ตอนที่ 114 ดังนั้น
“ ซูม “
ในมือที่ถือไว้ด้วยม้วนคัมภีร์ทักษะยุทธ์ ความเคลื่อนไหวอันแปลกประหลาดก็ได้ค่อยๆหายไป หลังจากที่เหลียนคายหยู่ถอยไปแล้ว ยังไม่มันที่เยี่ยจงจะได้ตรวจสอบว่าม้วนคัมภีร์นี้ที่แท้คืออะไร ก็ได้มีสายตาที่อิจฉาตาร้อนนับไม่ถ้วนมองเข้ามา จากนั้นก็พลิกฝ่ามือคราหนึ่งเก็บม้วนคัมภีร์เข้าไปในแหวนจักรวาล
ในขณะนั้นเอง ไม่เพียงแต่ยอดฝีมือที่พ่ายก็ถอยกายออกไปแล้ว หรือแม้แต่เหล่ายอดฝีมืออื่นๆที่อยู่บริเวณที่ห่างไกลกำลังไล่ตามม้วนคัมภีร์ยุทธ์อีกทั้งสามม้วน ตอนนี้สายตาของแต่ละคนก็ได้ทอเป็นประกายที่แดงก่ำกวาดออกมา ถึงแม้ว่า ท่ามกลางสนามแห่งนี้จะมีคัมภีร์ทักษะยุทธ์อยู่เพียงไม่กี่ม้วน ในเมื่อมีคนครอบครองแล้ว ก็หมายความว่าคนอื่นก็สูญเสียโอกาสไปแล้วหนึ่งส่วนเช่นกัน
“ ชิร์ “
ท่ามกลางสายตาที่จ้องมองมามากมายนี้ เยี่ยจงก็ยังคงก้าวขึ้นมาด้านหน้า จากนั้นก็ได้รีดเร่งกำลังภายในกระบี่หกสุสานไหลเวียนขึ้นมา และไอพลังวิญญาณโจวเทียนก็ได้เคลื่อนไหวขึ้นรอบตัวเขา พลังความเย็นอันลี้ลับอย่างถึงที่สุดสายหนึ่งก็ได้ออกมา แผ่พุ่งมาจากกำลังภายในของเยี่ยจง จนทำให้เขาในตอนนี้ ทั่วทั้งร่างกายเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังที่ยากที่จะอธิบายได้
“ ซู่ ซู่ ซู่ “
ในเวลาเดียวกันนี้ หวินหลิงก็โบกมือคราหนึ่ง ยอดฝีมือแห่งเกาะหมอกควันกับหลิงเยวี่ยและพวกก็ได้ถอยออกมาในเวลาเดียวกัน ขยับจนมาถึงบริเวณทางด้านหลังของเยี่ยจง พลังบนร่างของพวกเขาก็ได้ถูกปล่อยออกมา
เมื่อพบเห็นฉากเบื้องหน้านี้ ในดวงตาอันเร้าร้อนของยอดฝีมือส่วนหนึ่งก็ได้ค่อยๆสงบลง จากนั้นก็ได้นำพาสายตามองไปยังม้วนคัมภีร์ที่เหลืออีกสามม้วน เป็นที่ชัดเจนว่าพวกเขาก็เข้าใจดี ถึงแม้สิ่งของจะตกอยู่ในมือของเยี่ยจง ความยากเย็นในการแย่งชิง ถือได้ว่ามีอย่างมากมายมหาศาล
แน่นอนว่า นี้ก็เป็นเพราะว่ายังมีม้วนคัมภีร์อีกสามม้วนที่ยังไม่มีผู้คนแย่งชิงเอาไปได้อยู่ หากว่าม้วนคัมภีร์ที่เหลืออยู่ทั้งสามม้วนกลับกลายเป็นมีเจ้าของแล้วละก็ เกรงว่ายอดฝีมือเหล่านั้นคงจะเก็บความโลภไว้ภายในจิตใจไม่อยู่
เมื่อพบเห็นคนเหล่านี้ได้มุ่งความสนใจทั้งหมดไปยังพื้นที่อื่นแล้ว สีหน้าของเยี่ยจงก็ได้ผ่อนคลายลงมาหลายส่วน ทันทีที่เขาพบเห็นสายตาที่จ้องมองมาในตอนนี้ด้วยสีหน้าที่เยือกเย็นไม่หยุดนิ่งของเหลียนคายหยู่
“ เหลียนคาบหยู่ ครั้งนี้ถึงกับลงมือแล้ว เช่นนั้นก็อย่าได้โทษว่าข้าเลย “
หลังจากที่สิ้นเสียง นัยน์ตาของเยี่ยจงก็ได้ปกคลุมไปด้วยรังสีฆ่าฟันอีกครั้งไม่ขาดสาย ยอดฝีมือที่มีความคิดจะไม่ปล่อยตนใจเช่นนี้ ยังคงรีบจัดการตั้งแต่เนิ้นๆจะดีกว่า ไม่เช่นนั้นช้าเร็วก็คงต้องกลายเป็นความยุ่งยากอันใหญ่หลวง
“ เปรี้ยง “
ยังไม่ทันได้ตระเตรียมใจในทันที เยี่ยจงก็ได้ก้าวเท้าออกไปบนพื้นที่ด้านหน้าอย่างรุนแรงก้าวหนึ่ง ร่างกายก็ได้ทะลวงออกไปในทันที การเดินทางมายังถ้ำหงส์หยาในครั้งนี้ช้าเร็วก็ต้องเข้าปะทะกับพวกคนของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉา ในช่วงเวลาที่ลงมือกันคนของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาเยี่ยจงไม่อยากที่จะ มีคนแทงดาบเข้าที่หลังในเวลานั้น
“ ตูม “
ทันทีที่ร่างกายพุ่งออกไป ฝ่ามือของเยี่ยจงที่เสริมไว้ด้วยพลังกระบี่ตราประทับถึงชั้นที่หก ก็ได้พุ่งเข้าปะทะสังหารบริเวณที่เหลียนคายหยู่อยู่นั้นเอง
“ เยี่ยจง เจ้าคิดจริงๆหรือว่าข้าจะเกรงกลัวเจ้าจริงๆงั้นหรือ ? “
เหลียนคายหย่ในตอนนี้ราวกับสัมผัสได้ถึงพลังการฆ่าฟันของเยี่ยจงได้ ต่อมาเขาก็ได้หัวเราะอย่างเย็นชาเสียงหนึ่ง เขาได้เคลื่อนไหวโลหิตที่อยู่บนแขน ในตอนที่ใช้ออกด้วยพลังหมัดก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นกรงเล็บอันดุร้ายสายหนึ่งทันที เขาได้ไหลเวียนเลือดลมขึ้นมา จากนั้นก็ได้ปกคลุมไปทั่วทั้งพลังหมัดจนกลายเป็นกรงเล็บที่รุนแรง
“ เปรี้ยง “
ทันทีที่พลังหมัดปะทะเข้าหากัน ครั้งนี้เยี่ยจงได้ลงมือออกด้วยพลังทั้งหมด เหลียนคายหยู่ก็ได้หวาดกลัวอยู่ภายในจิตใจ เพียงแต่ว่าภาพที่อยู่ทางด้านหน้า วินาทีนั้นเหลียนคายหยู่ก็ได้ก้าวถอยหลังไป เลือดลมภายในกายกลับตะละปัด บนใบหน้าได้ปกคลุมไปด้วยใบหน้าที่ขาวซีด
ในช่วงเวลานั้นเอง เหลียนคายหยู่ก็ได้กรอกตาไปมาอย่างดุร้าย เห็นได้ชัดว่าเขาก็คิดไม่ถึง พลังฝีมือที่แท้จริงของเยี่ยจง ถึงกับมีความน่ากลัวได้ถึงขั้นนี้เชียวหรือ
“ มิใช่คู่ต่อสู้ของเขา ถอย “
เหลียนตายหยู่มิใช่บุคคลที่ไม่ยอมแพ้แต่อย่างไร ทันทีที่ทราบว่าตนเองนั้นมิใช่คู่ต่อสู้ของเยี่ยจง เขาก็ได้ก้าวเท้าไปยังพื้นที่ด้านหลังอย่างบ้าคลั่ง ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็ได้วิ่งหนีไปบริเวณทางด้านหลัง จนกระทั่งถอยกลับไปจนถึงบริเวณที่กลุ่มของยอดฝีมือสำนักเจ้าหวังอยู่
“ เจ้าเด็กน้อยที่กลัวตายผู้นี้ “
ความเร็วในการถอยของเหลียนคายหยู่ ในช่วงเวลที่เยี่ยจงยังไม่ทันจะมีปฏิกิริยากลับมา ทว่าเหลียนคายหยู่ก็ได้ถอยกลับไปจนถึงบริเวณที่อยู่ของยอดฝีมือมากมายแห่งสำนักเจ้าหวังแล้ว เยี่ยจงนั้นรู้สึกได้ว่าได้สูญเสียโอกาสที่ดีที่สุดในการสังหารไปเสียแล้ว
หลังจากนั้นเหลียนคายหยู่ก็ได้ทอประกายสายตาที่จ้องมองมาด้วยความเย็นเยียบในตอนนี้ เยี่ยจงจึงค่อยร้องเฮ้อออกมาคำหนึ่ง แล้วก็ถอยกลับไปยังข้างกายหลิงเยวี่ยและพวก ถึงแม้ว่าเขาอยากที่จะสังหารเหลียนคายหยู่ให้ได้ แต่ว่าในเมื่ออีกฝ่ายถอยกลับไปแล้ว ถ้าเขาจะกระทำต่อไปก็คงไม่ดี ดีกว่าจะตกเป็นเป้าหมายของผู้คนมากมาย
ในเมื่อแย่งชิงม้วนคัมภีร์มาได้ม้วนหนึ่ง เยี่ยจงและพวกก็เข้าใจ ท่ามกลางสนามในตอนนี้ไม่มีสิ่งที่พวกเขาพอจะทำได้ นั้นก็เพราะว่าถ้าหากเข้าไปแย่งชิงม้วนคัมภีร์ม้วนที่สองแล้วละก็ เช่นนั้นสภาพการณ์ต่อมาไม่แน่ว่าคงเป็นที่ดึงดูดผู้คนเข้ามา ท้ายที่สุดแล้วก็คงจะไม่เหลืออันใด
ดังนั้น ในตอนนี้ เยี่ยจงและหวินหลิงและพวกก็ได้สงบเงียบลงชั่วขณะ ขอเพียงถอยรนออกมาอีกฟาก คอยสอดส่องสภาพบริเวณท่ามกลางสนามอย่างเงียบงัน
“ ตอนนี้พวกเราจะทำอย่างไรกันต่อ ? จะถอยหรือว่าจะรอดูต่อไป ? ตอนนี้ก็เหลือม้วนคัมภีร์ทักษะยุทธ์เพียงแค่ชิ้นเดียวเท่านั้น “ หวินหลิงหรี่ตาจ้องมองไปยังท่ามกลางสนาม หลังจากที่เวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป นางก็ค่อยเอ่ยปากถามออกมา
ในตอนนี้ บริเวณท่ามกลางสนาม สี่กองกำลังโลหิตของโรงฝึกจ้านหวังนั้นก็ได้พึ่งพาพลังฝีมือส่วนหนึ่งแย่งชิงม้วนคัมภีร์มาได้ม้วนหนึ่ง และไม่ทราบว่าคุณชายเสเพลนั้นได้โผล่มาจากที่ใดหรือตอนไหนก็ได้ไคว่คว้าม้วนคัมภีร์อีกม้วน ท่ามกลางบริเวณสนามที่หลงเหลือคัมภีร์ม้วนสุดท้ายแล้ว ทว่านี้คือม้วนคัมภีร์ม้วนสิ้นท้ายที่กำลังดึงดูดทุกผู้คนเข้ามาแย่งชิง เป็นความรู้สึกที่รุนแรงอย่างยิ่ง
ตอนนี้ เพื่อคัมภีร์ทักษะยุทธ์ม้วนสุดท้ายนี้ สำนักเจ้าหวังก็ได้ทุ่มเทกำลังผู้คนทั้งหมดเข้าไปแย่งชิง
“ พวกเรายังคงไม่จากไปก่อน เรื่องราวดูเหมือนจะไม่ค่อยถูกต้อง “ เยี่ยจงส่ายศีรษะเล็กน้อย จ้องมองไปยังบริเวณที่กลุ่มยอดฝีมือมากมายของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาอยู่ สีหน้าจริงจัง “ เด็กน้อยเสวี่ยซินนั้นก็ช่างมีจิตใจที่ดีเสียนี้กระไร ? จนถึงตอนนี้ก็ยังมิได้ลงมือเลย ? พวกเขาที่แท้ต้องการที่จะทำอันใดกัน ? “
หลังจากที่เงียบงัน หวินหลิง หลิงเยวี่ยและพวกต่างก็ลังเลเล็กน้อย และจากนั้นก็ได้มองไปที่กลุ่มยอดฝีมือมากมายของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาในเวลาเดียวกัน เมื่อครู่ที่ทั่วทั้งสนามที่เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น กลับไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นยอดฝีมือแห่งรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉา แต่ว่าตอนนี้หากเทียบดูแล้ว ก็เผยให้เห็น ยอดฝีมือรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาก็ใจเย็นได้จนเกินไปแล้ว ในสถานการณ์ที่ม้วนคัมภีร์ทักษะยุทธ์หลงเหลือเพียงแค่ม้วนสุดท้ายแล้ว พวกเขาก็ยังสามารถที่จะอดใจไม่ลงมือได้อีกงั้นหรือ ?
น่าจะกล่าวได้ว่าพวกเขานั้นมีจิตใจที่ดีพอ ไม่เช่นนั้นก็คือ มีแผนการอื่นอยู่อีก ?
“ เด็กน้อยเหล่านี้ ที่แท้มาทำอันใดกันแน่ ? “ ภายในจิตใจของหวินหลิงตอนนี้ก็ได้ปกคลุมไปด้วยความสงสัย ช่วงก่อนหน้านี้ คำพูดของเยี่ยจงนั้นนางก็มิได้คิดเอามาใส่ใจ แต่ว่าในตอนนี้เท่าที่เห็นความเคลื่อนไหวของกลุ่มรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉา ก็ได้ทำให้นางมิอาจที่จะไม่สงสัยได้
“ เกรงว่า เป้าหมายของกลุ่มรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉานั้น ถึงจะมิใช่ทักษะยุทธ์เหล่านี้ แต่น่าจะเป็นกายทิพย์ของยอดฝีมือขอบเขตเซียนนั้น อย่าได้หลงลืมไป ……. พวกเขานั้นเป็นเผ่าพันธุ์ที่สืบทอดมาจากปีศาจโลหิต ……… “ หลู่ปิงที่เงียบงันมาตลอดเวลาจู่ๆก็ได้แสดงความคิดเห็นกล่าวออกมาอย่างกะทันหัน
หลังจากที่เงียบงัน ดวงตาเยี่ยจงก็ได้หดลง ทันใดนั้นก็ได้มีความตกตะลึงเข้ามาภายในใจสายหนึ่ง เมื่อครั้งก่อนช่วงเวลาที่เขาเคยอยู่ในดินแดนซานเชียนเซินเจี่ย เขาแน่ใจว่าเคยได้ยินพลังฝีมืออันแปลกประหลาดของเผ่าพันธุ์ปีศาจโลหิต รวมไปจนถึงการกลืนกินซากศพของยอดฝีมือ แย่งชิงส่วนหนึ่งของพลังฝีมือก่อนหน้าของเหล่าฝีมือ หากว่าเป็นไปตามที่ล้ำลือจริงแล้วละก็ เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้ เป้าหมายของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉานั้น แท้จริงแล้วก็คือกายทิพย์ของยอดฝีมือขอบเขตเซียน
หากว่าเสวี่ยซินนั้นสามารถที่จะกลืนกินกายทิพย์ของยอดฝีมือขอบเขตเซียนได้สำเร็จแล้วละก็ ต่อให้เขาได้รับเพียงแค่พลังของยอดฝีมือขอบเขตเซียนไม่ทั้งหมดก็ตามที ถ้าหากคิดที่จะไล่ล่าสังหารเหล่ายอดฝีมือจำนวนมากเหล่านี้ ก็ไม่นับได้ว่าเป็นปัญหาที่ใหญ่โตอันใด
ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาในตอนนี้ไม่ได้มีความสนใจต่อม้วนคัมภีร์ ขอเพียงพวกเขาสามารถทำได้สำเร็จ ม้วนคัมภีร์ทักษะยุทธ์เหล่านี้ท้ายที่สุดแล้วก็ต้องตกอยู่ในมือพวกเขาอยู่ดี
การวางแผนการของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉา และการทำเรื่องราวที่มากมายเช่นนี้ เพื่อที่จะเป็นตามแผนการที่วางไว้ อีกทั้งพวกเขายังดึงดูดหุ่นเชิดสงครามเหล่านี้ให้ ยังดีที่พวกเขายังมิได้ลงมือต่อกายทิพย์ของยอดฝีมือขอบเขตเซียน ?
หากเป็นจริงอย่างที่กล่าวมาแล้วละก็ เช่นนั้นพลังฝีมือของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาก็คงจะน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก เรื่องราวก็ช่างไปได้ไกลจนไม่ได้เป็นดั่งที่ตนเองคิดเอาไว้อย่างง่ายดาย
“ ถ้าหากว่าเป็นไปที่ศิษย์น้องหลู่ปิงกล่าวมาเช่นนั้นแล้ว พวกเราสุดท้ายแล้วก็ต้องมุ่งเป้าไปที่กายทิพย์นั้นแทนแล้ว “ ซูหยี่ที่มิค่อยเอ่ยปากก็ได้กล่าวขึ้นมาอย่างกะทันหันแล้วหันกายมองรอบข้าง เอ่ยปากกล่าวออกมาด้วยความมลังเล
หลังจากที่เงียบงัน กลุ่มผู้คนมากมายก็ได้ลังเล แม้แต่ซูหยี่เองก็คร้านที่จะมองเข้าไป เมื่อพบว่าตอนนี้เสวี่ยซินและพวกเหล่ายอดฝีมือแห่งรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาก็ได้เพิ่มความระมัดระวังเพิ่มขึ้น รวมทั้งรอบข้างที่ได้มุ่งเป้าได้ไปที่บริเวณบัลลังเหล็ก
หุ่นเชิดสงครามที่กำลังต่อสู้อยู่ท่ามกลางความวุ่นวายเหมือนกับตรวจสอบอันใดได้ แต่ว่าในพื้นที่เช่นนี้ก็ชั่งวุ่นวายจนเกินไป หุ่นเชิดสงครามเหล่านั้นถึงแม้จะไม่มีความคิดเป็นการต่อสู้เป็นของตัวเอง ก็ถูกแย่งชิงม้วนคัมภีร์ไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางความวุ่นวาย ในเวลานั้น ก็ไม่มีสิ่งใดที่จะสามารถต้านทานความเคลื่อนไหวของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาได้อีกแล้ว
“ หากว่าเจ้าพวกเด็กน้อยเหล่านี้กระทำสำเร็จแล้วละก็ เกรงว่าพวกเราคงจะยุ่งยากอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าพวกเขาคิดที่จะทำอันใดก็อย่าได้ขอให้พวกเขาทำได้สำเร็จ “ เฮ่อฟงร้องเชอะออกมาคำหนึ่งแล้วกล่าว เกี่ยวกับเหล่าเด็กน้อยแห่งรัญเสวี่ยหยวนหวังเฉาแล้ว เขาถือได้ว่าจงเกียจจงชังเป็นอย่างมาก
เยี่ยจงพยักหน้าเล็กน้อย เขาก็เข้าใจเช่นกัน ถ้าหากว่าให้รัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉากระทำสำเร็จตามเป้าหมายจริงแล้วละก็ เกรงว่าผู้คนมากมายที่อยู่ในสนามก็คงจะไม่มีผู้ใดหนีพ้น
ต่อมาเยี่ยจงก็ได้โบกมือคราหนึ่ง พร้อมกับเตรียมตัวที่จะออกไปพร้อมกับผู้คนมากมาย แต่ว่าทันใดนั้นเอง เขาก็ต้องขยับรูม่านตาเล็กลงเล็กน้อย นัยน์ตาที่ปกคลุมไปยากที่จะเชื่อในสิ่งที่เห็น
ทันใดนั้นเอง จู่ๆเยี่ยจงก็ได้พบกับบางอย่าง นิ้วมือข้างหนึ่งที่ชี้ไปยังท้องนภาของยอดฝีมือขอบเขตเซียนผู้นั้นที่เป็นสัญลักษณ์มือประหลาดก็ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง แล้วก็ได้กำนิ้วมือเข้าหากัน หากมิใช่ว่าก่อนหน้านี้เขาได้ตรวจสอบโครงกระดูกแล้วละก็ เกรงว่าก็คงจะไม่สามารถที่จะพบความผิดปกติข้อนี้
“ นั้น …….. โครงกระดูกนั้นที่แท้ยังมีชีวิตอยู่ “
เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ชนิดหนึ่ง แต่ว่ากลับถูกเยี่ยจงค้นพบได้ หรือว่า ช่วงก่อนหน้าที่จะเสียชีวิตของยอดฝีมือผู้นี้ กลับย้อนทวนพลังกลับกลายเช่นนี้ แต่ว่า ถึงแม้จะเป็นภายในดินแดนซานเชียนเซินเจี่ย ยอดฝีมือที่คิดจะเปลี่ยนตนเองให้กลายเป็นผีดิบไม่แก่ไม่ตายเช่นนี้ ก็ต้องใช้เลือดเนื้อของประชาชนนับหมื่นพันเพื่อที่จะทำให้สังเวยจึงจะทำได้ เยี่ยจงไม่คิดว่า ยอดฝีมือขอบเขตขั้นเซียนจะเพียงผู้หนึ่งจะมีความสามารถเช่นนี้ได้
หากมิใช่เพราะเหตุผลเช่นนั้นแล้วละก็ เช่นนั้นก็มีเพียงการอธิบายอีกทางหนึ่ง นั้นก็คือ ………
หลังจากที่ครุ่นคิด นัยน์ตาของเยี่ยจงก็ได้ปกคลุมไปด้วยอาการตื่นตกใจสายหนึ่ง สีหน้าเขาเปลี่ยนไปทันที ยังไม่ทันที่จะได้คลี่คลายอันใด แล้วก็โบกมือคราหนึ่ง กล่าวเสียงดังปานคลื่นซัด “ พวกเราถอยเร็ว “
“ อะไรกัน ? “
เมื่อพบเห็นสีหน้าความเปลี่ยนแปลงของเยี่ยจงกะทันหัน หลิงเยวี่ยและพวกราวกับมีน้ำเข้าในหัว แต่ว่าสีหน้าของเยี่ยจงเช่นนี้ก็ได้ทำให้พวกเขาเข้าใจ แน่นอนว่าต้องเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันขึ้นอันใดอย่างแน่นอน ทันใดนั้นเอง เหล่าผู้คนทั้งหมดที่ได้ตามเยี่ยจงอยู่บริเวณทางด้านหลัง ก็ได้มุ่งหน้าถอยไปยังบริเวณทางเข้าห้องโถงอย่างบ้าคลั่ง…………
.
.
.
.