เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 102 ก่อนถึงห้องโถงใหญ่

ตอนที่ 102 ก่อนถึงห้องโถงใหญ่

 

ในขณะที่กลุ่มทั้งห้าคนเข้าไปส่วนลึกอย่างไม่หยุด ก็ได้มีบางอย่างเกิดขึ้นมาท่ามกลางสภาพอากาศเบื้องหน้าพวกเขา เริ่มที่จะโรยรินเหี่ยวเฉาขึ้นมา เห็นได้ชัด ยิ่งได้เข้าสู่ส่วนที่ลึกของถ้ำหงส์หยา สภาพอากาศก็ดูที่จะย่ำแย่ลง ดินแดนขนาดเล็กแห่งนี้ คงจะใกล้ถึงเวลาที่จะสูญสิ้นแล้วอย่างแท้จริง คงมิอาจที่จะเปิดขึ้นมาคราวต่อไปได้อีกแล้ว ทั้งดินแดนแห่งนี้ยังต้องสูญสลายไปในที่สุด

 

และตามถนนหนทางนี้ ก็เริ่มที่จะไม่เห็นเงาของผู้คนแล้ว ก็ว่าในเวลาเดียวกันก็ยังสามารถเห็นไหล่เขาที่อยู่ใกล้กับยอดเขาที่สูงชันแทน ท่ามกลางที่ประทับด้วยความโรยรินสว่างเป็นสีเหลือง สถานที่แห่งนี้เป็นก็ได้มีซากของรอยประทับที่พังไปแล้วอยู่ส่วนหนึ่ง เมื่อถึงเวลาจึงมีโอกาสที่จะเปิดขึ้นมาอีกครา

 

เยี่ยจงแอบที่จะคิดไม่ได้ว่า ในส่วนที่บริเวณที่ลึกนี้จะเป็นเหมือนดินแดนที่ตายไปแล้วหรือไม่ เกรงว่ายังไม่ทันที่จะคว้าโอกาสมาได้ ก็อาจจะสูญสิ้นไปพร้อมกับดินแดนขนาดเล็กแห่งนี้

 

แต่ว่าเรื่องเช่นนี้ก็เป็นสิ่งที่ช่วยมิได้ ซากมากมายเหล่านี้ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็เป็นเหมือนตายไปแล้วเกือบครึ่งส่วนนี้ และหลังจากที่ได้ลงมือทดสอบจากรอยประทับที่เป็นดั่งซากเหล่านี้ เยี่ยจงก็ต้องกลืนน้ำลายไปหลายอึก

 

หลังจากการคาดเดาและได้ทดลองอยู่หลายครา หากว่าต้องการที่จะตีความรอยประทับเหล่านี้ ทันทีที่ได้เข้ามายังด้านในนี้แล้ว เกรงว่าคงจะมีเพียงผู้ที่สำเร็จการฝึกปรือในขอบเขตขั้นเซียนแล้วจึงจะพอที่จะตีความออกมาได้เท่านั้น

 

อีกทั้งระยะห่างระหว่างพวกเขาและขอบเขตเซียน ยังต้องผ่านขอบเขตขั้นก่อฟ้าและขอบเขตขั้นวิญญาณฟ้าทั้งสองระดับจึงจะเทียบเท่าได้ กับพวกเราที่ตอนนี้แม้แต่คุณสมบัติในขอบเขตของขั้นก่อฟ้าก็ยังไม่มีเลย คิดที่จะตีความหมายของรอยประทับเหล่านนี้ คงเป็นได้เพียงแค่ความฝันเท่านั้น

 

ดังนั้น จนถึงท้ายที่สุดแล้วเยี่ยจงและพวกก็มิได้ทดลองที่จะพยายามตีความรอยประทับของซากปรักหักพังเหล่านี้อีก เพียงแต่เร่งเดินทางไปยังพื้นที่แห้งแล้งด้วยความรวดเร็วที่สุด ไปตามการชี้นำทิศทางของหลู่ปิง ถึงแม้ว่า ตระกูลของหลู่ปิงนั้นจะได้บ่งบอกถึงสถานที่ตั้งของพื้นที่นั่งบำเพ็ญให้แล้ว เช่นนั้นที่เหลือก็ได้แต่พึ่งพาโชคชะตาของพวกเขาในการเข้าสู่สถานที่บำเพ็ญให้ได้เท่านั้น หลังจากนั้นก็คงจะได้รับสมบัติอยู่ส่วนหนึ่ง

所以,到了最后叶重等人倒是再也没有尝试开启那些处于封印状态的遗址,而是在昏黄的地面之上高速行走,向着吕冰所指引的方向行去。毕竟,吕冰的家族既然特地指明了那一处坐化之地,那么很可能他们会有几分机缘能够进入那坐化之地,然后得到一些好处。

จากเป้าหมายเหล่านี้ของคิดเอาไว้ คงจะต้องสูญเสียเวลาราวครึ่งวัน หลังจากที่ได้ผ่านเส้นทางที่เป็นซากปรักหักพังและพื้นที่แห้งแล้งที่ประกอบไปด้วยตราประทับมากมายในสมัยก่อนที่เคยผ่านคืนวันอันสูญเสียมาแล้ว จนในที่สุด ก็ได้พบกับกลุ่มผู้คนมากมายที่กำลังมองไปทางด้านอาคารหลังหนึ่งที่ปรากฏขึ้นมา

 

บริเวณที่ตั้งของอาคารเหล่านี้ ยังคงสามารถมองเห็นวงแสงสีเหลืองที่กำลังค่อยๆดับสูญอยู่ เห็นได้ชัดว่า ในช่วงเวลาที่ถ้ำหงส์หยาได้เปิดออกมา ตราประทับของที่แห่งนี้ก็ได้ถูกปลดปล่อยออกมา

 

กลิ่นอายของความเก่าแก่ได้โชยออกมาสายหนึ่ง ซึ่งได้ออกมาจากท่ามกลางอาคารแห่งนี้

 

“ เป็นที่นี้แหลาะ “ ก่อนที่หลู่ปิงจะหยุดกายลง นัยน์ตาก็ได้ทอแววตาสวยงามคราหนึ่ง “ หากนับตามที่สมุดโบราณแห่งตระกูลหลู่ของเรา สถานที่ ณ แห่งนี้สมควรที่จะเป็นจุดที่ยอดฝีมือขอบเขตเซียนนั่งบำเพ็ญเพียรอยู่ แล้วก็ เมื่อหลายเดือนปีก่อนยอดฝีมือท่านนี้ ก็ถือได้ว่ามีความสัมพันธุ์กับตระกูลหลู่ของเราส่วนหนึ่งเช่นเดียวกัน “

 

“ ทว่า จากข่าวสารที่ได้รับ เกรงว่าจะมิได้มีแต่เพียงตระกูลหลู่ของพวกท่านเท่านั้นแล้วละ ? “ เยี่ยจงกวาดสายตาจ้องมองไป ท้ายที่สุดก็ได้มองไปที่บริเวณใจกลางของตัวอักขระโบราณ ที่ตรงนั้น ได้ตั้งไว้ด้วยอารามขนาดใหญ่หลังหนึ่ง บริเวณทางด้านหน้าของอารามขนาดใหญ่ ก็ได้มีสนามแห่งหนึ่ง ตอนนี้ก็มีผู้คนไม่น้อยที่อยู่ทั่วทั้งสี่ทิศพุ่งตัวออกไป เห็นได้ชัดว่าตัวอักขระเหล่านี้ถ้าบ่งบอกถึงสมบัติล้ำค่าแล้วละก็ ช้าเร็วก็คงต้องถูกพวกเขาเก็บกวาดไปจนหมดอย่างแน่นอน

 

เพียงแต่ว่า ผู้คนมากมายที่ยืนอยู่บนสนามแห่งนี้ ได้จ้องมองไปยังอารามเก่าแก่ขนาดใหญ่แห่งนั้น เห็นได้ชัดว่า บริเวณซากปรักหักพังแห่งนี้คงต้องมีสมบัติอยู่เป็นแน่ ทั้งยังน่าจะอยู่ท่ามกลางอารามขนาดใหญ่แห่งนี้ด้วย

 

“ พวกเราก็ลองเข้าไปดูเถอะ “ มิได้กล่าวอันใดมากมายนัก เยี่ยจงก็ได้โบกมือคราหนึ่ง วินาทีที่ทั้งกลุ่มกำลังพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว บริเวณหัวมุมของสนามแห่งนี้ เพียงแต่ว่า เยี่ยจงและพรรคพวกก็มิได้เป็นเหมือนดังคนอื่นๆแต่อย่างไร ที่ผู้คนทั้งหมดได้เข้าไปทางด้านหน้าราวกับผึ้งรังแตกก็มิปาน เพียงแต่มองดูบริเวณทางเข้าของอารามใหญ่แห่งนี้อยู่ในที่ห่างไกล หากว่ามีอันใดเกิดขึ้น

 

การปรากฏตัวของเยี่ยจงและพวก ก็ได้ถูกสายตาไม่น้อยจ้องมองมาอย่างรวดเร็ว นั้นก็เพราะว่าเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ได้ใช้ทักษะขั้นสูงในการสังหารมนุษย์ใบหน้าอสรพิษ ดังนั้นในตอนนี้เขาพึ่งปรากฏตัว ก็มีอยู่หลายคนที่พอจะนึกออกถึงสถานะของเยี่ยจงออก ต่อมาก็ได้มีเสียงซุบซิบนินทาดังออกมาไม่ขาดสาย

 

“ นี้มันมิใช่เยี่ยจงที่สังหารมนุษย์ใบหน้าอสรพิษที่ด้านหน้าทางเข้างั้นหรือ ? เขามาที่นี้ได้ยังไงกัน ? “

 

“ ในเมื่อเขามาแล้วละก็ กับความสามารถอันแข็งแกร่งของเขาแล้วละก็ สิ่งที่อยู่ในอารามแห่งนี้เกรงว่าคงจะไม่มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับพวกเรามากมายแล้วละ “

 

“ แต่ว่าเรื่องเช่นนี้ก็ยากที่กล่าวออกมา อารามที่ใหญ่โตถึงขนาดนี้ ทั่วทุกมุมของอาคารแห่งนี้ก็ใช่ว่าจะมีสิ่งของสำคัญมากมายอันใด ดังนั้นของดีน่าจะสมควรอยู่ที่ภายในอารามห้องโถงด้านแล้วละ แม้ว่าเยี่ยจงจะมีนิสัยที่แต่งต่างจากผู้อื่นอยู่มาก แต่เขาจะสามารถนำไปได้หมดงั้นหรือ ? เขาไม่เกรงกลัวที่จะถูกพวกมากกุมรุมงั้นหรือ จนกระทั่งท้ายที่สุดแม้แต่ที่กลบฝังก็ยังไม่มีเลย ? “

 

“ ที่กล่าวมาก็นับว่าถูกต้อง ต่อให้เขาร้ายกาจ พวกเราในที่แห่งนี้ก็ยังมีผู้คนอยู่มาก ยังต้องเกรงกลัวเขาไปทำไมกัน ? “

 

 

“……”

 

เสียงซุบซิบนินทาจากทั่วทั้งสี่ทิศที่แทบจะไม่มีการปกปิดแต่อย่างไร โดยส่วนมากก็เพียงแต่ได้ยินได้ฟังข้อมูลของเยี่ยจงและพวกมาเท่านั้น แต่ว่าเยี่ยจงก็ได้แต่เพียงยิ้มออกมา แต่ก็มิได้กล่าวอันใดมากมาย คนเหล่านี้ขอเพียงไม่เข้ามาก้าวก่ายกับเยี่ยจงแล้วละก็ เขาก็ไม่จะไม่ลงมือแต่อย่างไร อีกทั้งเยี่ยจงยังไม่คิดว่าตนเองจะมีความแข็งแกร่งที่สามารถที่จะต่อกรก็ยอดฝีมือทั้งหมดในสนามนี้ได้ด้วยตนเอง

 

ท่ามกลางสายตาที่จับจ้องมองมา เยี่ยจงและพวกที่รู้สึกได้ว่าตนเองไม่สมควรที่จะยืนอยู่บริเวณหัวมุมอีกต่อไป จากนั้นเยี่ยจงจึงได้โบกมืออยู่คราหนึ่ง มุ่งหน้านำพากลุ่มไปยังบริเวณทางด้านหน้าของอาราม

 

เมื่อพบเห็นเยี่ยจงและพวกเดินเข้ามา กลุ่มคนจากทั่วทั้งสี่ทิศก็ได้หลีกทางให้เป็นถนนสายเดียว เห็นได้ชัดว่าการลงมือเมื่อวันก่อนของเยี่ยจงยังคงหลงเหลือความหวาดกลัวให้คนผู้คนอยู่ไม่น้อย ถึงแม้ว่าพวกเขาจะกล่าวคำพูดร้ายแรงเพียงใด แต่ว่าในเวลาที่ได้พบหน้ากับเยี่ยจง ภายในจิตใจของพวกเขาก็ได้เกิดความกลัวขึ้นมาหลายส่วน

 

หลังจากที่ตัดผ่านยอดฝีมือกลุ่มใหญ่ ในช่วงเวลาที่มาถึงทางด้านหน้าของอาราม เยี่ยจงก็มิได้สนใจสิ่งรอบข้างที่อยู่รอบห้องโถงใหญ่ เพียงแต่จับจ้องไปทางด้านบุคคลสามคนทางด้านหน้าสุดที่อยู่บนหลังม้าในขณะนี้

 

พอพูดถึง บุคคลทั้งสามคนบนหลังม้าเยี่ยจงก็นับได้ว่ารู้จักอยู่บ้าง

 

ในยืนอยู่ไม่ไกลจากเขาทางฝั่งซ้าย ที่แท้ก็คือสี่กองกำลังโลหิตของโรงฝึกจ้านหวังแห่งรัฐต้าโจวหวังเฉานั้นเอง เมื่อพวกเขาเห็นการปรากฏตัวของเยี่ยจง ก็ได้พยักหน้าอย่างเป็นมิตรให้แก่เยี่ยจง เห็นได้ชัดว่าเกรงอกเกรงใจอยู่หลายส่วน

 

แต่ว่าแน่นอนว่าเยี่ยจงก็มิได้โง่เขลาพอที่จะถูกรอยยิ้มของพวกเขาหลอกได้ เขารู้ดีอยู่แก่ใจอยู่เต็มอก ถ้าหากภายในอารามมีสมบัติที่สามารถทำให้ผู้คนตกใจได้แล้วละก็ เกรงว่าเมื่อถึงเวลาสี่กองกำลังโลหิตพวกนี้คงจะต้องเป็นกลุ่มแรกที่พลิกลิ้นอย่างแน่นอน นอกเสียจากทั้งสองฝ่ายมีความเห็นตรงกัน ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ ต่อให้เป็นยอดฝีมือที่มาจากรัฐต้าโจวหวังเฉาด้วยกันก็ตาม คิดที่จะร่วมมือกันเห็นทีคงจะยากอย่างมาก

 

และในพื้นที่ไม่ห่างจากกลุ่มยอดฝีมือของโรงฝึกจ้านหวังมากนัก ก็มีกลุ่มยอดฝีมือของสำนักจ้าวหวังรวมตัวกันอยู่ด้วย ผู้ที่ยืนอยู่ทางด้านหน้าที่สุดก็คือคุณชายควางโซวเหลียนคายหยู่นั้นเอง แต่ว่าในตอนนี้เหลียนคายหยู่นั้นราวกับไม่ได้ให้ความสนใจต่อเยี่ยจงก็มิปาน เพียงแต่ขมวดคิ้วแล้วชายตามองไปทางด้านหน้าของอารามอย่างช้าๆ

 

ส่วนกลุ่มสุดท้ายทั้งคนทั้งม้าที่อยู่ทางด้านหน้า เป็นกลุ่มยอดฝีมือที่สวมไว้ด้วยชุดผ้าไหมที่สวยงาม แต่สิ่งที่เกิดความคาดเดาของเยี่ยจงก็คือ เหล่ายอดฝีมือที่ยืนอยู่ทางด้านหน้า เป็นหญิงสาวชุดสีแดงอายุประมาณสิบเจ็ดสิบแปดปี หญิงสาวนางนี้มีหุ่นที่เรียกได้ว่าน่าดึงดูดอย่างมาก ใบหน้าก็งดงามอย่างยิ่ง บนร่างมีกลิ่นอายของเชื้อพระวงศ์ออกมา ทำให้ผู้คนไม่น้อยทั่วทั้งสี่ทิศต่างก็เหลียวหน้าจ้องมองมาที่นางอยู่ไม่อาจที่จะละสายตาไปได้

 

ราวกับสามารถสัมผัสได้ถึงการมองมาของเยี่ยจงก็มิปาน หญิงสาวชุดแดงก็ได้ค่อยๆหันหน้ากลับมา จ้องมองไปแล้วยิ้มให้แก่เยี่ยจง ทว่ารอยยิ้มบนใบหน้านั้นให้รสชาติ ที่เต็มไปด้วยความลี้ลับอยู่หลายส่วน

 

“ คนเหล่านี้เป็นใครมาจากที่ใดกันอีก ? “ ในขณะที่เหม่อมองกลุ่มคนชุดผ้าไหมสวยงาม เยี่ยจงก็ได้ขมวดคิ้วเล็กน้อย

 

ถึงแม้เขาจะทราบ การเดินทางมายังถ้ำหงส์หยาในครั้งนี้ ยอดฝีมือทั่วทั้งสี่ทิศต่างก็คือผู้ที่ถูกกลุ่มเด็กน้อยแห่งรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาดึงดูดเข้ามา อีกทั้งช่วงเวลาที่อยู่บริเวณทางเข้าเมื่อวันก่อน ก็มียอดฝีมืออย่างแท้จริงคอยมองดูอยู่ไม่น้อย แต่ว่ากับกลุ่มคนเหล่านี้ เขากลับสัมผัสได้ถึงความแปลกประหลาดอยู่หลาดส่วน

 

“ หากว่าข้าคาดเดาไม่ผิดแล้วละก็ เกรงว่านี้คือเป็นยอดฝีมือที่มาจากหนึ่งอีกรัฐอื่นนอกเหนือจากทั้งสามใหญ่ ภายในทั้งสามรัฐใหญ่ของพวกเรา ไม่น่าจะมีหญิงสาวนางนี้ “ หลิงเยวี่ยจ้องมองไปที่ร่างของหญิงสาวด้วยสายตาที่ลึกล้ำ หลังจากนั้น นางค่อยเอ่ยปากกล่าวตอบเสียงแผ่วเบา “ อีกทั้ง ข้ายังสามารถสัมผัสได้ว่า พลังฝีมือของหญิงสาวน่าจะเป็นที่ตื่นตระหนกของผู้คน เกรงว่าคงอยู่ในขั้นก่อเกิดระดับที่เจ็ดแล้ว “

 

หลังจากที่เงียบงัน เยี่ยจงก็ไม่คำจะกล่าวไปซักพัก เขาฝึกปรือดอกหยินหยางอย่างยากลำบาก เพื่อที่จะได้เข้าสู่ขั้นก่อเกิดระดับที่หก แต่ว่าเจ้าเด็กน้อยผู้นี้มีดีอันใด แต่ละคนกลับมีความสามารถอยู่ในขั้นก่อเกิดขั้นที่เจ็ดกันแล้ว หากว่าต้องต่อกรกันแล้วละก็ คงจะเป็นเรื่องที่สิ้นเปลืองเรี่ยวแรงไม่น้อย

 

แต่ว่านี้ก็นับเป็นเรื่องราวที่ปกติสามัญ ถึงแม้การเข้าสู่ถ้ำหงส์หยานี้จะเป็นสถานที่ที่มีความอันตรายอยู่เต็มสิบส่วน หากว่าไม่มียอดฝีมือที่แท้จริงค่อยนำขบวนแล้วละก็ ทางสำนักของพวกเขาคงมิอาจที่จะให้พวกเขาเข้ามายังที่แห่งนี้ได้ ถึงแม้จะไม่มียอดฝีมือที่คอยกดดันอยู่ก็ตาม ยิ่งผู้คนมาเยอะแค่ไหน ก็เป็นได้เพียงแค่ผักปลาที่ส่งมาปากเท่านั้น

 

หลังจากที่ได้วิเคราะห์กลุ่มคนทั้งสามที่อยู่บนหลังม้าแล้ว เยี่ยจงก็ได้เงยหน้าขึ้นมา จ้องมองไปทางบริเวณทางด้านบนอารามที่อยู่ทางด้านหน้า

 

หากมองจากมุมมองนี้ขึ้นไป ก็จะเห็นอารามที่มีกลิ่นอายอันเก่าแก่โดยใช้อิฐในการสร้าง ให้บรรยากาศที่ยากจะบรรยายออกมาถึงลักษณะของอารามออกมาได้ ทำให้ผู้คนตื่นตระหนกได้

 

ด้านบนของอารามมิได้มีการตกแต่งด้วยสิ่งใดเลย จะมีก็แต่ไหล่บนหลังคาที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่แบบหนึ่ง หรือแม้แต่ประตูทางเข้าอารามทางด้านหน้าก็ยังเป็นเพียงแค่ประตูเหล็กเงินขนาดใหญ่เท่านั้น ที่ในตอนนี้ได้เต็มไปด้วยเครื่องหมายต่างๆ เห็นได้ชัดว่า เจ้าของอารามแห่งนี้ต้องมิใช่คนที่สนใจความสวยงามภายนอกมากนัก

 

“ ถ้าหากกล่าวเช่นนี้ สถานที่แห่งนี้เป็นที่นั่งบำเพ็ญของยอดฝีมือขอบเขตเซียนแล้วละก็ ก็ยากที่จะเป็นไปได้ ในสถานที่แห่งนี้เป็นไม่ต่างจากบริเวณที่รกร้างเลย ? “ หลังจากที่เยี่ยจงจ้องมองไปทางด้านอารามแห่งนี้แล้ว ก็ค่อยเอ่ยปากกล่าวด้วยความสงสัยอยู่หลายส่วน

 

“ น่าจะเป็นเช่นนั้นมิผิด เพียงแต่ว่ากายทิพนั้นแม้แต่ตระกูลหลู่ของพวกเราก็ยังไม่แน่ใจซักเท่าไหร่ “ หลู่ปิงส่ายศีรษะเบาๆแล้วตอบ

 

หลังจากที่เงียบงัน เยี่ยจงก็ได้พยักหนักราวกับเข้าใจในความหมาย ตระกูลหลู่ต่อให้ทราบว่าในสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่บำเพ็ญของยอดฝีมือขอบเขตเซียน แต่ก็ใช่ว่าจะทราบถึงข่าวสารเกี่ยวกับกายทิพไม่ ในข้อนี้ยังมีบางอย่างที่น่าประหลาดอยู่หลายส่วน อีกทั้งยัง ในสายตาของผู้อื่น พวกเขาเกินกว่าครึ่งหนึ่งก็น่าจะทราบอยู่บ้าง ว่าในสถานที่แห่งนี้ได้มียอดฝีมือท่านหนึ่งบำเพ็ญเพียรอยู่

 

เพียงแต่ว่ากล่าวกันตามตรง หรือว่าสถานที่แห่งนี้จะมีการรั่วไหลของข้อมูล ก็คงจะอันตรายเป็นอย่างมาก แต่ว่าในเมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้แล้ว ยอดฝีมือที่เข้ามายังถ้ำหงส์หยานั้นมีใช่มีเพียงแค่หนึ่งหรือสองที่ทราบเรื่องราวที่เรียกว่าเป็น”ความลับ”นี้แล้ว เมื่อมองในข้อนี้แล้วจึงเห็นได้ชัดว่าน่าแปลกอยู่หลายส่วน

 

อารามทางอยู่ทางด้านหน้าในตอนนี้ก็ได้มีความแปลกอยู่ ยอดฝีมือในที่แห่งนี้แต่ละคนต่างก็ตาลุกเป็นไฟ แต่ว่าก็มิได้ตัดสินใจที่จะลงมือแต่อย่างไร สันนิษฐานว่า จุดมุ่งหมายของผู้คนเหล่านี้ที่มีต่ออาราม ก็มิได้เล็กน้อยอย่างที่คิด …….

.

.

.

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset