เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 122 การหลบหนี

ตอนที่ 122 การหลบหนี

 

 

 

 

บนพื้นที่สีเหลืองอร่ามขนาดใหญ่ ทหารม้าสองกลุ่มได้ตระเตรียมที่จะเดินทางไปยังบริเวณทางด้านหน้าอย่างระมัดระวัง ด้านนอกสุดขอบฝั่ง ที่เต็มไปด้วยสายตาของเหล่ากองทัพปีศาจโลหิต ตอนนี้พวกเขาแต่ละคนต่างก็ต้องการที่เข่นฆ่าฟันออกไป จนยอดฝีมือจำนวนมากเบื้องหน้าเหล่านี้กลายเป็นก้อนเนื้อแหลกเละ กลิ่นอายพลังโลหิตของกองทัพปีศาจโลหิตแผ่ขยายออกมา ราวกับจะฆ่าฟันออกไป

 

และแรงกดดันจากปีศาจโลหิตเหล่านี้เมื่อเทียบกับรังสีฆ่าฟันแล้วละก็ ยอดฝีมือของแต่ละขุมกำลังเหล่านี้ที่ถูกพวกเขาล้อมรอบอยู่บริเวณใจกลาง นอกเสียจากเยี่ยจงแห่งลัทธิแห่งดวงเท่านั้นที่จะสามารถรักษาความสงบนิ่งเอาไว้เช่นนี้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นผู้คนรอบด้านแต่ละก็ต่างก็แสดงสีหน้าปั้นยากออกมาหลายส่วนให้เห็น

 

ตลอดรายทามานี้ ก็ได้ออกจากบริเวณอาราม ทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้านก็ได้ถูกรวมตัวไว้ด้วยกองทหารปีศาจโลหิตขนาดใหญ่โดยทั้งสิ้น ไม่อาจที่จะสามารถพบเจอเงาร่างของยอดฝีมืออื่นใดแม้แต่เพียงเงาเดียว ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายในสนามได้ทำให้ยอดฝีมือของขุมกำลังแต่ละส่วนเหล่านี้ได้เข้าใจขึ้นมา

 

นับตั้งแต่เริ่มแรกที่ได้เริ่มต้น ผู้คนทั้งหมดต่างก็ถือได้ว่าถูกรัฐเสวี่ยหลอกลวง หากว่ามิใช่เป็นช่วงเวลาคับขัน เยี่ยจงปลิดชีพเสวี่ยซินแล้วละก็ เช่นนั้นเกรงว่าทุกผู้คนภายในสนามแห่งนี้ ก็คงจะตกอยู่ในสภาพเดียวกัน

 

นั้นก็เป็นตัวอักษรเดียวเพียงตัวเดียว “ ตาย ”

 

ภายใต้บรรยากาศเช่นนี้ ผู้คนมากมายต่างก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี กองทหารปีศาจโลหิตขนาดใหญ่คิดที่จะลงมือแย่งชิงเสวี่ยซินกลับมาอยู่หลายครั้ง แต่ว่าในช่วงเวลาที่กำลังจะเคลื่อนไหว กลับถูกผู้คนพบเห็น จนทำให้พวกเขาไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวโดยผลีผลาม ดังนั้นทั้งสองฝ่ายก็ทำได้แต่เพียงแข็งทื่ออยู่เช่นนี้

 

หลังจากที่ได้ผ่านไปครึ่งวันในลักษณะนี้ ทหารม้ากลุ่มใหญ่นี้จนในที่สุดก็ได้มาจนถึงสุดปลายของท่ามกลางตีนเขา และในบริเวณตีนเขาแห่งนี้อง ก็ได้ปรากฏรอยแยกออกมาเป็นสาย เห็นได้ชัดว่าในบริเวณสถานที่แห่งนี้ก็คือจุดแยกออกไปจากถ้ำหงส์หยาแห่งนี้

 

“ เยี่ยจง มาจนถึงตรงนี้แล้ว เจ้าปล่อยนายน้อยของพวกเราได้หรือยัง ? “ นัยน์ตาของเสวี่ยสือในตอนนี้ได้ทอประกายร้อนลุ่มออกมา สีหน้าของเขาจดจ้องไปที่มือของเยี่ยจงที่พร้อมจะปลิดลมหายใจของเสวี่ยซินได้ทุกเมื่อ ขบฟันไปมาแล้วกล่าว

 

“ เจ้าเป็นห่วงนายน้อยของพวกเจ้ามากงั้นหรือ ? “ เยี่ยจงหันหน้ากลับไปแล้วยิ้มออกมา จากนั้นก็กล่าวด้วยเสียงดังกังวาน “ เจ้าวางใจเถอะ ข้าบอกไปแล้ว ข้าเยี่ยจงและพวกเจ้าไม่เหมือนกัน ข้าพูดคำไหนคำนั้น ถึงแม้จะต้องจำยอมก็ตาม แต่ว่า ยังไงซะก็ต้องส่งพวกเราจากไปอย่างปลอดภัย จริงหรือไม่ ? “

 

กล่าวจบ เยี่ยจงก็จ้องมองไปท่ามกลางเหล่ายอดฝีมือ จากนั้นพวกเขาก็ได้ส่งสายตาอันแปลกประหลาดออกมา ยิ้มแล้วกล่าว “ ทุกท่าน ถนนสุดท้ายเส้นนี้ต้องขอบคุณพวกท่านที่ให้ร่วมมือแล้ว เรื่องราวต่อจากนี้ก็ขอมอบให้แก่ข้าเยี่ยจงจัดการเอง พวกท่านถอยไปก่อนเถอะ “

 

เมื่อได้ยินความพูดของเยี่ยจง ยอดฝีมือทั้งหมดต่างก็เกิดความสงสัยขึ้นมา ความจริงพวกเขาคิดว่าภายในสถานการณ์เช่นนี้ เยี่ยจงจะหลบหนีไปก่อน แต่ก็คิดไม่ถึงว่า เยี่ยจงกลับกลายเป็นให้พวกเขาไปก่อน ?

 

ต่อให้เป็นอย่างเหลียนคายหยู่ที่มีความแค้นกับเยี่ยจงอยู่หลายส่วนในตอนนี้ก็ได้ทอประกายประหลาด เห็นได้ชัดว่ามีอยู่หลายส่วนที่ไม่เข้าใจ

 

“ ทุกท่าน พวกท่านก็ไม่ต้องเป็นห่วงว่าข้ามีแผนการอันใด ข้ามีเพียงเรื่องเดียวที่ต้องการขอร้องท่าน ขอเพียงพวกท่านสามารถที่จะจากไปอย่างสำเร็จแล้วละก็ หลังจากที่กลับสำนัก ขอให้บอกกล่าวเรื่องราวที่เกิดขึ้นออกมาตามความเป็นจริงก็เพียงพอแล้วขอเพียงพวกท่านยอมรับเรื่องนี้ได้ ข้าเยี่ยจงในวันนี้ก็ขอขอบคุณทุกท่านก่อนแล้ว “

 

เมื่อเหม่อมองเยี่ยจงที่มีสีหน้าอันดุดัน เหล่ายอดฝีมือต่างก็เงียบกันขึ้นมา แต่ว่าหลังจากนั้น ไม่มีผู้ใดที่กล่าวคำพูดไร้สาระแม้เพียงครึ่งคำ แต่ละคนเพียงแต่เดินขึ้นมาด้านหน้า จากนั้นก็ยกมือขึ้นคราวะไปที่เยี่ยจงอย่างเงียบงัน จากนั้นก็เหินเข้าไปท่ามกลางรอยแยกออกไป

 

เป็นที่ชัดเจนว่าผู้คนมากมายต่างก็เข้าใจดี ช่วงเวลาที่บีบคั้นในตอนนี้ หากหลงเหลือพวกเขาเอาไว้ นอกเสียจากเป็นตัวถ่วงแล้ว ก็ไม่มีความหมายใดอื่นอีก

 

“ เยี่ยจง ในครั้งนี้นับได้ว่าพวกเราโรงฝึกยุทธ์จ้านหวังติดค้างน้ำใจท่านหนึ่งครั้ง วันหน้าเมื่ออยู่ที่รัฐต้าโจวหวังเฉาขาดเหลือสิ่งใด ข้าโรงฝึกจ้านหวังจะไม่แม้ปริปากบ่น “ หลินเก้งจับมือกับเยี่ยจงเขย่าไปมาพร้อมด้วยสีหน้าที่ดูหลากหลาย จากนั้นก็เข้าไปสู่รอยแยก

 

“ หากว่าเกิดอันใดขึ้นกับเจ้าแล้วละก็ ข้าจะจัดการบดขยี้รัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาเอง “ คุณชายเสเพลฟานหลิงจ้องมองไปที่เยี่ยจงครู่หนึ่ง เอ่ยปากกล่าวเสียงแผ่วเบา

 

“ ในครั้งนี้ ข้าได้ติดค้างเจ้า…… แต่ว่า เรื่องระหว่างข้ากับเจ้าจะไม่จบเพียงแค่นี้แน่ “ เหลียนคายหยู่จ้องมองไปที่เยี่ยจงแล้วกล้าวด้วยสีหน้าหลากหลาย หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ทำมือคราวะแล้งหันกายจากไป เห็นได้ชัดว่า จากที่มองเยียจง เขาก็เริ่มจะมีคำว่านับถือภายในใจ

 

เหล่ากลุ่มคนที่เรียงแถวอยู่บนหลังม้า หลังจากที่ได้โค้งคำนับกายให้แก่เยี่ยจง ก็ได้จากไปอย่างรวดเร็ว และฉากเบื้องหน้านี้ ก็พบกับเสวี่ยสือและเหล่ายอดฝีมือแห่งรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาแต่ละคนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ในครั้งนี้รัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาไม่แต่เพียงทำร้ายขุมกำลังที่มากมายถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังทำให้พวกเขาติดค้างน้ำใจเยี่ยจงอีกมากมายด้วย

 

ในครั้งนี้หากจะต้องจัดการบดขยี้เยี่ยจงให้ได้เท่านั้น หากว่าไม่ได้แล้วละก็ วันข้างหลังเยี่ยจงกลับมาล้างแค้นถึงที่แล้วละก็ เกรงว่าต่อให้เป็นรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาก็ยังต้องจ่ายออกไปไม่น้อย

 

“ แม่นางหวินหลิงพวกท่านก็ไปกันก่อนเถอะ เพียงแต่น่าเสียดายตอนนี้ข้ายังไม่มีเวลาที่จะคัดลอกม้วนคัมภีร์ทักษะยุทธ์อีกชุดให้แก่พวกท่าน ทว่าวันหน้าขอเพียงมาหาข้าถึงลัทธิแห่งดวงดาว แน่นอนว่าข้าจะมอบให้เองกับมือ “

 

ไม่นานนัก ท่ามกลางสนามก็หลงเหลือไว้แต่เพียงยอดฝีมือมากมายแห่งลัทธิแห่งดวงดาวและเกาะหมอกควัน เยี่ยจงหันศีรษะกลับไปมองหวินหลิงแล้วยิ้มคราหนึ่ง กล่าวออกมาเสียงแผ่วเบา

 

“ ไม่จำเป็นแล้ว “ หวินหลิงส่ายศีรษะไปมา “ ไม่ว่าจะอย่างไร เรื่องราวในวันนี้ข้าแห่งเกาะหมอกควันจะขอจดจำเอาไว้ คุณชายเยี่ยจง โปรดถนอมตัว “

 

หลังจากที่มองไปทางด้านเยี่ยจงอย่างลึกซึ้งคราหนึ่ง หวินหลิงก็ค่อยโบกมืออย่างเงียบเชียบ แล้วจึงค่อยนำพาเหล่าทหารม้าจากไปด้วยความรวดเร็ว

 

“ ศิษย์พี่หญิง พวกเราก็ไปกันก่อนเถอะ “ เยี่ยจงมองดูไปยังบริเวณด้านหลังของตนเองที่ยืนไว้ด้วยหลิงเยวี่ยและพวก ยิ้มออกมาแล้วกล่าว

 

หลังจากเงียบงัน หลิงเยวี่ยและพวกก็สบตามองกันคราหนึ่ง แต่ละคนก็ได้แต่ส่ายศีรษะไปมา ยืนอยู่ที่เดิมไม่เคลื่อนไหว เห็นได้ชัด ไม่ว่าเยี่ยจงจะว่าอย่างไร พวกเขาต่างก็ไม่มีใครเตรียมที่จะจากไป

 

เมื่อพบเห็นฉากเบื้องหน้า ภายในจิตใจของเยี่ยจงก็ได้ปกคลุมไปด้วยความอบอุ่นสายหนึ่ง ควรทราบว่า ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากต้องอยู่ในสถานที่เช่นนี้แม้เพียงนาทีเดียว ก็มีแต่จะเพิ่มความอันตรายอีกหนึ่งส่วน แต่ว่าโอกาสที่จะพบเจออันตรายเบื้องหน้านี้ หลิงเยวี่ยและพวกกลับไม่มีผู้ใดที่คิดจะจากไป ในข้อนี้เป็นสิ่งที่เยี่ยจงรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว

 

แต่ว่า เยี่ยจงก็ยังให้ผู้คนมากมายจากไปก่อน แต่ก็มิใช่ว่าตนเองได้เตรียมการรับมือเอาไว้แล้ว และเข้าก็เข้าใจเป็นอย่างดี ถ้าหากรัฐเสวี่ยหยวนหวังคิดที่จะปกปิดเรื่องราวที่ทำไว้ภายในถ้ำหงส์หยาแล้วละก็ เช่นนั้นก็ต้องจัดการกับเหล่ายอดฝีมือทั้งหมดที่เข้ามายังภายในถ้ำหงส์หยาทั้งหมด

 

และภายใต้สถานการณ์เชนนี้ ถ้าหากว่าผู้คนมากมายยังคงรวมตัวกันอยู่ในที่แห่งนี้แล้วละก็ ก็ไม่มีส่วนช่วยเหลืออันใดได้ เป็นเพราะว่าขุมกำลังอันใหญ่โตของรัฐเสวี่ยหยวนหวัง

 

และวิธีการที่เยี่ยจงใช้มาทั้งสิ้นก็ถือเป็นฝีมือในการถ่วงเวลาได้เป็นอย่างดี บุคคลอื่นๆแบ่งแยกออกไปหลายทิศทาง เช่นนั้นผู้คนทั้งหมดจึงพอจะมีโอกาสที่จะหลบหนีได้สำเร็จ

 

และเหล่ายอดฝีมือที่จากไปต่างก็เข้าใจดี ต่อให้ได้จากไปแล้วในตอนนี้ ต่อให้จากออกไปยังสถานที่แห่งนี้ ขอเพียงว่าที่เหลือสามารถที่จะใช้พลังฝีมือของตนเองหลบหนีไป เกรงว่าไม่ว่าจะอย่างไรรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาก็คงจะไร้สัจจะไล่ตามไปอย่างแน่นอน แต่ว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ เยี่ยจงก็ยังสร้างโอกาสในการรอดให้แก่พวกเขา จึงไม่มีผู้ใดผิดพลาดไปได้ อีกทั้งยังทำให้ทุกผู้คนยังถือได้ว่าคิดค้างน้ำใจเยี่ยจง หากมิใช่เพราะเยี่ยจงแล้วละก็ เกรงว่าผู้คนมากมายเหล่านี้แม้แต่โอกาสรอดก็ยังไม่มี

 

เมื่อพบเห็นเจตนาของหลิงเยว่ยและพรรคพวกที่ยังไม่จากไป เยี่ยจงก็มิได้กล่าวอันใดมากมายอันใด หลังจากที่ได้จ้องมองไปยังเสวี่ยซินที่อยู่ในกำมือ เขาก็ได้ปล่อยมือออกไปอย่างกะทันหัน ก็ได้โยนเสวี่ยซินออกไปอย่างหนักพุ่งเข้าหาบริเวณที่เสวี่ยสืออยู่

 

“ ถอย “

 

“ ซวบ ซวบ ซวบ “

 

ในช่วงเวลาที่เสียงนี้ของเยี่ยจงจบลง ผู้คนทั้งห้าก็ได้ทะลวงออกไปท่ามกลางรอยแยกแห่งนี้อย่างรวดเร็ว

 

“ นายน้อย “

 

เสี่ยวสือลอยออกไปอย่างรวดเร็ว เพียงมือเดียวก็คว้าเสวี่ยซินเอาไว้ได้ ตอนนี้เยี่ยจงนั้นถือได้ว่าไม่มีโอกาสจะเอาชีวิตเขาได้อีกแล้ว แต่ว่าอาการบาดเจ็บปางตายของเสวี่ยซินได้ทำให้เหล่าทหารม้าส่วนหนึ่งของรัฐเสวี่ยหยวนหวังต้องสูญเสียเวลาไปไม่น้อย

 

“ ตาม ตามพวกเขาไป อย่าให้หนีไปได้แม้แต่คนเดียว ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ รัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาของพวกเราคงจะลำบากแล้ว “ เสวี่ยซินดิ้นทุรนทุรายคลืบคลานออกมาจากทางด้านของเสวี่ยสือ นัยน์ตาที่ปกคลุมไปด้วยความเครียดแค้นออกมาจากแผ่กระจายไปทั่ว เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ว่าจะอย่างไรก็นึกไม่ถึง สถานการณ์เช่นในครั้งนี้ ยังต้องสูญเสียไปมากมายถึงขนาดนี้

 

“ ขอรับ “

 

หลังจากเงียบงัน ยอดฝีมือปีศาจโลหิตมากมายแห่งรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาก็พยักหน้าเห็นด้วย

 

“ พวกเจ้ารับผิดชอบในการไล่ฆ่ายอดฝีมือไปแต่ละส่วน เสวี่ยสือ เจ้านำพาคนไล่ฆ่าเยี่ยจง ไม่ว่าจะอย่างไรก็อย่าให้จารึกเสวี่ยหยวนตกอยู่ในน้ำมือของพวกเขา “ เสวี่ยซินกดฟันเสียงดังกรอด “ ยังมี ติดต่อพี่ใหญ่ข้าด้วย “

 

“ ขอรับ “

 

หลังจากที่เงียบงัน เสวี่ยสือก็ได้พยักหน้าไปมา เขามอบเสวี่ยซินให้กับบุคคลที่อยู่ข้างกาย และจากนั้นก็โบกมือคราหนึ่ง วินาทีนั้นก็พบกับเงาร่างที่ดูแข็งแกร่งอย่างไร้ที่เปรียบออกไปเข้าสู่บริเวณท่ามกลางของรอยแยก

 

ในขณะที่เหม่อมองปีศาจโลหิตมากมายที่ได้เข้าไปยังท่ามกลางของรอยแยก ตอนนี้สีหน้าของเสวี่ยซินได้เปลี่ยนเป็นดีขึ้นมาหลายส่วนแล้ว เขาหัวเราะเย็นเยียบหลายครา จากนั้นก็ค่อยๆลุกขึ้นยืน ท่ามกลางดวงตาอันที่แสดงถึงความอาฆาตแค้น ไร้การปกปิดใดๆ

 

“ เยี่ยจง เป็นเจ้าเริ่มทำร้ายข้าก่อนเอง พี่ใหญ่ข้าลงมือแล้วละก็ เจ้าก็เหมือนกับหมดโอกาส ข้าจะดูว่าในท้ายที่สุดแล้วเจ้าจะอยู่ในสภาพเช่นไร “

 

……

 

ท่ามกลางทะเลทรายที่เต็มไปทั่วฟ้าดินในพื้นที่ไร้ความวุ่นวาย เงาร่างนับไม่ถ้วนในตอนนี้ก็ได้ปรากฏออกมาเรื่อยๆ นำพาเสียงที่มาพร้อมกับสายลมออกมาเป็นสาย สายตาของพวกเขาทอเป็นประกายออกมากวาดไปยังทางด้านหลัง ใบหน้าของกลุ่มคนทั้งห้าคนปั้นยากอย่างถึงที่สุด

 

“ เจ้าพวกรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาที่แท้นำพาบุคคลผู้ใดมา ? ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็มิอาจที่จะหลุดรอดจากการไล่ตามจากพวกเขาได้เลย ? “ เฮ่อฟงกัดฟันจ้องเขม่งไปบริเวณทางด้านหลัง นัยน์ตาปกคลุมไปด้วยความโกรธแค้น

 

เยี่ยจงพยักหน้าเห็นด้วยช้าๆ หลังจากที่พวกตนได้ออกมาจากถ้ำหงส์หยา พวกเขาทั้งห้าคนก็ได้จากไปอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้ดีแก่ใจอยู่แล้ว เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกองทัพปีศาจโลหิตแห่งรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาแล้วละก็ พลังฝีมือของแต่ละคน เรียกได้ว่าดูไม่ได้เลย อีกทั้ง จารึกเสวี่ยหยวนที่อยู่ในมือของเยี่ยจงในตอนนี้ ขอเพียงสมารถที่จะนำพาจารึกเสวี่ยหยวนจากไปได้แล้วละก็ เช่นนั้นการมาถ้ำหงส์หยาในครั้งนี้ก็เรียกได้ว่าสำเร็จได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด อีกทั้ง หากว่าสามารถมอบจารึกเสวี่ยหยวนให้แก่ลัทธิแห่งดวงดาวแล้วละก็ จากที่คาดเดา คงจะสามารถที่จะแลกเปลี่ยนเป็นสะสมวิญญาณที่มากมายจนเรียกได้ว่าน่าหวาดกลัวเลยทีเดียว

 

“ ตามที่เล่าต่อกันมา รัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉายังมีองค์ชายอีกสองคน อีกทั้งพลังฝีมือยังไม่อ่อนแอ หากว่าสองคนนั้นก็มาด้วยแล้วละก็ เกรงว่าพวกเราคงจะลำบากอย่างถึงที่สุด อีกเพราะว่ายังมีจารึกเสวี่ยหยวนอยู่ในมือของพวกเรา เกรงว่าพวกเขาคงไม่อาจที่จะปล่อยพวกเราให้รอดไปอย่างแน่นอน “ หลิงเยวี่ยกัดฟันไปมาแล้วกล่าว

 

“ เช่นนั้นพวกเจ้าก็ไปก่อนเถอะ ข้าจะคิดหาวิธีต่อกรกับเจ้าเด็กน้อยเหล่านี้ “ หลังจากที่เยี่ยจงเงียบงันไร้คำจะกล่าว จึงได้เอ่ยปากกล่าวออกมาเสียงดังกังวาน ความรู้สึกที่ถูกผู้อื่นไล่ตามเช่นนี้ เขาไม่ชื่นชอบอย่างยิ่ง

 

เมื่อได้ยินคำพูดของเยี่ยจง ผู้คนมากมายก็ลังเลครู่หนึ่ง ทว่าทันใดนั้น หลิงเยวี่ยก็ได้หยุดร่างลงอย่างกะทันหัน กล่าวเสียงแผ่วเบา “ ยังคงให้ข้ารับผิดชอบในการต้านรับเหล่าทหารที่ไล่ตามมาจะดีกว่า ไม่ว่ารัฐเสวี่ยหยวนหวังจะส่งคนมาเท่าไร ก็ต้องจ่ายราคาค่างวดให้แก่ข้า พวกเจ้าไปกันก่อนเถอะ “

.

.

.

.

 

 

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset