ตอนที่ 127 ไล่ล่าสังหารและไพ่ตาย
เมื่อได้เหม่อมองไปยังสภาพที่อันตรายอย่างที่สุดเบื้องหน้า สีหน้าของเยี่ยจงสงบนิ่ง เอียงศีรษะเพียงเล็กน้อย มองดูหญิงสาวที่อยู่ทางด้านหลังคราหนึ่ง แล้วกล่าว “ ไป “
หลังจากที่เงียบงัน หลิงเยวี่ยก็อดไม่ได้ที่จะกุมมือไปมา ภายในดวงตาปกคลุมไปด้วยความหวาดหวั่น นางถึงแม้จะมีความเชื่อมั่นในตัวเยี่ยจงอยู่หลายส่วน แต่เมื่อเห็นว่าต้องต่อสู้กับสภาพเบื้องหน้าคนเดียวแล้ว คงมีแต่ตายมากกว่ารอด
“ ไม่เช่นนั้น ยังคงให้ข้าอยู่ด้วยเถอะ อย่างมากข้าก็คง …… “ หลังจากที่หลิงเยวี่ยครุ่นคิดแล้ว จึงได้กล่าวเสียงทุ่มต่ำออกมา
“ ไปซะ “
ยังไม่ทันที่นางจะได้กล่าวจบ เยี่ยจงก็ได้หันศีรษะกลับไปแล้ว ตัดรอนคำกล่าวของนาง ถึงแม้ว่าน้ำเสียงของเขาจะสงบนิ่งไร้ที่เปรียบ แต่ว่าภายในน้ำเสียงที่สงบนิ่งไร้ที่เปรียบนี้เอง หลิงเยวี่ยก็ฟังออกได้ถึงความหมายที่แฝงอยู่ภายใน เห็นได้ชัดว่า หากว่านางไม่ไปแล้วละก็ เด็กน้อยเบื้องหน้าสายตาผู้นี้คงจะต้องคลั่งขึ้นมาแน่นอน
“ งั้น ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วละก็ เจ้าก็ระวังตัวเอาไว้ด้วย “
หลิงเยวี่ยเมื่อพบเห็นเยี่ยจงอยู่ในสภาพเช่นนั้น จากนั้นจึงได้ถอนหายใจออกมาเบาๆ ภายในนัยน์ตาเผยให้เห็นความรู้สึกที่ซับซ้อน จากนั้นนางก็ไม่ลังเลอีกต่อไปเพียงแต่หันกายเดินจากไป
“ เหอะเหอะเหอะ คิดจะหนีงั้นหรือ ? “ เสวี่ยเสวียนเมื่อพบเห็นฉากเบื้องหน้า จากนั้นก็ได้หัวเราะเสียงเย็นชา “ เสวี่ยสือ มอบให้เป็นหน้าที่ของเจ้าก็แล้วกัน “
“ ขอรับ “
เมื่อสิ้นเสียงที่กล่าวออกมา เสวี่ยสือที่อยู่ข้างกายก็ได้ยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย จากนั้นก็ได้ก้าวเท้าออกมา ร่างกายก็ได้พุ่งออกไปราวกับสายโลหิตออกไปสายหนึ่งตามไปทางด้านหลังของหลิงเยวี่ยไป
“ เปรี้ยง “
ทันใดนั้น ทันทีที่ร่างกายของเขาพึ่งจะได้พุ่งออกไปทางด้านหน้า ร่างกายของเยี่ยจงก็ได้หายวาบไปดั่งภูติพรายไปบริเวณทางด้านหน้า จากนั้นก็สะบัดมือขวาออก พลังกระบี่ตราประทับชั้นที่หกก็ได้รวมกันอยู่บริเวณคมหมัด ทันทีที่ได้เสริมพลังเข้าไปแล้ว ก็ได้มีความน่ากลัวชนิดหนึ่งของพลังแผ่พุ่งออกมา พุ่งเข้าไปอย่างดุดันบริเวณที่เสวี่ยสืออยู่
“ หาที่ตาย “
เสวี่ยสือถือได้ว่ามีความเข้าใจในพลังฝีมือของเยี่ยจงอยู่หลายส่วน เมื่อพบเห็นเยี่ยจงเข้ามาขัดขวาง เขาก็ได้หัวเราะอย่างเย็นชา แล้วก็ยื่นมือขวาออก บริเวณใจกลางฝ่ามือก็ได้ปรากฏเงาโลหิตขนาดใหญ่ ไหลเวียนส่องสว่างเป็นสายไปมา เข้าปะทะกันราวกับสายฟ้าฟาดลงมาไปยังบริเวณคมหมัดของเยี่ยจง
“ เปรี้ยง “
ความน่าหวาดกลัวของการโจมตีทั้งสองสายเมื่อได้ปะทะเข้าหากัน จนทำให้เกิดแรงลมมหาศาลพัดพลิ้วไหวสาดไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้านกระจายกันออกไป
หลังจากที่พลังหมัดเข้าปะทะหากัน สีหน้าของเสวี่ยสือก็ได้เปลี่ยนไปในทันที นัยน์ตาก็ได้ปรากฏความตะลึงลาน นั้นก็เพราะเขาพบว่า การปะทะกับเยี่ยจงในครั้งนี้ เขาถึงกับสัมผัสได้ว่ามิอาจที่จะมีความได้เปรียบอันใด
“ เด็กน้อยผู้นี้มีบางอย่างที่แปลกประหลาดไป “
ตามประสบการณ์อันโชกโชนอย่างถึงที่สุดของเสวี่ยสือ ก็เข้าใจได้ในทันที เป็นที่แน่นอนว่าเยี่ยจงผู้นี้ได้ฝึกปรือวิชากำลังภายในขั้นสูงเป็นที่แน่นอน ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ เพียงแค่พลังฝีมือขั้นก่อเกิดระดับที่หกแค่นั้น มีหรือที่จะสามารถต้านทานพลังการโจมตีของตนเองเอาไว้ได้ ต่อมา สีหน้าก็ได้เปลี่ยนไปในทันที เสวี่ยสือก็ได้มีความคิดที่จะถอนออกไป
แม้ว่าในตอนนี้เยี่ยจงจะมิอาจมีความคิดที่จะจัดการกับเขาขั้นเด็ดขาดก็ตามที่ ถึงแม้สถานการณ์เบื้องหน้าในความเป็นจริงก็ไม่ค่อยจะอำนวยต่อเขามากนัก ดังนั้นในตอนนี้ หากว่าสามารถที่จะจัดการคนหนึ่งได้ก็ยังดี ไม่อาจที่จะยั้งมือไว้ไมตรีได้อย่างเด็ดขาด
ดังนั้น ในทันทีที่เสวี่ยสือตัดสินใจที่จะถอยออกไป เยี่ยจงก็ได้พลิกมือซ้ายออกไปคราหนึ่ง กระบี่คงหมิงก็ได้ปรากฏออกมาท่ามกลางฝ่ามือของเขา หลังจากนั้นเงากระบี่ก็สาดเป็นประกายแสงสีเทาราวสายฟ้ามุ่งตรงไปยังบริเวณหัวใจเสวี่ยสือ
กระบี่นี้ถูกใช้ออกอย่างรวดเร็ว เสวี่ยสือรู้สึกได้เพียงความรู้สึกที่ขนหัวลุก หนาวสั่นไปถึงขั้วกระดูก ทันใดนั้นกำลังภายในของเขาก็ได้ส่องประกายสีโลหิตออกมา กลับกลายเป็นโล่กำบังคอยต้านรับบริเวณทางด้านหน้า
“ ซวบ “
เงากระบี่ได้กระทบลงบนโล่ที่ส่องแสงสีโลหิตขึ้น ทันใดนั้นเอง ก็ได้เผยให้เห็นเนื้อกระบี่ที่ความจริงเป็นสีหยกออกมา และโล่สีโลหิตที่ดูเหมือนมีพลังป้องกันอย่างน่าหวาดกลัวในตอนนี้ก็ได้ถูกสับคล้ายกับก้อนเต้าหู้ก็มิปาน ถูกเสือกแทงเข้าไปโดยตรง จากนั้นก็ได้พุ่งเข้าใส่บริเวณหัวใจของเสวี่ยสือเข้าไปในทันที
สีหน้าของเสวี่ยสือเปลี่ยนเป็นดุร้าย บริเวณฝ่ามือขวาก็ได้ทอประกายแสงสีโลหิตออกมา ร่างกายก็ได้ปะทุถอยออกไปบริเวณทางด้านหลัง แต่ว่าการตอบสนองของเขาก็นับได้ว่ารวดเร็วอย่างยิ่งแต่ว่าเมื่อถอยไปได้เพียงครึ่งก้าว ประกายกระบี่ก็ได้ฟาดฟันไปยังหัวไหล่ของเขา เสือกแทงเข้าไปโดยตรงอีกครา
“ เปรี้ยง “
พลังอันมหาศาลที่น่าหวาดกลัวของประกายกระบี่ที่เข้ามา ได้วาดลงไปยังบริเวณหัวไหล่ของเสวี่ยสืออย่างบ้าคลั่งออกไป อีกทั้งยังเป็นพลังอันน่ากลัวอย่างถึงที่สุด จนทำให้หัวไหล่ของเสวี่ยสือกลายเป็นก้อนเนื้อแหลกเหลวลอยออกไป จนมองเห็นกระดูกสีขาวที่หลงเหลืออยู่ภายใน
“ ตุบ ตุบ ตุบ “
ร่างกายของเสวี่ยสือได้เหยียบพื้นถอยออกไปติดต่อกันราวสิบก้าว ฝ่ามือของเขาได้กดเข้าไปที่บริเวณหัวไหล่ของตนเอง เลือดสดๆได้ไหลออกมาไม่หยุดยั้ง ใบหน้าของเขาเริ่มที่จะชาด้านขึ้นหลายส่วน ทันใดนั้นก็กลับกลายเป็นความหวาดกลัวสายหนึ่ง เขามิเคยคาดคิดเลยว่า เขาที่มีพลังฝีมืออยู่ในขั้นก่อเกิดระดับที่เจ็ด เพียงเพราะต้องเผชิญหน้ากับเยี่ยจงเพียงคนเดียว ก็ต้องได้รับบาดเจ็บถึงขนาดนี้
ในช่วงเวลาครั้งแรกที่ได้พบเจอกัน เยี่ยจงผู้นี้ถึงแม้จะร้ายกาจ แต่ว่าก็เห็นได้ชัดว่ามิได้มีความร้ายกาจที่มากมายจนถึงระดับนี้
“ เจ้าบัดซบน้อย ข้าจะทำให้เจ้าพิการซะ “
ทันใดนั้นเอง เสวี่ยสือก็สูญเสียสติสัมปชัญญะ นัยน์ตาของเขาได้กลายเป็นสีแดงเพลิงด้วยความโกรธแค้น
“ ซวบ “
ทันใดนั้น ยังไม่ทันที่เสียงของเขาดังขึ้นมา ร่างกายของเยี่ยจงก็ได้ขยับหายวาบไปยังเบื้องหน้าของเสวี่ยสือ กระบี่คงหมิงในมือพลิกคราหนึ่ง ไอพลังกระบี่ก็ได้สาดประกายขึ้นมาสายหนึ่ง พุ่งกวาดเข้าไปยังบริเวณคอหอยของเสวี่ยสือ
“ ตูม “
เสียงทุ่มต่ำดังออกมาในทันที ความยากที่เชื่อในสิ่งที่เห็นได้อัดแน่นอยู่เต็มเปี่ยมอยู่เต็มในหัวของเสวี่ยสือ ถอยไปบริเวณทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว บริเวณคอหอยของเขาเอง ทันใดนั้นเองก็ได้มีโลหิตสาดพุ่งออกมามากมาย หลังจากนั้นร่างกายก็ได้สั่นเทาคราหนึ่ง จึงค่อยได้ล้มลงบริเวณพื้นดิน พลังแห่งชีวิตสูญสิ้นลงทันที
“ คิดที่จะสังหารข้า อย่างน้อยก็ต้องเตรียมตัวเตรียมใจถูกข้าสังหารให้ดีก็แล้วกัน ? “ เยี่ยจงเมื่อได้สังหารเสวี่ยสือแล้ว ผลลัพธ์จากการลงมือของพลังฝีมืออันร้ายกาจปรากฏออกมาให้เห็น จากนั้นเขาก็หันหน้ากลับไป เหม่อมองไปยังใบหน้าปั้นยากอย่างสุดขีดของเสวี่ยเสวียน ยิ้มให้เล็กน้อย เพียงแต่ว่าภายใต้รอยยิ้มสายนี้ ก็ได้แผ่กระจายความโหดร้ายออกมา
เสวี่ยเสวียนมองไปศพของเสวี่ยสือคราหนึ่ง ภายในดวงตาได้ปรากฏความหวาดหวั่นสายหนึ่ง ที่มากไปกว่านั้นก็คือความตื่นตะลึง เมื่อได้เห็นร่างของเสวี่ยสือ เขาก็ไม่อาจที่จะสามารถเชื่อได้ลงคอ แต่ว่า ยอดฝีมือขั้นก่อเกิดระดับที่เจ็ดเช่นนี้ ภายใต้ช่วงเวลาพริบตาเดียว ก็ได้ถูกฆ่าสังหารไป สามารถกล่าวได้ว่า เยี่ยจงเบื้องหน้าสายตาผู้นี้ไม่ว่าจะเป็นการใช้ทักษะในการต่อสู้และประสบการณ์ในการต่อสู้ ก็มิได้อ่อนด้อยไปกว่าพวกเขาเหล่านี้เลย
“ ประสบการณ์ต่อสู้ของเจ้านับได้ว่าโชกโชน อีกทั้งการลงมือก็สะอาดหมดจด ดังนั้นถึงแม้เจ้าจะมีพลังฝีมือเพียงแค่ ขั้นก่อเกิดระดับที่หก แต่ว่าก็สามารถใช้ออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด อีกทั้งยังแข็งแกร่งมากกว่าที่เห็นจากภายนอกอยู่มาก …… ทว่า …… เจ้าก็อย่านึกว่าจะวามารถที่จะ พึ่งพาพลังฝีมือเพียงแค่นี้ก็จะสามารถหลบหนีไปได้ละ ? “ เสวี่ยเสวียนยิ้มอย่างเย็นชาไปทางเยี่ยจง จากนั้นก็ได้เดินออกไปหนึ่งก้าว ในระหว่างที่เขาก้าวเดินออกไป เคลื่อนไหวอันน่าสะพรึงกลัวก็ได้แผ่ออกมาจากร่างของเขา และบริเวณอีกทางด้านหนึ่ง ก็จะสามารถพบเห็นเลือดเนื้อที่ส่องสว่างขึ้นมา
นี้เป็นสิ่งที่ร่างกายของยอดฝีมือที่เข้าสู่ขั้นก่อเกิดระดับที่แปดซานกวานเทียนทงจึงจะสามารถทำให้เกิดในลักษณะเช่นนี้ได้
และในความเคลื่อนไหวอันน่ากลัวเช่นนี้ เยี่ยจงก็ต้องสูดลมหายใจเข้าออกถี่ขึ้นออกมา ทันใดนั้นนัยน์ตาก็ได้เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมาอย่างไร้ที่เปรียบ เสี่ยนเสวียนผู้นี้ น่าจะบรรลุเข้าสู่ขั้นก่อเกิดระดับที่แปดแล้ว ด่านหลิงทง(ด่านวิญญาณ)ของซานกวานเทียนทงนี้ พลังฝีมือเช่นนี้ เมื่อเทียบกับเขาที่มีพลังฝีมือขั้นก่อเกิดระดับที่หกแล้ว เห็นได้ชัดว่าแข็งแกร่งอยู่ในระดับที่เรียกได้ว่ามากถึงมากที่สุด……
“ เจ้ายอมแพ้ที่จะดิ้นรนซะเถอะ เมื่ออยู่ต่อหน้าข้า ไม่ว่าเจ้าจะดิ้นรนอย่างไร สุดท้ายแล้วผลลัพธ์ก็มีเพียงแค่หนึ่งเดียว “ เสวี่ยเสวียนค่อยๆยื่นมือออกมา พุ่งออกไปเข้าไปทางด้านของเยี่ยจง แล้วก็หัวเราะแล้วกล่าว ” ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็หนีไม่พ้นฝ่ามือนี้ของข้าได้หรอก ”
“ พอแล้ว กล่าวคำพูดไร้สาระมากมายกับเจ้านั้นไปเพื่ออันใด สั่งสอนเจ้านั้นให้ดี แล้วก็ค่อยนำกระดูกซักชิ้นมาบดให้ละเอียด จากนั้นก็นำหญิงสาวนางนั้นกลับมา พวกเราต่างก็อยากจะทราบว่า นางเซียนหลิงเยวี่ยตามคำเล่าลือนี้มีรสชาติเช่นไรกัน “ ยอดมืออีกคนหนึ่งของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาแสยะยิ้มขึ้นมาอย่างเห็นด้วย จากนั้นเขาก็ได้พุ่งร่างออกไปอย่างรวดเร็ว พุ่งเข้าไปขัดขวางบริเวณที่เยี่ยจงอยู่เข้าไปอีกทางด้านหนึ่ง แต่ว่าเมื่อได้บทเรียนที่ได้มาจากเสวี่ยสือไปแล้ว คนเหล่านี้ก็เกิดความหวาดเกรงต่อเยี่ยจงอย่างไร้ที่เปรียบ ในตอนนี้มิอาจที่จะมีแม้แต่ความกล้าที่จะเข้าใกล้
“ หลังจากที่นำจารึกเสวี่ยหยวนกลับมาแล้ว พวกมันก็ให้พวกเจ้าจัดการก็แล้วกัน “
เสวี่ยเสวียนยิ้มออกมา ทันใดนั้นเขาก็ลูบคลำไปที่คอ เสียงดัง “ กร๊อบ กร๊อบ “ ของกระดูกก็ได้ดังออกมา เมื่อเห็นเขาในสภาพเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเตรียมพร้อมที่จะลงมือกันแล้ว
เมื่อพบเห็นความโหดเหี้ยมเช่นนี้ของเสวี่ยเสวียน นัยน์ตาของเยี่ยจงก็ทอเป็นประกาย ภายในนัยน์ตาปรากฏความเคร่งเครียดขึ้นมา เขาเข้าใจสถานการณ์เบื้องหน้าสายตาเป็นอย่างดี แน่นอนว่าตนเองมิใช่คู่ต่อสู้ของเสวี่ยเสวียนผู้นี้อย่างแน่นอน หรือต่อให้กลืนกินโอสถระเบิดพลังเข้าไป จนถึงกับสามารถระเบิดพลังได้จนถึงขั้นก่อนเกิดระดับที่เจ็ด ก็ใช่ว่าจะสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเขา
ดังนั้น ความแข็งแกร่งของเสวี่ยเสวียน ใช่ว่ายอดฝีมือที่อยู่ในขั้นก่อเกิดระดับที่เจ็ดเพียงแค่คนเดียวจะสามารถเข้าต่อกรได้
แต่ว่า ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ……
หลังจากที่ได้สูดลมหายใจลึกๆคำหนึ่งแล้ว นัยน์ตาของเยี่ยจงก็ได้ปรากฏความบ้าคลั่งออกมาสายหนึ่ง จากนั้นก็พบเห็นบางสิ่งอยู่ในมือ โอสถระเบิดพลังหกก้านก็ได้ปรากฏอยู่ในมือในเวลาเดียวกัน
“ คิดที่จะหยุดยั้งข้าเยี่ยจงเอาไว้ ข้ายังกลัวจริงๆว่าเสวี่ยเสวียนเจ้าจะไม่มีความสามารถเช่นนั้น “
เยี่ยจงเงยหน้าขึ้น จ้องมองไปยังบุคคลอย่างเสวี่ยเสวียนด้วยรอยยิ้มอย่างกับบ้าคลั่ง จากนั้นเขาก็อ้าปากขึ้นมา จดจ้องไปยังเสวี่ยเสวียนอย่างประหลาด แล้วกลืนโอสถระเบิดพลังเข้าไปทั้งหมดหกชิ้นลงไปในทีเดียว
“ โอสถระเบิดพลัง ? “
เสี่ยเสวียนเมื่อมองไปยังฉากเบื้องหน้า ภายในนัยน์ตาก็มิได้เกิดความตื่นตกใจอันใด กลับกันกลับหัวเราะด้วยความเย็นชาออกมาสายหนึ่ง “ เด็กน้อยผู้น่าสงสาร พลังฝีมือเพียงแค่ขั้นก่อเกิดระดับที่หกของเจ้า การกลืนกินโอสถระเบิดพลังเข้าไปเพียงแค่ชิ้นเดียวก็แทบจะจ่ายค่าตอบแทนออกไปไม่ไหวอยู่แล้ว ตอนนี้กลับกลืนกินไปถึงหกชิ้นในทีเดียว อย่าว่าแต่เจ้าเลย ต่อให้เป็นยอดฝีมือขอบเขตขั้นก่อฟ้า เกรงว่าก็คงจะทานทนไม่ไหว …… “
“ หากว่าเจ้ากลืนมันลงไปเพียงแค่หนึ่งชิ้น อาจจะเพียงพอที่จะต่อกรกับพวกข้าสักรอบ แต่ว่าเจ้ากลับรนหาที่ตายเอง ดูเหมือนว่า แรงเพียงแค่นิดเดียวข้าก็ยังมิต้องใช้ออกมาแล้วกระมั่ง “ เสวี่ยเสวียนยิ้มออกมาจ้องมองไปทางด้านเยี่ยจง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขาอยากดูผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นว่าเป็นเช่นไร ดูเหมือนว่าผลสุดท้ายเยี่ยจงจะรับพลังอันมหาศาลของโอสถระเบิดพลังไว้ได้ถึงขั้นใด
เมื่อได้เผชิญหน้ากับความเป็นความตายในสถานที่แห่งนี้ อีกทั้งยังเกรงว่าตนเองยังมิต้องออกแรงแม้แต่แรงกระดิกนิ้วเลย เรื่องราวเช่นนี้ ก็นับได้ว่าเป็นเรื่องราวที่เสวี่ยเสวียนชื่นชอบเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว
ทางด้านอย่างหลายๆทาง เหล่ายอดฝีมือของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉานั้นในตอนนี้ก็ได้จ้องมองไปที่เยี่ยจงด้วยใบหน้าที่เริ่มจะเคร่งเครียดขึ้นมา พวกเขาแน่นอนว่าทราบดีอยู่แล้วว่าโอสถระเบิดพลังนั้นคือสิ่งใด ดังนั้น พวกเขาต่างก็อย่างที่จะดูว่า ต่อไป เยี่ยจงที่แท้จะกลับกลายเป็นระเบิดลูกหนึ่งระเบิดขึ้นมาก็มิปานหรือไม่ จนแหลกเหลวกลายเป็นบ่อเลือดแอ่งหนึ่ง แต่ว่าสุดท้ายไม่ว่าเยี่ยจงจะเป็นเช่นไรก็ตาม พวกเขายังไงซะก็อยากที่จะทราบว่าจะเป็นเช่นไรต่อไป
ทันใดนั้น บริเวณทางด้านฝั่งตรงข้าม เยี่ยจงที่ได้กลืนกินโอสถระเบิดพลังเข้าไปถึงหกชิ้นก็ได้หัวเราะอย่างเย็นชาออกมาเสียงหนึ่ง ภายในเสียงหัวเราะนั้น ก็ได้ทำให้ใบหน้าของเสวี่ยเสวียนปรากฏความอึ้งทึ่งขึ้นมา
.
.
.
.