ตอนที่ 093 มนุษย์วานรจำแลง
“ เปรี้ยง “
เสียงดังสนั่นสะเทือนฟ้าสะเทือนดินดังขั้นมา ราวกับมีปีศาจจำพวกมนุษย์วานรปรากฏตัวขึ้นมาในทันที บนพื้นที่ขนาดใหญ่แห่งนี้ได้เผยให้เห็นตัวประหลาดที่รัดรุมขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง และจากนั้นก็ได้พุ่งออกมาอย่างรวดเร็วราวกับดาวตกสีแดงสายหนึ่ง เพียงแต่ว่าในช่วงเวลาที่เผยให้เห็นร่างกายของสัตว์ปีศาจจำพวกวานรปรากฏตัวออกมานั้น และในเวลาเดียวกัน ก็ได้ปรากฏเสียงร้องออกมาไม่หยุดครอบคลุมไปทั้งพื้นที่
ทั่วทั้งใบหน้าของเยี่ยจงได้ปรากฏความเย็นช้า เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการจู่โจมเช่นนี้ เขาก็ได้ฟาดมือขวาออกไป บริเวณฝ่ามือของเขาได้ปกคลุมไปด้วยวิชากระบี่ตราประทับออกมา ตะปบไปอย่างรวดเร็วกับความเคลื่อนไหวของเสียงนั้น จากนั้นร่างกายก็ได้พุ่งถอยไปทางด้านบริเวณทางด้านหลัง
“ ไป “
ทันทีที่ร่างกายได้หยุดลง เยี่ยจงก็ได้โบกมือคราหนึ่ง เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าให้ทุกคนถอยออกไป
เพียงแต่ว่ายังไม่ทันที่ทุกผู้คนกำลังถอยรนออกไปนั้น ทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้านก็ได้พบเห็นรอยแตกแยกบริเวณบนพื้นดิน และจากนั้นก็พบกับเงาร่างขนาดใหญ่พุ่งออกไปยังบริเวณยอดเขาอย่างช้าๆ
ปีศาจมนุษย์วานรตัวนี้ เพียงแต่ว่าบริเวณขนสีแดงบนฝ่ามือของมันได้เผยออกมาให้เห็น บนร่างของมันก็ได้ส่งกลิ่นเหม็นอันรุนแรงชนิดหนึ่งออกมา ลอยปกคลุมไปทั่วทุกบริเวณอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่เยี่ยจงและพวกพบเห็นร่างของปีศาจวานรผู้นี้แล้ว นัยน์ตาของผู้คนมากมายก็ได้หดตัวลงในเวลาเดียวกัน ใบหน้าปกคลุมไปด้วยสีหน้าปั้นยากออกมาสายหนึ่ง
“ ดูเหมือน โชคจะไม่ค่อยจะเข้าข้างพวกเรานะ ……….. “ จากนั้นเยี่ยจงก็ขมวดคิ้ว ยิ้มอย่างเฝื่อนๆแล้วกล่าวออกมา
“ มนุษย์วานรจำแลง พลังฝีมือสมควรที่จะเทียบเท่ากับยอดฝีมือที่มีพลังขั้นก่อเกิดระดับที่หกได้แล้ว ดูท่าดวงของพวกเราจะไม่ดีเอาซะเลย ……. “ ในตอนที่สายตาของหลิงเยวี่ยได้มองไปยังมนุษย์วานรจำแลง จากนั้นก็ได้ฝืนยิ้มออกมาเสียงหนึ่งแล้วค่อยเอ่ยออกมา
ต้องทราบว่า ตระกูลปีศาจจำพวกนี้ ความจริงแล้วมีความแข็งแกร่งอยู่เต็มสิบส่วนอยู่แล้ว ต่อให้อยู่ในระดับเดียวกัน ก็นับได้ว่าเป็นปีศาจที่อยู่ในระดับที่แข็งแกร่งกว่า เมื่อต้องเผชิญหน้ากับมนุษย์วานรจำแลงที่มีพลังเทียบเท่าขั้นก่อเกิดระดับที่หกแล้ว ต่อให้เป็นเยี่ยจงและพวกก็ต้องแปรปรวนไม่น้อย
“ ตอนนี้จะทำยังไง ? “ ซูหยี่เผยสีหน้ารังเกียจแล้วเอ่ยปากถาม
“ ลงมือจัดการมันด้วยกัน พวกเราไม่มีเวลาให้เสียในที่แห่งนี้อีกต่อไปแล้ว หากว่าต้องชักช้าอีกแล้วละก็ ไม่แน่ว่าโอกาสของพวกเราที่จะเข้าไปยังถ้ำหงส์หยาก็คงจะน้อยลงตามไปด้วย “ หลิงเยวี่ยเอ่ยปากกล่าวเสียงแผ่วเบา นัยน์ตาทอเป็นประกาย จากนั้นพวกเขาก็ได้รอคอยให้เหล่ายอดฝีมือกลุ่มแรกได้เข้าไปยังถ้ำหงส์หยาก่อนแล้ว แต่ว่า นั้นก็มิได้หมายคว่มว่าพวกเขายินยอมที่จะลดทอนความเร็วลงแต่อย่างไร เพียงแต่ต้องการที่จะให้พวกเขาจัดการกับปีศาจภายในระหว่างทางของป่าเขาแห่งนี้ เพื่อที่จะได้เก็บออมพลังเอาไว้
“ ดี “
เยี่ยจงเป็นหนึ่งในคนที่เข้าใจในการเก็บออมเวลาเช่นนี้เป็นอย่างดี ต่อมาเขาก็ขยับมือขวาขึ้นคราหนึ่ง วิชากระบี่ตราประทับก็ได้ซ้อนทับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าเขาเตรียมที่จะจัดการกับมนุษย์วานรจำแลงโดยใช้เวลาน้อยที่สุด
เพียงแต่ว่าในขณะที่เยี่ยจงต้องการที่จะลงมือนั้นเอง สีหน้าของเขาก็ต้องเปลี่ยนไปอย่างรุนแรงคราหนึ่ง เขาพบว่าบริเวณทางด้านหลัง ที่ตรงนั้นในตอนนี้ได้มีเสียงกรีดร้องดังออกมาอย่างน่าหวาดกลัวขึ้นมาอีกครา
“ ดูท่าสถานการณ์จะไม่ค่อยดีแล้ว “ในตอนที่หลิงเยวี่ยและพวกตรวจสอบพบ ต่อมาใบหน้าของแต่ละคนก็เปลี่ยนไปอีกครา
“ ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง “
ในช่วงเวลาที่ยังไม่ทันจะกระพริบตา ต้นไม้สูงใหญ่ทั่วสี่ทิศหลายต้นก็ได้ถูกปะทะจนล้มลงอย่างกะทันหัน หลังจากนั้นก็ได้พบกับศีรษะขนาดใหญ่สองหัว ไอพลังน่ากลัวไรที่เปรียบเหมือนดั่งมนุษย์วานรจำแลง ท่ามกลางการตรวจเจออีกครั้งของเยี่ยจงและพวก
พลังฝีมือของมนุษย์วานรจำแลงทั้งสองตน ถ้านำมาเปรียบกับมนุษย์วานรจำแลงตัวแรกนั้นเรียกได้ว่าแทบจะไม่มีความแตกต่างมากนัก อีกทั้งในตอนที่มนุษย์วานรจำแลงทั้งสองตัวปรากฏตัวขึ้น ต่อให้เป็นเยี่ยจงก็ยังต้องเปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น ถึงกับสามารถปรากฏมนุษย์วานรจำแลงถึงสามตนในคราเดียวกัน
“ เสวี่ยสือ “
เยี่ยจงทอประกายสายตาเยียบเย็น หลังจากนั้นเขาก็กวาดสายตาคราหนึ่ง ก็พบกับร่างเงาสายหนึ่งปรากฏขึ้นอยู่ภายในป่าไผ่ เพียงแต่ว่าเจ้าของเงาร่างที่ปรากฏขึ้นมานั้นได้ส่งรอยยิ้มอันเย็นชาออกมาให้แก่เยี่ยจง จากนั้นก็ขยับกายคราหนึ่ง หายร่างวับออกไป
“ เป็นเจ้าพวกเด็กน้อยของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาดึงดูดมนุษย์วานรเหล่านี้มา ดูเหมือนว่าพวกเขาได้เริ่มต้นลงมือที่จะจัดการกับพวกเราแล้วละ “ เยี่ยจงสูดลมหายใจเข้าคำหนึ่ง กล่าวออกมาด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่เยือกเย็น เกี่ยวกับพวกเด็กน้อยของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาเหล่านี้ เขาแทบอยากจะสังหารทุกคราที่มีโอกาส
“ เพล้ง เพล้ง เพล้ง “
ในช่วงเวลาที่กำลังพูดคุยอยู่ มนุษย์วานรจำแลงทั้งสามตัวนั้นก็ได้ส่งสายตาสีแดงเพลิงค่อยๆก้าวเดินมาทางด้านหน้า ท่ามกลางนัยน์ตาอันแดงระเริ่งของพวกมัน เห็นได้ชัดว่านอกเสียจากมนุษย์วานรจำแลงทั้งสามตัวแล้ว เสวี่ยซือผู้นั้นยังน่าจะใช้ฝีมืออันน่าสะพรึง จนทำให้มนุษย์วานรจำแลงเกิดอาการคลั่งอย่างไร้ที่เปรียบ
“ ต่อให้ลงมือออกไปโดยพร้อมกัน เกรงว่า …….. “ หลิงเยวี่ยก็ขมวดคิ้ว สถานการณ์ด้านหน้านี้ได้เกินกว่าความคาดเดาไว้มากแล้ว
“ พวกท่านสี่คนร่วมมือกันจัดการหนึ่งตัว ที่เหลือให้ข้าจัดการเอง “ หลังจากที่เยี่ยจงขมวดคิ้วแล้ว ก็ได้เอ่ยปากออกมาเสียงแผ่วเบา
“ เจ้าจะจัดการทั้งสองตัวหรือ ? นี้เกรงว่า …….. “ หลิงเยวี่ยเกิดความลังเล ถึงแม้พลังฝีมือของเยี่ยจงจะเรียกได้ว่าร้ายกาจ แต่ว่า มนุษย์วานรจำแลงเบื้องหน้านี้ก็มีความน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด กับเหล่าผู้คนที่เผชิญหน้ากับพวกมันแล้วละก็ สามารถเรียกได้ว่าพ่ายแพ้ตั้งแต่ยังไม่ทันที่เริ่มแล้ว
“ พวกท่านไม่อาจที่จะจัดการกับตัวสุดท้ายได้งั้นหรือ ? “ เยี่ยจงเข้าใจผิดในความหมายของหลิงเยวี่ยไป เขาเพียงสูดลมหายใจเข้าคราหนึ่ง จากนั้นก็ขบฟันดังกรอด “ ชังเถอะ ให้ข้าจัดการทั้งสามตัวก็แล้วกัน พวกท่านคอยหนุนอยู่ด้านหลัง “
“ อะไรนะ ? “
เมื่อได้ยินคำพูดของเยี่ยจง หลิงเยวี่ยและพวกก็นิ่งอึ้งออกไป ความจริงพวกเขานั้นเป็นห่วงว่าเยี่ยจงจะไม่สามารถจัดการได้ทั้งสามตัวได้ ตอนนี้ก็ยังดี เด็กน้อยผู้นี้กลับคิดว่าพวกเขาไม่อาจที่จะหาวิธีจัดการกับตัวสุดท้ายได้ จนกระทั่งตัดสินใจที่จะจัดการมนุษย์วานรจำแลงทั้งสามตัวด้วยตัวเอง ?
ควรทราบว่า มนุษย์วานรจำแลงทั้งสามตัวนี้มีพลังอยู่ในขั้นก่อเกิดระดับที่หกแล้ว และเยี่ยจงที่มีพลังอยู่แค่ขั้นก่อเกิดระดับห้าเพียงแค่คนเดียว ไม่ว่าจะมองอย่างไร เขาก็ไม่อาจที่จะมีไพ่ตายในการจัดการกับมนุษย์วานรจำแลงทั้งสามตัวนี้ได้จึงจะถูกต้อง
“ เปรี้ยง “
จากนั้นไม่รอที่จะให้เขาเอ่ยปาก เยี่ยจงก็ได้ก้าวเท้าออกไปทางด้านหน้าขึ้นไปหนึ่งก้าว ร่างกายก็ได้หายไปปานสายฟ้า พลังดัชนีสายหนึ่งก็พุ่งเข้าไปยังคอหอยของมนุษย์วานรจำแลงที่อยู่ไม่ห่างจากเขามากนัก
“ ซวบ ซวบ ซวบ “
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีเช่นนี้ของเยี่ยจง ทันใดนั้นมนุษย์วานรจำแลงทั้งสามตัวก็ได้เคลื่อนไหวโดยพร้อมกัน กระโดดถอยไปยังบริเวณทางด้านหลังครึ่งก้าว หลบหลีกการโจมตีของเยี่ยจง เห็นได้ชัดว่า มนุษย์วานรจำแลงเหล่านี้มีความรู้ความสามารถในระดับเดียวกันกับมนุษย์ก็มิปาน แต่ว่าพวกมันก็สามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอันน่าหวาดกลัวชนิดหนึ่งออกมาจากตัวของเยี่ยจงได้
เมื่อพบเห็นการลงมืออย่างบ้าบิ่นของเยี่ยจง เพียงแค่กระบวนท่าแรกก็ได้ทำให้มนุษย์วานรจำแลงทั้งสามตนต้องถอยออกไปราวครึ่งก้าว ขณะนั้นเอง หลิงเยวี่ยและพวกที่กำลังเบื่อหน่ายอยู่ พอถึงช่วงเวลานี้พวกเขาค่อยมองเห็นว่า ตนเองนั้นได้ดูแคลนศิษย์น้องเล็กเยี่ยจงผู้นี้จนเกินไปแล้ว พลังฝีมือของเด็กน้อยผู้นี้ เรียกได้ว่าไม่อาจจะใช้เกนฑ์มาตราฐานโดยทั่วไปมาวัดได้
“ ตูมตูมตูม “
หลังจากที่หลบเลี่ยงการโจมตีของเยี่ยจงแล้ว มนุษย์วานรทั้งสามตนก็ได้ทอประกายสายตาอันดุร้ายขึ้นมา พวกมันถึงแม้จะเป็นเพียงแค่สัตว์ปีศาจ ถึงแม้จะเผชิญกับแรงกดดันของเยี่ยจง แต่ว่าก็มิได้มีความคิดที่จะถอยหนี แต่อย่างไร อีกทั้งแต่ละตัวยังคงวาดกรงเล็บออกมา กรงเล็บขนาดใหญ่สีแดงเข้มสาดประกายออกมา ความรุนแรงชนิดหนึ่งของแรงกรีดพุ่งเข้าใส่บริเวณทาเยี่ยจงยืนอยู่ในเวลาเดียวกัน
พลังกระบี่ตราประทับได้ถูกซ้อนทับไปถึงชั้นที่ห้าผนึกอยู่บนฝ่ามือของเยี่ยจง เขาขยับกายทันที ถอยไปยังบริเวณด้านหลังครึ่งก้าว จู่โจมเข้าหามนุษย์วานรจำแลงสองตน และหลังจากที่ใบ้มือขวาปะทะออกไป และก็ได้เข้ากระทบกับกรงเล็บที่พุ่งเข้ามาอย่างดุดันในทันที
“ ตูม “
เสียงทุ่มต่ำดังออกมาในตอนนี้แผ่กระจายโดยรอบ พลังที่แผ่กระจายออกมาเป็นราวคมดาบในสายลมพุ่งออกมาส่ยหนึ่ง ได้ทำให้เยี่ยจงต้องถอยกายออกไปหลังจากที่กระทบไปแล้วราวสิบก้าว เพียงแค่ว่าร่างของมนุษย์วานรจำแลงที่ปะทะด้วยนั้นกลับต้องลอยกระเด็นถะไหลไปตามพื้น ร่างขนาดใหญ่ได้กระเด็นถอยออกไปนับสิบเมตร
“ เยี่ยจงผู้นี้ ……. “
หลิงเยวี่ยและพวกในตอนนี้แต่ละคนได้แต่อ้าปากตาค้าง หากว่าเยี่ยจงใช้ออกด้วยพลังฝีมืออื่นพวกเขาคงไม่ต้องตกตะลึงจนถึงเพียงนี้ แต่ว่าเยี่ยจงเพียงใช้พลังฝีมือในการปะทะเช่นนี้ ก็สามารถที่จะทำให้มนุษย์วานรจำแลงล่าถอยไปได้ ?
หรือก็กล่าวได้ว่าคือ พละกำลังของเด็กน้อยผู้นี้ ยังถือว่าเหนือกว่ามนุษย์วานรจำแลงอยู่หลายส่วน ?
นี้เป็นไปได้อย่างไรกัน ?
วินาทีนั้น หลิงเยวี่ยและพวกก็ยังต้องกรอกสายตาไปมา ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็ได้วางใจลง หากมีศิษย์น้องเยี่ยจงผู้นี้อยู่ด้วยแล้วละก็ มนุษย์วานรจำแลงทั้งสามตัวสมควรที่จะมิใช่ปัญหาใหญ่โตแต่อย่างไร
ท่ามกลางที่แห่งนี้ เยี่ยจงก็ได้สะบัดแขนขวาไปมาจนชา นัยน์ตาหรี่ลง พละกำลังของมนุษย์วานรจำแลงเหล่านี้นับได้ว่าน่าหวาดเกรง แต่ว่า เห็นได้ชัดว่าพวกมันมีเพียงรูปแบบการต่อสู้ที่ธรรมดา ถึงแม้จะยุ่งยากอยู่บ้าง แต่ว่าก็ไม่นับว่าสามารถสร้างความหนักหนาอย่างไรแก่เยี่ยจง แต่หากว่ายังมีเวลาอีกหน่อยแล้วละก็ เยี่ยจงเชื่อมั่นว่าจะสามารถที่จะสังหารมนุษย์วานรจำแลงทั้งสามตัวได้
“ น่าเสียดาย ไม่มีเวลามากพอที่จะเล่นกับพวกเจ้าแล้วละ ………. “
เยี่ยจงกล่าวพึมพำกับตนเอง ตอนนี้ได้มียอดฝีมือนับไม่ถ้วนรีบเร่งเข้าสู่ถ้ำหงส์หยาแล้ว พวกเขาและคณะก็ไม่สามารถที่จะเสียเวลาไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว
“ ปึง “
หลังจากที่ถอนหายใจออกคำหนี่ง กำลังภายในหกกระบี่สุสานก็ได้ไหลเวียนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และในภายใต้จิตใจของเขา เหล่าเส้นลมปราณที่อุดตันเช่นเส้นลมปราณภายใน จุดตันเถียน จุดกูเก่อ(เส้นกระดูก) เหล่านี้ก็ได้ถูกปลดปล่อยรับไอพลังแห่งฟ้าดินไหลเวียนเข้าสู่ร่างกายในตอนนี้ ทำให้กำลังภายในร่างกายได้แปรเข้าสู่ลมปราณระดับโจวเทียน
ขณะนั้นเอง คงามรู้สึกอันแปลกประหลาดของเขาก็ได้แผ่กดดันเข้าสู่บริเวณทางด้านหน้าออกไป แรงกดดันที่แผ่พุ่งไปยังบริเวณทางด้านหน้า ต่อให้เป็นมนุษย์วานรจำแลงทั้งสามตนในตอนนี้ก็ยังต้องทอประกายตาสีแดงจ้า แต่ว่านัยน์ตาของพวกมันก็ยังได้ปกคลุมไปด้วยความตกตะลึงออกมาอย่างไม่คาดฝัน
ภายในสายตาของพวกมัน เยี่ยจงในตอนนี้เป็นดั่งแค่เผ่าพันธุ์มนุษย์กระจ้อยร่อยผู้หนึ่งเท่านั้น แต่ภายในได้เปลี่ยนแปรไปเป็นการมีอยู่ของพลังอันลึกล้ำชนิดหนึ่งออกมา
“ ซวบ ซวบ ซวบ “
พลังกระบี่ตราประทับได้ทับซ้อนขึ้นมาบนฝ่ามือของเยี่ยจง อย่างรวดเร็ว ลมปราณกระบี่หกสุสานก็ได้ปกคลุมขึ้นในเวลาเดียวกันในพลังหมัดของเยี่ยจงออกไป พลังอันน่าหวาดหวั่นจำนวนมากได้แผ่พุ่งออกมาพร้อมๆกับพลังกระบี่ตราประทับ
ในช่วงเวลาที่สัมผัสได้ถึงพลังอันมหาศาลเหล่านี้ พลังภายในอันมหาศาลภายในร่างกาย เยี่ยจงก็ได้ยิ้มออกมาเบาๆ นั้นก็เพราะว่าเขายังไม่เคยพบเจอสถานการณ์เพื่อที่จะลงมือทดลองใช้พลังออกมาทั้งหมด ว่าจะสามารถใช้ออกมาด้วยพลังถึงขั้นใดกัน ประจวบกับพอดิบพอดีกับเขาต้องการที่จะทดลองกระบวนท่ากับเหล่ามนุษย์วานร
“ เปรี้ยง “
ในเวลาต่อมา เยี่ยจงก็ก้าวเท้าออกไปหนึ่งก้าว ร่างกายได้โผล่ออกไปทางบริเวณด้านหน้าของมนุษย์วานรจำแลงตนหนึ่ง จากนั้นก็ใช้ออกด้วยพลังหมัดที่ส่งเสียงดังออกมาดังวูบ ประทับเข้าสู่บริเวณหน้าอกของมนุษย์วานรจำแลงอย่างรุนแรง
“ เพล้ง เพล้ง เพล้ง “
พลังกระบี่ตราประทับได้ทับซ้อนกันจนระเบิดความรุนแรงออกมาในทันที เสียงทุ่มต่ำชนิดหนึ่งอันคุ้นเคยได้ดังแผ่ขยายออกมาให้ได้ยิน ร่างขนาดใหญ่ของมนุษย์วานรจำแลงได้กระเด็นลอยออกไปในทันที อาการบาดเจ็บไร้ที่เปรียบได้เผยออกมาพร้อมกับเสียงร้องให้ได้ยิน ดังสะเทือนไปทั้งฟ้าดิน
“ เปรี้ยง “
หลังจากที่ร่างร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน ร่างของมนุษย์วานรก็ได้สั้นไหวคราหนึ่ง สูญสิ้นพลังในกายพยุงตนเองขึ้นมาในทันที และมนุษย์วานรจำแลงอีกสองตนเมื่อได้เห็นฉากเบื้องหน้า ร่างกายได้ก็สั่นเทาขึ้นมาโดยทันที…..
.
.
.
.