ตอนที่ 051 อันดับทั้งเก้าคน
เยี่ยจงแสยะยิ้มอย่างเย็นชาออกมา เผชิญหน้าการโจมตีอันน่าหวาดกลัวของเยี่ยยีหยิน มือขวาของเขาเคลื่อนไหวรวดเร็วปานสายฟ้าก็มิปาน เพลงกระบี่ตราประทับสี่ขั้นได้ถูกรีดเร้นออกมาตัดผ่านสายลมอย่างน่าหวาดกลัว และจากนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังเข้าปะทะกับไม้ท่อนนั้นดังออกมา
เมื่อมองไปทางด้านท่อนไม้นั้นแล้ว ในเวลากระชั้นชิดเช่นนี้ และจากนั้นก็ได้ยินเสียงดังเปรี้ยงประทบออกมาดังสนั่นหวั่นไหว
ในตอนที่กระทบกับกระบวนท่านี้ของเยี่ยยีหยิน หมัดของเยี่ยจงก็ไม่มีความลังเลแต่อย่างไร เพียงแต่ใช้ออกโดยทันที จากนั้นก็ประทับเข้ากับบริเวณหน้าอกของเยี่ยยีหยิน
“ สวบ ฉึก “
พลังของเยี่ยยีหยิน โล่ป้องกันอันสุดท้ายแตกซ่านไปในทันที และเสื้อผ้าที่อยู่บนหน้าอกถูกเผาไหม้ในทันที ทันใดนั้นก็กระเด็นลอยไปทางด้านหลังล้มลงไป หลังจากที่ทิ้งตัวลงบนพื้นแล้ว ก็เป็นเหมือนกับบอลหนังลอยออกไปก็มิปาน ท้ายที่สุดก็พุ่งเข้าชนเข้ากับทางด้านแท่นหินก้อนหนึ่ง ต่อมาถึงค่อยสามารถพ่นเลือดที่ช้ำในออกมาได้
ได้แต่เหม่อมองดูกระบวนท่าที่พึ่งผ่านพ้นไปเพียงกระบวนท่าเดียว เหล่ายอดฝีมือตระกูลเยี่ยก็ต้องแพ้อย่างหมดรูป ยังมีที่พ่ายอย่างสิ้นท่าอย่างเยี่ยยีหยิน ทั่วทั้งลานกว้างในขณะนี้ได้ตกอยู่ในความโกลาหลขึ้นมา นัยน์ตาของแต่ละคนที่มองไปต่างก็เต็มไปด้วยความไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น กระทั่งพวกเขาก็คิดว่า เยี่ยยีหยินไม่สามารถที่จะหาวิธีเอาชนะเยี่ยจงลงได้ แต่ว่าสิ่งที่พวกเขาคิดว่าถึงก็คือ เยี่ยจงยังมีท่าทีที่มีความแข็งแกร่งมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด เก็บกวาดเหล่ายอดฝีมือตระกูลเยี่ย เยี่ยยีหยินพ่ายแพ้
“ เป็นไปได้อย่างไร ? “
ด้านบนสวรรค์เก้าชั้น บุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างม่อฝานหลงก็ยังต้องกรอกตาไปมา ให้ความรู้สึกราวกับจะมีน้ำตาซึมออกมา ความแข็งแกร่งของเยี่ยจง ความจริงนั้นมีมากเกินกว่าหลายส่วนที่เขาคาดเดาเอาไว้ เยี่ยยีหยินผู้นั้นก็มิใช่จะมีฝีมืออ่อนแอแต่อย่างไร พลังฝีมือขั้นก่อเกิดขั้นที่ห้าอย่างแท้จริง ต้องมาพ่ายแพ้อย่างอนาถเช่นนี้ได้อย่างไร ?
“ เขาที่แท้ฝึกฝนพลังลมปราณอันใดกันแน่ ? “ ซ่งเซ้าเฉิงและซร่งเทียนศิษย์สายในของลัทธิแห่งดวงดาวทั้งสองคน ในตอนนี้สายตาเต็มไปด้วยอาการตกตะลึง เรื่องราวเกี่ยวกับเยี่ยจงนั้นพวกเขานั้นถือว่าไม่ทราบเลยก็ได้ แต่ว่าอย่างน้อยก็ยังสามารถที่จะมองออกได้ ว่าวิชาที่เยี่ยจงฝึกฝนนั้นมิใช่วิชาลมปราณของลัทธิแห่งดวงดาวเลย และเกรงว่าอาจจะเป็นวิชาลมปราณระดับสูงเลยทีเดียว
รับรู้ได้ถึงสายตาส่องประกายที่เต็มไปด้วยความที่ไม่เชื่อในสิ่งที่เห็นในทั่วทั้งสี่ทิศแปดทาง สีหน้าของเยี่ยจงยังคงเงียบสงบดุจเดิม เขาจ้องมองไปอย่างเย็นชาที่ตอนนี้เยี่ยยีหยินกำลังกระอักเลือดอยู่ ในเวลาต่อมา ร่างกายก็ขยับคราหนึ่ง ก็ได้ขยับเข้าไปหา เห็นได้ชัดว่าเขาเตรียมพร้อมที่จะสังหารเยี่ยยีหยินผู้นี้ให้ตายคามือให้จงได้
ความเคลื่อนไหวของเยี่ยจง ทำให้เหล่ายอดฝีมือตระกูลเยี่ยที่ความจริงแล้วแต่ละคนแพ้แตกพ่ายจนไม่เป็นท่าจนแต่ละคนแสดงอาการหวาดกลัวแล้วหวาดกลัวอีก และเยี่ยยีหยินนั้นก็อยู่ในอาการตกใจจนใบหน้าซีดขาวราวกระดาษ และในครั้งนี้ เหล่ายอดฝีมือตระกูลเยี่ยที่แพ้แตกพ่ายจนไม่เป็นท่าจนแต่ละคนต้องกัดฟันกำมือขึ้นมา พุ่งเข้าหาเยี่ยจงหมายจะสังหาร เป็นที่แน่นอนว่าพวกเขาไม่สามารถที่จะยืนมองเยี่ยจงสังหารเยี่ยยีหยินอย่างเฉยๆได้
“ เพล้ง เพล้ง เพล้ง “
ทว่า เหล่ายอดฝีมือเหล่านี้ก็ไม่เหมือนดังทหารเต็มร้อยอยู่แล้ว การพ่ายในครั้งนี้ถือว่ารวดเร็วอย่างยิ่ง เพียงได้ยินเสียงฟ้าลั่นดังไม่กี่ครา แต่ว่าการลงมือครั้งนี้ของเยี่ยจงมิได้ไว้ไมตรี เป็นที่ชัดเจนว่าเตรียมใจที่จะสังหารแล้ว วินาทีต่อมายอดฝีมือตระกูลเยี่ยไม่น้อยก็ถูกตัดเอ็นมือเอ็นเท้า และยังมีอีกส่วนหนึ่งที่กระเด็นจนกระอักเลือดออก ร่วงลงสู่พื้อนในเวลาต่อมา เหลือไว้เพียงลมหายใจออกมิอาจมีลมหายใจเข้า
เยี่ยจงในครั้งนี้ ยังคงไร้ผู้ต้านอยู่
หลังจากที่จัดการกับเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้แล้ว ร่างของเยี่ยจงก็ถูกเยี่ยยีหยินจ้องมองด้วยอาการหวาดกลัวอย่างไม่ลดละ การปรากฏตัวอยู่บริเวณต่อหน้าเขา และจากนั้นก็ใช้มือคว้าไปที่ลำคอของเยี่ยยีหยิน แล้วก็ค่อยๆยกขึ้นสูงขึ้นมา
สีหน้าได้เปลี่ยนเป็นแดงเข้มจ้องมองมา เยี่ยยีหยินพยายามขัดขืนการจับไม่ปล่อยของเยี่ยจง ทั่วทั้งลานกว้างก็เปลี่ยนเป็นเงียบเชียบไร้เสียงไปในทันที ความตื่นตกใจสายแล้วสายเล่าได้ปรากฏสู่สายตา เมื่อในช่วงเวลที่มองไปที่ร่างกายของเยี่ยจง ดวงตาของเขาก็กรอกไปมา
เยี่ยจงสีหน้าสงบนิ่ง กวาดสายตามองไปทั่วทั้งสี่ทิศรอบหนึ่ง แล้วกล่าวเสียงดังกังวานออกมา “ ตอนนี้ข้าจะเข้าร่วมสวรรค์เก้าชั้นแล้ว น่าจะไม่มีผู้ใดมีความเห็นเป็นอื่นแล้วใช่หรือไม่ ? “
เสียงของชายหนุ่มค่อยๆดังออกไปเรื่อยๆ แต่ว่าท่ามกลางลานกว้างอันเงียบเชียบในตอนนี้ที่แม้แต่เสียงของเข็มตกสู่พื้นก็ยังได้ยิน ผู้คนทั้งหมดต่างก็หยุดหายใจ ไม่กล้าที่จะทำอันใดออกมา
เจ้าเด็กน้อยนี้เผชิญหน้ากับคนของตระกูลเยี่ย แล้วยังการลงมือที่อำมหิตเช่นนี้ ยอดฝีมือผู้อื่นหากไม่มองการลงมือของเขาแล้วละก็ เกรงว่ารายต่อไปที่จะโดนคงจะย่ำแย่กว่าตระกูลเยี่ยนี้เสียอีก ?
เมื่อพบทั่วทั้งสี่ด้านไม่มียอดฝีมือมีใดเข้ามาห้ามปราม เยี่ยจงก็ยิ้มออกมาคราหนึ่ง และจากนั้นก็ออกมาในมือ ในตอนที่เยี่ยยีหยินกำลังทอประกายตาด้วยความไม่เชื่ออยู่ ก็สะบัดไปที่คอหอยจนขาด จากนั้นแล้วก็ทิ้งศพที่ยังคงลืมตาอยู่ของเยี่ยยีหยินลงบนพื้น เยี่ยจงค่อยยิ้มออกมาอีกครา จากนั้นก็ค่อยๆเดินร่นระยะห่างเข้าใกล้บริเวณของขั้นสวรรค์เข้าไป และจากนั้นก็ได้ค่อยๆนั่งลง
“ ก๊ง “
ป้ายก่อฟ้าในมือของเยี่ยจงได้ค่อยๆทอแสงสว่างขึ้น ป้ายก่อฟ้าก็ได้มาลอยอยู่ตรงบริเวณเหนือศีรษะของเขา อีกทั้งในเวลานี้ยังมีแสงสีทองกลุ่มนี้ส่องสว่างรวมตัวกัน ความแปลกประหลาดของฉากเบื้องหน้านี้ช่างมีมากมายนัก ในตอนนี้ ราวกับมีกลิ่นอายโบราณตามติดอยู่ตามตัวของเยี่ยจงก็มิปาน
“ เยี่ยจง ไม่ว่าเขาจะยังไงก็ตาม ยังไงก็ยังแซ่เยี่ยนะ “ เยี่ยยีเฮ้าตอนนี้สีหน้าปั้นยากจนถึงขีดสุด สายตาเบืองตามองไปที่พี่น้องร่วมสำนักของตนเองที่แตกไม่เป็นท่า และเยี่ยยีหยินก็ได้ถูกสังหารในทันที กระทั่งเขาก็ไม่มีความกล้าพอที่จะลงมือ จนทำให้ใบหน้าของเขาในตอนนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มขึ้นมา
มิใช่ว่าเขาไม่อยากที่จะลงมือ และเขาเองก็เข้าใจดี ต่อให้เป็นเขาลงมือด้วยตนเองแล้วละก็ ในตอนนี้ก็ใช่ว่าจะดีไปกว่าเยี่ยยีหยินซักเท่าไหร่
“ ดูเหมือนว่า ตำแหน่งหนึ่งในสวรรค์เก้าชั้น เจ้าคงไม่อยากได้แล้วกระมั่ง ? “ เยี่ยจงเงยหน้าขึ้น จ้องมองไปยังเยี่ยยีเฮ้า “ หากว่าเจ้าไม่ต้องการแล้วละก็ ท่ามกลางแห่งนี้ยังมียอดฝีมือมากมายต้องการใช่หรือไม่ ? ส่งมอบสิ่งของออกมา ข้าก็จะไม่ฆ่าเจ้า “
“ เจ้า “
ได้ยินเสียงกล่าวอันเย็นชาของเยี่ยจงแล้ว สีหน้าของเยี่ยยีหยินก็แปรเปลี่ยนคราหนึ่ง อีกเพียงนิดเดียวก็จะกระอักเลือดออกมาอีกคำหนึ่ง
“ เจ้าควรจะทราบดี หากว่าเจ้าทราบในความหมายแฝงในคำพูด เหตุใดในตอนนี้ข้ายังไม่ลงมือออกไป แต่ว่าเมื่อถึงเวลาต้องเข้าสู่ประตูก่อฟ้าหลังจากนั้น หากว่าข้าจะฆ่าเจ้าเหมือนเชือดไก่ให้ลิงดูเล่า “ เสียงดังก้องออกมา เยี่ยจงในตอนนี้ได้หลับตาลง แล้วก็มิได้มองดูเยี่ยยีเฮ้าแม้แต่หางตา
เมื่อตอนที่กล่าวจบ เยี่ยยีเฮ้าสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นขาวซีดทันที ในตอนนี้เยี่ยยีหยินถูกสังหารไปแล้ว ยอดฝีมือทั้งหมดของตระกูลเยี่ยต่างก็ไม่สามารถที่จะต่อสู้ต่อได้ ยังแถมด้วยการคุกคามของเยี่ยจง เหล่ายอดฝีมือที่ไม่มีป้ายก่อฟ้า ต่างก็หันมาจ้องมองมาที่เยี่ยยีเฮ้าด้วยสายตากระหาย
เห็นได้ชัด ในสถานการณ์เช่นนี้ การเก็บรักษาป้ายก่อฟ้านั้นช่างยากเย็น อีกทั้งต่อให้เก็บรักษาไว้ได้ เยี่ยยีเฮ้าก็ไม่คิดว่า เมื่อเข้าไปสถานที่ในตำนานแล้ว เยี่ยจงจะปล่อยปละละเว้นตนเอง
ยอดฝีมือทั่วทั้งสี่ด้านเมื่อได้ยินเยี่ยจงกล่าวเช่นนี้ มีผู้คนไม่น้อยที่สีหน้าเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาดขึ้นมา และจ้องมองไปทางด้านเยี่ยยีเฮ้า แล้วก็ยิ่งแปรเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาดยิ่งกว่าเดิมอยู่หลายตัว
ราวกับถูกจ้องมองจนติดผนัง เยี่ยยีเฮ้าในตอนนี้ไม่เพียงแต่ถูกพลักดันเท่านั้น อีกทั้งยังครอบครองป้ายก่อฟ้าอยู่ เหล่าผู้ที่ไม่มีป้ายก่อฟ้า ไม่ถามหาจากเขาแล้ว จะไปถามหาจากผู้ใดเล่า ?
“ เหอะ เหอะ เหอะ ที่แท้นายน้อยเยี่ยก็มีความหมายแฝงไว้เช่นนี้นี้เอง ดูเหมือนว่า พวกเราลงมือแย่งชิงป้ายก่อฟ้าไปก็มิใช่มิได้สินะ ? “
“ นายน้อยเยี่ยยีเฮ้า ต้องขออภัยไว้ด้วย จะโทษก็โทษที่ตัวท่านเองในตอนนี้มีป้ายก่อฟ้าอยู่ก็แล้วกัน “
ในตอนนี้ มียอดฝีมือไม่น้อยที่แสดงสีหน้าประหลาดค่อยๆก้าวเท้าเดินออกมา แต่ละคนจ้องมองไปบนร่างของเยี่ยยีเฮ้า สีหน้านั้นเต็มไปด้วยความโลภ เห็นได้ชัด การมีป้ายก่อฟ้าของเยี่ยยีเฮ้าในตอนนี้ คือสิ่งที่น่าสนใจที่สุดสำหรับพวกเขาเหล่านี้แล้ว
“ พี่ซูเซวียน “ เยี่ยยีเฮ้าแสดงใบหน้าปั้นยาก หันหน้าไปมองซูเซวียนคราหนึ่ง
ซูเซวียนใบหน้าเย็นเยียบ จากนั้นก็ค่อยๆส่ายหัว เห็นได้ชัด ต่อให้เขาและเยี่ยยีเฮ้ามีความสัมพันธ์กัน ในตอนนี้เขาก็ไม่อยากที่จะลงมือบีบบังคับ แต่การกระทำเหล่านี้เป็นเหมือนการกระตุ้นเหล่ายอดฝีมือเริ่มรวมตัวกันเคลื่อนไหว เช่นนั้นแล้วละก็ ไม่แน่ว่าเขาซูเซนรก็อาจจะสูญเสียตำแหน่งในการเป็นผู้มีคุณสมบัติขึ้นสู่สวรรค์เก้าชั้นได้
ฉากเบื้องหน้า ได้ทำให้สีหน้าของเยี่ยยีเฮ้าเปลี่ยนเป็นปั้นยากขึ้นมาในทันที เขามองอย่างอาฆาตไปทางด้านเยี่ยจง หลังจากนั้นทันที ก็ได้กัดฟันพลิกมือคราหนึ่ง ป้ายก่อฟ้าก็ได้ปรากฏขึ้นบนมือ และจากนั้นเขาก็โยนมันออกไป ป้ายก่อฟ้าร่วงหล่นลงสู่ด้านหน้าของกลุ่มยอดฝีมือ
ในเมื่อเยี่ยยีเฮ้าส่งมอบป้ายก่อฟ้าออกไปแล้ว ยอดฝีมือที่โลภมากภายในลานกว้าง ในตอนนี้ก็ราวกับระเบิดความดุร้ายจนถึงขีดสุดจนถึงขั้นลงมือกัน ดังนั้นยอดฝีมือทั้งหมดต่างก็ทราบว่า ในมือในมือของซูเซวียนยังมีป้ายก่อฟ้าอีกชิ้นแล้วละก็ แต่ว่าป้ายก่อฟ้าชิ้นนั้นความจริงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเขาแล้ว ที่พวกเขาต้องการป้ายก่อฟ้าก็คือ การเข้าร่วมสวรรค์เก้าชั้น ขอเพียงตอนนี้ยังพอมีโอกาสหนึ่งส่วนก็ยังดี
ดังนั้น นับตั้งแต่ที่ผ่านการประมือมาแล้วครั้งแล้ว ป้ายก่อฟ้าชิ้นนี้ก็ได้ตกอยู่ในมือของยอดฝีมือที่เป็นเหมือนม้ามืดผู้นี้ และหลังจากที่เขาเริ่มที่จะเข้าเป็นอันดับที่แปด
พบว่าในตอนนี้มีคนเข้ามาทั้งทั้งแปดคนแล้ว บนลานกว้างก็ส่งเสียงออกมาสายหนึ่ง จากนั้น ในตอนที่ทุกผู้คนกำลังมองอยู่ ซูเซวียนก็ได้เดินออกมา เขามีสีหน้าที่ไร้อารมณ์เดินไปยังจุดขึ้นขั้นสวรรค์อันสุดท้าย ด้วยใบหน้าเยียบเย็น
เมื่อมาถึงขั้นนี้ สวรรค์เก้าชั้นก็มีผู้เข้าร่วมครบทุกตำแหน่งแล้ว นอกเสียจากเยี่ยยีเฮ้าที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันจะมิอาจเข้าร่วมสวรรค์เก้าชั้นได้ ส่วนบุคคลอื่นๆนั้น แต่ก็มีผู้คนกำลังเฝ้ารออยู่มากมาย ต่างก็บ่งบอกลักษณะของคนได้
และจากที่มองดูเงาร่างทั้งเก้าที่เข้าร่วมสวรรค์เก้าชั้นแล้ว สายตาของเหล่ายอดฝีมือที่มองมาก็รู้สึกโล่งอก ไม่ว่าจะมองอย่างไร ถ้าต้องการที่จะเข้าร่วมสวรรค์เก้าชั้นนั้นถือได้ว่าไม่ง่ายดายเลย
และที่ผู้เข้าร่วมสวรรค์เก้าชั้นทั้งเก้าคน ขณะนี้สามารถที่จะเข้าสู่ประตูก่อฟ้าแล้ว เข้าสู่สถานที่ในตำนาน เพียงแต่ว่า สถานท่ามกลางในตำนานนี้ คัมภีร์มีเพียงหนึ่งเล่มเท่านั้น เมื่อถึงเวลานั้นแล้วละก็ เกรงว่าเด็กน้อยเหล่านี้ยังมีความคิดที่ไม่หยุดยั้งที่จะแย่งชิง เมื่อถึงเวลานั้นแล้วละก็ ผู้ใดที่สามารถนำออกมาแล้ว ในตอนท้ายเมื่อได้รับคัมภีร์อารามก่อฟ้าในตำนานแล้ว ต่อมาคงเป็นเรื่องราวที่ยากที่จะจัดการได้
ตำแหน่งสวรรค์เก้าชั้นต่างก็มีผู้ครอบครองแล้ว หากว่าหลังจากเวลาล่วงเลยไปหนึ่งก้านธูปแล้ว ก็พบว่าทันใดนั้นประตูก่อฟ้าก็ได้เปิดขึ้นมาอีกครั้งอย่างเงียบๆ แสงสว่างแต่ละสายส่องสว่างออกมาประทับ รวมไปถึงเส้นทางทั้งเก้าสายของสวรรค์เก้าชั้นที่จนถึงบริเวณปลายทาง
ตอนนี้ บริเวณจุดเริ่มต้นของสวรรค์เก้าชั้น ก็ได้ปรากฏแสงสว่างส่องออกมาเป็นสายสู่บริเวณของขั้นบันได และจากนั้นก็ได้เริ่มที่จะรวมตัวกัน รวมเป็นจุดๆเดียวไว้ที่ด้านในของประตูก่อฟ้าแล้ว
เมื่อมองไปยังฉากเบื้องหน้า ทั้งเก้าคนที่ยืนอยู่ในเวลาเดียวกันนี้ นอกเสียจากเยี่ยจงแล้ว ที่เหลือทั้งแปดคนนัยน์ตาต่างก็เปลี่ยนเป็นร้อนแรงไร้ที่เปรียบ และจากนั้นแต่ละคนก็เตรียมที่จะเคลื่อนไหวในทันที ทันใดนั้นมันเริ่มที่จะเข้าสู่ทางเข้าของประตูก่อฟ้า ทางเดินมีเพียงพอแค่คนเพียงคนเดียวเดินได้ อีกทั้งแสงสว่างในตอนนี้แรกก็ได้หายไปในทันที แตกต่างจากที่พวกเขาเคยคาดคิดเอาไว้
ยอดฝีมือทั่วทั้งสี่ทิศมองไปยังฉากเบื้องหน้า ต่างก็ถอนหายใจเป็นเสียงเดียวกัน และจากนั้นนัยน์ตาก็เปลี่ยนเป็นทอประกายประหลาดออกมา
“ ไม่ทราบว่าในครั้งนี้ ใครจะเป็นผู้ที่สามารถได้รับคัมภีร์ของอารามก่อฟ้าได้กัน “
.
.
.
.