ตอนที่ 125 การหลบหนี
“ ตูม “
เสวี่ยเสวียนสะบัดฝ่ามือเลือดออกไปในทันทีในช่วงเวลาเดียวกัน จนต้องมิอาจที่จะไม่เปลี่ยนกลับไปอีกทางด้านทิศทางหนึ่ง เพื่อเข้าปะทะกับประกายกระบี่ที่กำลังเข้ามาในทันที ก็เพราะว่าอีกทางด้านหนึ่งนั้น เสวี่ยเสวียนราวกับสามารถสัมผัสบางอย่างได้ หากว่าตนเองไม่ต้านทานกระบี่นี้เอาไว้แล้วละก็ ต่อให้ตนเองสามารถที่จะสังหารหลิงเยวี่ยไปได้ก็ตาม ถึงกระนั้นก็ต้องจ่ายออกไปด้วยราคาที่สูงมากเช่นเดียวกัน
“ ตูมมมมมมม “
การโจมตีของทั้งสองสายได้เข้าปะทะกันในทันที และเสียงที่ดังขึ้นมากมายเช่นนี้ ก็ได้ทำให้ทั่วทั้งอารามใหญ่แห่งนี้ต้องเกิดการสั่นไหวขึ้นมา และบริเวณบนพื้นดิน ก็ได้เกิดรอยแยกออกมาเป็นสายอย่างบ้าคลั่ง ราวกับจะสามารถแตกออกเป็นเสี่ยงได้ทุกเวลา
“ ซวบ “
ทันทีที่ร่างของเสวี่ยเสวียนขยับโจมตีเข้าปะทะออกไป เพียงแต่ว่า สีหน้าในตอนนี้ของเขาเย็นชาจนน่ากลัวอยากหลายส่วน เขาจ้องมองไปที่บริเวณที่หลิงเยวี่ยอยู่อย่างเอาเป็นเอาตาย ในตอนนี้ หมอกควันในจุดนั้นก็ได้ค่อยๆจางลงไป จนท้ายที่สุด เงากระบี่อันคมกริบก็ได้ทอเป็นประกายด้านหน้าสายตา
ภายใต้ประกายกระบี่ ก็ได้พบกับเงาร่างผอมสูงร่างหนึ่ง ตอนนี้เขาได้ใช้มือช้อนไปที่หลิงเยวี่ยที่เริ่มจะไร้สติไปแล้วหลายส่วน ในมือถือไว้ด้วยกระบี่ยาว จดจ้องไปที่เสวี่ยเสวียนไปอย่างเย็นเยียบ
“ เหอะเหอะเหอะ ผู้กล้าช่วยสาวงามงั้นหรือ ? ข้าชื่นชองเรื่องเช่นนี้อยู่นะ แต่ว่าก็เห็นได้ชัดว่าข้าจะกลับเป็นผู้ร้ายก็มิปาน “ สายตาทอเป็นประกายของเสวี่ยเสวียนจ้องมองไปยังฉากเบื้องหน้า แสยะยิ้มออกมา แล้วก็ได้ค่อยๆหดหายไปในระหว่างที่กล่าว
เยี่ยจงมองดูใบหน้าของหลิงเยวี่ยที่เปื้อนเลือดสีแดงสด จากนั้นก็กวาดสายตามองไปยังเหล่ายอดฝีมือแห่งรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาเหล่านั้น ราวกับคาดเดาเหตุการณ์ว่าเกิดอันใดขึ้นมาได้หลายส่วน พลังฝีมือของศิษย์พี่ตนเองผู้นี้ ยังนับได้ว่าเกินกว่าที่คาดคิดเอาไว้
“ คนของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉา นับได้ว่ารอบรู้หลากหลาย …… “ เยี่ยจงเงยหน้าขึ้น เผชิญหน้ามองดูเสวี่ยเสวียน กล่าวเสียงดังกังวาน “ ไม่ทราบว่าท่านผู้นี้มีนามว่ากระไร ? “
“ เหอะเหอะ ภายในรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาเรียกข้าว่า เสวี่ยเสวียน “ เสวี่ยเสวียนยิ้มแสยะยิ้มออกมาคำหนึ่ง รอยยิ้มได้เผยความดุร้ายออกมาหลายส่วน “ ทว่า เจ้าในตอนนี้ยังมีความคิดที่จะถามนามของข้า ที่แท้ต้องการจะตายอย่างทราบกระจ่างงั้นหรือ ? “
“ มิใช่ “ เยี่ยจงยิ้มไปมา “ ข้าเพียงแต่ต้องการคิดอย่างกระจ่าง รอจนในช่วงเวลาที่ข้าบดขยี้รัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาแล้ว คนเหล่านั้นไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่อาจที่จะปล่อยให้หนีไปได้ก็เท่านั้น “
ทันทีที่สิ้นเสียงหัวเราะ เยี่ยจงก็ได้จ้องมองไปยังด้านเสวี่ยเสวียนและเหล่ายอดฝีมือแห่งรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาที่อยู่รอบด้านคราหนึ่ง กรอกนัยน์ตาไปมาอย่างช้าๆ
นอกจากเสวี่ยเสวียนที่มองไม่ออกถึงความสามารถที่มีแล้ว ที่เหลืออีกหกคน รวมเสวี่ยสือด้วยแล้ว ต่างก็มีพลังฝีมืออยู่ในขั้นก่อเกิดระดับที่เจ็ด ถึงแม้ว่าผู้คนเหล่านี้ในตอนนี้จะได้รับบาดเจ็บอยู่หลายส่วน แต่ว่าเยี่ยจงก็ทราบดี ไม่ว่าเขาจะมีฝีมือที่ดีเช่นไร แต่ว่าในตอนนี้ก็เทียบไม่ได้กับเด็กน้อยที่ยืนอยู่เบื้องหน้าสายตากลุ่มนี้ หากคิดที่จะพึ่งพากำลังของตนเองเพื่อที่จะจัดการกับกลุ่มเด็กน้อยเบื้องหน้าสายตาเหล่านี้แล้วละก็ คงจะมีแต่เป็นไปได้แค่ความฝันเสียหลายส่วน
“ ชิร์ “
ทันใดนั้นเอง เยี่ยจงก็ไม่ประนีประนอมอีกต่อไป เพียงแต่ยื่นมือออกไปอย่างดุดัน วินาทีนั้น ก็พบกับพลังดาวตกปรากฏออกมาบริเวณทางด้านหลังของเยี่ยจง ทันใดนั้น ราวกับเห็นมังกรโบราณกำลังทะยานลงมา เพียงแต่ว่ามีสิ่งหนึ่งที่ไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้ก็คือ ในตอนนี้เงาร่างมังกรโบราณและดาวตกสีแดงเพลิงนี้ได้รวมตัวกันจนกลายเป็นหนึ่งเดียว ราวกับมองเห็นดาวตกนี้กลายเป็นร่างมังกรก็มิปาน
“ ดัชนีเพลิงดาราคล้อย ? “
เสวี่ยเสวียนขมวดคิ้วเหม่อมองฉากเบื้องหน้า ตนที่เป็นถึงชนชั้นสูงแห่งรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉา เกี่ยวกับทักษะประจำลัทธิแห่งดวงดาวทั้งสามทักษะ เขายังนับว่ามีความเข้าใจอยู่หลายส่วน ถึงแม้จะทราบดีอยู่แก่ใจว่ากระบวนท่านี้มีความแข็งแกร่งเป็นถึงระดับทักษะยุทธ์โจมตีชั้นวิญญาณระดับกลาง เพียงแต่ว่าเขาว่าคิดไม่ถึง แม้แต่เยี่ยจงที่เป็นเพียงแค่เจ้าเด็กน้อยที่มีพลังฝึกปรืออยู่ในขั้นก่อเกิดระดับที่หกเท่านั้น ถึงกับสามารถที่จะใช้ออกด้วยพลังฝีมือทักษะยุทธ์ในระดับนี้ได้
“ ตูม “
เงาร่างมังกรโบราณของดาวตกเพลิงออกมาเสียงดังหวือ ในขณะนั้น แรงกดดันอันน่ากลัวได้แผ่ขยายไปทั่ว บุคคลเช่นเสวี่ยสือที่เคยรับมือกับกระบวนท่านี้มาก่อน ได้ตัดสินใจที่จะก้าวถอยหลังออกไปหลายก้าว หรือแม้แต่เสวี่ยเสวียนเองก็ยังต้องขมวดคิ้วถอยออก ตราสัญลักษณ์ของมือทั้งสองก็เปลี่ยนไปอีกครา เห็นได้ชัดว่า กระบวนท่านี้ของเยี่ยจง เขาก็ไม่คิดที่จะต้านรับโดนตรง
“ เสวี่ยเสวียน หวังว่าในวันนี้พวกเจ้ารัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาจะได้รับบทเรียน ที่หลอกลวงยอดฝีมือมากมายนับไม่ถ้วนเข้ามาจัดการภายในถ้ำหงส์หยา หรือไม่แล้วละก็ เมื่อถึงเวลาคงต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่นอน มิใช่หรือ ? “ เยี่ยจงกระชับมือเป็นสัญญาลักษณ์แน่นขึ้น จากนั้นก็แสยะยิ้มมองไปทางด้านของเสวี่ยเสวียนคราหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นรอยยิ้มที่เยือกเย็นไร้ที่เปรียบ
หลังจากที่เงียบงัน ดวงตาของเสี่ยเสวียนก็สงบลง เขาทราบดีแก่ใจอยู่แล้ว เรื่องราวในครั้งนี้ พวกเขารัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาต้องจ่ายออกไปในราคามากมายเท่าไร หากว่าไม่มีวิธีการที่จะปกปิดความลับเหล่านี้ได้แล้วละก็ เช่นนั้นเกรงว่าสิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญหน้า คงจะเป็นเพลิงโกรธแค้นของรัฐต้าโจวหวังเฉาและรัฐเหร่ยเทียนหวังเฉาแล้ว เพิ่มเติมกับเหล่าขุมกำลังน้อยใหญ่ที่ได้ล่วงเกินไปในครั้งนี้อีกด้วย ถ้าขุมกำลังเหล่านี้รวมตัวกันขึ้นมา เพื่อที่จะคิดบัญชีกับรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาของพวกเขาแล้วละก็ เช่นนั้นต่อให้รัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉายังแข็งแกร่งได้อีก ก็ยังนับได้ว่ายุ่งยากอย่างถึงที่สุด
“ เจ้าก็วางใจเถอะ เมื่อสังหารพวกเจ้าแล้ว แล้วนำจารึกเสวี่ยหยวนกลับมา เช่นนั้นพวกเรารัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาก็ไร้ผู้ใดที่คิดจะต่อกรด้วยแล้ว “ เสวี่ยเสวียนจ้องมองไปยังเยี่ยจง ทันทีที่กล่าวออกมาก็ได้แสดงใบหน้าที่เยียบเย็น
“ ข้าเกรงว่าเจ้าจะไม่มีโอกาสเช่นนั้น “
เยี่ยจงหัวเราะไปมา จากนั้นก็พบว่าสัญลักษณ์บนมือของเขาได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้ กลับใช้ฝ่ามือของเขาแตะไปที่พื้นดินโดยตรง
“ ซู่ ซู่ ซู่ “
ความเคลื่อนไหวที่แปลกประหลาดได้แผ่มาเป็นสาย วินาทีนั้น ท่ามกลางทะเลทรายทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน ก็ได้ปรากฏเงาร่างที่สร้างจากทรายมากมากมายนับไม่ถ้วน เห็นได้ชัดว่า เยี่ยจงสามารถที่จะฝืนควบคุมค่ายกลเล็กไร้สภาพของหลิงเยวี่ยได้
“ ไป “
เยี่ยจงประกบฝ่ามือเข้าหาในเวลาเดียวกัน ภายใต้การเคลื่อนไหวของค่ายกลไร้สภาพในเวลาเดียวกัน ดาวตกเพลิงก็ได้ร่วงหล่นลงมา พุ่งทะลวงเข้าไปยังบริเวณที่เสวี่ยเสวียนและพวกอยู่อย่างดุดันรุนแรง
และหลังจากที่ความเคลื่อนไหวเหล่านี้จบลง เยี่ยจงก็มิได้ลังเลแต่อย่างไร เพียงแต่โอบอุ้มไปที่สาวน้อยขึ้นมา โดยที่ไม่มีแม้แต่ความขวยเขิน จากนั้นก็หันกายกระโดดหายไป
เยี่ยจงเข้าใจดีเต็มสิบส่วน ต่อให้เขาสามารถควบคุมค่ายกลเล็กไร้สภาพนี้ก็ได้เพียงแค่ชั่วคราว ต่อให้เขาสามารถใช้ดัชนีเพลิงดาราคล้อยได้แข็งแกร่งกว่าเดิม แต่ว่าเขาก็มิใช่คู่ต่อสู้ของเสวี่ยเสวียนและพวกอย่างแน่นอน ต่อให้ทำได้ ก็มีแต่สูญเสียเวลาในการหลบหนีเท่านั้น
“ เจ้าบัดซบผู้นี้ “
เสวี่ยเสวียนมองไปที่ความเคลื่อนไหวของเยี่ยจง เห็นได้ชัดว่าเขาก็คิดไม่ถึง เด็กน้อยผู้นี้สามารถที่จะหลบหนีได้อย่างสมบูรณ์แบบเช่นนี้ได้ ในวินาทีนี้ สายตาก็ได้ทอแววเยือกเย็นไร้ที่เปรียบ กล่าวเสียงทุ่มต่ำออกมา “ เด็กน้อย เจ้าหนีไม่พ้นหรอก “
“ คำพูดไร้สาระก็ช่างมากเหลือเกิน “
เยี่ยจงยังคงไม่หยุดลง แต่ว่าในช่วงเวลาที่กำลังยุ่งอยู่ก็ได้ยื่นมือซ้ายออกไปบริเวณทางด้านหลัง เข้าได้กางนิ้วมือออกมา แล้วก็ปล่อยระเบิดควันบดบังสายตา
“ บรึม “
พบเห็นความเคลื่อนไหวของเยี่ยจง เสวี่ยเสวียนผู้นี้ก็เกือบที่จะกระอักเลือดออกมามิได้ เขามือวุ่นวายเท้าพัลวันเพื่อที่จะตอบโต้การลงมือของเยี่ยจง สีหน้าปั้นยากเยือกเย็นอย่างที่สุด
“ เจ้ากลับมาทำไมกัน …….. “
เยี่ยจงเกิดสงสัยขึ้น ก็ได้ยินเสียงที่ดังออกมาสายหนึ่งดังขึ้นกะทันหัน ในขณะนั้นเอง เห็นได้ชัดว่าหลิงเยวี่ยได้ฟื้นคืนสติมาแล้วหลายส่วน นางหรี่ตาทั้งคู่จ้องมองไปที่เยี่ยจง การมองเห็นดูเหมือนจะมีหลายส่วนที่ไม่ชัดเจน
“ ไปเถอะ ศิษย์พี่หญิง ข้ามาพาท่านกลับลัทธิ “ เยี่ยจงเมื่อพบว่าหลิงเยวี่ยฟื้นคืนสติกลับมาแล้ว ต่อมาก็ได้เปลี่ยนเป็นท่าอุ้มเจ้าหญิงเอาไว้ เอ่ยเสียงตอบแผ่วเบา
หลิงเยวี่ยเหม่อมองด้วยความสงสัยว่าเหตุใดเยี่ยจงที่มีอายุยังน้อยแต่กลับมีประสบการณ์ที่โชกโชนเช่นนี้ หลังจากนั้น ใบหน้าของนางก็ได้ปรากฏรอยแดงออกมา เพียงแต่ว่าภายในดวงตา ก็ได้ปกปิดรอยสีแดงเอาไว้ ไม่อาจที่จะมองเห็นได้โดยทั้งสิ้น
ทันใดนั้น นางก็ได้ใช้มือขวาเกาะกุมไปยังบริเวณเอาของเยี่ยจงอย่างไม่ตั้งใจ เพียงแต่ว่าแม้แต่นางเองก็ยังมิทันจะได้สังเกตุ
“ ซวบ “
เยี่ยจงในตอนนี้แทบจะไม่ทราบว่าตอนนี้ที่แท้ได้เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้น เขามิได้มุ่งหน้าไปยังทางด้านที่ซูหยี่และพวกจากไป แต่กลับตัดสินใจที่จะเลือกไปอีกทางด้านหนึ่ง ร่างกายก็ได้พุ่งตัวออกไปในทันที
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เขาจงใจที่จะทิ้งรอยเท้าเอาไว้โดยที่ไม่ปกปิด นั้นก็เพราะว่ายังไงซะก็ต้องถูกพายุทรายสีเหลืองกลบทับลงไปอีกครา
……
ช่วงเวลากลางคืน ในช่วงเวลาที่เดินทางผ่านเขตพื้นที่ไร้ความวุ่นวาย ก็ได้มาถึงช่วงเวลากลางคืน อุณหภูมิท่ามกลางทะเลทรายก็ได้ลดต่ำลงอย่างถึงที่สุด ราวกับว่าน้ำกระติกหนึ่งก็สามารถที่จะกลายเป็นน้ำแข็งได้ก็มิปาน
ท่ามกลางกลุ่มหินปีศาจสายนี้ ก็ได้มีรอยแยกที่ไม่นับว่าใหญ่โตมากมายนัก รอยแยกนั้นยังถือได้ว่าเพียงพอที่จะให้คนสิบคนเข้าไปอยู่ได้
หลังจากที่เยี่ยจงได้กวาดตาสำรวจไปทั่วทั้งสี่ทิศของกลุ่มหินปีศาจแล้ว จากนั้นเขาก็ได้ถอดชุดฝึกยุทธ์ของเขาลง วางไว้บนกองทรายสีเหลือง จากนั้นก็แล้วค่อยวางตัวของหญิงสาวลงไปยังจุดนั้น ก็ได้นำหินก้อนใหญ่กลุ่มหนึ่งมาปิดไว้ทั่วทั้งสี่ทิศอย่างระมัดระวัง บริเวณทางเข้า ก็ได้ถูกปิดลงเล็กน้อย
หลิงเยวี่ยในตอนนี้ยังคงดูไม่ดีเท่าที่ควร แต่ทว่าเวลาก็ได้ผ่านไปหนึ่งวันแล้ว อีกทั้งหลังจากที่ได้กลืนโอสถอันล้ำค่าส่วนหนึ่งที่ได้มาจากท่ามกลางห้องโอสถภายในถ้ำหงส์หยาแล้ว นางก็ถือได้ว่าฟื้นฟูความแข็งแรงมาได้ ในตอนนี้ นางก็ได้ค่อยๆนั่งลง เหม่อมองไปที่เยี่ยจงด้วยสายตาที่อ่อนแออยู่หลายส่วน ทันใดนั้นเอง ก็ได้เอ่ยเสียงแผ่วเบา “ เยี่ยจง เจ้าโง่หรืออย่างไรกัน เจ้ากลับมาช่วยข้า ท้ายที่สุดก็มิใช่ต้องทอดร่างไว้ที่แห่งนี้อีกคนหรอกหรือ “
เยี่ยจงใช้มือโยกย้ายหินก้อนสุดท้ายมีปิดทางไว้ได้พอดี จากนั้นเขาก็ค่อยหันกายกลับมาพร้อมกับปัดมือไปมาแล้วกล่าว “ ศิษย์พี่หญิงท่านยังคงชอบต่อล้อต่อเถียงกับผู้คน เอาตนเองเป็นที่ตั้ง ข้าดูเหมือนไม่น่าเชื่อถือถึงขั้นนั้นเลยงั้นหรือ ? “
หลิงเยวี่ยยิ้มออกมาคราหนึ่ง แล้วก็กล่าวเสียงดัง “ ข้าทราบว่าเจ้านั้นร้ายกาจ แต่ว่า เสวี่ยเสวียนผู้นั้นมิใช่บุคคลที่เป็นชนชั้นธรรมดาง่ายดาย ต่อให้เป็นหนึ่งต่อหนึ่ง ข้าก็ไม่คิดว่าเจ้าจะคิดว่าตนเองจะสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้ ข้าสงสัยว่า ไม่แน่ว่าเขาได้เดินทางเข้าสู่ระดับขั้นที่เป็นเส้นทางที่ยากจะฝึกปรืออกมาได้ชนิดหนึ่ง เขาในตอนนี้ มีความเป็นไปได้ที่จะได้เข้าสู่ขั้นก่อเกิดระดับที่แปดซานกวานเทียนทงของชั้นของหลิงทงแล้ว “
“ ระดับชั้นหลิงทง “ หลังจากที่เงียบงัน ร่างกายของเยี่ยจงก็ได้สั่นไหวขึ้นมา เขารู้ดีแก่ใจอยู่แล้ว เด็กน้อยที่สามารถที่จะฝึกปรือเข้าสู่ขั้นก่อเกิดระดับที่แปดไปแล้ว ก็นับได้ว่ามีพรสวรรค์ที่ยากจะใคร่คว้าไว้ได้แล้ว ความแข็งแกร่งของเด็กน้อยเหล่านี้ นับได้ว่าเกินกว่าที่ผู้คนทั่วไปจะคาดคิดเอาไว้ได้แล้ว ต่อให้เป็นการฝึกปรือของพลังลมปราณโบราณก็ตามที เยี่ยจงก็ไม่คิดว่า สามารถที่พึ่งพาพลังฝีมือในระดับนี้ในการต่อกรกับเด็กน้อยที่มีพลังฝึกปรือในขั้นก่อเกิดระดับที่แปดได้ หลังจากที่ครุ่นคิดแล้ว เยี่ยจงก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกมาลูบคลำไปยังท้ายทอย จากนั้นก็ถอนหายใจคำหนึ่ง
“ ดูเหมือนว่า ต้องการที่จะจัดการกับปัญหาเหล่านี้ยังคงมีปัญหาอยู่หลายข้อ …… “ เยี่ยจงถอนหายใจคำหนึ่ง แต่ว่าทันใดนั้นก็ได้หยักไหล่ไปมาแล้วกล่าว “ ทว่าศิษพี่หญิงโปรดวางใจ พวกเขามิอาจที่จะไล่ตามพวกเรามาจนถึงที่แห่งนี้ “
“ ถ้างั้นเขาจะไปไล่ตามซูหยี่และพวกหรือไม่ ? “ นางเกิดความลังเลขึ้น แล้วจึงเอ่ยปากอย่างรวดเร็ว นางทราบว่าเยี่ยจงได้มอบจารึกเสวี่ยหยวนให้แก่ซูหยี่แล้ว
“ เป็นไปไม่ได้ ในช่วงเวลาที่ได้มอบจารึกเสวี่ยหยวนออกไป ข้าก็ได้ใช้ยันต์วิญญาณประทับกดไอพลังของมันเอาไว้แล้ว อีกทั้งข้ายังได้ทิ้งร่องรอยบางอย่างเอาไว้ตามทาง พวกเขาน่าจะไปตามทิศทางที่ข้าทิ้งเอาไว้ “ เยี่ยจงหัวเราะออกมา “ แต่ว่า ในตอนนี้เวลาก็ยังเป็นสิ่งล้ำค่า ยังคงหวังไว้ว่าเด็กน้อยเหล่านั้นคงจะไม่ฉลาดจนเกินไปหรอกนะ โดยเฉพาะเจ้าเด็กน้อยที่พบกันในครั้งนี้มีพลังฝึกปรือจนถึงขั้นก่อเกิดระดับที่แปดอีกด้วย ถ้าให้เลือกได้แล้วละก็ ข้าก็มิต้องการที่จะประมือกับเขา …….. “
.
.
.
.