ตอนที่ 116 ความร่วมมือ
ทางด้านบริเวณอีกทั้งสองฝ่ายนั้น ตอนนี้ยอดฝีมือของโรงฝึกจ้านหวังและคุณชายเสเพลฟานหลิงที่ต่างก็ได้นำเอาม้วนคัมภีร์ทักษะยุทธ์ออกมาไว้ในมือของพวกเขา และทันใดนั้นเองจากนั้น สีหน้าของทั้งสองฝ่ายก็เปลี่ยนเป็นปั้นยากขึ้น เห็นได้ชัดว่าพวกเขาก็ประสบสถานกาณ์ที่ไม่มีความแตกต่างจากเยี่ยจงเลย
เมื่อเห็นสีหน้าของทั้งสามคนที่ครอบครองม้วนคัมภีร์ ยอดฝีมืออื่นๆแต่ละคนก็ได้เปลี่ยนสีหน้าเช่นกัน ในสถานการณ์เช่นนี้ ก็ได้เหม่อมองม้วนคัมภีร์ทักษะยุทธ์ที่ลอยหมุนวนอยู่กลางอากาศ ในเวลานั้นเองกลับไม่มีผู้ใดที่คิดจะลงมือต่อ
“ องค์ชายเช่นนี้มิได้หลอกพวกเจ้าใช่หรือไม่ ? หากคิดที่จะครองครอบของล้ำค่าแล้ว มีหรือที่จะไม่ต้องจ่ายราคาค้างวดออกไป ลงมือจัดการกายทิพย์นี้ด้วยกัน ไม่เช่นนั้นละก็ มีความเป็นไปได้ว่าไม่เพียงแต่แค่ม้วนคัมภีร์ทักษะยุทธ์ รวมทั้งสิ่งของที่พวกเจ้าได้มาก่อนหน้านี้ท่ามกลางอาราม ก็อาจจะต้องเปลี่ยนเป็นสูญสลายกลายเป็นความฝัน “ เมื่อเสวี่ยซินพบว่าสีหน้าผู้คนมากมายแปรเปลี่ยน ต่อมาเขาก็ทราบว่าที่ตนเองแนะนำไปนั้นมิผิด ก็ได้หัวเราะคิกๆขึ้นมา
จากคำกล่าวของเสวี่ยซิน ได้ทำให้เหล่ายอดฝีมือที่คิดจะถอยกลับตอนนี้ต้องแสดงสีหน้าลังเลขึ้นมา ในครั้งนี้ที่เข้ามายังท่ามกลางอารามแห่งนี้ หากว่าสามารถที่จะตักตวงสมบัติส่วนหนึ่ง จากไปแล้วก็แล้วไป แต่ว่าถ้าหากว่าสมบัติที่ตกอยู่ในมือก่อนหน้านี้ นั้นก็เพราะว่ามิได้จัดการกับกายทิพย์เบื้องหน้าสายตานี้ หากว่าเป็นไปตามคำกล่าวที่ว่ามาแล้ว เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดที่จะสามารถทานทนยอมรับได้
ถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่มีผู้ใดที่ต้องการที่จะเชื่อในคำพูดของเสวี่ยซิน แต่ว่าก็ไม่มีผู้ใดแม้คนเดียวที่ยินยอมนำสมบัติที่ได้มาไปวางเดิมพัน
บรรยากาศท่ามกลางสนาม ในตอนนี้ก็ได้เปลี่ยนเป็นเงียบสงบขึ้นมา ไม่มีผู้คนลงมือ และก็ไม่มีผู้ใดจากไป
“ ซูม “
ในช่วงเวลาที่บรรยากาศได้เปลี่ยนเป็นสงบลงหลายส่วน หมอกโลหิตก็ได้แผ่กระจายไปทั่วทั้งส่วนลึกของห้องโถงใหญ่ ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงย้ำเท้าดังขึ้นมาสายหนึ่ง ในเวลาเดียวกันกับที่เสียงดังขึ้น ผู้คนทั้งหมดในสนามก็ได้จ้องมองกวาดเข้าไปในเวลาเดียวกัน นัยน์ตาของแต่ละคนได้แสดงออกถึงความตกใจอย่างเปี่ยมล้น
“ ซูมซูมซูมซูมซูม “
เสียงฝีเท้าที่ลากยาวที่ได้แผ่ออกมาจากท่ามกลางหมอกโลหิต เสียงเหล่านี้เสียงของหุ่นเชิดสงครามก่อนหน้านี้มีส่วนที่ไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิง ถึงแม้จะไม่ใหญ่โต แต่ว่าก็เต็มเปี่ยมไปด้วยรสชาติที่แปลกประหลาดอย่างถึงที่สุด ประจวบพอเหมาะกับที่ทุกผู้คนกำลังเปลี่ยนลมหายใจทันทีก็มิปาน ทำให้ผู้คนเกิดความกดดันและความลำบาก
“ สถานการณ์ดูท่าจะไม่ดีแล้ว ……….. ต่อจากต้องระวังเอาไว้ให้มาก อย่าได้แยกจากกัน “
สีหน้าของเยี่ยจงในตอนนี้ได้ดูยากจนถึงขีดสุด หากว่าเป็นไปตามที่เสวี่ยซินกล่าวมาจริง ถ้าไม่จัดการกับกายทิพย์นี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ก่อนหน้านี้ได้เก็บกวาดมาก็เป็นได้แค่เศษผงแล้วละก็ เช่นนั้นผลกระทบของเขาก็นับได้ว่าใหญ่หลวงอย่างมาก
กล่าวถึงตรงนี้ ความเชื่อเช่นนี้แม้จะไม่สูงมาก แต่ว่ากับการที่ได้ครอบครองหลิงเสียวซาไปแล้ว เยี่ยจงก็ไม่คิดที่จะเสี่ยงแต่อย่างไร
ดังนั้น ตอนนี้เขาจึงมิได้เรียกให้ผู้คนจากไป
หลิงเยวี่ยและพวกต่างเงียบงัน ก็ได้พยักหน้าเล็กน้อย หลังจากที่ได้เข้ามายังอารามแห่งนี้ ทุกคนต่างก็เก็บเกี่ยวได้ไม่น้อยอยู่ หากว่าจะต้องยอมสูญเสียสิ่งของล้ำของมากมายเช่นนี้ เกรงว่าเรื่องเช่นนี้คงไม่มีผู้ใดสามารถที่จะทำได้ ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุด ก็คือรอดูว่าต่อจากนี้ที่แท้จะเกิดอันใดขึ้นกันแน่
ตอนนี้ ท่ามกลางสนามราวกับว่ายอดฝีมือไม่น้อยกำลังอยู่ในช่วงใช้ความคิดอยู่ ดังนั้นจึงมิได้มีความเคลื่อนไหวอันใด
ในขณะที่ผู้คนทั้งหมดจ้องมองมาอย่างเงียบเชียบ เสียงฝีเท้าที่ก้าวเดินเข้ามานั้นดังไม่ช้าไม่เร็วจนเกินไป หลังจากที่ช่วงเวลาผ่านไปได้หนึ่งถ้วยน้ำชาเดือด ก็ได้มีร่างกายที่มีเพียงหัวกะโหลกสีเลือดสายหนึ่งโผล่มา จากนั้นก็ได้เคลื่อนไหวออกมาจากท่ามกลางหมอกโลหิต ปรากฏให้ทุกผู้คนในที่แห่งนี้ได้เห็น
“ ผู้ที่ต่อต้านเป็นดังกบฏ ต้องตายตกไปทั้งหมด “
กะโหลกสีเลือดได้หยุดเท้าลงตรงบริเวณด้านหน้าของหมอกโลหิต ศีรษะของมันมีเสียงดังกึกกักกึกกักเมื่อเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาเป็นหลุมโพลง ราวกับบังเกิดเปลวเพลิงสีอ่อนขึ้นมาทันที และก็ได้มีเสียงดังสืบสับดังออกมาสายหนึ่ง ตอนนี้ก็ได้ดังขึ้นมาอย่างช้าๆ
“ ซู่ ซู่ ซู่ “
ระหว่างเสียงที่ลอดผ่านมา ทั่วท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมอกโลหิตที่อัดแน่นราวกับพบเจอในแดนนรกก็มิปาน จนกระทั่งได้ลอยรวมตัวกันเข้าไปยังบริเวณที่กะโหลกสีเลือดอยู่อย่างรวดเร็ว เพียงแค่เวลาเพียงชั่วครู่เดียว หมอกควันนับไม่ถ้วนเหล่านี้ก็ได้ถูกกะโหลกสีเลือดดูดกลืนเข้าไปจนหมดสิ้น พลังความแข็งแกร่งชนิดหนึ่ง ก็ได้แผ่กระจายออกมาจากร่าง
ท้ายที่สุดราวกับม้วนคัมภีร์ม้วนนี้ราวกับได้พบกับเจ้าของก็มิปาน จนก็ทั่งได้ลอยวนเวียนอยู่บริเวณศีรษะ หมุนเวียนไปมาไม่หยุด
เหล่ายอดฝีมือไม่น้อยเมื่อได้เห็นฉากเบื้องหน้าก็ต้องกรอกนัยน์ตาไปมาด้วยความแตกตื่น แต่ว่าในตอนนี้นั้นก็ได้สั่นกลัวเจ้ากะโหลกสีโลหิตนี้แทน เป็นที่แน่นอนว่าไม่มีผู้ใดที่หาญกล้าที่จะลงมือแตะต้องคัมภีร์ยุทธ์ม้วนนี้
ในเวลาเดียวกัน สีหน้าของผู้คนมากมายก็ได้เปลี่ยนเป็นปั้นยากขึ้นมา ไม่ว่าจะมองเช่นไร ทุกคนในตอนนี้ก็เป็นเหมือนดั่งก้าวเท้าเข้าสู่ความตายฉากหนึ่ง ถ้าจะจัดการกับสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าสายตาคงจะยุ่งยากอยากถึงที่สุด
“ ทุกคนอย่าได้แตกตื่น ถึงแม้ว่ากายทิพย์ยอดฝีมือขอบเขตเซียนผู้นี้จะมีเพียงแค่สิ่งมีชีวิตสายหนึ่ง เศษเสี้ยวของดวงวิญญาณ แต่ว่าพวกมันก็ยังมิใช่ยอดฝีมือขอบเขตเซียนที่แท้จริง ถ้ายังแข็งแกร่งอีก ก็ยังเป็นได้แค่ซากศพเท่านั้น ถ้าหากพวกเราร่วมมือกันแล้วละก็ ความเป็นไปได้ในการได้ชัยชนะก็มีมากยิ่งขึ้น เมื่อถึงเวลานั้นแน่นอนว่าต้องได้รับอะไรอีกมากมายอย่างแน่นอน “ เสวี่ยซินมองไปที่ฉากเบื้องหน้า เลียริมฝีปากไปมาแล้วกล่าว
เสวี่ยสือที่ยืนอยู่บริเวณข้างกายเขา สีหน้าในตอนนี้ก็ได้เปลี่ยนเป็นสงสัยอยู่หลายส่วน ในตอนนี้เขาได้จ้องมองไปยังกายทิพย์ของยอดฝีมือขอบเขตเซียนที่มีหัวเป็นหัวกะโหลกสีเลือด มิได้เอ่ยวาจาใด
“ เหอะเหอะ องค์ชายสามเสวี่ยซินกล่าวได้มิผิด ขอเพียงพวกเราร่วมมือกันแล้วละก็ การที่จะจัดการกับปัญหาด้านหน้าก็ยิ่งมีความเป็นไปได้ที่สูงมากยิ่งขึ้น ทว่า ในเมื่อคุณชายสามเป็นผู้ยื่นข้อเสนอร่วมมือกันแล้วละก็ จึงใคร่ขอเชิญท่านลงมือก่อน พวกเราจะไม่มองดูท่านตายตกอย่างแน่นอน พวกเรายังไงก็หาโอกาสเคลื่อนไหวอยู่แล้ว “ เยี่ยจงหัวเราะขึ้นมาอย่างกะทันหัน จากนั้นก็กล่าวออกมาด้วยเสียงดังกังวานอยู่หลายส่วน
“ ถ้าว่ากันตามเหตุและผล กายทิพย์ของยอดฝีมือขอบเขตเซียนผู้นั้นความจริงเป็นค่าที่ปลุกขึ้นมาเอง เจ้าไม่ลงมือ ต้องการที่จะให้พวกเราลงมือให้แก่เจ้าแล้วละก็ ความคิดของเจ้าคงดูสมบูรณ์แบบจนเกินไปหน่อยแล้วละ “ คุณชายเสเพลฟางหลิงก็ได้หัวเราะอย่างเย็นชาขึ้นมากะทันหัน เห็นได้ชัดว่าเค้าก่อนหน้านี้ก็เข้าใจดีอยู่แล้ว หากว่าไม่มีคนของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาลงมือแล้วละก็ ฉากเบื้องหน้านี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น
เมื่อได้ยินคำพูดของเยี่ยจงและฟานหลิงแล้ว ยอดฝีมือคนอื่นหลังจากที่ได้มองแล้ว แต่ละคนก็ส่ายศีรษะไปมา เกี่ยวกับแผนการของเสวี่ยซิน พวกเขาต่างก็รู้สึกไม่พอใจ ถึงแม้ฉากด้านหน้าในตอนนี้ เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องร่วมมือกันลงมือ แต่จะมีใครยินยอมที่จะตกกลายเป็นเครื่องมือของผู้อื่น ดังนั้น การที่ให้เสวี่ยซินลงมือก่อน ก็เป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนรู้สึกพึงพอใจ
เมื่อพบเห็นผู้คนมากมายเหล่านี้ไม่ตกอยู่ในการควบคุม เสวี่ยซินก็รู้สึกหน้าชาและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกดดัน ทันทีที่เขาทอประกายสายตาเย็นเยียบจ้องมองไปที่เยี่ยจง นัยน์ตาก็ปกคลุมเต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟัน ฝีมือของเยี่ยจงเยี่ยงนี้ มี่เปิดเผยทุกอย่างออกมา ถึงแม้ว่าจะถูกเปิดโปงความลับที่เค้าเก็บซ่อนเอาไว้ ก็ทำได้แค่กัดฟันขบฟันไปมา นั่นก็เพราะว่าเสวี่ยซินก็มองออก หากว่าเขาไม่เริ่มที่จะลงมือก่อนแล้วละก็ ตอนนี้เหล่ายอดฝีมือก็เป็นสิ่งที่ไม่ต่างจากนกที่กำลังถูกครรศรเล่งมาก็เท่านั้น แน่นอนว่าจะไม่เริ่มลงมือก่อนอย่างแน่นอน
“ ทุกท่านกล่าวได้มีเหตุผลหลายส่วน เรื่องนี้ข้าที่เป็นฮ่องแห่งรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาก็ต้องมีความรับผิดชอบอยู่หลายส่วน ดังนั้นองค์ชายเช่นข้าตอบรับที่จะลงมือ ทว่าองค์ชายเช่นข้าถึงแม้จะมีฝีมือไม่กี่ส่วน แต่เกรงว่าก็มิใช่คู่ต่อสู้ของยอดฝีมือขอบเขตเซียนผู้นี้ ถ้าหากว่าทุกท่านคิดที่จะต้องการสิ่งที่ตนเองต้องการครอบครองแล้วละก็ ตอนนี้ ยังคงร่วมมือกันจะดีกว่าส่วนหนึ่ง “ หลังจากที่ได้ครุ่นคิดแล้ว ใบหน้าของเสวี่ยซินก็ได้ปกคลุมไปด้วยอาการฝืนยิ้มออกมา จากนั้นก็ทำมือคารวะแล้วกล่าวออกมา
“ องค์ชายสามโปรดวางใจ ท่านนับได้ว่าเป็นยอดอัจฉริยะที่มีพลังฝึกปรือเกินกว่าขั้นก่อเกิดระดับที่เจ็ด พวกเราจะอย่างไรก็มิอาจที่จะอดใจมองท่านตายตกไปได้ ? เพียงแค่ท่านช่วยยื้อเวลาในการหยุดยั้งกายทิพย์ของยอดฝีมือขอบเขตเซียนนั้นก่อนแล้วละก็ พวกเราจะคอยสบโอกาส ไม่ให้ท่านเสียชีวิตไปอย่างไม่ทันระวังแน่นอน “ เยี่ยจงหัวเราะคิก กล่าวเสียงดังกังวาน เพียงแต่ว่าน้ำเสียงในคำพูดที่กล่าวออกมานั้นได้ทำให้เสวี่ยซินเกือบที่จะต้องขบเคี้ยวเขี้ยวฟันคราหนึ่ง แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น เขาก็ทราบดีว่าเยี่ยจงจงใจที่จะกล่าววาจาเสียดแทงเขา แต่ว่าก็ทำตามวิธีที่เยี่ยจงบอกมาอย่างช่วยไม่ได้ นั้นก็เพราะว่า หากว่าเขาไม่ลงมือ ไม่แสดงให้เห็นแล้วละก็ เรื่องที่ทำก่อนหน้าก็จะสูญเปล่า กลับกลายเป็นไม่ได้อันใด ยังไม่ทันที่ตนเองจะได้สิ่งที่ต้องการในสภาพเช่นนี้แล้วละก็ แม้แต่เสวี่ยซินเขาเองก็มิขวัญกล้าบังอาจที่จะเย้ยฟ้าท้าดินเช่นนี้
นอกเสียจากจะสามารถทำได้สำเร็จแล้วได้รับสมบัติอันยิ่งใหญ่ ไม่เช่นนั้นเขาในตอนนี้ ก็ทำได้แค่เพียงอดทนจากความโกรธนี้
“ เอาละ จะได้กล่าววาจาไร้สาระอีกเลย จะลงมึงก็เร็วเข้า ถึงแม้จะไม่ทราบว่าหุ่นเชิดสงครามเหล่านี้ที่แท้มีความเป็นมาอย่างไร แต่ว่าถ้าหากหุ่นเชิดสงครามเหล่านี้เกิดตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วละก็ พวกเราต่อให้ร่วมมือกันก็ไร้หลายความหมาย “ ยอดฝีมือของโรงฝึกจานหวังกล่าวเสียงทุ่มต่ำขึ้นกะทันหัน
เมื่อครู่ที่กายทิพย์ของยอดฝีมือขอบเขตเซียนหลังจากที่ได้ใช้คลื่นพลังเสียงสั่นสะเทือนเข้าโจมตี หุ่นเชิดสงครามเหล่านั้นก็ราวกับสูญเสียการเคลื่อนไหวก็มิปาน ล้มลงกองอยู่บนพื้นนับไม่ถ้วน แต่ว่าก็เหมือนเป็นดั่งที่ยอดฝีมือกล่าวมามิปาน หุ่นเชิดสงคราเหล่านี้ถ้าหากมีเวลาใดไม่ทราบที่ฟื้นกลับมาแล้วละก็ เกรงว่าคงจะทำให้ท่ามกลางสนามแห่งนี้เพิ่มความวุ่นวายขึ้นหลายส่วน
ดังนั้น หากว่าต้องลงมือจริงๆแล้วละก็ ก็มีแต่เพียงต้องรีบคว้าไว้เท่านั้น
“ องค์ชายสามเสวี่ยซิน สมควรที่จะลงมือแล้ว ? “
เยี่ยจงหัวเราะเสียงเย็นชา กล่าวถามออกมาอย่างเสียดแทง
“ องค์ชายอย่างข้าทราบ ไม่ต้องให้เจ้าปากมากไป “
เสวี่ยซินกรอกตาคราหนึ่ง ความจริงเขาได้ควบคุมทุกอย่างได้แล้ว แต่ว่าตอนนี้กลับต้องถูกเยี่ยจงพลิกสถานการณ์ ทำให้เขาคลั่งเยี่ยจงจนแทบจะกระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง
แต่ว่าต่อให้เป็นเช่นนั้น เสวี่ยซินก็เข้าใจดี แน่นอนว่าตอนนี้นับเป็นโอกาสที่ดีที่สุด ถ้าหากหุ่นเชิดสงครามเหล่านั้นฟื้นขึ้นมาอีกครั้งแล้วละก็ เช่นนั้นเกรงว่าต่อให้ผู้คนมากมายร่วมมือกันก็ถือว่าไร้ความหมาย
“ ซวบ “
ทันใดนั้นต่อมา เสวี่ยซินก็ได้ก้าวเท้าออกไป เสวี่ยสือที่ด้านหลังของเขาก็ได้เคลื่อนไหวออกไปในเวลาเดียวกัน เงาร่างทั้งสองสายของทั้งสองคนก็ได้เคลื่อนไหวเสียงวึดวิดราวกับเงาโลหิตในทันที มุ่งหน้าไปทางด้านบริเวณที่กะโหลกสีเลือดอยู่
“ เช้ง เช้ง “
ไอโลหิตที่อัดแน่นทั้งสองสายของพลังฝ่ามือได้ปรากฏอยู่ทางด้านหน้าของทั้งสองคน พลังที่เดือดอยู่ก็ได้มุ่งเข้าสู่บริเวณที่กะโหลกสีเลือดอยู่
เมื่อพบเห็นเสวี่ยซินและเสวี่ยซือสองคนได้ลงมือจนถึงขั้นนี้ ดวงตาของผู้คนไม่น้อยต่างก็ต้องหดลง ยอดฝีมือแห่งรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาที่แท้ช่างลึกล้ำยิ่งนัก หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง พลังฝีมือที่ทั้งสองคนได้ใช้ออกมานี้ เกรงว่ายอดฝีมือมากมายภายในท่ามกลางสนามแห่งนี้ ราวกับนับได้ว่าเป็นอีกระดับหนึ่งเลยก็ว่าได้ ?
เพียงแต่ว่า โอกาสที่เกิดขึ้นตรงด้านหน้านี้ พลังฝีมืออันแข็งแกร่งของยอดฝีมือแห่งรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉานี้ก็นับเป็นเรื่องที่ดี ดังนั้น ตอนนี้ผู้คนทั้งหมดก็ได้หรี่ตาลงจดจ้องไปยังด้านหน้า แต่ว่าก็ไม่มีผู้ใดที่ตัดสินใจที่จะลงมือในตอนนี้
ถ้าหากกะโหลกสีเลือดไร้หนทางต่อกรแล้วละก็ เกรงว่าท่ามกลางสนามที่มีผู้คนมากมายเช่นนี้ก็คงเลือกที่จะหันกายเดินจากไป ………
.
.
.
.