช่นบุคคลอื่น แต่ว่านัยน์ตาก็ได้ค่อยๆถลึงตามอง การถลึงตามองนี้ทำให้ปลุกปลอบสติสมาธิ
ถ้าหากเป็นก้านไม้วิญญาณม่วงธรรมดาก็น่าจะหยุดแล้ว แต่ถ้าหากเป็นก้านไม้วิญญาณม่วงที่มีอายุหลายปี ไม่ว่าจะอย่างไรตนเองก็ไม่มีทางที่จะปล่อยมันไว้ได้
“ เชอะ คนกลุ่มนี้ช่างไร้ประโยชน์เสียจริง ยังไม่อาจหยุดยั้งงูหลามยักษ์ทมิฬได้อีก ถ้าหากได้บัวหิมะวิญญาณม่วงแล้ว งูหลามยักษ์ทมิฬเหล่านี้ยังนับตัวอันใดได้ ? “
ในช่วงที่เยี่ยจงกำลังคาดเดาอยู่ ในบริเวณไม่ไกลมากนัก มีร่างของชายผู้หนึ่งที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ หัวเราะออกมาเยียบเย็นทั้งยังเต็มไปด้วยกลิ่นคาวของเลือด จากนั้นก็พบว่าเขากำลังเดินถอยจากไป มุ่งตรงไปยังบริเวณใจกลางของทะเลสาบ
“ ชิร์ ——”
ในตอนที่ร่างกายของเขาได้ลอดผ่านช่องว่างทะเลสาบนั้นเอง วินาทีนั้น ก็พบเห็นสายสีดำห้าหกสายไหลผ่านไปมา
“ เฮอะ ——”
หลังจากที่หัวเราะอย่างเย็นชาออกมาดังๆ มือขวาก็เข้าไปสัมผัส เวลานั้นก็พบกับพลังลมของฝ่ามือไหลผ่านออกมา มุ่งไปอย่างหนักแน่นเข้าสู่เส้นสีดำทั้งห้าหกสายนั้น
“ ตูม ——”
เสียงดังระงมราวกับทองและเหล็กกระทบกัน เหล่างูหลามยักษ์ทมิฬต่างก็หลบหนีกลับเข้าไปในน้ำตามๆกัน วินาทีนั้น ทะเลสาบน้ำแข็งที่มีน้ำแข็งสีฟ้า ก็ได้ค่อยๆปรากฏเส้นสายสีดำข้นๆเหมือนเลือดผสมกันไหลอยู่ในน้ำอย่างช้าๆ
ทันใดนั้นก็เคลื่อนไหวร่างทั้งร่างอย่างพร้อมเพรียง ยืมสภาวะกระโดดจนถึงด้านบนของแผ่นศิลา จากนั้นก็ยืนมือออกมา ค่อยๆเด็ดเหล่าบัวหิมะวิญญาณม่วงเก็บเข้าแหวนจักวาลของตน
ผู้คนรอบด้านที่อยู่ในมิติน้ำแข็งมองไปยังฉากเบื้องหน้า ไม่ทันไรแต่ละคนก็อดทนต่อไปไม่ไหว บางคนที่พอจะมีความเชื่อมั่นในพลังฝีมือของตนเองโดดลงไปในน้ำ มุ่งหน้าสู่บริเวณที่มีแท่นศิลาตั้งอยู่
ร่างกายของเยี่ยจงตอนนี้ก็ได้สั่นเทาคราหนึ่ง จากนั้นก็เหินออกไปอย่างรวดเร็วราวกับลมกรด มุ่งหน้าไปสู่บริเวณที่ตั้งของแท่นศิลา
ถึงแม้ว่าบัวหิมะวิญญาณม่วงเหล่านี้จะถือว่าเป็นของที่ไม่เลว แต่ว่าเยี่ยจงยังไม่คิดว่าสิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์ต่อตนเองแต่อย่างไร ที่เขาสนใจนั้นมีเพียงอย่างเดียวนั้นก็คือก้านไม้วิญญาณม่วง นั้นคือสิ่งที่เขาต้องทำให้ได้ ต่อให้ต้องทำลายบัวหิมะวิญญาณม่วงเหล่านี้ทั้งหมด ก็ต้องตามหาก้านไม้วิญญาณม่วงเจอให้ได้
“ ตูม ตูม ตูม ——”
ในขณะที่เยี่ยจงกำลังจะขยับร่างกายอยู่นั้น บริเวณด้านล่างของทะเลสาบ งูหลามยักษ์ทมิฬนับไม่ถ้วนเริ่มแสดงถึงอาการเจ็บปวดออกมา นัยน์ตาของเหล่างูหลามยักษ์ทมิฬต่างเต็มไปด้วยเลือดและความเครียดแค้นออกมา พวกมันแต่ละตัวเริ่มที่จะโผล่ออกมาน้ำ มุ่งเข้าหาบริเวณที่เงาร่างอันลี้ลับอยู่ วินาทีนั้น เสียงหวือวึงดังออกมาทั่วทั้งสี่ทางแปดทิศ
“ ผ่าง ——”
เยี่ยจงใช้ออกด้วยพลังฝ่ามือ หลังจากที่ฟาดไปยังงูหลามยักษ์ทมิฬกลายเป็นก้อนเนื้อ ร่างกายก็ได้เกรงตัวและสั่นคราหนึ่ง จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังบริเวณที่ตั้งของแท่นศิลา
ในเวลาเดียวกัน การต่อสู้ที่วุ่นวายก็ได้ระเบิดออกมาทันที เงาร่างของคนนับไม่ถ้วนเพื่อมุ่งสู่บัวหิมะวิญญาณม่วงเหล่านั้น หลังจากที่สยบเหล่างูหลามยักษ์ทมิฬไปแล้วกลุ่มหนึ่ง แม้จะมีหลายคนที่สามารถสังหารงูหลามยักษ์ทมิฬได้ แต่ก็มีคนไม่น้อยที่ถูกงูหลามยักษ์ทมิฬสังหารไปเช่นเดียวกัน อีกทั้งยังดำดิ่งลงสู่ส่วนลึกของทะเลสาบน้ำแข็ง วินาทีนั้น พลังการต่อสู้ก็ดูเหมือนจะหายไปทั้งหมด มีงูหลามยักษ์ทมิฬนับไม่ถ้วนเข้ามา การเคลื่อนราวของเส้นสีดำหลายเส้นรวมตัวกันจนเป็นเหมือนดั่งลูกบอลพุ่งเข้ามาก็มิปาน จากนั้นก็ค่อยๆดำดิ่งลงสู่ส่วนลึกของทะเลสาบ
แต่ทว่า สถานการณ์ที่ชลมุนวุ่นวายเช่นนี้ก็ถือว่าส่งผลดีต่อเยี่ยจงเช่นเดียวกัน อย่างน้อย ก็ทำให้หลบรอดงูหลามยักษ์ทมิฬไปได้หลายตัว ร่างกายของเขายังคงเหินไปอย่างรวดเร็วเริ่มเข้าใกล้บริเวณของแท่นศิลาแล้ว
ร่างนับร้อยของคนตระกูลม่อไปอยู่บริเวณด้านบนของแท่นศิลาอย่างมิได้นัดหมาย เยี่ยจงที่มิได้เข้าไปถอนบัวหิมะวิญญาณม่วง จากนั้นก็มองสำรวจด้านบนคราหนึ่ง จากนั้นก็เริ่มที่ค้นหาบริเวณบัวหิมะวิญญาณม่วง และคอยมองบนแท่นศิลาอย่างระมัดระวัง
นอกจากเยี่ยจงแล้ว ยังมีเงาร่างอีกหลายร่างกำลังทำกิริยาคล้ายๆกับเขาเช่นเดียวกัน เห็นได้ชัดว่า คนเหล่านี้น่าจะทราบถึงการมีอยู่ของก้านไม้วิญญาณม่วงเช่นเดียวกัน พวกเขาเข้าใจได้ในทันที ก้านไม้วิญญาณม่วงนั้นมีค่ามากมายบัวหิมะวิญญาณม่วงมากมายหลายพันเท่านัก
“ ซี่ ——”
ในคนขบวนหนึ่งได้มุ่งหน้ามาถึงใจกล้าแท่นศิลาเช่นเดียวกัน ในบริเวณที่เป็นแผ่นหินที่ว่างเปล่าแผ่นหนึ่ง จากนั้นคนขบวนกลุ่มนี้ก็ได้รวมตัวกันในบริเวณนั้น
หลังจากพบเห็นฉากเบื้องหน้า ขบวนคนเหล่านี้ไม่เพียงลงมืออย่างพร้อมเพรียงกัน วินาทีนั้นก้านดอกเหล่านั้นก็ถูกถอนออกมานับไม่ถ้วน อีกทั้งยังถูกทิ้งไว้บนแผ่นศิลา ทำให้ผู้คนหลายคนเปลี่ยนสีหน้าเป็นไม่น่าดูอยู่หลายส่วน
“ ที่แท้ไม่มีงั้นหรือ ? “
หลังจากที่จ้องมองไปยังบริเวณพื้น เยี่ยจงก็ขมวดคิ้วไปมา นัยน์ตาท่อประกายความผิดหวังออกมาสายหนึ่ง หากว่าไม่มีก้านไม้วิญญาณม่วงแล้วละก็ บัวหิมะวิญญาณม่วงเหล่านี้ ต่อให้มีมากมายกว่านี้ก็ยังไร้ความหมาย
หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่ง เยี่ยจงก็กวาดตามองไปรอบๆ จนมองเห็นชายหนุ่มในขบวน อยากจะดูว่าพวกเขาค้นพบอันใดบ้าง เพียงแต่ว่า เหล่ายอดฝีมือเหล่านี้ทุกคนต่างก็อยู่ในอาการขมวดคิ้วนิ้วหน้าอยู่ เห็นได้ชัดว่า ยังคงไม่พบสิ่งใด
ทว่า ในตอนที่เยี่ยจงพบว่าพวกเขาก็ไม่ยังค้นหาไม่พบ ในขณะที่เตรียมตัวจะถอยหนี เขาก็ได้ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที นั้นก็เพราะว่า เขาค้นพบว่า ในบริเวณที่เขาอยู่นั้น มีคนตระกูลม่อห้าหกคนกำลังเงยหน้าขึ้นมา อีกทั้งยังส่งสายตาเจ้าเล่ห์มองมาทางเยี่ยจง จากนั้นผู้ที่นำขบวนผู้นั้น ปรากฏว่าคนผู้นั้นเป็นเจ้าถิ่นของเขตเขาชิงซานนั้นเอง นายน้อยตระกูลม่อ ม่อฝานหลง
ทันใดนั้น ม่อฝานหลงก็มองไปยังเยี่ยจง จากนั้นก็ยกมือขวาที่สวยงามดั่งหยกออกมา ค่อยๆคลึงและบีบไปที่กระดูกกลมๆทั้งสองลูก ใบหน้าฉาบไปด้วยรอบยิ้มอันเจ้าเล่ห์
“ เหอะ สหายผู้นี้ พวกเราตระกูลม่อกำลังตามหาเจ้าอยู่เลย ตามหาได้อย่างยากลำบากมากนัก คิดไม่ถึงว่าจะพบเจ้าได้ในที่แห่งนี้ ” ม่อ“านหลงยิ้มออกมามองไปทางด้านเยี่ยจง นัยน์ตาทอประกายคมกล้าและดุดันถลึงมองตาใส่ จากนั้นก็ได้ค่อยๆเดินออกมา มุ่งยังบริเวณที่เยี่ยจงยืนอยู่
จากการเคลื่อนไหวของม่อฝานหลง ลูกน้องที่อยู่ด้านหลังของเขานั้นก็ค่อยๆ ออกมา ห้อมล้อมเป็นวงบริเวณที่เยี่ยจงอยู่
เยี่ยจงมองไปยังฉากเบื้องหน้า นัยน์ตาค่อยๆหรี่เล็กลง จากนั้นก็ยิ้มแล้วกล่าวออกมา “ ดูเหมือนว่า นายน้อยม่อคงจะจำคนผิดแล้วละ “
“ เหอะ เหอะ เหอะ จำคนผิดงั้นหรือ ? ไม่น่าจะใช่นะ ? “ ม่อฝานหลงหรี่ตาค่อยๆยิ้มออกมา “ ลูกน้องของข้าหลายคน ถึงแม้จะตายไปก็ถือว่าตายไปอย่างเปล่าประโยชน์ แต่ทว่าลูกน้องคนอื่นนั้น ยังคงมีดวงตาอยู่นะ ในช่วงที่อยู่ที่หน้าประตูเมืองว่าใครเป็นผู้ลงมือ พวกเขานั้นถือว่าเห็นอย่างชัดเจนแน่นอน “
หลังจากฟังม่อฝานหลงกล่าวจบ สายตาของเหล่ายอดยุทธทั่วทั้งสี่ด้านต่างก็สาดประกายคราหนึ่ง ถึงแม้จะพอคาดเดาสถานะของเยี่ยจงได้แล้ว หลังจากนั้นก็ได้ถอยหลบไปด้วยความอยากเห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อด้วยความสนุกสนาน เป็นที่ชัดเจนว่าไม่ต้องการที่จะเข้ามาสอดมือยุ่งเรื่องราวระหว่างตระกูลม่อและเยี่ยจง
เยี่ยจงดูเหมือนจะเริ่มแสดงอาการวอกแวกเล็กน้อย หลังจากนั้นเขาก็ทำท่าคารวะแล้วตอบ “ ที่แท้ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นที่ทางเข้าประตูเมืองนั้นเอง ในตอนนั้นเป็นผู้น้อยเองที่ลงมือไปอย่างประมาท ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ขอให้เห็นแก่ลัทธิแห่งดวงดาว คุณชายม่อสามารถให้โอกาสซักครา ผู้น้อยต้องให้บางอย่างแก่ท่านตอบแทนแน่นอน “
ม่อฝานหลงเงียบงัน จากนั้นก็แสดงอาการวอกแวกเล็กน้อย หากทำตามการตัดสินใจของเขาเมื่อหลายวันก่อนแล้วละก็ ในวันนี้ตนเองจะต้องเป็นผู้สะสางผู้ที่ลงมือต่อลูกน้องของตน มิน่าจะออกมาในลักษณะหารือกันเช่นนี้ แต่ว่า ในเมื่อเยี่ยจงใช้ชื่อเสียงของลัทธิแห่งดวงดาวออกมาบังหน้า ทำให้เขารับรู้ถึงรสชาติของความสนุกในหลายวิธีที่จะมาจัดการ เพื่อที่จะสร้างความอัปยศแก่เหล่าเด็กน้อยที่น่ารังเกียจของลัทธิแห่งดวงดาวเหล่านี้ ทำให้เทียบกับการฆ่าพวกเขายังเพิ่มพูนความสะใจได้มากมาย
“ เหอะ ในเมื่อสหายผู้นี้ให้การยกย่องเช่นนี้แล้ว ผู้น้อย ….. “ ม่อฝานหลงยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมกับโบกมืออกมา ราวกับสั่งการให้คนอื่นๆหยุดเคลื่อนไหว ในตอนที่จะกล่าวต่อนั้นเอง ในเวลาเดียวกันนั้น ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นดุร้าย
“ ซวบ ——”
ในช่วงที่ม่อฝานหลงมีปฏิกิริยาทันท่วงที บนร่างของเยี่ยจงก็ได้แผ่กระจายบรรยากาศบางอย่างออกมา ร่างกายของเขาเคลื่อนไหวราวกับภูตผีไปยังเบื้องหน้าของม่อฝานหลง มือขวาใช้ออกด้วยท่าทิ่มแทง ประกายกระบี่สาดประกายมุ่งตรงไปยังบริเวณคอหอยของม่อฝานหลง
เยี่ยจงเคลื่อนไหวได้รวดเร็วยิ่ง เห็นได้ชัดว่าแม้แต่ม่อฝานหลงก็ยังคิดไม่ถึง เยี่ยจงความจริงจัดการอย่างไร้ที่ติ กล่าวไว้ว่าจะ
แม้ว่า ในวันนี้ม่อฝานหลงจะทำการตรวจสอบบาดแผลของเหล่าลูกน้องไปแล้ว อีกทั้งยังใช้วิชาขั้นสูงในการสำรวจดูเยี่ยจงอย่างละเอียดก็ตาม แต่ว่า การลงมือทีเผลอของเยี่ยจงในวันนี้ ในขณะที่เขาลดการระวังป้องกัน แต่ว่า ก็ยังนึกไม่ถึงว่าเขาจะตัดสินใจออกมาเช่นนี้
“ ถี่ —— ”
ระยะห่างของทั้งสองยิ่งมายิ่งใกล้ เยี่ยจงก็ไม่ได้แสดงถึงความบากลำบากอันใดออกมา ม่อฝานหลงความจริงก็เพราะว่าไร้หนทางถอนหนี เพียงแต่ตัดสินใจใช้มือขวาต้านรับเอาไว้
“ ปุ —— ”
กระบวนท่าของเยี่ยจงนี้ ได้มุ่งเป้าไปยังไหล่ขวาของม่อฝานหลง วินาทีนั้น เลือดก็ได้พุ่งออกมา กระบวนท่าของเยี่ยจงนี้ ได้ฝากรอยแผลลึกที่มีเลือดไหลรินอยู่บนไหล่ขวาอย่างชัดเจน
หลังจากประมือไปแล้วหนึ่งกระบวนแล้ว เยี่ยจงใช้สภาวะของร่างกายถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นสายตาที่มองไปก็ทอประกายประหลาดออกมาหลายส่วน พลังขั้นก่อเกิดขั้นที่หกพลังเสริมกระดูก ม่อฝานหลงผู้นี้ที่แท้เป็นยอดฝีมือที่มีพลังขั้นก่อเกิดขั้นที่หกของพลังเสริมกระดูกแล้ว เจ้าเด็กน้อยผู้นี้ที่แท้เก็บซ่อนพลังฝีมือเอาไว้มิดชิด หากมิใช่เยี่ยจงลงมือปานสายฟ้าแลบ เจ้าเด็กน้อยผู้นี้คงจะไม่โผล่หางออกมาแน่นอน เกรงว่าแม้แต่สายตาอันคมกล้าของเยี่ยจงก็มิอาจจะมองออกพลังฝีมือที่ซ่อนไว้อยู่ได้
และ ในตอนที่ปะทะกัน มือขวาที่กุมกระบี่อยู่ก็เกิดอาการด้านชาขึ้นมา ยอดฝีมือขั้นก่อเกิดขั้นที่หก การฝึกฝนเลือดเนื้อนั้นได้เข้าไปจนถึงกระดูกส่วนในเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากนับพลังฝีมือของตนในตอนนี้ ต่อให้ฝึกปรือวิชากายทิพย์ แปรลมปราณเป็นลมปราณคลุมฟ้า ก็มิอาจที่จะต่อกรกับเขาได้เลย
ม่อฝานหลงผู้นี้ ช่างน่าหวาดหวั่นเสียนี้กระไร
.
.
.
.