เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 071 สุนัขไล่กัดไก่ดิน

ตอนที่ 071 สุนัขไล่กัดไก่ดิน

 

 

 

“ ข้าไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้ามีที่มาที่ไปยังไง ทว่าวันนี้เจ้าได้ทำให้ข้าหลี่ฝานต้องขายหน้ามากมายถึงเพียงนี้ แน่นอนว่าเรื่องราวจะไม่อาจผ่านเลยไปอย่างง่ายดายแน่นอน “ ชายหนุ่มผมยาวใบหน้าดุดันจ้องมองไปทางด้านเยี่ยจง ภายในดวงตาแฝงไว้ด้วยความโกรธแค้นที่มิอาจปกปิดเอาไว้ได้

 

“ ข้าให้พวกเจ้าหยุดมือแล้วหรือยัง ? “ เยี่ยจงราวกับมองไม่เห็นเขาเลยก็มิปาน และกวาดตาจ้องมองไปทางด้านหลี่ฝานและผู้ติดตามนับสิบคราหนึ่ง

 

“ เพี๊ยะ “

 

ภายใต้การจ้องมองของเยี่ยจง คนหนึ่งภายในกลุ่มตัดสินใจที่จะยังคงตบไปที่ใบหน้าของตนต่อไป ในครานี้ หลี่ฝานก็ยังต้องกรอกดวงตาไปมาอย่างช่วยไม่ได้

 

เจ้าเด็กน้อยผู้นี้ก็รังแกผู้คนจนเกินไปแล้วมั่ง ?

 

“ เจ้าพวกขยะไร้ค่ากลุ่มหนึ่ง “ หลี่ฝานใบหน้าแสดงถึงความโกรธ ออกเท้าถีบออกไปยังคนที่ตัดสินใจตบหน้าตนเองต่อไปจนลอยกระเด็นออกไป และจากนั้นเขาก็จ้องมองไปทางเยี่ยจงด้วยรังสีการฆ่าฟันอันเข้มข้น หลังจากการปรากฏตัวของเขา เยี่ยจงยังคงอาจหาญเช่นนี้ ราวกับว่าไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเสียด้วยซ้ำ

 

“ เจ้าก็คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังชี้นิ้วสั่งการเจ้าพวกขยะไร้ค่าพวกนี้งั้นหรือ คิดที่จะให้เจ้าพวกเด็กน้อยนี้มาแย่งชิงบ้านพักของพี่น้องข้า ? “ เยี่ยจงยังคงจดจ้องมองต่อไป จนกระทั่งมองมาถึงร่างของหลี่ฝาน “ แม้ว่าข้าจะไม่ทราบว่าเหตุใดเจ้าถึงได้มีความกล้าที่จะลงมือต่อพี่น้องของข้า ทว่าเจ้าถ้าเจ้าตบหน้าตนเองร้อยครา เรื่องราวในวันนี้ก็จะให้ผ่านเลยไปละกัน “

 

“ อะไรนะ ? “

 

“ เจ้าเด็กน้อยที่ไม่รู้ว่ามีที่มาที่ไปผู้นี้บ้าไปแล้วหรืออย่างไร ? นั้นเป็นถึงสิบสุดยอดยอดฝีมือของสายนอกเชียวนะ หลี่ฝานผู้ที่จัดอยู่ในอันดับที่แปดเชียวนะ เขาถึงกับไม่รู้เลยหรือไง ? “

 

“ ทว่าเด็กน้อยผู้นี้ก็มีศิษย์พี่หญิงซูหยี่คอยหนุนหลังอยู่แล้วละก็ เขายังต้องเกรงกลัวผู้ใดกันอีก “

 

“ แต่ว่า หลี่ฝานก็มีคนรู้จักอยู่ในสาขาในงั้นหรือ ? คนผู้นั้นก็ใม่แน่ว่าจะเกรงกลัวศิษย์พี่หญิงซูหยี่ “

 

ทั่วทั้งสี่ทิศต่างมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ออกมาไม่ขาดสาย และจากที่ได้ยินได้ฟังมา หลี่ฝานก็สังเกตุเห็นซูหยี่ผู้ที่คอยหนุนหลังเยี่ยจงอยู่บริเวณไม่ไกลมากนัก และจากนั้นสีหน้าก็เกิดความชาด้านสายหนึ่ง “ ซูหยี่ เราท่านที่แล้วมาไร้วาสนาต่อกันวันนี้ก็ยังคงไร้ความแค้น เหตุใดท่านต้องนำพาผู้คนมาเหยียบย้ำข้าถึงถิ่นกัน “

 

นัยน์ตาของซูหยี่ไร้การตอบสนองใดๆ แต่ก็มิได้กล่าวอันใดออกมา

 

“ คำพูดไร้สาระของเจ้าถึงได้ว่ามีไม่น้อย “ เยี่ยจงส่ายศีรษะไปมา นัยน์ตาเริ่มที่จะมีความเย็นชาเล็กน้อยปรากฏให้เห็น เขาจ้องมองหลี่ฝาน แล้วจึงค่อยๆตอบ “ เจ้าวางใจได้เลย ศิษย์พี่หญิงซูหยี่คงไม่เบื่อหน่ายจนถึงกับต้องมาลงมือกับเจ้าพวกขยะไร้ค่าเช่นพวกเจ้าหรอก ข้าเองก็ไม่ได้สนใจพวกเจ้าอะไรมากมายนัก เพียงแต่ว่า ในเมื่อเจ้ายังยินดีที่จะตบหน้าตนเอง แสดงความรับผิดชอบให้พี่น้องของข้าแล้วละก็ เช่นนั้นข้าก็คงต้องลงมือเอานำความรับผิดชอบกลับมาด้วยตนเองแล้ว “

 

หลี่ฝานเกิดความลังเลครู่หนึ่ง ราวกับได้ยินเรื่องที่ขบขันก็มิปาน อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เขาจ้องมองไปยังบริเวณท่ามกลางสนามคราหนึ่ง หัวเราะฮาฮาแล้วกล่าว “ ทุกท่านได้ยินแล้วใช่หรือไม่ ? เขากล่าววาเขาต้องการให้ข้าแสดงความรับผิดชอบ ? หรือเขาจะไม่รู้สึกว่า การปรากฏตัวของข้าหลี่ฝาน จะสามารถละเว้นเขาไปได้กัน ? “

 

หลังจากที่เงียบงัน มียอดฝีมือไม่น้อยที่ต้องแสดงอารมณ์ออกมาด้วยความสงสัยขึ้นมา ฝีมือของหลี่ฝานผู้นี้ก็ไม่ถือว่าธรรมดา อีกทั้งยังมีคนใหญ่โตที่อยู่สาขาในคอยหนุนหลังอีก เบื้องหน้าสายตาไม่ทราบว่าปรากฏเด็กน้อยออกมาจากที่ใด เกรงว่ายังมิอาจที่จะทำความกระจ่างเหล่านี้ได้

 

“ เจ้าหนู ตอนนี้ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง คุกเข่าลง ตบหน้าตนเอง ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ วันหน้าหากเจ้ายังอยู่ในลัทธิแห่งดวงดาวแห่งนี้ จะไม่มีวันคืนอันเป็นสุขได้อีกเลย “ หลี่ฝานหัวเราะอยู่อีกครู่หนึ่ง จนกระทั่งได้มองไปที่เยี่ยจงอีกครั้ง จึงเอ่ยปากกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

 

“ คุกเข่า จากนั้นก็ตบหน้าตนเองงั้นหรือ ? “

 

เยี่ยจงพยักหน้าอยู่หลายครา และจากนั้นก็ยื่นมือขวาออกไป สะบัดออกมาเบาๆ “ ลงมือเถอะ ทว่าเจ้าวางใจได้เลย ขอเพียงอีกสักครู่เจ้าคุกเข่าลงตบใบหน้าตนเอง เรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ของพวกเราก็ถือได้ว่าให้ผ่านพ้นไป ไม่ดีหรือ ? “

 

เยี่ยจงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงดุดัน จนทำให้นัยน์ตาของหลี่ฝานในตอนนี้ต้องแปรเปลี่ยนราวกับดูดาบเฉือนจนบาดเจ็บก็มิปาน ความเยือกเย็นที่มีอยู่ จากที่เขามองเข้าไป ในตอนที่ม่อฝานเขาปรากฏตัว ไม่ทราบว่าเจ้าเด็กน้อยไม่ทราบที่มาที่ไปผู้นี้ต้องเป็นผู้คุกเข่าลงไปจึงจะถูกต้อง แต่ว่าในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ถือได้ว่าทำให้เขาเกิดความเร้าร้อนขึ้นมาได้ไม่น้อย ฉากเบื้องหน้านี้ ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่เขาไม่อยากที่จะพบเจอที่สุด

 

“ ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ “

 

หลี่ฝานหัวเราะด้วยเสียงที่เย็นชาสายหนึ่ง และหลังจากนั้นก็ก้าวออกไปหนึ่งก้าว สองมือใช้ออกผิดเวลา และในการเคลื่อนไหวของเขา ลมปราณของเขาก็ได้ทำให้เลือดลมแปรปรวน แรงกดดันอันน่าหวาดกลัวชนิดหนึ่ง ได้ค่อยๆไหลเวียนออกมา ทำให้ยอดฝีมือที่กำลังดูอยู่ทั่วทั้งสี่ทิศต้องเปลี่ยนสีหน้าคราหนึ่ง ต่อให้เป็นหวังโม่ตอนนี้ก็ยังแสดงสีหน้ากังวลออกมา มีเพียงแค่ซูหยี่ที่มองไปทางหลี่ฝานด้วยความเห็นใจ

 

พลังขั้นก่อเกิดขั้นที่สี่ เพียงแต่ว่า พลังฝีมือของหลี่ฝานผู้นี้น่าจะมีความแข็งแกร่งมากกว่าฉู่หวินผู้นั้นเพียงเล็กน้อย เริ่มเข้าใกล้สู่พลังขั้นก่อเกิดขั้นที่ห้า สมควรเหลือเพียงอีกแค่ก้าวเดียวก็สามารถผ่านขึ้นไปได้

 

“ เด็กน้อย ตอนนี้ถ้าเจ้าเกิดรู้สึกเสียใจขึ้นมา ก็ถือได้ว่าสายเกินการณ์ไปแล้ว “

 

สายตาของหลี่ฝานทอประกายเย็นเยียบ แสยะริมฝีปากเล็กน้อย ร่างกายก็ปะทุขึ้นออกมาในทันใด และมือขวาของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีทองในทันที ราวกับฝ่ามือที่ประทับด้วยแสงสีทองสายหนึ่งก็มิปาน มุ่งกวาดเข้าไปหาบริเวณที่เยี่ยจงอยู่อย่างดุร้าย เห็นได้ชัด หลี่ฝานผู้นี้มิได้ตัดสินใจที่จะยั้งมือไว้ไมตรีเลย เขาเตรียมตัวภายในกระบวนท่าแรก ก็จะทำให้เจ้าเด็กน้อยเบื้องหน้าที่ไม่รู้จักความตาย ได้ถูกทุบตีตายจนจมดิน

 

จากที่ได้มองดูการโจมตีอันน่าหวาดกลัวนี้ ทว่าสีหน้าของเยี่ยจงก็ยังคงไม่มีอันใดเปลี่ยนแปลง เพียงแต่ว่าทันใดนั้นต่อมา บริเวณหมัดของเขาก็ได้อัดแน่นไปด้วยพลังกระบี่ตราประทับชั้นที่ห้าอย่างรวดเร็ว และจากนั้นเยี่ยจงก็ได้ใช้ออกดวยพลังหมัด ทันใดนั้นก็ได้พุ่งปะทะไปบริเวณด้านหน้า

 

“ เปรี้ยง “

 

ราวกับว่าไม่เห็นวิชานี้อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย พลังหมัดอันดุดันได้เข้าปะทะด้วยกัน เสี้ยววินาทีนั้น พลังหมัดที่ปะทะกันก็ได้มีเสียงดังออกมา

 

“ ปุ ชิ่ง “

 

หลี่ฝานร่างกายสั่นเทาในทันที หลังจากนั้นแขนขวาของเขาก็ราวกับชาจนไร้ความรู้สึกก็มิปาน และร่างกายของเขาก็ได้ถูกเตะอย่างโหดร้ายกระเด็นออกไป ในตอนนี้ได้ชนกับผนังและพื้น เลือดสดๆในปากก็ได้กระอักออกมาคำหนึ่ง

 

กระบวนท่าเดียว ทั้งยังไม่มีการหลบหลี่กแต่เข้าปะทะด้วยกระบวนท่าเข้าไป หลี่ฝานผู้นี้ก็พ่ายแพ้ได้จนน่าอนาถได้ถึงเพียงนี้ ? ราวกับว่าไม่มีอันใดน่าสนใจ

 

ในขณะนั้นทันทีทันใด ทั่วทั้งสนามก็ได้มีเสียงดังออกมาด้วยความตกใจนับไม่ถ้วน มีคนไม่น้อยที่ยากที่จะเชื่อในสิ่งที่เห็นในฉากเบื้องหน้า กระทั่งที่มาของเด็กน้อยที่ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดนั้นมาจากที่ใด ? เหตุใดเขาถึงได้แข็งแกร่งจนถึงขั้นนี้กัน ?

 

และเหล่าผู้ติดตามของหลี่ฝาน ตอนนี้แต่ละคนก็อ้าปากตาค้างอยู่ ถึงแม้พวกเขาจะทราบว่าเยี่ยจงนั้นแข็งแกร่ง แต่ว่าก็คิดไม่ถึงว่า แม้แต่พี่ใหญ่ของพวกเขา ที่จัดอันดับอยู่ในสิบสุดยอดฝีมือลำดับที่เก้าหลี่ฝานก็ยังมิใช่แม้กระทั่งคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อเลย เจ้าเด็กน้อยผู้นี้ที่แท้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่

 

ต่อให้เป็นหวังโม่ ตอนนี้ก็ต้องเกิดอาการลังเลขึ้น กระนั้นก็ตามใบหน้าก็ยังปกคลุมไปด้วยสีหน้าแห่งความสุข ถึงแม้ว่าเข้าจะไม่ทราบว่าพี่น้องของตนเองผู้นี้เพราะเหตุใดถึงได้แข็งแกร่งได้จนถึงขั้นนี้ แต่ว่าเขาก็รู้สึกได้ว่ามีความสุขอย่างแท้จริง

 

จากการที่ซูหยี่มิได้แสดงอารมณ์ใดๆ ในช่วงเวลาที่หลี่ฝานผู้นี้มาหาเรื่องถึงหน้าบ้าน นางก็ทราบได้ถึงผลสรุปแล้ว สิบสุดยอดฝีมือสาขานอกอันใด เกรงว่ามีเพียงจัดอยู่ในห้าอันดับแรกเท่านั้นที่มีคุณสมบัติเพียงพอให้เยี่ยจงลงมือ อีกทั้งศิษย์สาขานอกอื่นๆอีกนั้น ต้องต่อกรกับเยี่ยจงแล้วละก็ โดยส่วนมากแทบจะไม่แตกต่างจากการหั่นผักเลย

 

“ เจ้า ……… เจ้าที่แท้เป็นใครกัน “ หลี่ฝานคลานลุกขึ้นมาด้วยความยากลำบาก ใบหน้าแดงเข้มเอ่ยปากถาม

 

“ ปุ “

 

เยี่ยจงขยับร่างหายไป มาถึงบริเวณด้านหน้าของเขา ใช้เท้าเตะออกไปหนึ่งก้าวโดยที่ไม่เกรงใจ จนทำให้ร่างกายต้องลอยขึ้น

 

“ เจ้าที่แท้เป็น ………. “

 

“ ผัวะ “

 

“ เจ้า …….. “

 

“ ผัวะ “

 

แท้จริงแล้วแทบจะไม่ให้โอกาสหลี่ฝานในการถามกล่าวหรือพูดคุยเลย เยี่ยจงยังคงเตะออกไป นับตั้งแต่ลงสู่สนามมา เด็กน้อยผู้นี้ก็ถูกกดดันจากผู้อื่นมาโดยตลอด ถูกเยี่ยจงเหยียบย่ำแล้วเหยียบย่ำเล่าราวก็สุนัขก็มิปาน เมื่อท้ายที่สุด แม้แต่เรี่ยวแรงในการกระอักเลือดก็ยังต้องหมดไป

 

กระดูกซี่โครงบนร่างของเขาอย่างน้อยก็หักไปแล้วถึงสิบชิ้น ลักษณะอันเยือกเย็นที่มีมาในตอนแรก ก็ได้ถูกเยี่ยจงข่มขู่จนขวัญหนีดีฝ่อไปตั้งแต่แรกแล้ว ในตอนนี้ เด็กน้อยที่ได้ชื่อว่าสิบสุดยอดฝีมือของสาขานอกที่จัดอยู่ในอันดับที่แปด มิได้มีลักษณะท่าทางที่เรียกได้ว่ายอดฝีมือแม้สักนิด

 

“ เปรี้ยง “

 

เยี่ยจงพุ่งทะลวงออกไป และจากก็ได้เหยียบเท้าลง เหยียบลงไปบริเวณหน้าอกของหลี่ฝานโดยตรง จนทำให้หน้าอกต้องยุบลงไป และจากนั้นก็ต้องกระอักเลือดออกมาคำโต หากมิใช่ว่าเยี่ยจงลงมือไว้ไมตรีเอาไว้ หากมิใช่ไม่ต้องการที่จะทำเรื่องราวจนถึงกับเอาชีวิตผู้คนในตอนที่ยังอยู่ภายในลัทธิแห่งดวงดาวแล้วละก็ เช่นนั้นเกรงว่าหลี่ฝานในตอนนี้คงจะตายไปแล้ว

 

“ เยี่ยจง เขาคือเยี่ยจง เมื่อครู่ฉู่หวินก็ถูกเขาทุบตีจนกระอักเลือดออกมา อีกทั้งแม้แต่อาจารย์ของฉู่หวิน ผู้อาวุโสฉาหยี่ก็ยังต้องออกหน้ามา แต่ก็มิอาจที่จะทำอะไรเขาได้ จากที่ได้ยินมาเขาเป็นศิษย์สายในมาใหม่ของลัทธิแห่งดวงดาวของพวกเรา จัดอยู่ในอันดับที่หนึ่งร้อยแปด “

 

ในเมื่อได้เปิดเผยเรื่องราวออกมา ก็ได้มีการรวมตัวของศิษย์ของลัทธิแห่งดวงดาวเข้ามายิ่งมายิ่งมาก และจากนั้นก็มีคนดูเหมือนคุ้นเคยที่เบื้องหน้า จนกระทั่งนึกออกถึงสถานะภาพของเยี่ยจง

 

“ อะไรนะ ? เยี่ยจง ? คงมิใช่เยี่ยจงแห่งตระกูลเยี่ยนั้นหรอกนะ ? “

 

“ ความห่างไกลก็มากจนเกินไปน้อยแล้วมั่ง ? “

 

“ ผัวะ “

 

แล้วก็ได้กระอักโลหิตสดๆออกมาอีกคำ หลี่ฝานกระทั่งคลานลุกขึ้นมาอย่างยากลำบาก จดจ้องไปที่เยี่ยจงอยู่ในดวงตา สีหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความตื่นตกใจและความตระหนก “ เจ้าก็คือเยี่ยจง ? ที่ทำภารกิจระดับสูงสำเร็จพร้อมกับซูหยี่ผู้นั้นอย่างนั้นหรือ ? “

 

“ ใช่แล้วจะเป็นไร ? “ เยี่ยจงเอ่ยปากกล่าวอย่างดุดัน ขยับร่างกายคราหนึ่ง ก็ได้เตรียมตัวที่จะลงมือต่อไป ดูไม่ออกว่าหลี่ฝานผู้นี้พึ่งถูกทุบตีไป

 

“ ที่แท้ก็เป็นเจ้า เด็กน้อย เจ้ารอก่อนเถอะ เรื่องราวจะไม่จบเพียงแค่นี้แน่นอน “ หลี่ฝานรู้สึกเกรงกลัวเยี่ยจงจนถึงขีดสุด ตอนนี้ก็คุกเข่าลง แม้เขาจะคิดอยากที่จะเหินบินถอยหนี แต่ว่าเขาก็มิอาจที่จะเสียหน้าได้อีกแล้ว ยังคงชักสีหน้าเย็นชากล่าวคำพูดแค้นเคืองออกมา ต้องการที่จะเอาหน้ากลับคืนมาอีกเพียงซักนิด

 

“ เมื่อครู่ข้ามิใช่บอกไปแล้วหรือ เจ้าคงไม่ได้ลืมไปแล้วหรอกนะ ? หากว่าลืมเลือนไปแล้วละก็ เกรงว่าเจ้าคงหลบหนีไม่ได้แล้วละ “ เยี่ยจงเมื่อพบเห็นหลี่ฝานเป็นเช่นนี้ แต่ก็มิได้รีบร้อนที่จะลงมือ ทว่าเขาก็ทำแค่เพียงจ้องมองไปที่หลี่ฝานอย่างดุดัน จนกระทั่งร่างกายทางด้านหลังได้รู้จักกับความหมายของคำว่าสั่นเทาขึ้นมา

 

เขาทราบด้วยตัวเองว่าเยี่ยจงต้องการที่จะให้เขาทำอันใด แต่ว่าถ้าหากเขาคุกเข่าลงตบที่ใบหน้าตนเองจริงๆแล้วละก็ เช่นนี้ไม่ใช่ให้เขาไปตายยังจะง่ายกว่า

 

“ เยี่ยจง อยากที่จะให้ข้าคุกเข่าลงคงเป็นไปไม่ได้แล้ว ข้าก็ไม่เชื่อว่า วันนี้เจ้าจะกล้าทุบตีข้าให้ตายในที่แห่งนี้ “ หลี่ฝานกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงติดขัด กัดฟันกล่าวออกมา

 

“ ทุบตีเจ้าให้ตายงั้นหรือ ข้าคงไม่ทำหรอก นี้คือกฎของลัทธิแห่งดวงดาวไง “ เยี่ยจงยิ้มออกมา “ เจ้าต้องยินดีเอาไว้ หากว่าที่แห่งนี้มิใช่ลัทธิแห่งดวงดาวแล้วละก็ ไม่ทราบว่าเจ้าได้ตายไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ดังนั้นเจ้าก็โปรดวางใจ ข้าไม่อาจเอาชีวิตของเจ้าไปได้หรอก ทว่า ถ้าหากข้าทุบตีพวกเจ้ากลุ่มนี้ทั้งหมดจนแขนขาหักของแล้วละก็ ข้าคิดว่า เหล่าศิษย์พี่น้องทั้งหลายที่เคยถูกพวกเจ้ารังแกเป็นประจำเหล่านั้น คงจะต้องถือโอกาสลงมือ ? ถ้าหากทุกคนลงมือพร้อมกันมากมายพร้อมกัน หากว่ามีคนลงมือหนักไปซักหลายส่วน ลงมือพลาดพลั้งทุบตีตายไปสักหลายคนแล้วละก็ หากในมุมมองของข้า ต่อให้เป็นลัทธิแห่งดวงดาวก็มิอาจเอาผิดกับทุกคนได้หรอก ใช่หรือไม่ ? “

 

“ เจ้า “

 

มองดูเยี่ยจงที่ตอนนี้กำลังยิ้มออกมาอยู่ จนกระทั่งหลี่ฝานเกิดการสั่นสะท้านขึ้นมา ปรากฏความเสียใจปกคลุมไปทั่วทั้งจิตใจ ในครั้งนี้ตนเองที่แท้มีความสามารถอยู่แค่ไหนกันแน่

.

.

.

.

 

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset