ตอนที่ 049 ลงมือสังหาร
เด็กหนุ่มมีรูปร่างสูงยาว ดูๆแล้วมีอยู่หลายส่วนที่ดูผอมซักเล็กน้อย แต่ว่าในขณะที่ค่อยๆก้าวเท้าเดินออกมาในเวลานั้น ก็ได้ยินเสียงร้องเย็นชาดังเฮอะออกมาผ่านลำคอ ทำให้บุคลิกภายนอกของเขาแปรเปลี่ยนเป็นดั่งผู้กุมอำนาจอยู่
ในตอนนี้ มีสายตาไม่น้อยที่กำลังส่งสายตาที่ทอประกายมองไปทางด้านเยี่ยจง นัยน์ตาทอประกายรูปแบบต่างๆนานา
เกี่ยวกับสถานะของเยี่ยจง มีอยู่หลายคนที่พอจะทราบแล้ว เยี่ยจงที่เบื้องหน้าสายตาในตอนนี้ ที่แท้ก็คือเจ้าขยะเยี่ยจงผู้นั้นที่เล่าขานกัน เพียงแต่ว่าไม่มีผู้ใดที่จะทราบได้ว่า ขยะของตระกูลเยี่ยอันอ่อนแอผู้หนึ่งเหตุใดถึงได้แปรเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งได้ขนาดนี้
“ เจ้าเด็กน้อยนี้ “
ซูหยี่จ้องมองไปที่เยี่ยจง ไร้คำพูดจำกล่าว ในที่สุดนางก็ทราบ ถึงสถานะของเยี่ยจง ต่อให้ครอบครองป้ายก่อฟ้า ขึ้นสู่สวรรค์เก้าชั้นคงจะถือว่ามีความยากลำบากอยู่อีกขั้น แต่ทว่านางคงคิดไม่ถึงว่า คนประเภทอย่างเยี่ยจงยังสามารถที่จะแสดงความแข็งแกร่งขึ้นมาได้อีก ราวกับเห็นเงาร่างที่แสดงร้อยก้าวไร้พ่ายออกมาเป็นเงาทับซ้อนกันไม่มีผิด จนทำให้ซูหยี่รู้สึกด่ำดิ่งมองเข้าไปอย่างลืมตัว
“ เจ้าเด็กน้อยที่รนหาที่ตาย “
ม่อฝานหลงมองไปที่เยี่ยจงด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นก็หัวเราะเสียงเย็นชาออกมา จากที่เขามองแล้ว การกระทำเช่นนี้ของเยี่ยจง ก็เหมือนกับส่งลมหนุนช่วยตัวของเขาเอง เมื่อถึงเวลาไม่ทราบว่ามียอดฝีมือมากมายเท่าไหร่ที่สามารถช่วยเขาลงมือ
“ เป็นเด็กน้อยที่น่าสนใจดี ไม่แปลกใจเลยที่เจรียงเล่อพวกเขายังต้องกินแห้วชิ้นใหญ่ภายในน้ำมือของเขา “ หนิงหวีจ้องมองไปทางเยี่ยจง นัยน์ตาทอประกายแปลกพิศดาล
“ นี้ก็คือศิษย์น้องเล็กที่พึ่งเข้ามาใหม่ของพวกเราสินะ ? “ ซร่งเทียนยิ้มออกมา
“ จากที่ดูแล้วคงไม่ผิดพลาดอย่างแน่นอน หลังจากจบเรื่องราวในวันนี้แล้ว วันข้างหน้าลัทธิแห่งดวงดาวของพวกเรา เกรงว่าคงจะครึกครื้นมากขึ้นแล้วละ “ ซ้งเซ้าเฉิงก็หัวเราะออกมาเสียงดัง เยี่ยจงในสถานะลูกศิษย์แห่งลัทธิแห่งดวงดาว โดยส่วนมากพวกเขาก็ถือว่ายอมรับกันแล้ว
“ อายุก็ใช่ว่าจะน้อย คำพูดกลับช่างใหญ่โต “ เหร่ยโหย่วฮูจ้องมองไปทางด้านเยี่ยจง กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มเย็นเยียบ นัยน์ตาที่จ้องมองมาทอประกายเย็นเยียบออกมา
ทว่า สิ่งที่นอกเหนือการคาดเดาของคนเหล่านี้ก็คือ นับตั้งแต่ตอนที่เยี่ยจงเริ่มปรากฏตัว เขาได้ใช้คำพูดที่กล่าวออกมาควบคุมสถานการณ์ไว้แล้วหลายส่วน ท่ามกลางสายตามากมายของเหล่ายอดฝีมือ จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มีผู้ใดเอ่ยปากออกมา แต่ว่าแต่ละคนก็จ้องมองไปที่เขา นัยน์ตาที่ไม่อาจซ่อนเร้นความกลัวไว้ได้ เห็นได้ชัด สิ่งที่เยี่ยจงกระทำไว้ตั้งแต่แรกต่างก็ถูกเผยแพร่ออกมาตั้งแต่แรกแล้ว ยอดฝีมือเหล่านี้มีหรือที่จะคิดว่าตนเองจะสามารถที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเยี่ยจงได้
เพียงแต่ว่า เปรียบเทียบเหล่ายอดฝีมือมากมาย ในตอนนี้ก็มียอดฝีมือกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่บริเวณทางขึ้นของสวรรค์เก้าชั้น นัยน์ตาไม่น้อยที่กำลังทอประกายสายตาเย็นชาออกมา พวกเขาถือว่ามีเรื่องขัดแย้งกับเยี่ยจงอยู่หลายครั้ง จนสามารถรับรู้ได้ว่าเด็กหนุ่มเบื้องหน้าสายตาที่ดูเหมือนจะไม่มีพิษมีภัย แต่กลับไม่ง่ายเลยที่จะต่อกร แน่นอนว่าพวกเขาไม่ต้องการที่จะให้เยี่ยจงขึ้นสู่สวรรค์เก้าชั้นด้วย
เพียงแต่ว่าตัวเยี่ยจงนั้นนับได้ว่ายากที่จะต่อกรด้วยอย่างมาก หรือต่อให้พวกเราลงมือ ภายในใจก็ยังคงมีความหวาดกลัวอยู่มากมายนับไม่ถ้วน
“ เยี่ยจง ป้ายก่อฟ้าในมือเจ้าชิ้นนี้ ความจริงสมควรเป็นของข้าโรงฝึกยุทธ์ชิหวิน ยังคงขอเชิญให้เจ้ามอบออกมาซะเถอะ “
ในทันทีทันใดหลังจากนั้น ภายในลานกว้างก็ได้แผ่เสียงที่มุ่งร้ายออกมา จากนั้นก็พบเหม็งซีแห่งโรงฝึกยุทธ์ชิหวินผู้นั้น ใบหน้าในตอนนี้ขาวซีดกำลังกุมมืออยู่ ที่ด้านหลังมีเงาร่างอยู่ราวๆสิบกว่าคนพุ่งออกมา บนร่างกายของคนเหล่านี้มิได้บาดเจ็บแต่อย่างใด อีกอย่างเห็นได้ชัดว่ายังแข็งแกร่งกว่าเหล่ายอดฝีมือก่อนหน้านี้อยู่ขั้นหนึ่ง
เห็นได้ชัด เหม็งซีมีความแค้นอันลึกล้ำแต่เยี่ยจง ต่อให้เขามีความหวาดกลัวเหลือคณา ในตอนนี้ก็ทำได้เพียงแค่อดทนที่จะไม่ลงมือออกมา
หลังจากที่ฟังเหม็งซีกล่าวจบ ท่ามกลางลานกว้างมีผู้คนไม่น้อยที่สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาด สามารถแย่งชิงสิ่งของกับเหล่ายอดฝีมือแห่งโรงฝึกยุทธ์ชิหวิน พลังฝีมือของเยี่ยจงผู้นี้ก็ถือว่าไม่ธรรมดาแล้ว
หลังจากที่ค่อยๆมองไปรอบหนึ่ง ก็พอดีบรรจบเข้ากับสีหน้าอันเยียบเย็นของเหม็งซี เยี่ยจงก็หัวเราะออกมาแล้วกล่าว “ เหม็งซี หากว่าการสั่งสอนเมื่อครั้งที่แล้วยังไม่เพียงพอแล้วละก็ ข้าก็จะสั่งสอนเจ้าเพิ่มให้อีกซักครา เพียงแต่ว่า ในครั้งนี้ข้าคงจะไม่หยั่งมือไว้ไมตรีแล้วนะ “
ได้ยินเสียงพูดอันแหลมคมของเยี่ยจง มีผู้คนไม่น้อยที่จ้องมองไปยังโรงฝึกยุทธ์ชิหวินที่ยังไม่ได้ออกหน้าเรื่องที่คนของคนพ่ายแพ้ไป อีกทั้งยังคอยมองว่าพวกเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไรออกมา มีคนไม่น้อยที่ภายในใจร่ำร้องอย่างหวาดกลัว หรือเป็นเพราะว่า ผู้บาดเจ็บเหล่านี้ของโรงฝึกยุทธ์ชิหวิน ทั้งหมดต่างก็เป็นการลงมือของเยี่ยจงหรือ ?
และในบริเวณที่ตระกูลเยี่ยอยู่ ใบหน้าของเหล่ายอดฝีมือตระกูลเยี่ยแต่ละคนในตอนนี้ต่างอยู่ในสีหน้ามืดมนสุดเปรียบปาน บทลงโทษที่คล้ายกับการสั่งสอนพวกเขาก็เคยโดนมก่อน อีกทั้งจำนวนคนของพวกเขายังมีไม่เท่าคนแห่งโรงฝึกยุทธ์ชิหวินด้วย อีกทั้งแต่ละคนต่างก็ยังบาดเจ็บอยู่
จากนั้นเยี่ยจงก็ตกเป็นเป้าสายตาของคนในกลุ่มของเหล่ายอดฝีมือตระกูลซู นัยน์ตาทอประกายดุดันออกมาสายหนึ่ง นามขยะเยี่ยจง พวกเขาได้ยินมาอย่างช้านาน แต่ก็คิดไม่ถึงว่า หลังจากที่มาถึงยังอารามก่อฟ้าในตำนานแห่งนี้แล้ว เจ้าขยะที่ล้ำลือกันจะแปรเปลี่ยนจนกลายเป็นคนละคนเช่นนี้ นี้เป็นสิ่งที่พวกเขายากที่จะเชื่อได้
และเหล่าลูกน้องของคุณชายคงฮู่เหล่านั้น ในตอนนี้แต่ละคนต่างแสดงสีหน้าแปลกประหลาด นั้นก็เพราะว่าเมื่อวันก่อนเจ้าเด็กน้อยผู้นี้พวกเขายังได้ยินคำลำลือมา นี้มิใช่เรื่องล้อเล่น ? ความจริงแล้วในด้านกำลังพลพวกเขาถือว่าแข็งแกร่งกว่าโรงฝึกยุทธ์ชิหวินอยู่หลายส่วน แต่ว่าถ้าหากโรงฝึกยุทธ์ชิหวินยังพลาดท่าอย่างใหญ่หลวงภายใต้น้ำมือของเขาได้แล้วละก็ ถ้าเช่นนั้นก็เกรงว่าพวกเขาเหล่านี้ ก็คงจะมาถึงทางตันแล้ว
“ เยี่ยจง ครั้งนี้มันจะไม่เหมือนเมื่อวันก่อน หากเจ้าไม่นำป้ายก่อฟ้ามอบออกมา ก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ “เหม็งซีมองไปทางด้านบริเวณที่สวรรค์เก้าชั้นอยู่คราหนึ่ง ค่อยมองไปทางด้านหนิงหวีที่ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงสีหน้าแต่อย่างใด เขาเพียงแต่แย้มยิ้มออกมาคำหนึ่ง ใบหน้าบ่งบอกได้ถึงความอันตรายเอ่ยปากออกมา
“ เตรียมค่ายกล “
“ ขอรับ “
ในเวลาเดียวกันเหม็งซีก็ร้องเฮอะดังออกมา ผู้ที่มีความแข็งแกร่งของโรงฝึกยุทธ์ชิหวินแต่ละคนค่อยๆขานรับทีละคน และหลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่ได้มุ่งตรงไปยังจุดที่เยี่ยจงอยู่ แต่กลับรวมกลุ่มแผ่ประกายไฟกันออกมา บรรยากาศประหลาดสายหนึ่งได้แผ่ออกมาในเวลาเดียวกันออกมาจากลมปราณที่กระจายกันออกมาของพวกเขา อีกทั้งยังการเคลื่อนไหวของพวกเขา ราวกับกำลังรวมพลังลมปราณเข้าสู่ตัวเหม็งซีก็มิปาน
“ ค่ายกลหรือ ? “
เยี่ยจงมองไปยังฉากเบื้องหน้า นัยน์ตาปกคลุมไปด้วยความประหลาดอยู่ชั้นหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าโรงฝึกยุทธ์ชิหวินอันอ่อนแอแห่งนี้ จะสามารถใช้ออกด้วยค่ายกลออกมาได้ ถึงแม้ว่าค่ายกลนี้มองแล้วจะมีอยู่หลายส่วยที่ไม่ต่อเนื่องกัน แต่ว่าถ้ามองกันตามจริงแล้วละก็ ก็ยังถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว
“ เพล้ง เพล้ง เพล้ง “
บรรยากาศแปลกประหลาดของการรวมรั้งพลังแผ่ออกมา พลังลมปราณของเหม็งซวีในตอนนี้ก็เพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ ในเวลาต่อมา พลังฝีมือของเขาดูเหมือนว่าจะมากเกินกว่าขั้นก่อเกิดขั้นที่สี่ไปแล้ว อาจจะเข้าสู่ขั้นที่ห้าเลยก็ได้ พลังลมปราณที่แผ่ออกมา ในตอนนี้มีความคมจนสามารถตัดผ่านกระดูกได้เลย
“ พลังตัดผ่านความชั่วทมิฬ “
ใบหน้าเหม็งซวีแฝงไว้ด้วยความเยียบเย็น ใช้พลังฝ่ามือด้วยมือขวา จากนั้นก็ขยับร่างคราหนึ่ง ฝ่ามือก็มุ่งตรงเข้าตัดฝ่าบริเวณที่เยี่ยจงยืนอยู่ จากการเคลื่อนไหวของเขา วินาทีนั้นดาบยาวลายพยัคฆ์หมึกดำปรากฏอยู่บนมือของเขา จนทำให้กระบวนนี้ของเขา แปรเปลี่ยนเป็นร้ายกาจขึ้นมาอย่างไร้ที่เปรียบ
เห็นได้ชัด กระบวนท่านี้เป็นพลังของเหล่ายอดฝีมือมากมายรวมไว้ที่เหม็งซี ดังนั้นความน่ากลัวของกระบวนท่านี้ถือได้ว่าแข็งแกร่งอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าเขาก็รู้ดีแก่ใจว่าเยี่ยจงรับมือยากแค่ไหน ดังนั้นจึงลงมืออย่างไม่ยั้งมือไว้ เพียงแค่ลงมือครั้งเดียวก็ใช้กระบวนท่าที่หมายเอาชีวิต เยี่ยจงต้องถูกฟันขาดตายภายใต้กระบวนท่านี้ให้จงได้
พลังระเบิดที่สามารถตัดอากาศส่งเสียงดังออกมา จนทำให้ยอดฝีมือทั่วทั้งสี่ทิศมีสีหน้าตกตะลึง โรงฝึกยุทธ์ชิหวินแม้จะเป็นหนึ่งในสองโรงฝึกยุทธ์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งรัฐต้าโจวหวังเฉาก็ตาม มรดกประเภทนี้ เทียบกับผู้ฝึกยุทธ์โดยทั่วไปแล้ว เกรงว่า ต่อให้เมื่อครู่ที่ม่อฝานหลงเผชิญหน้ากับเยี่ยจงท่ามกลางสภาพใต้สายลม คงจะต้องส่งผลเสียไปไม่น้อยอย่างแน่นอน
“ เยี่ยจง วันนี้ไม่ว่าจะเป็นใต้ฟ้าบนดินแห่งนี้ก็ไม่มีผู้ใดสามารถช่วยเจ้าได้แล้ว “ สีหน้าเหม็งซวีแสดงถึงความดุร้าย ร่างกายเคลื่อนไหวราวกับสายฟ้าออกไป การเคลื่อนไหวของเขานั้น ได้ส่งเสียงแหลมเล็กไม่ขาดสายออกมา
“ ก็น่าสนใจดีนิ “
เผชิญหน้ากับการโจมตีเช่นนี้ของเหม็งซวี นัยน์ตาของเยี่ยจงก็ขยายใหญ่ขึ้นคราหนึ่ง และจากนั้นก็พบว่าเขาขยับแขนขาคราหนึ่ง พลังภายในกระบี่หกสุสานก็เคลื่อนไหวในทันที และในเวลาเดียวกัน ตราประทับกระบี่สายหนึ่ง ก็เริ่มที่จะหลอมเข้ากับพลังหมัดเพื่อเพิ่มพลังมากยิ่งขึ้น จนกระทั่งมิใช่พลังอันน่ากลัวอย่างที่เหม็งซวีคิดเอาไว้เช่นนั้นแล้ว แต่ว่าถือได้ว่าเป็นสิ่งที่รวมตัวกันของพลังอันน่าหวาดกลัวเอาไว้
“ กระบี่ตราประทับอาชูร่า “
ในเวลาต่อมา เยี่ยจงแสดงสีหน้าเย็นชา และจากนั้นก็สะบัดแขนขวาคราหนึ่ง พลังหมัดของเขาก็ปะทะกับการโจมตีอันน่ากลัวของเหม็งซวี แตกระเบิดออกมาโดยตรง จากนั้นภายใต้สายตาที่จ้องมองมานับไม่ถ้วน และการปะทะของพลังโจมตีอันน่าหวาดกลัวของเหม็งซวี
“ ก๊ง “
เสียงดังสะท้านแทบพลิกเมฆาได้เลย ดังออกมาจากทางใจกลางของลานกว้างในตอนนี้ และในทันทีหลังจากแรงลมจากการระเบิดออกไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้านเป็นควันแผ่ออกไป และการปะทะกันทั้งสองกระบวนท่านี้ อีกฝ่ายในตอนนี้ก็เหมือนกันแบกหินใหญ่ด้วยความลำบาก เหมือนกับมีใยแมงมุมแผ่ปกคลุมโดยรอบออกมาก็มิปาน
“ เปรี้ยง ปัง “
จนมุม ทว่าหลังจากจากนั้นต่อมา ในเวลาไม่นานนัก บนแขนของเหม็งซวีก็ได้ปรากฏดาบดำทมิฬแตกร้าวในทันที และหลังจากแขนของเขาได้เข้าหาหมัดของเยี่ยจงไปแล้ว เหมือนกับชาด้านและเหน็บชาขึ้นมาก็มิปาน นับตั้งแต่ที่พลังหมัดของเยี่ยจงเข้ามาปะทะที่บริเวณหน้าอกท้อง บนหน้าอกของเขาก็ได้ยุบตัวลงไปในทันที ร่างกายขยับถอยไปทางด้านหลังอย่างยากลำบาก
“ ปุ๊ง ชิ้ง “
เมื่อร่างกายร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน เหม็งซวีก็กระอักเลือดคำหนึ่งออกมา ในเลือดสีสดนี้ได้ประกอบไปด้วยเศษเนื้อด้วย เห็นได้ชัดว่าในครั้งนี้ เหม็งซวีคงได้รับบาดเจ็บภายในอย่างสาหัสแล้ว
“ ปุ๊ง ชิ้ง ปุ๊ง ชิ้ง “
ทางด้านหลังของเขา ที่ตรงค่ายกลของเหล่ายอดฝีมือของโรงฝึกยุทธ์ชิหวินร่างของแต่ละคนต่างก็กระตุกคราหนึ่ง กระอักเลือดสดๆออกมาจากปาก สูญสิ้นเรี่ยวแรงที่จะต่อสู้ในทันที
“ ชิร์ “
จากที่มองดูฉากเบื้องหน้า มียอดฝีมือไม่น้อยที่กรอกตาไปมาและถอนหายใจคำหนึ่ง นัยน์ตาปรากฏอาการตกตะลึง เหม็งซวีผู้นี้ความจริงเมื่อครู่สมควรที่จะมีพลังอยู่ในขั้นก่อเกิดขั้นที่ห้าแล้ว และพลังฝีมือเช่นนี้ ยังคงพ่ายแพ้อีกงั้นหรือ ?
มองไปทางด้านเยี่ยจง มีอยู่หลายคนที่มองไม่ออกว่าที่แท้เกิดอันใดขึ้นมา
เพียงหมัดเดียวเยี่ยจงก็ทำให้เหม็งซวีถอยไปได้ อีกทั้งใบหน้ายังไม่มีอาการเปลี่ยนแปลงใดๆ เขาเพียงแค่ขยับมือคราหนึ่ง กระบี่เงินยาวก็ปรากฏอยู่บนมือของเขา
“ เยี่ยจง เจ้า —- “
สีหน้าเหม็งซีแปรเปลี่ยน อ้าปากตาค้าง
หนิงหยี่ที่อยู่ในลักษณะนิ่งเงียบไม่สนใจมาตั้งแต่เริ่ม ในตอนนี้กลับต้องลุกขึ้นยืนในทันที
“ ปุ่ “
ในตอนที่ทุกผู้คนยังไม่มีปฏิกิริยากลับมา เยี่ยจงก็ได้คว้ามือออกไป ในมือปรากฏกระบี่ออกมา พุ่งทะลุทะลวงไปทางด้านหน้าอกของเหม็งซี เหม็งซียากที่จะเชื่อในสิ่งที่เห็น บริเวณลำคอของเขาเพียงส่งเสียง “อูอู” ดังออกมา หลังจากนั้น ก็ล้มลงสู่พื้นทางด้านหน้า
การลงมือสังหาร ในที่สุดหลังจากที่เยี่ยจงลงมือสังหารก็ประสบผลสำเร็จ การลงมือเช่นนี้ การเตรียมใจเช่นนี้ ทำให้เหล่ายอดฝีมือไม่น้อยต่างก็ตกอยู่อาการตกใจ ความจริงคิดที่จะเคลื่อนไหวในคราแรก ต่างก็เงียบสงบลงในทันที เด็กหนุ่มเบื้องหน้าสายตา ไม่มีแม้แต่ความเมตตาในตอนที่ลงมือเลย
.
.
.
.