ตอนที่ 080 ความสัมพันธ์ร่วมมือ
ถ้ำหงหยา เป็นหนึ่งในสถานที่อันลี้ลับแห่งหนึ่งของในรัฐต้าโจวหวังเฉา กล่าวกันว่าถ้ำหงหยาแห่งนี้จะเปิดขึ้นหนึ่งครั้งทุกๆสามปี และในช่วงเวลาที่เปิดขึ้นทุกครั้ง ท่ามกลางถ้ำหงหยา ก็จะมีเหล่าสมบัติยุทธ์โบราณอันยิ่งใหญ่ของ*ต้งฟู่
หากเปรียบเทียบความสำคัญแล้วรูปแบบต่างๆแล้วละก็ ถึงแม้อารามก่อฟ้าที่อยู่ภายในรัฐต้าโจวหวังเฉาจะมีชื่อเสียงมากมาย แต่ว่ามันก็มิอาจนำมาเปรียบเทียบกับถ้ำหงหยาได้
อย่างน้อย ภายในอารามก่อฟ้ามีอันใด ผู้คนหลายคนในรัฐต้าโจวหวังเฉาต่างก็พอที่จะทราบ แต่ว่าภายในถ้ำหงหยาที่แท้จะมีเกิดอันใดขึ้น ก็มิอาจมีผู้คนสามารถคาดเดาได้
ตามคำบอกเล่าเกี่ยวกับถ้ำหงหยาแห่งนี้ เยี่ยจงก็เคยได้ยินมาบ้าง ดังนั้นถ้านับตามนิสัยใจคอของเขา ตอนนี้ก็นับได้ว่ามีความสนใจอยู่หลายส่วน
“ สามปีก่อนหน้า ลัทธิแห่งดวงดาวได้ส่งศิษย์สายในจำนวนหนึ่งไป รวมตัวกันเป็นกลุ่มเข้าสู่ภายในถ้ำหงหยา เพียงแต่ว่าหลังจากที่เข้าไปด้านในแล้ว พวกเขากลับมิได้ออกมาอีกเลย และในครั้งนั้นที่พวกเขารับภารกิจสำนักมา ก็คือการเข้าไปภายในถ้ำหงหยาเพื่อไปเสาะหาดอกหยินหยางห้ากลับดอกหนึ่ง “ หลิงเยวรายตอนนี้ก็ไม่กล่าวมากความ และได้เริ่มที่จะกล่าวออกมาถึงหัวข้อหลัก
“ และภารกิจของพวกเราในครั้งนี้ ก็คือการเข้าสู่ภายในถ้ำหงหยา ไขความกระจ่างเมื่อสามปีก่อนที่แท้เกิดเรื่องราวอันใดขึ้น ท้ายที่สุดศิษย์ของลัทธิแห่งดวงดาวเรา มิใช่กล่าวได้ว่าตายก็ถือว่าตาย ยังคงต้องมีการไขให้กระจ่าง มิใช่หรือ ? “ หลิงเยวี่ยถามเสียงแผ่วเบา “ แน่นอน ในระหว่างนั้นเอง ถ้าหากสามารถเสาะหาดอกหยินหยางได้ละก็ ตามข้อตกลงที่สัญญาไว้ของพวกเรา ดอกหยินหยางนั้นก็จะเป็นของเจ้า “
“ เหตุใดถึงได้เป็นข้า ? “ เยี่ยจงพยักหน้าไปมา แต่ว่าหลังจากที่ได้เกาที่ศีรษะแล้วถาม “ ศิษย์พี่หญิงหลิงเยวี่ยท่านสมควรทราบว่า พลังฝีมือของข้าภายในลัทธิแห่งดวงดาวไม่นับเป็นอันใดได้ เข้าสู่ถ้ำหงหยาแล้วละก็ บางทีถ้าเลือกบุคคลอื่นมาคงจะดีกว่า ? “
“ ไม่ เจ้าถือเป็นตัวเลือกหนึ่งที่ดีที่สุดแล้ว “ หลิงเยวี่ยยิ้มออกมา “ ข้าว่าศิษย์ลัทธิแห่งดวงดาวแม้จะมาก แต่ว่าก็มิใช่ว่าทุกคนจะสามารถที่จะร่วมมือกัน “
หลังจากที่นิ่งเงียบงัน เยี่ยจงก็สั่นคราหนึ่ง ทันใดนั้นก็เหมือนจะเข้าใจขึ้นมา ท่ามกลางภายในลัทธิแห่งดวงดาว ต่อให้เป็นศิษย์สาขาในท่ามกลางการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นก็ถือได้ว่ามากมายอยู่ หลิงเยวี่ยผู้นี้ถึงแม้พลังฝีมือจะดูเหมือนน่าตกใจ แต่ว่าถ้านางต้องการเหล่าศิษย์ที่พลังฝีมือแข็งแกร่งของลัทธิแห่งดวงดาวมาร่วมมือกันทำภารกิจแล้วละก็ เช่นนั้นการทำภารกิจในครั้งนี้ นางก็ใช่ว่าจะสามารถควบคุมกันด้วยกำลังแทนคำพูด ในข้อนี้ถือได้นางไม่อยากที่จะเจอเลย
และบุคคลเช่นตนเองนี้ มีพลังฝีมือที่แน่นอน และเป็นศิษย์ที่นางไม่จำเป็นต้องกล่าวคำพูดเพื่อแย่งชิงอันใดแต่อย่างไร ถือได้ว่าเป็นบุคคลที่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
“ ข้ายังมีอีกหนึ่งคำถาม “ เยี่ยจงหลังจากที่คิดใคร่ครวญ “ ต่อให้ศิษย์พี่หญิงหลิงเยวี่ยท่านยอมรับ แต่ว่าในคณะของพวกเรายังมีอีกสามคน ในสามคนนี้หากไม่ยอมรับในเรื่องให้ดอกหยินหยางแก่ข้าแล้วละก็ เช่นนั้นจะจัดการเช่นไร ? “
ควรทราบว่า ดอกหยินหยางนั้นมีราคาที่สูงมาก ต่อให้อยู่ภายในลัทธิแห่งดวงดาว การที่จะเสาะหาดอกหยินหยางก็ยังถือได้ว่าเป็นหนึ่งในภารกิจสำนักระดับสูง ดังนั้นคำถามของเยี่ยจงก็ถือได้ว่าตรงประเด็นที่สุด หากมิใช่รวมกลุ่มกัน ตนเองเพื่อโอสถดอกเดียวตนเองยังต้องลงแรงมากมายอีกงั้นหรือ ?
“ นอกจากเจ้าข้าแล้ว ในการเข้าร่วมภารกิจในครั้งนี้ ยังมีศิษย์น้องหญิงซูหยี่ ก็เป็นศิษย์น้องหญิงซูหยี่เองที่แนะนำเจ้าให้กับข้า ดังนั้นที่ทราบว่าเจ้าจะมาในวันนี้ ข้าถึงได้ลงมือทดสอบด้วยตนเองอยู่คราหนึ่ง “ หลิงเยวี่ยหัวเราะดังๆแล้วกล่าว “ และนอกจากนางแล้ว นอกเหนือจากนั้นยังมีศิษย์สายในอีกสองคน พวกเขาต่างก็ถือได้ว่ามีความรู้จักมักคุ้นกับข้า ขอเพียงทุกคนก่อนที่จะเข้าสู่ถ้ำหงหยาก็จัดการเรื่องแบ่งสิ่งของให้ดี ก็ไม่นับได้ว่าเป็นปัญหาใหญ่อันใด เพียงแต่ว่า ดอกหยินหยางนี้มีราคาที่สูงมาก หากศิษย์น้องเยี่ยจงตัดสินใจที่จะเอาดอกหยินหยางให้ได้แล้วละก็ เช่นนั้นเกรงว่าของสิ่งอื่น เจ้าก็คงไม่ได้เลือกได้อีกแล้ว “
หลังจากเงียบงัน จากนั้นเยี่ยจงก็ได้ครุ่นคิด ค่อยพยักหน้าอย่างช้าๆ เท่าที่เขาทราบ ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็จะเป็นดอกหยินหยาง เมื่อสามารถครอบครองดอกหยินหยาง เขาถึงจะสามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นก่อเกิดขั้นที่หกได้ ในสถานการณ์เช่นนี้ ท่ามกลางถ้ำหงหยายังมีสิ่งอื่นให้เก็บเกี่ยวได้ก็ตาม เขาก็ไม่แม้แต่จะแลดู
เมื่อพบว่าเยี่ยจงพยักหน้า ใบหน้าของหลิงเยวี่ยก็ปกคลุมไปด้วยรอยยิ้มชั้นหนึ่ง หลังจากที่นางยิ้มแล้วยิ้มอีก ก็กล่าวเสียงแผ่วเบา “ในเมื่อศิษย์น้องเจ้าตกลงแล้วละก็ เช่นนั้นพรุ่งนี้เช้าวันรุ่งขึ้นพวกเราก็ไปรวมตัวกันที่ทางเข้าของลัทธิแห่งดวงดาวกัน เมื่อถึงเวลานั้น ข้าค่อยแนะนำอีกทั้งสองคนที่เหลือให้เจ้าได้รู้จัก
เยี่ยจงพยักหน้าหลายครา จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนจากไปในทันที ภารกิจระดับสูงประจำสำนักถ้ำหงหยานี้ เห็นได้ชัดว่าความยากหากเทียบกับครั้งที่แล้วที่ไปทำภารกิจสำนักที่อารามก่อฟ้านั้นสูงขึ้นหลายเท่า ดังนั้น เยี่ยจงก็ยังไม่แน่ใจว่าเขาจะต้องจากไปนานเท่าไร ดังนั้นก่อนที่จะจากไป ยังคงมีเรื่องที่ต้องจัดการให้เสร็จสิ้นให้เรียบร้อย
……
“ ตูม “
ท่ามกลางบ้านพักอื่น บริเวณหน้าประตูใหญ่ของบ้านพักอันเงียบสงบแห่งหนึ่งกลับถูกเตะจากเปิดออก
บุคคลเช่นหลอหลงและพวกที่กำลังฝึกปรืออยู่ด้านในกลับต้องกระโดดขึ้นมาในทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ กับสถานภาพเช่นพวกเขา ยังมีผู้ใดที่บังอาจที่จะมาหาเรื่องถึงหน้าบ้านกัน ?
“ ผู้ใด คิดว่าที่แห่งนี้ของพวกเราเข้ามาได้ง่ายๆงั้นหรือ ? เจ้า “
หลี่ฝานลุกขึ้นมาเป็นคนแรก เอ่ยปากร้องเฮ้อด้วยความเจ็บปวด เพียงแต่ว่าคำพูดพึ่งกล่าวออกไปเพียงครึ่งหนึ่ง เขาก็กล่าวออกมาด้วยเสียงที่สั่นเครือ แล้วก็ได้ค่อยๆนำอีกครึ่งประโยคกลืนกลับไป
“ เยี่ยจง ……. “
ตอนนี้หลอหลงได้เดินออกมาจากบริเวณที่เก็บตัวฝึกฝน ปรากฏสีหน้าขบเคี้ยวเขี้ยวฟันให้เห็นอยู่หลายส่วนจ้องมองไปยังผู้ที่อยู่ด้านนอกของลานบ้าน ที่แย้มยิ้มอยู่ทั้งใบหน้าของเยี่ยจง
“ เยี่ยจง นับตามกฎตามบ้านพัก ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็มิอาจที่จะรบกวนการฝึกฝนของศิษย์ที่กำลังฝึกปรือในบ้านพักได้ เจ้าตอนนี้หมายความว่าอย่างไร ? คิดที่จะทำลายกฎของบ้านพักอื่นงั้นหรือ ? “ หลอหลงจับจ้องไปที่เยี่ยจง หนังตากระตุกสายหนึ่ง ทว่าเขาถึงแม้จะเป็นบุคคลเช่นเขาก็ตาม หลังจากนั้นก็เดินหน้าขึ้นมาหนึ่งก้าว จ้องมองไปอย่างเยียบเย็นไปทางด้านเยี่ยจงแล้วเอ่ยปากกล่าว
“ ข้ามิได้เข้าสู่ภายในบ้านพักของพวกเจ้า ไม่ถือได้ว่าทำลายกฎหรอกนะ ? “ เยี่ยจงหัวเราะไร้เสียงออกมาคราหนึ่ง เพียงแต่ว่าภายใต้รอยยิ้มที่มีอยู่เต็มใบหน้านี้ได้แฝงไว้ด้วยความเยียบเย็น “ ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้ทำลายกฎ ขอเพียงถอยออกก่อนที่จะเกิดเรื่องภายในลัทธิ แล้วจะมีผู้ใดทำอันใดข้าได้กัน ใช่หรือไม่ ? “
“ เจ้า “ หลังจากที่เงียบงัน ดวงตาของหลอหลงก็ได้ค่อยๆหดลง เขาเข้าใจดี เรื่องเช่นนี้เขาก็เคยทำมาก่อน ขอเพียงไม่ถูกสาขาหลักจับมาเฆี้ยนตี แน่นอนว่าก็ไม่อาจที่จะมีผู้ใดมาทำอะไรตนเองได้ ดังนั้น การกระทำของเยี่ยจงในตอนนี้หลอหลงนั้นถือว่ารู้ดีอยู่แก่ใจอยู่แล้ว
“ เยี่ยจง ในครั้งนี้พวกเราไม่ได้ไปรังควานเจ้าเลย เจ้ากลับมาหาถึงที่ เจ้าที่แท้ต้องการอันใดกันแน่ ? “ หลังจากที่ครุ่นคิด หลอหลงก็ได้เอ่ยปากกล่าวด้วยน้ำเสียงเจ็บแค้น
“ ข้าก็ไม่ต้องการอะไรหรอก เพียงแต่ว่าแค่มาส่งยาหยอดตาเล็กๆน้อยๆให้พวกเจ้าเท่านั้น “ เยี่ยจงยิ้มออกมาเล็กน้อย “ เร็วๆนี้ข้าก็ต้องไปทำภารกิจสำนักสักครา ข้าไม่คาดหวังว่าเมื่อตอนที่ข้าไม่อยู่ จะมีใครลงมือต่อพี่น้องของข้าอย่างโหดร้าย “
เยี่ยจงมองไปที่ฝ่ามือตนเองมองแล้วมองอีก หลังจากนั้น กระบี่ตราทับขั้นห้าก็ปรากฏขึ้นมาใจกลางฝ่ามือของเขาในทันที
“ เปรี้ยง “
เยี่ยจงซัดฝ่ามือออกอย่างไม่ตั้งใจ วินาทีนั้น ก็พบว่าบริเวณประตูที่อยู่ในบ้าน ได้ปรากฏรอยประทับของฝ่ามือออกมาอย่างชัดเจน รอยประทับของฝ่ามือที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ทำให้แม้แต่บุคคลเช่นหลอหลงยังต้องจำยอม รูม่านตาหดลงในทันที
“ ดังนั้น ในช่วงระยะเวลาที่ข้าไม่อยู่นี้ มรสุมก็ได้พัดผ่านไปแล้ว แต่ว่าถ้าหากหวังโม่เกิดเรื่องราวใดๆขึ้นมา แล้วข้าทราบว่ามีคนลงมืออย่างโหดร้ายในตอนที่ข้าไม่อยู่แล้วละก็ เช่นนั้นข้าก็จะมาคิดบัญชีกับเจ้าหลอหลง จงจำไว้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดลงมือ บัญชีนี้ ข้าก็จะคิดไว้อยู่ที่เจ้าหลอหลง ลำบากเจ้าแล้ว “
กล่าวจบ เยี่ยจงก็ยิ้มออกมา และจากนั้นก็หันกายก้าวยาวๆจากไป
บริเวณทางด้านหลัง หลอหลงเหม่อมองแผ่นหลังของเยี่ยจง แล้วก็กัดฟัน เขาถือได้ว่าเป็นคนที่แข็งกร้าวคนหนึ่ง แต่ว่าคิดไม่ถึงว่าเยี่ยจงจะนิสัยที่แข็งกร้าวมากกว่าเขาอีก ทำให้เขารู้สึกหัวหดไร้ที่เปรียบได้ถึงเพียงนี้
และสิ่งที่ทำให้หลอหลงหวาดกลัวที่สุดก็คือ เขาความจริงคิดไว้ว่าเมื่อได้รับข่าวคราวว่าเยี่ยจงออกไปทำภารกิจสำนัก ความจริงแล้วเขาเตรียมที่จะรอคอยในตอนที่เยี่ยจงจากไปแล้ว จะจัดการหวังโม่โดยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่ว่าก็คิดไม่ถึงว่าเยี่ยจงจะทำเรื่องราวที่ไม่มีเหตุผลเช่นนี้ออกมาได้ ถึงกลับเสาะหามาจนถึงประตูบ้าน
หรือกล่าวได้ว่า ในช่วงเวลาที่เยี่ยจงมิได้อยู่ภายในลัทธินี้ หลอหลงเขาไม่เพียงแต่ไม่สามารถที่จะลงมืออันใดต่อหวังโม่ อีกทั้ง ไม่แน่ยังต้องคอยคุ้มครองเขาด้วย
เมื่อเรื่องราวเป็นเช่นนี้ ทำให้หลอหลงเกือบจะต้องกระอักเลือดออกมา
“ เยี่ยจง เจ้ารอข้าก่อนเถอะ หลังจากที่ในครั้งนี้ข้าก้าวขึ้นไปอีกขั้น ข้าจะเอาเจ้ามาเป็นหินรองเท้าเหยียบให้ได้ “ หลอหลงเอ่ยปากร้องออกมา และจากนั้นหันกายด้วยใบหน้าเยือกเย็น แล้วก็กลับเข้าไปยังภายในบ้านพัก
……
แน่นอนว่าเยี่ยจงมิได้สนใจว่าตอนนี้หลอหลงที่แท้มีการวางแผนมากมายเพียงใด เพียงแต่แค่มาส่งยาหยดตา หรือก็คือเป็นการแจ้งให้เหล่าเด็กน้อยในบริเวณนั้นได้ทราบ หากว่ามีความเห็นอื่นต่อตนเองแล้วละก็ จะทำให้ได้เห็นผลลัพธ์ออกมาว่าเป็นเช่นไรอย่างแน่นอน แต่ว่าถ้าหากคิดที่จะลงมือต่อหวังโม่แล้วละก็ เช่นนั้นตนเองคงไม่อาจที่จะเกรงอกเกรงใจกับคนเหล่านี้แล้ว
เมื่อได้กลับมายังบ้านพักของตนเองแล้ว หวังโม่ได้บอกแก่เยี่ยจงว่า เมื่อครู่ได้มีหญิงสาวได้ใช้นามของเขาว่า ต้องการที่จะให้คัดลอกวิชาคัมภีร์ก่อฟ้าขึ้นอีกชุด ทว่าหวังโม่ก็ได้กล่าวปฏิเสธออกไป
หลังจากที่เยี่ยจงครุ่นคิดแล้ว ก็ได้บอกแก่หวังโม่ หากว่าเซียงฉียวี่มาถามหาอีกครั้งแล้วละก็ ก็มอบวิชาล้างไขกระดูกก่อฟ้าแก่นางก็พอแล้ว ตนเองแม้ว่าจะไม่ต้องการที่จะมีความสัมพันธ์อันใดกับนางอีก
หนึ่งคืนผ่านพ้นไปโดยไร้คำพูด
ยามฟ้าสาง เยี่ยจงก็ได้ตื่นแต่เช้าเตรียมตัวเก็บของเพื่อออกเดินทาง หวังโม่ก็ทราบว่าเขาจะออกไปทำภารกิจสำนัก
เกี่ยวกับพี่น้องของตนเองผู้นี้ เยี่ยจงนั้นมิได้เป็นห่วงอะไรมากมายนัก ความจริงพลังฝีมือของหวังโม่นั้นมิใช่ธรรมดาแต่อย่างไร เพียงแต่ถ้าให้สิ่งที่เหมาะสมกับเขาแล้วละก็ คาดว่าคาดรวดเร็วในการฝึกปรือแน่นอนว่าไม่ช้าอย่างแน่นอน
หลังจากที่ออกจากบ้านพักที่เช่ายืมมาแล้ว เยี่ยจงก็เหินบินอย่างรวดเร็วไปทางด้านบริเวณประตูทางเข้าของลัทธิ จากนั้นประมาณสิบนาที เยี่ยจงก็ได้มาถึงบริเวณทางเข้า
ในช่วงเวลาที่เยี่ยจงได้ปรากฏกายออกมา ในตำแหน่งของทางเข้า ในเวลาเดียวกันก็มีสายตากวาดมองมาถึงสี่สาย เยี่ยจงค่อยๆหรี่นัยน์ตามองคราหนึ่ง ปรากฏว่านอกจากซูหยี่และหลิงเยวี่ยที่ตนเองรู้สึกแล้ว ตอนนี้ยังมีชายหนึ่งหญิงหนึ่งทั้งคนที่เป็นคนแปลกหน้ากำลังยืนกอดอกอยู่บริเวณทางเข้า และเมื่อเห็นว่าเยี่ยจงเดินมาถึง สายตาของทั้งสองที่มองมายังเยี่ยจงก็มีอยู่หลายส่วนที่รู้สึกแปลกประหลาดออกมา
เมื่อพบชายหญิงทั้งสองคู่นี้ นัยน์ตาของเยี่ยจงก็ปกคลุมไปด้วยความรู้สึกประหลาดชนิดหนึ่ง ศิษย์พี่หญิงหลิงเยวี่ยผู้นี้ได้ให้ความสำคัญกับภารกิจสำนักในครั้งนี้เป็นอย่างมาก ดังนั้นเมื่อเลือกสรรศิษย์สาขาในมาแล้ว เกรงว่าวิชาความสามารถก็มิได้ต่างกันอันใดมากมายนัก
.
.
.
.