เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 059 กลับสำนัก

ตอนที่ 059 กลับสำนัก

 

 

ท่ามกลางภายในห้องโถงใหญ่ ในตอนนี้ก็เพราะว่าเมื่อครู่สภาพการณ์มีความวุ่นวายที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างยุ่งยากไร้ที่เปรียบ

 

ตอนนี้ ผู้คนจำนวนมากต่างก็ถือว่าถอยจากไปเกือบหมดสิ้น นอกเสียจากศพของม่อฝานหลง ก็มีเพียงเยี่ยจงและซูหยี่สองคนที่อยู่ภายในห้องโถงใหญ่

 

เยี่ยจงนั่งขัดสมาดอยู่บนพื้น มือปาดไปที่ริมฝีปาก ในช่วงที่กำลังไออยู่นั้น เลือดก็ได้ไหลรินออกมาเป็นทาง

 

“ เยี่ยจง เจ้าไม่เป็นไรนะ “

 

เยี่ยจงได้แต่ส่ายหัวไปมา แล้วนำโอสถรักษาบาดแผลออกมาจากแหวนจักวาลแล้วก็กลืนลงไปต่อมา สีหน้าค่อยดีขึ้นมาหลายส่วน

 

เมื่อครู่ในช่วงที่ปะทะกับผางเจี่ยอยู่ แม้ว่าเขาจะมิได้ทำให้เยี่ยจงได้รับบาดเจ็บสาหัสมากมายนัก แต่ว่าในตอนท้ายเยี่ยจงก็ฝืนกำลังใช้กระบี่ตราประทับออกมา เลยทำให้เลือดลมของลมปราณไหลเวียนติดขัด ได้รับบาดเจ็บภายในส่วนหนึ่ง เพียงแต่ว่าก็ไม่ถือได้ว่ามากมายอันใด

 

“ เช่นนั้นพวกเราต่อจากนี้ทำอย่างไรกันดี ? “ ซูหยี่ในตอนนี้แสดงถึงความเป็นห่วง แม้ว่าผู้อื่นจะถอยจากไปหมดแล้ว แต่ว่าก็มิได้หมายถึง คัมภีร์ของอารามก่อฟ้าในตำนานก็ตกอยู่ในมือของทั้งสอง หากว่าซูหยี่คาดเดาไม่ผิดแล้วละก็ บุคคลอื่นอย่างน้อยก็คงต้องเร่งรีบในการเตรียมรวมพลลงมือ พันวิธีร้อยเล่มเกวียนในการดึงรั้งทั้งสองคนเอาไว้ ไม่ว่าจะกล่าวเช่นไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่มีทางที่จะวางมือจากคัมภีร์อารามก่อฟ้าในตำนานอย่างง่ายดายแน่นอน

 

“ ไม่มีเวลาพักผ่อนแล้ว พวกเราต้องรีบจากไปอย่างเร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ มีความเป็นไปได้ที่จะจากไปไม่ได้แล้ว “ เยี่ยจงขมวดคิ้วไปมา เขาความจริงเข้าใจความคิดของซูหยี่ การที่จะนำสมุดทองในตำนานกลับไปยังลัทธิแห่งดวงดาว ทั้งสองคนจึงจะถือได้ว่าปลอดภัยได้อย่างแท้จริง หาไม่แล้ว ขอเพียงมิได้กลับไปยังลัทธิแห่งดวงดาวหนึ่งวัน เกรงว่าเด็กน้อยเหล่านั้นก็คงจะไม่วางมือง่ายๆ

 

“ ดี ออกไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน ข้าจะคิดหาวิธีในการติดต่อยอดฝีมือของลัทธิแห่งดวงดาวเร่งมาปกป้องพวกเรา “ ซูหยี่หยักหน้าแล้วกล่าว ตอนนี้ภารกิจสำนักต่อจากนี้ไปของทั้งสองก็ถือได้ว่าสำเร็จลุล่วงแล้ว ดังนั้น จึงสามารถหาโอกาสติดต่อสำนักได้

 

“ ไปกันเถอะ “

 

เยี่ยจงยังคงไม่กล่าวมากความ เพียงแต่บีบไปที่ป้ายก่อฟ้าของตนเอง และจากนั้นก็พบว่าอากาศที่อยู่เบื้องหน้าสายตาของตนเองเกิดสั่นไหวคราหนึ่ง ร่างกายของทั้งสองก็หายวาบไปในทันทีพร้อมกัน

 

เบื้องหน้าสายตาตลอดมาหากนับตามเวลาตามความเป็นจริงแล้ว การที่ได้มาถึงยังส่วนนอกของเขตหุบเขาชิงซาน ถือได้ว่าห่างไกลจากซากปรักหักพังของอารามก่อฟ้าแล้ว

 

ฉากเบื้องหน้าทำให้คนทั้งสองได้เกิดความสุขขึ้นเล็กน้อย เช่นนี้แล้วละก็ โอกาสสำเร็จที่จะได้กลับไปยังลัทธิถือได้ว่าเพิ่มสูงขึ้นมาก

 

“ เซียงฉียวี่กับพวกจิ้กจกน้อยทั้งสามจะทำอย่างไร “ จากนั้นเยี่ยจงกวาดตามองดูทั่วทั้งสี่ทิศ ค่อยเอ่ยปากถามออกมาเสียงเบาๆ

 

“ ในตอนนี้ยังคงไม่ต้องสนใจพวกนางหรอก ยังมีซ่งเซ้าเฉิง ซร่งเทียนพวกเขาก็ยังอยู่ ยังไงก็ไม่มีผู้ใดทำอันใดพวกนางได้อยู่ดี ขอเพียงแค่ไม่ได้อยู่ด้วยกันกับพวกเรา ความปลอดภัยของพวกนางสมควรไม่ใช่ปัญหาใหญ่อันใด พวกเราก็รีบเพื่อที่จะได้รักษาเวลาไว้กันเถอะ “ ซูหยี่ส่ายหัว และจากนั้นก็โบกมือคราหนึ่ง ต่อมาทั้งสองก็ไม่มีความลังเลอันใดอีก และตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่ตัวเลือกเพียงแค่เส้นทางเดียว จากนั้นก็เหินบินทะลวงออกไปอย่างรวดเร็ว

 

ทว่า เรื่องราวกลับเรียบง่ายเกินกว่าที่พวกเขาคาดคิดเอาไว้มาก นั้นก็เพราะว่าคนโดยส่วนมากจะคิดว่า หลังจากที่เยี่ยจงและซูหยี่ได้รับคัมภีร์ของอารามก่อฟ้าไปแล้ว จะพักรักษาตัวและขอกำลังเสริมอยู่ภายในอารามก่อฟ้า ตลอดเส้นทางไม่มีผู้ใดที่จะคอยไล่ตามสังหารแต่อย่างไร

 

นับตั้งแต่เริ่มต้น ฉากที่เป็นอยู่เช่นนี้ก็ทำให้ทั้งสองเกิดความสงสัยอยู่บ้าง เพียงแต่ว่าท้ายที่สุดก็ยังไม่ปรากฏว่ามีคนคอยไล่ล่าแต่อย่างไร ความเร็วในการเดินทางของทั้งสองนั้นยังถือได้ว่ารวดเร็วอยู่มาก

 

…………

 

วันเวลาผ่านไปถึงหนึ่งเดือน ไปถนนหนทาง อาการบาดเจ็บภายในของเยี่ยจงก็ได้พึ่งพาโอสถรักษาบาดเจ็บจำนวนมากรักษาจนกลับมาหายดีแล้ว

 

ในวันนี้ ภายใต้การนำทางของซูหยี่ ทั้งสองคนได้เดินทางมาในระยะทางที่ไกลมาก จนกระทั่งในระยะทางไม่ถึงร้อยลี้ก็จะมาถึงเมืองหมื่นดาราแล้ว

 

ลักษณะอันใหญ่โตของเมืองเริ่มที่จะเห็นได้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา ราวกับสัตว์ป่าทมิฬอันน่ารังเกียจก็มิปาน จากที่มองดูทุกผู้คน บริเวณไหล่กำแพงสูงใกล้ทางเข้าสีเขียวนั้น ก็ได้มีการป้องกันอย่างหนาแน่น

 

และตอนนี้จากที่มองดูไกลๆนั้นเอง ก็จะสามารถเห็นบริเวณประตูทางเข้าเมืองหมื่นดาราแห่งนี้ ผู้คนหลั่งไหล่กันเข้ามาราวกับว่าตอนนี้กำลังคงยุ่งวุ่นวายราวกับกลุ่มมดก็มิปาน

 

จากที่มองดูเบื้องหน้าแล้วเมืองแห่งนี้มีอยู่หลายส่วนที่ใหญ่โตเกินความคาดเดาของเขา เยี่ยจงก็ได้ผิวปากคราหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าภายในรัฐต้าโจวหวังเฉาแห่งนี้ ที่แท้ก็ยังมีเมืองที่ได้มาตราฐานเช่นนี้ด้วย

 

“ เมืองหมื่นดารามีอีกชื่อว่าเมืองอันดับหนึ่งแห่งรัฐต้าโจวหวังเฉา กล่าวได้ว่าแม้แต่พระราชวังของรัฐต้าโจววังเฉาแห่งดินแดนเยียจิงก็ยังใหญ่ไม่เท่าครึ่งหนึ่งของเมืองหมื่นดารา อีกทั้ง เมืองหมื่นดารายังเป็นของส่วนหนึ่งที่เป็นรอบนอกของลัทธิแห่งดวงดาวอีกด้วย ในที่แห่งนี้ได้รวบรวมยอดฝีมือและผู้แข็งแกร่งจากทั่วทุกสารทิศ เจริญรุ่งเรืองอย่างที่สุด ภายในเมืองหมื่นดารานี้ ขอเพียงมีสะสมวิญญาณอย่างเพียงพอแล้วละก็ เช่นนี้เจ้าก็จะสามารถอย่างได้สิ่งที่เจ้าอย่างได้เกือบทุกสิ่ง “ อาจจะเป็นเพราะว่าเริ่มที่จะใกล้ที่ถึงที่หมายแล้ว ซูหยี่ในตอนนี้จึงอารมณ์ดีเป็นพิเศษ สีหน้าประกอบเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และจากนั้นนางก็ชี้ไปยังเมืองใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้าสายตาแล้วเอ่ยปากกล่าวออกมา

 

“ สาขาหลักของลัทธิแห่งดวงดาวเรา ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหมื่นดาราบริเวณด้านบนของเขาดารา ถือได้ว่าเป็นอีกเมืองเมืองหนึ่งเลยก็ได้ เพียงแต่ว่า นอกเสียใจศิษย์ของลัทธิแห่งดวงดาวแล้ว ถ้าหากมีการบุกรุกลัทธิแห่งดวงดาวจากบุคคลอื่นแล้วละก็ ต่างก็ถูกสังหารโดยทั้งสิ้น “

 

“ ทว่าเจ้าวางใจได้เลย มีแม่นางเช่นนี้นำทาง แถมด้วยสถานะศิษย์สายของของเจ้าแล้ว การอยู่ในลัทธิแห่งดวงดาวแห่งนี้ สมควรที่จะไม่มีผู้ใดที่กล้าจะรังแกเจ้าอย่างแน่นอน “

 

หลังจากที่กล่าวจบ ซูหยี่ก็โบกมือออกคราหนึ่ง และจากนั้นทั้งสองคนก็เร่งความเร็วขึ้นอีกครั้ง

 

ในช่วงระยะเวลาครึ่งวัน ทั้งสองคนในที่สุดก็มาถึงไหล่เขาสูงบริเวณกำแพงเมืองแล้ว เพียงแต่ว่าซูหยี่มิได้เข้าแถวเหมือนดั่งผู้อื่นโดยทั่วไป แต่นำพาเยี่ยจงเดินไปจนถึงประตูใหญ่ใกล้ๆอีกประตูหนึ่ง และนำป้ายสะสมวิญญาณออกมา และเหล่านามก็อ้าปากตาค้างทอเป็นประกาย ทั้งสองคนตลอดเส้นทางไร้ที่ขัดขวางเข้าเมืองหมื่นดาราอย่างราบรื่น

 

ทันทีที่เข้ามายังเมืองหมื่นดาราแล้ว ก็ได้ยินเสียงจากทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้านดังออกมา ถือเป็นเมืองที่มองแล้วมีการรวมตัวของผู้คนที่เกินกว่าที่ตนเองคาดคิดเอาไว้ เยี่ยจงอดไม่ได้ที่จะต้องส่ายหัวไปมา คิดไม่ถึงว่าสาขาหลักของลัทธิแห่งดวงดาวจะมอยู่ในสถานที่เช่นนี้

 

“ ลัทธิแห่งดวงดาวของพวกเราถือได้ว่าเป็นเจ้าเมืองของเมืองหมื่นดาราอยู่ครึ่งหนึ่ง แต่ว่าขอเพียงคนเหล่านั้นไม่เข้าสู่สาขาหลักของพวกเราแล้วละก็ สาขาหลักก็จะไม่สนใจพวกเขา ดังนั้น หากว่าพบเจอกับเรื่องที่น่ารำคาญภายในเมืองหมื่นดาราแห่งนี้แล้วละก็ และหากว่าไม่สามารถที่จะจัดการด้วยตนเอง เช่นนั้นก็เพียงแค่หลบเข้ามายังสาขาหลักก็เพียงพอแล้ว “ ซูหยี่กล่าว

 

หลังจากที่เงียบงัน เยี่ยจงก็เริ่มที่จะเข้าใจขึ้นมาแล้ว ดูเหมือนว่า ลัทธิแห่งดวงดาวถือว่าเมืองหมื่นดาราแห่งนี้เป็นดั่งสนามฝึกซ้อมแห่งหนึ่งของศิษย์ภายในสำนักได้ซักแปดส่วน จากนั้น สถานที่มีทั้งมังกรพญางูแห่งนี้ ก็เหมือนกับเป็นที่บ่มเพาะศิษย์ของสำนักอีกทาง

 

หลังจากที่เดินสำรวจเมืองใหญ่โตแห่งนี้เสร็จแล้ว ซูหยี่ก็นำเยี่ยจงเดินเข้าสู่ตลาดเก่าแก่ยาวสายหนึ่ง และก็ได้เข้าไปยังตลาดยาวในทันที บรรยากาศที่แตกต่างไร้ที่เปียบแผ่กระจายออกมา เป็นสิ่งที่อยู่อีกด้านของเมืองหมื่นดารา ถึงแม้ระยะทางจะห่างไกลอยู่บ้าง แต่ก็ราวกับเป็นดินแดนที่ไม่เหมือนกันสองดินแดนก็มิปาน

 

“ ค่ายกลยันต์งั้นหรือ ? “ เยี่ยจงจ้องมองไปยังบริเวณทางด้านบน มองไปยังจุดที่ประทับด้วยสัญลักษณ์แห่งฟ้าทอประกายแสงสีทองอยู่ กล่าวถามออกมาด้วยเหมือนทราบความหมายบางอย่าง

 

ดูเหมือน ลัทธิแห่งดวงดาวแห่งนี้จะมีอยู่หลายส่วนที่เกินกว่าที่ตนเองคาดคิดเอาไว้

 

……

 

เขาดารานั้นไม่ถือว่าสูงมากนัก แต่ว่าเนินเขานั้นถือได้ว่าใหญ่โตไร้ที่เปรียบได้ บริเวณทางด้านเนินเขา มีสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ในหลายรูปแบบตลอดรายทาง ให้ความรู้สึกคึกครื้นมากมาย และที่บริเวณเนินเขาแต่ละส่วนนั้น ต่างก็มีผู้คนกำลังอยู่ในการฝึกปรืออยู่ไม่น้อย บรรยากาศอันแตกต่างเช่นนี้ ทำให้รู้สึกปลอดภัยอย่างที่สุด

 

จากการนำทางของซูหยี่ ทั้งสองคนก็ได้ผ่านเส้นทางน้อยใหญ่ มาถึงสนามใหญ่โตที่อยู่ท่ามกลางเขาดาราแห่งนี้ สนามแห่งนี้มีขนาดใหญ่โตมโหฬาร บนสนามนั้น ตั้งไว้ด้วยตำหนักใหญ่สูงตระหง่านนับสิบตึก สามารถพบเห็นผู้คนมากมายที่เข้าๆออกๆ ผู้คนเหล่านี้โดยส่วนมากต่างก็เป็นศิษย์ของลัทธิแห่งดวงดาว

 

พบเห็นสายตาของเยี่ยจง ซูหยี่ก็กล่าวอธิบายเพิ่ม “ ตอนนี้ผู้คนเหล่านี้ โดยส่วนมากตามที่ข้าคาดเดาน่าจะเป็นศิษย์สายนอก มีบางคนได้รับการจดชื่อเป็นศิษย์แล้วก็ดีไป พวกเขาก็จะมีคุณสมบัติสามารถเข้าสู่ภายในส่วนในได้ เพียงแต่ว่า จะมีจำพวกตำหนักวิชายุทธ์ ตำหนักโอสถ ตำหนักภารกิจสถานที่เช่นนี้เป็นต้น พวกเขาก็ถือได้ว่ามีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเข้าไปได้ และท่ามกลางเด็กน้อยเหล่านี้ จะมีอยู่กลุ่มหนึ่งที่เป็นพวกที่น่ารำคาญ เจ้าก็ต้องระวังเอาไว้ให้ดี “

 

“ กล่าวอันใด ? “ เยี่ยจงขมวดคิ้ว แม้แต่อยู่ในลัทธิแห่งดวงดาวแห่งนี้ยังคงไม่วายที่จะมีอันตราย

 

“ จำนวนศิษย์สายในของลัทธิแห่งดวงดาวของเราถือได้ว่ามีน้อยซะยิ่งกว่าน้อย แต่ว่าในลัทธิแห่งดวงดาว มีแค่เพียงศิษย์สายในถึงจะมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะได้รับทรัพยากรและสถานที่ในการฝึก และวิชายุทธ์ภายในตำหนักฝึกยุทธ์ ก็เปิดให้พวกเราเขาไปอย่างไม่จำกัด แต่ว่าศิษย์สายนอกนั้นไม่เหมือนกัน พวกเขาโดยส่วนมากแล้วให้ความสำคัญกับลัทธิแห่งดวงดาวเป็นอย่างมาก ดังนั้น ศิษย์สายนอกเหล่านั้นมีไม่น้อยที่ไม่พอใจพวกเราเหล่าศิษย์สายใน “ ซูหยี่กล่าวออกมาด้วยอารมณ์แปลกประหลาด “ อีกทั้ง นับตามกฎของลัทธิแห่งดวงดาวของพวกเรา ขอเพียงมีความสามารถที่จะสามารถล้มศิษย์สายในลงได้ เช่นนี้ศิษย์สายนอกก็จะมีสิทธิ์ในการแย่งชิงสถานะของศิษย์สายในได้ สิ่งนี้ก็เหมือนเป็นแรงพลักดันให้ก้าวต่อไปข้างหน้าของพวกเขาเหล่าศิษย์สายนอก ภายในหนึ่งปี จะต้องมีศิษย์สายในอยู่ส่วนหนึ่งต้องถูกแย่งชิงสถานะไป ดังนั้น เจ้าก็ควรจะระวังเอาไว้ซักนิด “

 

“ ลัทธิแห่งดวงดาวแห่งนี้ ก็น่าสนใจไม่เบานิ “ การที่ได้เริ่มเข้าใกล้และทราบรายละเอียดของลัทธิแห่งดวงดาวเพิ่มอีกก้าว ทำให้เยี่ยจงเกิดความวอกแวกขึ้นชั่วขณะ และอดไม่ได้ที่จะต้องส่ายศีรษะไปมา ดูเหมือนลัทธิแห่งดวงดาวจะมีอยู่หลายส่วนที่มากเกินกว่าที่เขาคาดเดาเอาไว้

 

ระหว่างที่พูดคุยกันอยู่ กับการนำทางของซูหยี่ ทั้งสองคนก็ได้มาถึงตำหนักขนาดใหญ่ด้านหน้าที่อยู่ในสนามแห่งนี้ เห็นได้ชัดว่าการมีอยู่ของซูหรี่เป็นที่ดึงดูดได้อย่างมาก ดังนั้นในตอนนี้นางจึงได้ตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนไม่น้อย

 

และท่ามกลางการมองดูเหล่านี้ กลุ่มคนทั้งสองได้เหินเข้าไปยังตำหนักภารกิจอย่างรวดเร็ว

 

ภายในตำหนักภารกิจนั้นใหญ่โตโอฬารมาก ภายในตำหนักนั้น ได้มีไอน้ำที่ส่องเป็นประกายปกคลุมอยู่ในอากาศอยู่นับไม่ถ้วน ทางด้านในมีการข้อเสนอแนะของภารกิจอยู่มากมาย ขอเพียงเจ้ามีพลังฝีมือที่เพียงพอ เช่นนั้นเจ้าก็จะสามารถรับภารกิจในที่แห่งนี้ได้ หลังจากนั้นก็จะได้รับค่าตอบแทน

 

ทว่าสายตาที่มองเข้าไปนั้น ที่แห่งนี้ภารกิจโดยส่วนมากก็จะเป็นภารกิจระดับต่ำ ภารกิจระดับกลางไม่ถือว่ามีมากมาย รวมทั้งภารกิจระดับสูงแทบสามารถใช้นิ้วมือนับได้เลย

 

เมื่อมองดูไปยังฉากเบื้องหน้าด้วยความแปลกใจ เยี่ยจงก็ค่อยๆยิ้มออกมา ลัทธิแห่งดวงดาวก็ช่างน่าสนใจอยู่ไม่น้อย ต้องทราบว่า ในครั้งนี้ตนเองและซูหยี่สำเร็จลุล่วงภารกิจระดับสูง ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ใหญ่โตเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว

.

.

.

.

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset