เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 087 ไล่ล่าสังหาร

ตอนที่ 087 ไล่ล่าสังหาร

 

“ เหอะ นี้มิใช่แม่นางหลิงเยวี่ยของลัทธิแห่งดวงดาวหรอกหรือ ? แม่นางมาเยือนถึงที่ ข้าน้อยเสียมารยาที่มิได้ต้อนรับแล้ว ยังคงต้องขออภัยไว้ด้วย “

 

ท่ามกลางร่างเงาของกลุ่มปีศาจโลหิต ในเวลานั้น ก็ได้ปรากฏเสียงหัวเราะดังออกมาสายหนึ่ง จากนั้นก็พบกับคนผู้หนึ่งที่สวมใส่ชุดฝึกยุทธ์สีเลือดเดินออกมาจากกลุ่มของปีศาจโลหิต

 

ดูจากอายุของเขาน่าจะอยู่ในช่วงระหว่างยี่สิบปี ใบหน้ามีความลี้ลับอยู่หลายส่วน ตอนนี้เขาทำราวกับกึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้มจ้องมองไปทางด้านของหลิงเยวี่ย นัยน์ตาทอประกายให้บรรยากาศของความกระหายเลือด

 

“ เสวี่ยซิน “ เมื่อพบเห็นชายผู้นี้ปรากฏตัวออกมา นัยน์ตาบนใบหน้าอันขาวผ่องของหลิงเยวี่ยก็ต้องทอประกายขึ้นมา นัยน์ตาปรากฏความตื่นตะลึงขึ้นมา “ พวกเจ้ารัฐเสวี่ยนหยวนหวังเฉาคิดที่จะทำอันใดกัน ? “

 

“ รัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉา ? “ หลังจากเงียบงัน บุคคลเช่นเยี่ยจงเป็นต้นแต่ละคนก็ต้องจ้องมองไปด้วยความสงสัยขึ้นมาอยู่หลายส่วน จากนั้นก็ได้เคลื่อนไหวก้าวออกไป ร่างกายก็ได้เข้าใกล้อย่างรวดเร็ว

 

รัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉา ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นหนึ่งในสามรัฐใหญ่ที่อยู่ติดกับพื้นที่ไร้ความวุ่นวาย และเหล่าปีศาจโลกิตเหล่านี้สมควรที่จะอยู่ในรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาจึงจะถูกต้อง

 

“ คิดไม่ถึงว่าการพบปะสนทนากันครั้งก่อน แม่นางหลิงเยวี่ยกลับยังจดจำได้อยู่ นับได้ว่าให้เกียรมากจนเกินไปแล้ว.…… “ เสวี่ยซินแสยะยิ้ม แสดงถึงความลี้ลับบนใบหน้า “ หากเป็นการพบเจอในสถานการณ์ปกติแล้วละก็ ตอนนี้ข้าก็น่าจะเชิญแม่นางไปนั่งในที่พักของข้าสักครา จากนั้นก็พูดคุยร่วมกันถึงชีวิตและความคิดต่างๆนานาจึงจะถูกต้อง …….. น่าเสียดาย ท่านกลับต้องมาปรากฏในสถานที่แห่งนี้ ? “

 

“ ข้าสมควรส่งเจ้าพวกขยะกลุ่มหนึ่งไปรั้งพวกเจ้าศิษย์ลัทธิแห่งดวงดาวแล้วจึงจะถูกต้อง ทว่าจากที่ดูตอนนี้ เจ้าขยะไร้ค่าพวกนั้นคงจะล้มเหลวแล้ว……..ความจริง พวกเรารัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาก็ไม่คิดที่จะต้องมีปัญหากับพวกเจ้าลัทธิแห่งดวงดาวเลย แต่ตอนนี้ ก็ชั่งน่าเสียดายเกินไปแล้ว ไม่ใช่หรือ ? “ เสวี่ยซินแสยะที่มุมปากคราหนึ่ง และจากนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าก็ได้ปรากฏพลังฆ่าฟันขึ้นมาสายหนึ่ง “ นอกเสียจากแม่นางหลิงเยวี่ย ที่เหลืออีกสี่คนฆ่าทิ้งไม่ให้เหลือ “

 

“ ตูม “

 

ในตอยที่เสียงของเสวี่ยซินจบลง วินาทีนั้นก็พบกับปีศาจโลหิตนับพันขึ้นหลักหมื่นต่างก็กรี๊ดร้องด้วยเสียงอันโหยหวนขึ้นมาในเวลาเดียวกัน เสียงที่ดังออกมาเป็นสายรวมตัวกันเข้ามา แปรเปลี่ยนจนกลายเป็นพลังเสียงทำลายล้างสายหนึ่ง พุ่งไปยังบริเวณที่คนทั้งห้ายืนอยู่

 

“ การโจมตีของพลังเสียง เทียนหนิเซินทง(ขอบเขตพลังเสียดฟ้า)ของปีศาจโลหิต ให้ตายสิ “ สีหน้าเยี่ยจงเปลี่ยนคราหนึ่ง เหล่าปีศาจหลั่งไหลเข้ามา มีพลังราวกับผู้ฝึกยันต์ใช้ยันต์ก็มิปาน ทำให้เขาคิดไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนี้ พลังเทียนหนิเซินทงของปีศาจโลหิตเหล่านี้ ถึงกับสามารถใช้ผสานรวมกันออกมาได้อีกด้วย

 

“ ถี่ ถี่ ถี่ “

 

กระบี่ตราประทับขั้นที่หกไหลเวียนอยู่บนฝ่ามือของเยี่ยจงในทันที ร่างกายของเขาขยับทะลวงขึ้นสู่ท่ามกลางอากาศ ใช้ออกด้วยพลังฝ่ามืออย่างรุนแรง

 

“ ตูม “

 

แรงระเบิดของบรรยากาศปะทะกับการโจมตีพลังเสียงเข้าด้วยกันอย่างรุนแรง วินาทีนั้น เสียงจากแรงเบิดสะเทือนฟ้าสะท้านดินดังออกไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดทาง

 

“ เปรี้ยง “

 

ท่ามกลางอากาศ หลังจากที่เยี่ยจงพุ่งร่างออกไปราวกับนกทากำลังสยายปีกร่อนลงมาก็มิปาน ทันทีที่ลงถึงพื้น เบาก็ได้คว้าจับไปที่หลิงเยวี่ยและซูหยี่ที่กำลังอยู่ในอาการงุนงงอยู่เล็กน้อย ร้องเสียงดังเฮ้อแล้วกล่าวออกมา “ ไป พวกเราสู้ไม่ไหวหรอก ถอย “

 

บุคคลเช่นกลิงเยวี่ยเป็นต้นที่มีประสบการณ์การต่อสู้อยู่หลายครา ก็มีการตอบสนองกลับมาในทันที เคลื่อนไหวตามเยี่ยจงไป ในเวลาเดียวกันก็ได้ถอยไปจนถึงบริเวณทางด้านหลังของประตูทางเข้าเมือง

 

“ ตูม “

 

เยี่ยจงได้ใช้ออกด้วยพลังดัชนีเพลิงสีแดงไปบริเวณทางด้านหน้า บริเวณทางด้านหลังราวกับปรากฏดวงดาวขึ้นผืนหนึ่ง เงาร่างมังกรโบราณเหยียบลงบนพื้นนภา วินาทีนั้น เหล่าปีศาจโลหิตนับไม่ถ้วนที่กำลังปิดเส้นทางของบริเวณทางด้านประตูเมืองก็ต้องกระอักเลือดถอยรนออกไป ส่วนเหล่าพวกที่เชื่องช้าไปหลายส่วน ก็ได้ถูกบดขยี้จนกลายเป็นก้อนเนื้อแหลกเหลว

 

ในขณะนั้นเอง กล่าวได้ว่าการลงมือออกมาของเยี่ยจงนี้ กับพลังสายตาของเขาถือได้ว่ามองออกอยู่ หากว่าในคราแรกไม่อาจฆ่าฟันทะลวงออกไปแล้วละก็ เช่นนั้นในวันนี้กลุ่มคนนี้ของตนตงต้องทอดร่างอยู่ในที่แห่งนี้แล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับเหล่าปีศาจโลหิตนับพันหมื่นเหล่านี้ในขณะที่พลังของกลุ่มตนเองยังอยู่แค่ไม่เกินขั้นก่อเกิดขั้นที่ห้า,ขั้นที่หก หรือต่อให้เป็นยอดฝีมือที่ได้ทะลวงเข้าสู่ขั้นก่อฟ้าแล้วก็ตาม ก็ไม่แน่ว่าอาจจะต้องทิ้งร่างไว้ในที่แห่งนี้

 

ในระหว่างที่เงาร่างมังกรโบราณสังหารทะลวงไป เยี่ยจงสังหารตลอดรายทางไปจนถึงประตูโลหิตจนเป็นสายทาง

 

ทันทีที่ทั้งคณะทั้งห้าคนทะลวงออกไปตรงกำแพงเมือง ยังไม่ทันจะได้ดีใจ สีหน้าของทุกคนก็ได้เปลี่ยนไปในเวลาเดียวกัน

 

ตอนนี้บริเวณเส้นทางข้างหน้าของพวกเขา ก็ได้มีเงาร่างของปีศาจโลหิตกลุ่มใหญ่อยู่ ทางด้านนั้นเต็มไปด้วยไอโลหิตเต็มท้องฟ้า แดนปีศาจอย่างแท้จริง

 

“ ไปทางนี้ “

 

เยี่ยจงเป็นคนแรกที่มีการตอบสนองกลับมา เพียงโบกมือคราเดียวก็นับพาบุคคลทางด้านหลังพุ่งเข้าสู่ด้านที่เป็นส่วนลึกพื้นที่ไร้ความวุ่นวาย กล่าวได้ว่าไม่มีการเตรียมความพร้อมที่จะรับมือกับสถานะการณ์เมื่อเข้าสู่พื้นที่ไร้ความวุ่นวายที่เปี่ยมไปด้วยภยันตรายนี้ แต่เมื่อเทียบกับต้องอยู่ในที่แห่งนี้ ถ้าหากยิ่งอันตรายกว่านี้ก็ไม่นับเป็นอะไร

 

เมื่อสิ้นเสียงของเยี่ยจง คณะทั้งห้าคนก็ได้พุ่งทะลวงไปอีกทางด้านหนึ่งอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นไม่นาน ร่างกายรางกับหายไปจากท่ามกลางพายุทะเลทราย

 

“ เหอะ หนีได้เร็วเสียจริง “ ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไรที่เงาร่างของเสวี่ยซินได้ปรากฏอยู่ด้านบนของกำแพงเมือง เขาจ้องมองไปอย่างดุดันในทางด้านที่เยี่ยจงหลบหนีไป นับน์ตาปกคลุมไปด้วยแสงของโลหิตสายหนึ่ง “ ดัชนีเพลิงดาราคล้อย เด็กน้อยที่ลงมือเมื่อครู่ผู้นั้นนับได้ว่าไม่ธรรมดา อายุยังน้อยกลับฝึกปรือดัชนีเพลิงดาราคล้อยจนสำเร็จได้ การกระทำเรื่องราวกับตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาด หากว่าเขาเคลื่อนไหวช้าไปเพียงอีกครางก้านธูปแล้วละก็ พวกเขาก็คงไม่อาจหนีได้แล้ว น่าเสียดาย — “

 

“ ประมุขน้อย ได้ตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ในเส่นทางที่พวกเขามา พวกเราได้ส่งคนออกไปถึงยี่สิบสามคน แต่ว่าผู้คนทั้งยี่สิบสามคนทั้งหมดก็ได้ถูกจัดการไปแล้ว ดูจากลักษณะของพวกเขา น่าจะถูกสังหารในดาบเดียว ไม่มีแม้แต่โอกาสในการบีบยันต์ส่งสารได้เลย บาดแผลของผู้ตายก็ยังเหมือนกันทุกอย่าง น่าจะถูกจัดการด้วยฝีมือคนเดียวกัน “ บริเวณทางด้านหลังได้มีเงาโลหิตที่มีความสูงสองถึงสามเมตรปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ หลังจากที่นิ่งเงียบแล้วคุกเข่าลงข้างหนึ่งลงบนพื้น เอ่ยปากกล่าวออกมาเสียงแผ่วเบา

 

“ น่าสนใจดี ถึงแม้หลิงเยวี่ยจะร้ายกาจ แต่ว่านางก็ไม่มีความอำมหิตเช่นนี้ ผู้ที่ลงมือ สมควรที่จะเป็นเด็กน้อยผู้นั้นแล้วกระมั่ง ? “ เสวี่ยซินยิ้มขึ้น บนใบหน้าปรากฏความลี้ลับสว่างขึ้นมาสายหนึ่ง จากนั้นเขาก็กล่าวออกมาเสียงดุดัน “ ความจริงข้ายังไม่คิดที่จะสนใจพวกเขา ให้พวกเขาเอาตังรอดด้วยตัวเองอยู่ในพื้นที่ไร้ความวุ่นวายก็เพียงพอแล้ว ตอนนี้จากที่ดูแล้วละก็ พวกเขาทั้งยังไม่ต้องตาย ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเด็กน้อยผู้นั้นไม่ตายแล้วละก็ เกรงว่าคงมีส่งผลร้ายแรงต่อแผนการของพวกเราอย่สงแน่นอน เสวี่ยซือ เจ้านำพาคนไป “

 

“ ขอรับ “ เงาโลหิตที่กำลังคุกเข่าอยู่ที่พื้นค่อยๆตอบรับ และจากนั้นเขาก็โบกมืออย่างแรงคราหนึ่ง เงาร่างก็พุ่งออกไปทันที และในบริเวณด้านนอกเมืองเที่ยซา ตอนนี้ได้มีเงาร่างหลายสายนับร้อยพุ่งตัวออกไปพร้อมกับเขาอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าตามล่าสังหารเยี่ยจงและพรรคพวกออกไป

 

 

…………

 

ฉากเบื้องหน้าที่เป็นดั่งนรกท่ามกลางทะเลทรายแห่งนี้ ก็ได้มีก้อนหินที่หลากหลายชนิดอยู่ตามพื้นบิดไปมาเป็นทาง ให้ความรู้สึกที่แปลกและลี้ลับรูปแบบหนึ่ง

 

บริเวณใจกลางของหินลาวา เยี่ยจงและพวกแต่ละคนก็ได้พิงไปบนที่โขดหิน มีแต่เพียงแค่เยี่ยจงผู้เดียวที่ใช้หูราบกับพื้นเหมือนกำลังฟังบางอย่างอยู่ ทันใดนั้น เขาก็ได้ลุกขึ้นมา กล่าวเสียงเบา “ พวกเราชั่วขณะนี้น่าจะปลอดภัยแล้ว ศิษย์พี่หญิงหลิงเยวี่ย นี้มันที่แท้เกิดเรื่องอันใดกัน ? “

 

หลังจากเงียบงัน ซูหยี่และพวกก็จดจ้องไปทางด้านของหลิงเยวี่ย เมื่อครู่ถ้าหากมิใช่เพราะเยี่ยจงสบโอกาสแล้วละก็ ตอนนี้ทุกๆคนคงต้องทอดร่างอยู่ภายในเมืองเที่ยซาแล้ว

 

“ ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าที่แท้เกิดอันใดขึ้น ทว่าเสวี่ยซินผู้นั้นเป็นหนึ่งในสามองค์ชายของพระราชวังแห่งรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉา อีกทั้งปีศาจโลหิตเหล่านั้น อาจจะเป็นกองทหารราชวังก็เป็นได้ เพียงแต่ว่ารัฐใหญ่ทั้งสามก็ได้ลงสัญญากันไว้แต่แรก ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ไม่อาจที่จะเข้าสู่พื้นที่ไร้ความวุ่นวายโดยเป็นความลับได้ ตอนนี้รัฐเสวียหยวนหวังเฉากลับส่งทหารเข้าสู่พื้นที่ไร้ความวุ่นวาย อีกทั้งจะที่ดูท่าทีของพวกเขา เพื่อที่จะปกปิดความลับ ยอดฝีมือที่ได้เข้าสู่ใจกลางเมืองเที่ยซาต่างก็คงถูกกำจัดไปแล้วแน่นอน …… ถึงแม้ข้าจะไม่ทราบว่าพวกเขาต้องการที่จะทำอันใด แต่ว่าดูจากรูปการณ์แล้วคงมิใช่เรื่องเล็กน้อยอย่างแน่นอน “ นัยน์ตาของหลิงเยวี่ยขยับคราหนึ่ง “ อีกทั้ง หากข้าเดาไม่ผิดแล้วละก็ การหายสาบสูญของเหล่าศิษย์พี่ของลัทธิแห่งดวงดาวของเรา รัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉานี้น่าจะมีความเกี่ยวข้องอยู่หลายส่วน ถึงแม้จะเป็นเพียงการคาดเดาของข้าก็ตามแต่ว่า ………. “

 

พอกล่าวถึงตรงนี้ หลิงเยวี่ยก็ค่อยๆส่ายศีรษะไปมา

 

หลังจากเงียบงัน สีหน้าของเยี่ยจงและพวกต่างก็เปลี่ยนไป เป้าหมายในภารกิจสำนักในครั้งนี้ของพวกเขา ก็คือการเสาะหาการตายของเหล่าศิษย์ของลัทธิแห่งดวงดาวก่อนหน้านี้ หากว่าการตายของพวกเขามีความเกี่ยวข้องกับรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาแล้ว เกรงว่าเหล่าคนของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉานั้น แน่นอนว่าคงมิอาจที่จะปล่อยพวกเขาให้จากไปได้อย่างแน่นอน

 

หลังจากที่สีหน้าของเยี่ยจงเปลี่ยนไป ทันใดนั้นเขาก็จ้องมองไปยังผืนนภาลับขอบฟ้าออกไป และทันทีที่เขาหันหน้ากลับไปก็ปรากฏสีหน้าปั้นยากขึ้นมาหลายส่วนให้เห็น “ ปีศาจโลหิต เด็กน้อยเหล่านั้นหากเป็นปีศาจโลหิตโดยส่วนมากแล้วละก็ “

 

“ ซวบ ซวบ ซวบ “

 

ทันทีที่สิ้นเสียงของเยี่ยจง ทันใดนั้นประมาณท่ามกลางสายลมที่พัดผ่านก็หอบเสียงสายมาพร้อมกัน และแล้วทั่วทั้งผืนฟ้าก็ได้มีกลิ่นอายของโลหิตลอยโชยออกมาอย่างเข้มข้น ท่ามกลางสายลมที่ผ่านมาเป็นสายๆก็ได้ปรากฏเงาร่างของปีศาจโลหิตขึ้นมา ปีกค้างคาวบนหลังของพวกมันได้ขยับไปมาอย่างช้าๆ ประจวบกับทำให้พวกเราไม่อาจที่จะลงสู่พื้นดินได้

 

“ ถึงกับไล่ล่ามาสังหารเลยงั้นหรือ “

 

นัยน์ตาของหลิงเยวี่ยในตอนนี้ได้ท่วมท้นไปด้วยความแน่วแน่เพื่อที่จะเสาะหาหินปีศาจที่อยู่ใกล้กับปีศาจโลหิต แล้วก็ได้พลิกมือไปมาเบาๆ

 

จนกระทั่งตอนนี้พวกเขาได้จ้องมองไปที่ท่ามกลางปีศาจโลหิตที่มีจำนวนเกือบร้อยตน คาดว่าต่างก็มีพลังฝีมืออยู่ในขั้นก่อเกิดขั้นที่สามโดยทั้งสิ้น แต่กับจำนวนที่มีของปีศาจโลหิตเช่นนี้แล้วละก็ ต่อให้เป็นเยี่ยจงและคณะยังไงก็ต้องปวดเศียรเวียนเกล้าอย่างแน่นอน

 

“ เจ้าเมื่อครู่มิใช่กล่าวว่าพวกเราจะปลอดภัยอยู่ชั่วขณะมิใช่หรือ ? “ เฮ่อฟงกวาดสายตาไปที่เยี่ยจงคราหนึ่ง แล้วขมวดคิ้วกล่าว

 

“ เจ้าพวกนี้มันบินได้ “ สีหน้าของเยี่ยจงดูปั้นยากขึ้นมาหลายส่วน เขาก็คาดไม่ถึงว่า เสวี่ยซินผู้นั้นถึงกับไม่เสียดายที่จะส่งทหารปีศาจโลหิตมาจำนวนมากเพื่อที่จะไล่ล่าสังหารพวกเขาทั้งห้า กล่าวอย่างง่ายๆก็คือไม่คุ้มกับต้นทุน

 

“ ตอนนี้มิใช่เวลาที่วิเคราะห์เรื่องเช่นนี้แล้ว พวกเจ้าอย่าได้เสียเวลา ข้าจะตั้งค่ายกลเอง “ หลังจากที่หลิงเยวี่ยลังเลครู่หนึ่ง ก็ทราบว่าตอนนี้มิอาจที่จะคิดมากได้อีกแล้ว จากนั้นนางก็พลิกฝ่ามือคราหนึ่ง บนใจกลางฝ่ามือก็ปรากฏยันต์ซ้อนทับขึ้น

 

ได้ยินเสียงดังเฮ้อของหลิงเยวี่ย เฮ่อฟงและพวกก็ได้พยักหน้าเบาๆ ปีศาจโลหิตเหล่านี้แม้ไม่นับว่ามากมาย ขอเพียงหลิงเยวี่ยสามารถจัดตั้งค่ายกลยันต์สำเร็จแล้วละก็ เช่นนั้นคณะทั้งห้าคนก็จะมีโอกาสสามารถถอยไปมากโข

 

“ ไป “

 

ร่างของเฮ่อฟงทะลวงออกไปก่อน ดาบใหญ่เล่มหนึ่งได้ปรากฏบนใจกลางฝ่ามือของเขา เขาได้พลิกมือคราหนึ่ง ทันทีที่ดาบส่งเสียงร้องออกไป ระยะห่างของเขาก็ได้เข้าใกล้ฟันปีศาจโลหิตตนหนึ่งออกเป็นสองท่อน เห็นได้ชัดว่าเขาก็เข้าใจ ในเวลาเช่นนี้มิอาจที่จะออมมือเอาไว้ได้ ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ ผลลัพธ์คงจะยากที่จะแบกรับไว้ได้

 

“ ฉับฉับ “

 

ร่างของซูหยี่และหลู่ปิงทั้งสองก็ได้พุ่งทะลวงออกไปในเวลาเดียวกัน กระบี่ยาวในมือได้ส่องเป็นประกายปาดขึ้นไป และในตอนที่ประจวบพอดีกับที่ปีศาจโลหิตตอบสนองพุ่งเข้ามา

 

การต่อสู้ ยังคงปรากฏไม่สิ้นสุด กลิ่นคาวของโลหิตแผ่ปกคลุมไปทั่วฟ้าดิน ร่างกายของปีศาจโลหิตเหล่านี้ยังคงเต็มไปด้วยร่างโลหิต ทันทีทั่วทั้งท้องฟ้าก็ได้ส่องประกายขึ้น

 

เยี่ยจงก้าวเท้าออกไปก้าวหนึ่ง พอดีที่จะเตรียมพร้อมออกไป แต่ว่าในตอนนั้น ใบหน้าของเขาก็ต้องขยับคราหนึ่งเบาๆ นัยน์ตาเปลี่ยนเป็นหนักแน่นอยู่หลายส่วน……..

.

.

.

.

.

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset