เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 113 แย่งชิงคัมภีร์ทักษะยุทธ์

ตอนที่ 113 แย่งชิงคัมภีร์ทักษะยุทธ์

 

 

เพียงแค่ช่วงเวลาที่รอคอยอยู่ ยันต์วิญญาณที่ติดด้านบนศีรษะของหุ่นเชิดสงครามก็สั่นขึ้นกะทันหัน ขยับด้วยตัวเองไร้แรงลม

 

และในเวลาเดียวกัน สีหน้าของหลิงเยวี่ยขาวขึ้นเล็กน้อย จากนั้นนางก็ส่ายศีรษะไปมา กล่าวเสียงแผ่วเบา “ ไร้หนทางในการควบคุมได้ หุ่นเชิดสงครามเหล่านี้ได้ถูกควบคุมไว้อย่างสมบูรณ์แบบโดยวางคำสั่งใช้ชีวิตเข้าแลก คอยป้องกันบริเวณนี้ให้ดี พละกำลังของข้าน้อยค่อนข้างแย่ ไม่อาจที่จะใช้ออกเช่นก่อนหน้าได้อีกแล้ว “

 

เยี่ยจงก็ได้ถอนหายใจออกมาเล็กน้อยคำหนึ่ง หากว่าสามารถที่จะรวบหุ่นเชิดสงครามเหล่านี้ได้แล้วละก็ ก็จะทำให้พลังในการต่อสู้ของพวกเขาเพิ่มสูงขึ้น แต่ว่าก็เพียงได้แต่คิดเท่านั้น จะอย่างไรก็ตามหุ่นเชิดสงครามเหล่านี้ก็เป็นถึงสิ่งที่ยอดฝีมือขอบเขตเซียนหลงเหลือเอาไว้

 

“ ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ก็ชักนำหุ่นเชิดสงครามนี้จากไป ไม่จำเป็นที่จะต้องลงมือกับพวกมันให้เสียเวลาและพละกำลังอีก ดีกว่าการเอาเปรียบผู้อื่นเช่นนี้ “ หลังจากที่เยี่ยจงครุ่นคิดแล้ว ก็ค่อยเอ่ยปากกล่าวออกมา

 

หลังจากที่เงียบงัน ผู้คนมากมายก็พยักหน้าเห็นด้วย และจากนั้นก็ได้ทำตามคำคิดเห็นของเยี่ยจง ผู้คนทั้งหมดลงมือในเวลาเดียวกัน ใช้พลังฝ่ามือเข้าปะทะกับร่างของหุ่นเชิดสงครามให้ไกลออกไป

 

“ เปรี้ยง “

 

หุ่นเชิดสงครามได้ถูกปะทะจากที่ไกล ทันทีที่ได้ล้มลง ยันต์วิญญาณบนร่างก็ได้สูญสลายหายไปราวกับหมอกควัน

 

หุ่นเชิดสงครามกลับมาเคลื่อนไหวได้อีกครั้งแต่กลับมิได้พุ่งเข้าไปไล่สังหารเยี่ยจงและพวก เพียงแต่มุ่งหน้าไปยังบริเวณกลุ่มคนที่ใกล้ที่สุดอย่างยอดฝีมือกของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉา

 

เสวี่ยซินและพวกจ้องเขม็งไปทางด้านเยี่ยจงคราหนึ่ง แต่ก็มิอาจที่จะไม่ลงมือได้ ถึงแม้ว่าพวกเขาก็ทราบอยู่แล้ว แน่นอนว่าเยี่ยจงนั้นได้จงใจที่จะผลักดันหุ่นเชิดสงครามให้มาทางด้านนี้ แต่ว่านอกจากพวกเขาต้องลงมือแล้ว ยังไม่เห็นถึงหนทางอื่นใดอีกเลย ?

 

ยอดฝีมือของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาในตอนนี้ก็ได้หรี่ตาลงเล็กน้อยเหม่อมองอย่างดุร้าย เยี่ยจงหัวเราะเสียงเย็นชาคราหนึ่ง เขาเพียงมองแค่ครั้งเดียวก็มองออกแล้ว ต่อให้ถูกหุ่นเชิดสงครามไล่ล่า ยอดฝีมือของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาในตอนนี้ก็ยังเก็บอารมณ์เอาไว้ได้อยู่ ไม่มีผู้ใดออกมาเข้าปะทะกับหุ่นเชิดสงคราม เห็นได้ชัดว่า พวกเขาต่างก็ไม่คิดที่จะเปิดเผยพลังในเวลานี้ เพื่อที่จะเอาเปรียบผู้อื่น

 

หลังจากที่ดูแล้ว เยี่ยจงก็ได้หันกายไปมองทางด้านอื่น ท่ามกลางห้องโถงใหญ่ในตอนนี้ ราวกับว่าอากาศที่หายใจอยู่กับยังเต็มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นของคาวเลือด เพื่อที่จะแย่งชิงม้วนคัมภีร์ทักษะยุทธ์ทั้งสี่ชิ้นแล้ว ยอดฝีมือภายในห้องโถงใหญ่ในตอนนี้ก็ได้หลงเหลือไว้เพียงหนึ่งในสามส่วนเท่านั้น

 

ตอนนี้ก็ได้มียอดฝีมือส่วนหนึ่งแตกตื่นถอยรนออกมา เห็นได้ชัดว่าเมื่อได้เห็นภาพเช่นนี้ก็ได้บังเกิดความหวาดกลัวและหนาวเหน็บขึ้นมา ทำให้พวกเขาเข้าใจได้ หากว่ายังฝืนสู้ต่อไปแล้วละก็ อย่าว่าแต่ม้วนคัมภีร์ทักษะยุทธ์ เพียงแค่ม้วนเดียว พวกเขาก็อาจต้องทิ้งชีวิตน้อยๆเอาไว้แล้ว

 

“ อา “

 

บริเวณท่ามกลางสนาม เสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังขึ้นมาเป็นระยะ เพียงแต่ว่า เหล่ายอดฝีมือที่ถูกเข่นฆ่าไปนั้นโดยส่วนมากต่างก็เป็นพวกที่มาอย่างโดดเดียวคนเดียวถูกสังหารจนกระจัดกระจายวุ่นวาย ที่หลงเหลืออยู่นั้นแต่ละคนที่เกาะกลุ่มกันโดยทั้งสิ้น เมื่อได้เผชิญหน้ากับเหล่าหุ่นเชิดสงคราม ยอดฝีมือเหล่านี้ก็มิอาจที่จะลงมืออย่างโหดเหี้ยมได้ และการลงมือในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยสายตามากมายมองมา ก็มีแต่เพียงแค่ฝืนใจต่อต้านหุ่นเชิดสงครามเหล่านั้นไปเป็นครั้งคราว

 

เมื่อได้เหม่อมองสถานการณ์ในตอนนี้ที่เปลี่ยนกลับกลายปกติขึ้นมาหลายส่วน นัยน์ตาของเยี่ยจงก็ได้เปลี่ยนเป็นสงสัยขึ้นมา

 

หลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ได้สาดประกายมองสำรวจอยู่รอบหนึ่ง จนหยุดมาอยู่ที่แสงที่ส่องสว่างอยู่สายหนึ่ง

 

ท่ามกลางแสงที่สาดส่องอยู่ ก็ได้เห็นพลังวิญญาณแผ่ออกมาจากม้วนคัมภีร์ ถึงแม้ว่าเยี่ยจงมันที่แท้แล้วเป็นม้วนคัมภีร์อันใด แต่ว่าคัมภีร์ม้วนนี้นั้นได้ทำให้เยี่ยจงรู้สึกได้ว่าดีที่สุดแล้ว ถึงแม้ว่าอย่างน้อยจะมีผู้คนหลักร้อยที่ต้องทิ้งชีวิตเพื่อจะแย่งชิงมา แต่เมื่อเยี่ยจงได้เตรียมพร้อมที่จะลงมือ

 

“ รอบต่อไปข้าจะลงมือทดสอบเอง พวกท่านคอยระวังหลังให้ด้วย “

 

หลังจากที่ได้ส่งเสียงทุ่มต่ำ สายตาของเยี่ยจงก็ได้สาดเป็นประกายขึ้นมาเป็นสาย หลังจากที่เวลาได้ผ่านไปราวหนึ่งก้านธูปแล้ว แสงสายนั้นที่ส่องสว่างอยู่ก็ได้พุ่งเข้าไปหาทางด้านของเยี่ยจง

 

“ ลงมือ “

 

ในเวลาเดียวกันนั้น ก็ได้ยินเสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังออกมา ร่างกายของเยี่ยจงได้ขยับเคลื่อนวาบออกไป

 

เยี่ยจงได้สอดมือเข้าไปอย่างกะทันหัน ก็ได้ดึงดูดเหล่ายอดฝีมือม้วนคัมภีร์ที่คอยไล่ล่าอยู่จนต้องเปลี่ยนสีหน้าคราหนึ่ง ทันทีที่นัยน์ตาของผู้คนเหล่านั้นปรากฏรังสีการฆ่าฟันสาดออกมา ราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ก็ได้มีผู้คนมากมายเปลี่ยนเป้าหมายที่จะลงมือ จากม้วนคัมภีร์ยุทธ์กลับกลายฆ่าสังหารเยี่ยจง

 

หากว่ามีเพียงแค่ตนเองแล้วละก็ เด็กน้อยเหล่านี้ต่อให้มีขวัญกล้าเทียบฟ้าก็ตาม ก็ใช่ว่าจะอาจหาญกล้าที่จะลงมือต่อเยี่ยจง แต่ว่าในสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขามิได้สนใจแม้แต่สถานะภาพและพลังฝีมือของเยี่ยจงเลย ในตอนนี้ลงมือไม่มีแม้แต่จะยั้งมือไว้ไมตรี

 

“ ชิร์ “

 

ในขณะที่เหม่อมองทักษะยุทธ์หลายสายพุ่งเข้ามา เยี่ยจงก็ได้ยิงด้วยพลังดัชนีสายหนึ่ง แหวกสายลมออกมาเป็นสาย เข้าปะทะเข้ากับทักษะยุทธ์ที่พุ่งเข้ามา จากนั้นในช่วงเวลาอันน้อยนิดที่ทักษะยุทธ์จำนวนมากเข้าปะทะกันเสียงดังสนั่น ในเวลาเดียวกันก็ได้ขยับกายหายวาบไปปานสายฟ้า ฝ่ามือประทับเข้าที่บริเวณหน้าอกของผู้คนจำนวนมาก

 

“ บรึม “

 

“ บรึม “

 

ยอดฝีมือมากมายที่ลงมือในตอนนี้ก็ได้สะบัดร่างกายออกไปในทันที แล้วต่างก็ต้องกระอักโลหิตคำโตท่ามกลางอากาศในเวลาที่ จากนั้นพวกเขาก็ล้มลงสู่พื้น ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นมา

 

ฝีมือในการฆ่าฟันเช่นนี้ของเยี่ยจง ก็ได้ทำให้เหล่ายอดฝีมือที่เตรียมตัวที่จะลงมือต้องเปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย พวกเขานับว่าได้ทราบดีอยู่แล้ว คนเองและคนเหล่านี้เมื่อต้องอยู่ต่อหน้าเยี่ยจงแล้วก็ไม่ต่างอันใดจากไก่ดินที่ถูกสุนัขไล่กัด จะอย่างไรก็ไม่น่าดู

 

ในขณะนั้นก็ไม่มียอดฝีมือคนใดที่กล้าเข้ามาแทรกแซงแล้ว เยี่ยจงก็ได้พุ่งตัวกลับไปยังท่ามกลางกลุ่มคน หายวาบไปคราหนึ่ง มุ่งหน้าไปยังม้วนคัมภีร์ที่กำลังปะทุอยู่

 

ความเคลื่อนไหวของเยี่ยจงนี้ได้ทำให้ผู้คนรู้สึกแตกตื่น ถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีความแข็งแกร่งมากที่สุดในวงล้อมการแย่งชิงก็ว่าได้ ยอดฝีมือที่มีพลังขั้นก่อเกิดระดับที่เจ็ดก็ยังต้องลังเล พวกเขาเหล่านี้มาก็เพื่อที่จะแย่งชิงม้วนคัมภีร์ อีกทั้งยังต้องสูญเสียไปไม่น้อย ท้ายที่สุด ทุกคนจึงมีความสำเร็จอยู่หลายส่วนเช่นนี้ได้

 

แต่ว่าเมื่อมาถึงช่วงเวลาที่สำคัญ เยี่ยจงเพียงแค่สอดมือเข้ามา ก็ได้ทำให้สีหน้าของยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดคนนี้เกิดความลังเลขึ้นมาเวลาเดียวกัน รังสีฆ่าฟันแผ่เต็มภายในจิตใจ

 

“ ซวบ “

 

ก็แค่การลังเลเพียงชั่วครู่ ยอดฝีมือท่านนี้ก็ได้ลงมือใช้ออกด้วยดาบยาวในมือทันที ทั้งยังส่องแสงสายหนึ่งจนเกิดเงาดาบขึ้นมาอย่างไร้ที่เปรียบพุ่งเข้าไปยังบริเวณที่เยี่ยจงอยู่

 

“ เยี่ยจง นั่งดูเสือสู้กัน รอคอยโอกาสดี บนโลกนี้มีเรื่องที่ง่ายดายเช่นนั้นด้วยหรือ “

 

“ ตอนนี้ก็มิใช่หรอกหรือ ? “

 

เยี่ยจงหัวเราะเย็นชาคราหนึ่ง ปล่อยออกด้วยหมัดขวา พลังหมัดที่ปกคลุมไปด้วยพลังกระบี่ตราประทับซ้อนทับถึงชั้นที่หก ทันใดนั้นเยี่ยจงก็ได้ปล่อยหมัดออกไปอย่างรุนแรง

 

“ ไสหัวไป “

 

ท่ามกลางเสียงร้องนี้ ความเจ็บปวดไร้ที่เปรียบที่โจมตีปะทะเข้ามาในทันที กับทั้งท่าทีที่เปี่ยมไปด้วยความกล้าหาญชนิดนี้ของยอดฝีมือขั้นก่อเกิดระดับที่เจ็ดที่ใช้ออกด้วยพลังเงาดาบอย่างหนักหน่วงออกมา

 

“ เช้ง “

 

หมัดดาบเข้าปะทะกัน เสียงของการปะทะได้ดังก้องออกไปยังบนท้องฟ้า ทันทีที่ความน่ากลัวอย่างที่สุดเป็นสายถูกใช้ออกมาราวกับพลังที่ถูกหอบมากับสายลม จากการโจมตีของทั้งสองที่พุ่งชนกันก็ได้แผ่กระจายออกมา ความจริงแล้วที่มีเหล่ายอดฝีมือเตรียมที่จะลงมือก็ได้ลังเลขึ้น ตอนนี้ก็เปลี่ยนสีหน้าถอยออกไปอย่างบ้าคลั่ง

 

“ บรึม “

 

สีหน้าของยอดฝีมือขั้นก่อเกิดระดับที่เจ็ดเปลี่ยนคราหนึ่ง ร่างกายสั่นไหวไปมา กระอักโลหิตออกมาคำโต ใบหน้าปรากฏให้เห็นถึงยากที่จะเชื่อในสิ่งที่เห็น พลังฝีมือของเยี่ยจงเขานับว่าเข้าใจอย่างกระจ่าง เพียงแค่พลังขั้นก่อเกิดระดับที่หก อีกทั้งเขายังเข้าสู่ขั้นก่อเกิดระดับที่เจ็ดได้สักพักแล้ว แต่ก็คิดไม่ถึง ในสถานการณ์เช่นนี้แล้ว เมื่อถึงคราวที่ต้องปะทะ เขากลับต้องพ่ายภายใต้น้ำมือของเยี่ยจง ?

 

เยี่ยจงผู้นี้ ถึงกับมีความน่าหวาดกลัวถึงขั้นนี้เชียวหรือ

 

ทันใดนั้นเอง ยอดฝีมือผู้นี้ก็ราวกับเข้าใจได้ เขาได้สูญเสียคุณสมบัติในการลงมือต่อไปแล้ว หากว่ายังต้องลงมือแย่งชิงในครั้งต่อไปแล้วละก็ ไม่แน่ว่าอาจจะต้องถูกเยี่ยจงฆ่าสังหารก็เป็นได้

 

เพียงกระบวนท่าเดียวก็ล้มยอดฝีมือพลังขั้นก่อเกิดระดับที่เจ็ดลงได้ ภายในใจเยี่ยจงก็มิได้มีอันใดเปลี่ยนแปลงมากนัก วิชาลมปราณที่เขาฝึกฝนนั้นถือเป็นกำลังภายในขั้นสูงโบราณ ยอดฝีมือตามปกติธรรมดายากที่จะฝึกฝนจนบรรลุได้ หากยังนับพลังกระบี่ตราประทับซ้อนทับเข้าไปด้วยแล้วละก็ ยอดฝีมือที่มีพลังขั้นก่อเกิดระดับที่เจ็ดปกติธรรมดาก็มิใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย นอกเสียจากบุคคลที่น่ารำคาญอย่างเหลียนคายหยู่ ฝานหลิง เสวี่ยซินเป็นต้น

 

ในขณะที่ยอดฝีมือที่มีพลังขั้นก่อเกิดระดับที่เจ็ดถอยออกไปในทันที เยี่ยจงก็ได้ก้าวออกไปหนึ่งก้าว ร่างกายก็ได้พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว หายวาบไปจากด้านหน้าของม้วนทักษะยุทธ์ จากนั้นก็ได้ออกไปทางด้านหลัง

 

“ เยี่ยจง เจ้าอย่าได้เกินเลยไป “

 

เมื่อพบเห็นเยี่ยจงละจากม้วนคัมภีร์ทักษะยุทธ์ เหล่ายอดฝีมือรอบด้านแต่ละคนนัยน์ตาก็ได้ทอประกายแดงก่ำร้องเสียงหลงขึ้นมา ถึงแม้จะมิอาจต่อกรกับเยี่ยจงได้ แต่ว่าในสถานการณ์เช่นนี้ คนเหล่านี้ก็ทราบกันดี หากว่าไม่ลงมือต่อแล้ว เช่นนั้นพวกเขาก็มิอาจที่จะมีโอกาสแล้ว

 

“ ตูมตูมตูม “

 

ทันใดนั้นต่อมา ทักษะยุทธ์นับสิบสายก็ถูกใช้ออกมาในเวลาเดียวกัน ถึงแม้ระดับจะไม่ได้สูงมากนัก โดยส่วนมากก็ไม่นับว่าเป็นทักษะยุทธ์ระดับที่ต่ำ แต่ว่าเมื่อลงมือด้วยยอดฝีมือนับสิบคนพร้อมกัน เสียงที่ดังออกมาภายในสนาม ก็ได้เปลี่ยนไปในทันที

 

เพียงแต่ว่า ต่อให้อยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ เยี่ยจงก็ยังมิได้เปลี่ยนแปลงความเคลื่อนไหว ถึงแม้สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ได้เพิ่มความเร็วมากขึ้นอีกขั้น ใช้มือคว้าออกไปทางด้านหัวมุมของม้วนคัมภีร์ยุทธ์

 

“ กึก “

 

เพียงการคว้าไปบนม้วนคัมภีร์เพียงครั้งเดียว พลังสวนกลับขนาดใหญ่ที่ส่งผ่านเข้ามาจากม้วนคัมภีร์ เห็นได้ชัดว่าการที่จะได้ม้วนคัมภีร์มานั้นไม่ง่ายดายเลย

 

“ ชิร์ “

 

เมื่อเห็นเช่นนั้น สีหน้าของเยี่ยจงก็เย็นชาขึ้น มือขวาก็ได้ถูกกวาดออกไปในทันที วินาทีนั้นม้วนคัมภีร์ก็ได้พุ่งถอยออกไปทางด้านหลัง แล้วก็ได้เข้าปะทะกับพลังทักษะยุทธ์นับสิบสายไปในทันที

 

“ ตูม “

 

จากโจมตีนับสิบสายที่เข้ามายังม้วนคัมภีร์ทักษะยุทธ์ จนทำให้จุดบริเวณพื้นที่ที่มีแสงสีทองส่องสว่างกระทบกับการปะทะจนเป็นหลุมลึกลงไป ท้ายที่สุด ภายใต้ความคุ้นเคยเช่นนี้ ม้วนคัมภีร์เล่มนี้ก็ได้พุ่งหายวาบเข้าไปยังบริเวณที่เยี่ยจงอยู่

 

เยี่ยจงวาดมือออก ในครั้งนี้ก็ได้คว้าไปยังที่ม้วนคัมภีร์มาอยู่ในมือจนได้ เพียงแต่ว่าในขณะที่เขายังไม่ทันจะได้เก็บม้วนคัมภีร์นี้ลงไป ก็จำเป็นที่จะต้องวาดฝ่ามือออกไปคราหนึ่ง เพื่อที่จะได้จับไปยังอีกด้านของม้วนคัมภีร์

 

“ เยี่ยจง ข้าบอกไปตั้งแต่แรกแล้ว เรื่องราวจะไม่จบเพียงแค่นี้ “

 

ท่ามกลางรอยยิ้มเสียงหัวเราะเย็นชาที่ดังออกมา เยี่ยจงก็เงยหน้าหรี่ตามอง ก็ได้มองเห็นผู้ที่กำลังลงมือ ที่แท้ก็คือเหลียนคายหยู่แห่งสำนักเจ้าหวัง

 

“ เพี๊ยะ “

 

ระหว่างเสียงหัวเราะอันเย็นชา ก็ได้มีมืออีกข้างหนึ่งที่มือไม่เห็นโบกสะบัดกรงเล็บออกมาในทันที พุ่งกวาดไปยังคอหอยของเยี่ยจงโดยตรง

 

ดวงตาของเยี่ยจงได้ทอประกายรังสีฆ่าฟันออกมา เท่าที่เขาทราบเกี่ยวกับคุณชายควางโซวที่มีปัญหากับตนเองนั้น ภายในจิตใจของเขามีแต่เพียงการสังหารเท่านั้น

 

“ เปรี้ยง “

 

ทันใดนั้นต่อมา เยี่ยจงก็ได้พุ่งหมัดออกเข้าปะทะในทันที มุ่งหน้าไปยังบริเวณหน้าอกของอีกฝ่าย เห็นได้ชัดว่า เขาตัดสินใจที่จะจบทุกอย่างภายใต้การโจมตีที่พุ่งเข้าหาเหลียนคายหยู่ อีกทั้งยังเตรียมพร้อมที่จะใช้ชีวิตแลกชีวิตด้วย

 

“ ไสหัวไป ถ้าเจ้าอยากตายก็อย่าได้ลากข้าไปด้วย “

 

ราวกับว่าได้ตอบสนองต่อรังสีฆ่าฟันที่มาจากนัยน์ตาของเยี่ยจง สีหน้าของเหลียนตายหยู่ก็ได้เปลี่ยนไปคราหนึ่ง เขาไม่คิดที่จะมาตายภายใต้การแย่งชิงคัมภีร์ยุทธ์ในที่แห่งนี้

 

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับพลังฝีมืออันบ้าคลั่งของเยี่ยจงเช่นนี้ เขาก็มิอาจที่พลิกสีหน้าแล้วกลับมาซัดฝ่ามือได้ จากนั้นก็ขยับกายปะทุถอยออกไปในทันที

 

เพียงแค่นั้นคุณชายควางโซว ก็ถึงกับถูกเยี่ยจงซัดเพียงกระบวนท่าเดียวถอยไป ในตอนนี้ ยอดฝีมือมากมายรอบด้านที่มองมาก็ต้องเปลี่ยนแปลงสายตาคราหนึ่ง

.

.

.

.

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset