ตอนที่ 054 การร่วมมือเพียงชั่วคราว
ท่ามกลางห้องโถงใหญ่ เงาร่างที่เข้าหากันอย่างไม่หยุดยั้งยังมิมีผู้ใดพลาดพลั้ง ความน่าหวาดกลัวแผ่จากทั้งสองคนเคลื่อนไหวออกมาอย่างช้าๆไม่ขาดสาย จนทำให้บรรยากาศในที่นี้เต็มไปด้วยเสียงดังของการปะทะ
“ เปรี้ยง “
เป็นการปะทะกันของอีกกระบวนท่า เงาร่างทั้งสองถอยออกอย่างไม่พลาดพลั้งในเวลาเดียวกัน แล้วก็ในเวลาเดียวกันก็ร่วงลงสู่บริเวณบนพื้น ตอนนี้ม่อฝานหลงแสดงใบหน้าดุดัน และซ่งเซ้าเฉิงที่กำลังพ่ายหน้าแปรเปลี่ยน พุ่งถอยหลังไปราวครึ่งก้าว
“ เหอะ ซ่งเซ้าเฉิง เจ้าเหตุใดจึงต้องลงมือกับข้ากัน ตอนนี้คัมภีร์ยังมิได้ปรากฏออกมา หากเจ้าต้องพ่ายภายใต้น้ำมือข้า มันส่งผลดีต่อเจ้าเช่นไรกันหรือ “ ม่อฝานหลงพูดแล้วยิ้มใส่ซ่งเซ้าเฉิง
นัยน์ตาซ่งเซ้าเฉิงตอนนี้เปลี่ยนเป็นเยือกเย็น เขาหัวเราะอย่างเย็นเยียบแล้วกล่าว “ ม่อฝานหลง เมื่อครู่เจ้ามิใช่ต้องการที่จะหาโอกาสสังหารข้าหรอกหรือ ? เจ้าคงมิใช่คิดว่า ลงมือต่อข้าซ่งเซ้าเฉิงแล้วละก็ เรื่องราวก็จะจบลงได้อย่างง่ายดายเช่นนั้นหรอกนะ ? “
“ เหอะ ซ่งเซ้าเฉิง เจ้าเป็นเช่นนี้ก็ไม่เหมือนยอดฝีมือเอาซะเลย ลองถามใจตัวเองดู หรือว่าเจ้าก็ไม่อยากที่จะสังหารข้าหรอกนะ ? ขอเพียงปรากฏตัวในที่นี้ ทุกผู้คนต่างก็เพื่อแย่งชิงคัมภีร์กัน อยากที่จะสังหารอีกฝ่าย มีอันใดผิดกัน ? “ ม่อฝานหลงหัวเราะเย็นเยียบ “ เพียงแต่ว่า เจ้าคิดว่าเจ้าสู้ข้าได้อย่างงั้นหรือ ? “
“ ถึงแม้จะมิใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้เจ้าบาดเจ็บสูญสิ้นพลังฝีมือได้ ข้ายังถือว่าทำได้อยู่ เจ้าเชื่อหรือไม่ ? “ ซ่งเซ้าเฉิงหัวเราะเย็นเยียบตอบ
ม่อฝานหลงเงียบงันไร้คำพูด นัยน์ทอแววเปลี่ยนเป็นหนาวเย็นไร้ที่เปรียบ ความจริงเขาก็ตรวจสอบออกนับตั้งแต่แรก ซ่งเซ้าเฉิงผู้นี้ถึงแม้จะมิได้มีไพ่ตายอันใดอยู่ในมือ อีกทั้ง หากว่าคนอย่างเขาโกรธขึ้นมาแล้วละก็ แม้ว่าตนเองจะสามารถดึงรั้งไว้ได้ แต่เกรงว่ายังไงก็ต้องได้รับบาดเจ็บอยู่ดี และสิ่งสำคัญในช่วงเวลานี้ในการแย่งชิงคัมภีร์แห่งนี้ การได้รับบาดเจ็บแม้เพียงเล็กน้อยก็ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่น่ารำคาญอย่างที่สุดเช่นกัน
เรื่องราวดำเนินมาจนถึงตอนนี้ ต่อให้ม่อฝานหลงจะรู้สึกเสียใจอยู่หลายส่วน ที่เมื่อครู่ตนเองลงมือต่อซ่งเซ้าเฉิง
เพียงแต่ว่า ม่อฝานหลงก็มิใช่คนประเภทที่ทำอะไรครึ่งๆกลางๆ วินาทีต่อมา นัยน์ตาของเขาก็แผ่พุ่งรังสีฆ่าฟันออกมา หากว่าซ่งเซ้าเฉิงผู้นี้ทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้นมาแล้วละก็ เขาก็สมควรที่จะใช้ไพ่ตายของตนเองออกมา อย่างน้อยก็เพื่อจัดการเรื่องน่ารำคาญนี้ไปก่อน
หลังจากถอนหายใจคำโตออกมา นัยน์ตาของม่อฝานหลงก็เปลี่ยนเป็นเยือกเย็นราวน้ำแข็ง เขาจ้องมองไปที่ซ่งเซ้าเฉิง กล่าวอย่างเย็นชา “ ซ่งเซ้าเฉิง กระทั่งการรับมือเจ้าก็ยังไม่ทราบจะทำอย่างไร เช่นนั้นวันนี้ข้าก็จะขอน้อมส่งเจ้าไปก่อนก็แล้วกัน “
“ เช่นนั้นเจ้าก็ลองมาส่งข้าดูก็แล้วกัน “ ซ่งเซ้าเฉิงใบหน้าเปลี่ยนเป็นเย็นชา สีหน้าทอประกายความแน่วแน่และการฆ่าฟันในเวลาเดียวกัน
“ เหอะ อะไรจะช่างเหมาะเจาะเช่นนี้ ความจริงแล้วข้ามิอาจไม่สอดมือเข้ายุ่งก็มิได้แล้ว “ ในช่วงที่สำคัญ เยี่ยจงก็ได้เดินออกมา และจากนั้นก็จ้องมองไปที่ม่อฝานหลงอย่างดุดัน “ ศิษย์พี่ซ่ง ถึงแม้ก่อนหน้านี้เราท่านยังไม่มีคบหากันมาก่อน แต่ว่าข้าและเจ้าเด็กน้อยนี้มีบุญคุณความแค้นต่อกันไม่น้อย เช่นนั้นวันนี้พวกเรามาร่วมมือกันจัดการคนผู้นี้ ค่อยว่ากันเรื่องอื่นดีหรือไม่ ? “
ความจริงเยี่ยจงมิได้คิดที่จะออกตัวเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่ว่าตอนนี้ผู้คนท่ามกลางภายในห้องโถงนี้ มีเกือบครึ่งที่เป็นอริกับตัวเขา หากว่าสามารถที่จะเก็บกวาดจัดการกับปัญหาของเจ้าเด็กน้อยได้ เยี่ยจงก็ถือว่ามีความสุขอยู่ไม่น้อย
“ เยี่ยจง “
ม่อฝานหลงส่งสายเย็นเยือบสายหนึ่ง เขาหันหน้ามามองดูเยี่ยจงที่ค่อยๆกำลังเดินเข้ามา นัยน์ตาปรากฏรังสีการฆ่าฟันอย่างน่าตกใจ เห็นได้ชัด เขาเตรียมตัวเตรียมใจที่จะสังหารเยี่ยจงมานับครั้งไม่ถ้วน
“ ศิษย์น้องเยี่ยจง หากเป็นเช่นนี้แล้วละก็ เจ้าข้าศิษย์พี่น้องสองคนร่วมมือกันในครั้งนี้ดีหรือไม่ ? “ ซ่งเซ้าเฉิงตอนนี้ก็กวาดตามองไปที่เยี่ยจง นัยน์ตาทอเป็นประกาย เขาเพียงแค่หัวเราะออกมาฮาฮา และก็จดจ้องมองไปที่สิ่งที่ม่อฝานหลงกำลังมองดูอยู่ แต่ก็มิได้ปกปิดรังสีฆ่าฟันอีกต่อไป เห็นได้ชัด กับม่อฝานหลงผู้นี้ เขาก็จงเกียจจงชังอย่างสุดขีดเช่นเดียวกัน
และคนอื่นๆพบว่าเยี่ยจงในตอนนี้ได้ร่วมมือกับซ่งเซ้าเฉิง ต้องการที่จะร่วมมือกันในการจัดการกับม่อฝานหลง มีผู้คนไม่น้อยขมวดคิ้วขึ้นมา แต่ว่าพวกเขาก็ไม่มีคนที่จะออกหน้าแทนม่อฝานหลงเลย นอกจากนั้นซูหยี่ในตอนนี้ยังยืนอยู่ที่ด้านข้างอีกด้วย คนอื่นๆโดยส่วนมากแล้วจะถอยหลังไปหลายก้าว หรี่ตามองดูฉากที่อยู่เบื้องหน้า ตามความคิดของพวกเขานั้น การที่จะสามารถลดคู่แข็งลงคนหนึ่ง เช่นนั้นการที่จะได้คัมภีร์ก่อฟ้าในตำนานก็ยิ่งเพิ่มโอกาสมากขึ้นอีกหนึ่งส่วน
จากคำกล่าวออกมาของซ่งเซ้าเฉิงนั้น เยี่ยจงและซ่งเซ้าเฉิงทั้งสองคนซบตากันวูบเคลื่อนไหวเข้าใกล้ร่างของม่อฝานหลงในเวลาเดียวกัน วินาทีนั้น ใจกลางห้องโถงใหญ่ก็ตลบอบอวนไปด้วยควันฝุ่นขึ้นมา และนัยน์ตาของม่อฝานหลงผู้นั้น ก็ได้เปลี่ยนเป็นการสังหารและการพยาบาต เห็นได้ชัด เขาก็ทราบว่าเรื่องในวันนี้ดูท่าว่าจะไม่ดีซะแล้ว
ดังนั้น ในตอนนี้ ท่ามกลางห้องโถงใหญ่แห่งนี้ก็ได้เงียบสงบจนสามารถได้ยินแม้กระทั่งเข็มร่วงหล่นลงสู่พื้นได้
ระหว่างทั้งสามคน ม่อฝานหลงที่มีพลังฝีมืออยู่ในขั้นก่อเกิดขั้นที่หก สามารถกล่าวได้ว่าแข็งแกร่งที่สุด อย่างไรก็ตามก็เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดภายในที่แห่งนี้ทั้งเก้าคน เยี่ยจงและซ่งเซ้าเฉิงทั้งสองถึงแม้จะเดินคนละเส้นทาง แต่ว่าถ้าหากทั้งสองคนร่วมมือกันแล้วละก็ เกรงว่าก็เพียงพอที่จะสร้างปัญหามากมายให้แก่ม่อฝานหลงผู้นี้
กล่าวได้ว่า หากการต่อสู้นี้เกิดขึ้นแล้ว เกรงว่าจะหาทางถอยออมาได้ยาก
“ ที่แท้ก็เป็นศิษย์ของลัทธิแห่งดวงดาวโดยทั้งสิ้น ในเวลาเช่นนี้ยังสามารถร่วมมือกันได้ ไม่ทราบว่าหากสามารถที่จะล้มข้าได้แล้วละก็ สุดท้ายพวกเจ้าจะแบ่งปันคัมภีร์อย่างไรกัน ? “ ในระหว่างที่เยี่ยจงและซ่งเซ้าเฉิงกำลังจ้องมอง นัยน์ตาที่มีรังสีการฆ่าฟันของม่อฝานหลงก็ได้ค่อยๆหายไป หลังจากนั้น เขาก็หัวเราะออกมาอย่างเย็นชาคำหนึ่ง
“ ม่อฝานหลง ในเวลาเช่นนี้ยังจะเล่นลิ้นได้อยู่อีกหรือ เกรงว่าไม่ค่อยจะดีมั่ง ? “ ซ่งเซ้าเฉิงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย
ม่อฝานหลงหัวเราะเย็นเยียบคำหนึ่ง เพียงแค่ว่ารอยยิ้มในครั้งนี้ของเขานั้นกอปรไปด้วยความหมายที่เยือกเย็น ทันทีที่นัยน์ตาของเขาทอประกายดับลง เหลือแต่คำกล่าวดังกังวาน “ ช่างมันเถอะ ในเมื่อพวกเจ้าอยากจะเล่นเกมความร่วมมือแล้วละก็ เช่นนั้น ไม่ให้พวกเจ้าสังหารแล้วละก็ ก็คงจะพลอยทำให้พวกเจ้าเสียหน้าไปด้วยสินะ “
“ ทุกท่าน ยังไม่ลงมือกันอีกหรือ ? “
หลังจากคำกล่าวของม่อฝานหลงได้หยุดลง จากกลางสนามก็มีเสียงถอนหายใจสายหนึ่งดังออกมา และจากนั้นก็พบกับซูเซวียน หนิงหยี่ทั้งสองคนเดินออกมาโดยพร้อมกัน และยืนอยู่กับม่อฝานหลง ทั้งสองคนพอดีเห็นเยี่ยจงและซ่งเซ้าเฉิงทั้งสองกำลังกักตัวอีกฝ่ายอยู่บริเวณภายใน
“ คุณชายม่อก็ช่างมากความสามารถเสียจริง “ เยี่ยจงมองไปยังฉากเบื้องหน้า นัยน์ตาทอประกายออกมา คิดไม่ถึงว่าม่อฝานหลงจะสามารถทำให้คู่แข็งที่ผ่านเข้ามา แล้วเปลี่ยนให้เป็นผู้ช่วยได้
“ ม่อฝานหลง พวกท่านทางด้านนั้นมีสามคน ก็คิดว่ายอดเยี่ยมแล้วหรือ ? “ ซูหยี่จ้องมองไปยังฉากเบื้องหน้า ร้องเชอะเสียงเย็นชาคำหนึ่ง ค่อยๆเดินออกมา
วินาทีนั้น ท่ามกลางสนามจากสามปะทะสองก็กลายเป็นสามปะทะสามแล้ว
นอกเสียจากหกคนนี้แล้ว ภายในสนามยังมีคุณชายคงฮู่เหรี่ยโหยวฮู่ ซร่งเทียนและผางเจี่ย ทั้งสามคนที่มิได้ออกตัว พัยงแต่ว่าตอนนี้ทั้งสามคนจ้องมองเพียงแค่ฉากที่เกิดขึ้นอยู่เบื้องหน้า สีหน้าเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาดอยู่หลายส่วน
บรรยากาศภายในสนามมีอยู่หลายส่วนได้เปลี่ยนเป็นแปลกประหลาดขึ้นมา หากว่ามีการลงมือของสามปะทะสามในที่แห่งนี้แล้วละก็ เช่นนี้ผู้ที่มีส่วนได้มากที่สุดในตอนท้าย ก็คงไม่ต้องกล่าวถึงว่าเป็นอีกสามคนที่มิได้ลงมือ ดังนั้น ต่อให้ในตอนแรกทั้งเยี่ยจงและซ่งเซ้าเฉิงทั้งสองอัดแน่นไปด้วยพลังการฆ่าฟัน ตอนนี้ยังต้องขมวดคิ้วไปมา สภาพการณ์ในสนามนี้คงเริ่มที่จะยุ่งยากขึ้นมาแล้ว
“ ก๊ง “
ในตอนที่บรรยากาศเปลี่ยนแปลงอย่างแปลกประหลาด บริเวณส่วนลึกของด้านบนแท่นสูงมีที่เก้าอี้กษัตริย์เก่าแก่ตั้งอยู่ตรงกลาง ทันใดนั้นเอง ก็มีนัยน์ตาสายประกายส่องสว่างออกมาเป็นสายๆ
ผู้คนทั้งเก้าในสนามจ้องมองพร้อมกวาดเข้าไปอย่างพร้อมเพรียง ก็พบเห็นว่าทางด้านบนเก้าอี้กษัตริย์ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ได้นั่งไว้ด้วยรูปปั้นสูงใหญ่รูปหนึ่ง ในมือรูปปั้นถือไว้ด้วยคัมภีร์สีทองอยู่ม้วนหนึ่ง และตาอันเปล่งประกายก็ได้สาดแสงขึ้น และได้เริ่มเปิดปลดม้วนคัมภีร์เล่มนั้นออกมา
“ อารามก่อฟ้าในตำนาน ปรากฏแก่สายตาแล้ว “
ในขณะนี้ ดวงตาของผู้คนทั้งหมดต่างก็หดตัวลงอย่างรุนแรง บุญคุณความแค้นเมื่อสักครู่ก็ได้หยุดลงในทันที หรือต่อให้เป็นบุคคลที่ไม่ได้เข้าร่วมต่อสู้ด้วยอย่างซร่งเทียน นัยน์ตาในตอนนี้มีอยู่หลายส่วนที่เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำแล้ว
“ ฉัวะ “
ในช่วงเวลาต่อมาในทันที ร่างของม่อฝานหลงก็พุ่งเข้าไปโดยทันที และจากนั้นก็ได้ยินเสียงร้องเฮ้ออย่างเยือกเย็นออกมา “ทั้งสองท่าน รั้งคนอื่นเอาไว้ สิ่งของที่สัญญากันไว้ เมื่องานสำเร็จแน่นอนว่าต้องจ่ายให้แน่นอน “
“ เยี่ยม “
หลังจากเงียบงัน ซูเซวียนและหนิงหยี่ทั้งสองเริ่มที่จะลังเลชั่วครู่ แต่ก็พยักหน้าในเวลาเดียวกัน จ้องมองด้วยสายตาเย็นชาไปทางบริเวณทางด้านหลัง ถึงแม้ว่าพวกเขาทั้งสองต้องการที่จะดึงรั้งผู้คนทั้งหกไว้ทางด้านหลังแต่ก็ดูเหมือนว่ากับการเอามือมาปิดบังฟ้ายากที่จะกระทำ แต่ว่าการหยุดยั้งพวกเขานั้นยังถือว่าสามารถที่จะทำได้อยู่ ทว่าเพียงแต่ในตอนนี้ ก็ถือว่าเพียงพอที่จะม่อฝานหลงจะกระทำเรื่องราวมากมายแล้ว
“ เจ้าบัดซบผู้นี้ “
ซูหยี่นัยน์ตาแดงก่ำ ถึงแม้ว่าอยากที่จะพุ่งออกไป แต่ว่านัยน์ตาเยี่ยจงกลับลังเลครู่หนึ่ง และจากนั้นก็โบกมือคราหนึ่ง รั้งจับนางเอาไว้แล้วกล่าว “ เรื่องราว ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง “
ได้ยินคำกล่าวนี้ของเยี่ยจง บุคคลอื่นที่ต้องการจะทะลวงออกไปร่างก็ได้สั่นคราหนึ่ง นัยน์ตาของทุกผู้คนต่างก็กำลังปรากฏความลังเลขึ้นมา ต้องทราบว่า ก่อนหน้าเพื่อที่จะแย่งชิงป้ายก่อฟ้า ก็ต้องก้าวเป็นขั้นเป็นตอน และตอนนี้อารามก่อฟ้าในตำนานก็ได้ปรากฏขึ้นมาราวกับง่ายดาย แน่นอนว่ามีอยู่หลายส่วนที่ดูเหมือนไม่ถูกต้อง
“ ตัง “
หลังจากตอนที่ม่อฝานหลงยังไม่ทันได้ทะลวงร่างกายออกไป ทันใดนั้นเอง ที่บริเวณด้านบนของห้องโถงในตำนาน ก็ได้ยินเสียงแตกร้าวดังออกมาเป็นสาย และจากนั้นก็พบเห็นเงาร่างสีดำราวกับลูกอุกกาบาตก็มิปานเป็นสายๆ จากเพดานร่วงหล่นลงสู่บนพื้นดิน
การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ ทำให้ดวงตาของคนอย่างเยี่ยจงยังต้องหดตัวลง และร่างกายของม่อฝานหลงผู้นั้นก็ได้สั่นเทาขึ้นคราหนึ่ง และหลังจากความตระหนกยังไม่ทันหายเบื้องหน้าสายตาที่ปรากฏการร่วงหล่นของเงาสีดำ
“ ปึก ผัวะ “
เงาสีดำเริ่มมีร้อยร้าวทันที ในตอนนี้วัตถุสีดำที่อยู่ด้านในกำลังแตกออกมาราวกับไข่ก็มิปาน แต่ละตัวนั้นมีความสูงราวหนึ่งจังมีร่างกายสีดำมืด แล้วก็ได้ค่อยๆที่จะลุกขึ้นยืน พวกมันมีลักษณะโครงสร้างร่างกายคล้ายกับมนุษย์ แต่ว่าร่างกายกลับถูกสร้างมาจากไม้ที่ดูแสนจะธรรมดา แต่ว่าต่อให้เป็นวัตถุชิ้นนี้จะดูเหมือนธรรมดา แต่ก็ให้แรงกดดันชนิดหนึ่งแก่ผู้คนยากทนทานได้
“ เปรี้ยง “
ความน่ากลัวถูกปลดปล่อยจนถึงขีดสุด คาดว่าในเวลาเดียวกันที่มีร่างเงาสีดำมืดกระจายตัวออกมาเป็นสายๆ จนทำให้ผู้คนที่มองมาต้องเปลี่ยนสีหน้าเป็นดุร้ายคราหนึ่ง
“ นี้คือ หุ่นเชิดไม้ต่อสู้ ? “
ซูหยี่จ้องมองไปที่การบนเงาร่างปริศนา จากนั้นก็เหมือนกันว่าคิดอะไรออกได้ก็มิปาน สีหน้าเปลี่ยนเป็นปั้นยากขึ้นมา
“ อะไรกัน ? “ หลังจากเงียบงันคนอื่นแต่ละคนต่างก็แสดงสีหน้ายากที่จะเชื่อในสิ่งที่เห็น มองดูไปที่สุดปลายฟ้าตอนนี้ ได้มีหุ่นเชิดไม้ต่อสู้เกือบร้อยตัวปรากฏออกมาท่ามกลางห้องโถงใหญ่ สีหน้าของทุกๆคนต่างก็อยู่ในอาการยากที่จะเชื่อในสิ่งที่เห็น
“ ที่แห่งนี้เหตุใดถึงได้มีหุ่นเชิดไม้ต่อสู้มากมายถึงเพียงนี้กัน ? “
.
.
.
.