เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 142 บทสทนาของพี่ชายน้องสาว

ตอนที่ 142 บทสทนาของพี่ชายน้องสาว

 

 

 

ศาลาสี่คาบสมุทร(ซื่อไฮ่เก่อ) ภายในเมืองเยียจิง

 

ศาลาสี่คาบสมุทรภายในเมืองเยียจิงอยู่ในหัวมุมแม่น้ำสายที่มีชื่อเสียง สายลมโพยพัดงดงามตามฤดูกาล ทิวทัศน์ที่มีเอกลักษณ์ เป็นเหลาสุราที่มีชื่อเสียงภายในเมืองเยียจิง

 

ตามปกติธรรมดา จะมีเพียงแค่แขกผู้มีเกียรติภายในเมืองเยียจิงเท่านั้นที่มีคุณสมบัติมาได้ เพียงแต่ว่าการมาเพื่อถวายคำอวยพรแก่ราชวงศ์ในครั้งนี้ แม้แต่แขกผู้มีเกียรติเหล่านี้ก็ยังไม่มีแม้แต่โอกาสในการเข้ามา สามารถที่จะปรากฏตัวในสถานที่เช่นนี้ได้ โดยส่วนมากจะเป็นยอดฝีมือของขุมกำลังใหญ่ที่ได้ถูกส่งมาเพื่อถวายคำอวยพร

 

ในตอนนี้ บริเวณภายในหัวมุมชั้นที่สามของศาลาสี่คาบสมุทร ก็จะพบเห็นเยี่ยจงและเยี่ยถงทั้งสองคน

 

เยี่ยถงรู้สึกงงงันเมาอเหม่อมองไปยังเยี่ยจงที่อยู่ทางด้านหน้า หลังจากนั้นเอง นางก็ราวกับนึกบางอย่างออกมาได้อย่างกะทันหัน กล่าวอย่างรีบร้อน “ พี่เยี่ยจง ท่านรีบออกไปจากเมืองเยียจิงเถอะ หากว่ารอคอยตระกูลเยี่ยทราบเรื่องและส่งคนมาแล้วละก็ เกรงว่าจะจากไปไม่ได้แล้ว …….. อีกทั้ง ตระกูลเยี่ยในตอนนี้ดูเหมือนจะต้องการลงโทษท่านอย่างมาก ช่วงก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสภายในตระกูลต่างก็ได้โกรธเคืองอย่างมาก กล่าวว่าจะจับท่านกลับไปเพื่อใช้กฎบ้านลงโทษ ดังนั้นท่านควรจะจากไปให้เร็วเป็นดีที่สุด “

 

หลังจากที่เงียบงัน ภายในใจเยี่ยจงก็ปรากฏความรู้สึกสงสัยขึ้นมา ความจริงน้องสาวต่างมารดาผู้นี้ เขาก็มิได้มีความรู้สึกอันใดมากมายนัก แต่ว่า จากที่เห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในวันนี้ อีกทั้งยังมีคำพูดที่นางกล่าวออกมา เยี่ยจงจึงทราบได้ว่า น้องสาวต่างมารดาของตนเองผู้นี้ คาดว่าคงจะลำบากลำบนอย่างมาก ได้รับตระกรรมลำบากอยู่ไม่น้อย

 

แต่ว่าถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงความหวังดีของนาง แต่ว่าถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่เด็กน้อยผู้หนึ่ง แต่ก็เติบใหญ่ขึ้นมาราวกับดอกไม้ที่เบ่งบานก็มิปาน

 

ในขณะที่กำลังหวนรำลึก เยี่ยจงก็ได้ยกมือขึ้นมาลูบทีศีรษะของเยี่ยถง กล่าวด้วยความเอ็นดู “ เด็กโง่ คนของตระกูลซูเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงไป ต่อให้พวกเขาไม่มาหาเรื่องข้า ข้าก็ได้เตรียมตัวที่จะไปคิดบัญชีกับพวกเขาอยู่ดี …….. แล้วก็ตระกูลเยี่ย บทลงโทษประจำตระกูล ……. เฮอะ ข้ายอมรับว่าเป็นคนของตระกูลเยี่ยตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ? “

 

หลังจากที่เงียบงัน เยี่ยจงก็งงงันเล็กน้อย เมื่อเห็นใบหน้าที่อบอุ่นและรอยยิ้มของเยี่ยจง ก็ค่อยคิดเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ขึ้นมาได้ นางราวก็นึกอันใดได้อย่างกะทันหัน กล่าวเสียงแผ่วเบา “ ใช่แล้ว พี่เยี่ยจง เมื่อครู่พวกเขาบอกว่าท่านได้เข้าร่วมกับลัทธิแห่งดวงดาวแล้ว ? นี้เป็นเรื่องจริงงั้นหรือ ? “

 

“ จริงแท้แน่นอนอยู่แล้ว ถ้าหากเจ้าสนใจที่อยากจะเข้าร่วมกับลัทธิแห่งดวงดาวแล้วละก็ ข้าสามารถที่จะช่วยให้เจ้าเป็นศิษย์สายนอกได้นะ “ เยี่ยจงยิ้มออกมาแล้วตอบ ถึงแม้ว่าเขาจะมิได้มีอำนาจพอที่จะทำเช่นนั้นได้ แต่ว่าเขาก็ได้มีผลงานต่อลัทธิแห่งดวงดาวอยู่ไม่น้อย การที่จะมอบฐานะการเป็นศิษย์สายนอกผู้หนึ่งนั้น สมควรที่จะไม่มีผู้ใดปฏิเสธได้

 

ในครั้งนี้เยี่ยถงก็ถึงกับงงงันยิ่งขึ้นไปอีก ในฐานะที่เป็นคนของห้าตระกูลใหญ่ นางเองก็เข้าใจว่าการที่คิดจะเข้าเป็นศิษย์สายนอกของลัทธิแห่งดวงดาวนั้นมีความยากเย็นเพียงใด ต่อให้เป็นมีสถานะเป็นหนึ่งในห้าตระกูลใหญ่ ในหนึ่งปีอย่างมากก็มีคนที่สามารถเข้าไปได้แค่คนสองคนเท่านั้น และการที่จะได้รับเลือกได้นั้นต่างก็ได้มอบให้แก่ศิษย์รักของเหล่าตระกูลต่างๆเท่านั้น เมื่อไหร่กันที่โอกาสจะมาถึงคราวของนางกัน ? “

 

แล้วก็คิดไม่ถึงว่า ตอนนี้เยี่ยจงถึงกับสามารถรับตนเองเข้าเป็นศิษย์สายนอกได้ ?

 

“ พี่ชาย ท่านคงมิใช่คิดที่จะปรอบให้ข้าดีใจหรอกนะ ? “ เยี่ยถงพกพาความสงสัยแล้วเอ่ยถามออกไป

 

เมื่อพบว่านางเป็นเช่นนี้ เยี่ยจงก็ส่ายศีรษะไปมา และจากนั้นก็ได้นำเอาป้ายสะสมวิญญาณออกมาให้ดู

 

ป้ายสะสมวิญญาณสีทองได้เข้าสู่มือ ใบหน้าของเยี่ยถงเปลี่ยนไปคราหนึ่ง จากนั้นนางก็กล่าวออกมาอย่างตะกุกตะกัก “ พี่ชาย ท่านคือ ท่านคือ ศิษย์ ……. ศิษย์ …… ศิษย์สาขาในของลัทธิแห่งดวงดาว ? “

 

“ ตอนนี้ก็เชื่อแล้วใช่หรือไม่ ? “ เยี่ยจงตบไปที่มือน้อยๆของเยี่ยถง ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย แล้วกล่าว “ เรื่องนี้เจ้าทราบก็พอแล้ว หลังจากที่กลับไปยังตระกูลเยี่ยก็อย่าได้กล่าววุ่นวาย รอจนหลังจากที่ถวายคำอวยพรอ๋องใหญ่แล้ว ข้ากลับไปยังลัทธิแห่งดวงดาวจะพาเจ้าไปด้วย อย่าได้อยู่ภายในตระกูลเยี่ยเลย ……… “

 

“ อื้อ พี่เยี่ยจง ข้าให้สัญญาต่อท่าน “ เยี่ยถงพยักหน้าไปมา การที่จะสามารถกราบเข้าเป็นศิษย์ลัทธิแห่งดวงดาว แม้แต่บุคคลภายนอกแม้แต่จะคิดก็ไม่กล้าคิด แน่นอนว่านางมิอาจที่จะพลาดได้ อีกทั้ง เมื่อทราบว่าพี่ใหญ่ของตนเองเป็นศิษย์ลักธิแห่งดวงดาวจริงๆ อีกทั้งยังเป็นถึงศิษย์สายใน ความเป็นห่วงภายในจิตใจของนางก็ถูกวางลง ไม่ว่าจะกล่าวเช่นไร ถ้าหากมีสถานนะของศิษย์สายในอยู่ ตระกูลซูก็ไม่กล้าที่จะมาวุ่นวายอย่างแน่นอน แม้แต่ตระกูลเยี่ย คาดว่าก็คงไม่กล้าที่จะใช้บทลงโทษประจำตระกูลต่อเยี่ยจงเช่นเดียวกัน

 

“ ใช่แล้ว เยี่ยหลิงเล่า ? เขาไม่เป็นไรหรอกนะ ? “ เยี่ยจงนึกขึ้นได้กะทันหัน นอกเสียจากน้องสาวต่างมารดาผู้นี้แล้ว ตนเองยังมีน้องชายต่างมารดาอีกคนหนึ่งอยู่

 

“ พี่เยี่ยหลิงท่านไม่ต้องเป็นห่วงไป เขานับได้ว่าโชคดี ได้ถูกผู้อาวุโสแห่งรัฐเหร่ยเทียนหวังเฉารับไว้เป็นศิษย์แล้ว แล้วก็ได้นำพากลับไป “ เยี่ยถงอธิบายตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว

 

หลังจากที่เงียบงัน เยี่ยจงก็ค่อยๆพยักหน้า หากว่าเยี่ยหลิงยังคงอยู่ภายในตระกูลเยี่ยแล้วละก็ เขาก็คงจะนำพาเข้าสู่ลัทธิแห่งดวงดาวด้วยเช่นกัน เพียงแต่ว่าในตอนนี้เยี่ยหลิงไม่ได้อยู่ที่แห่งนี้ เช่นนั้นเขาก็คร้านที่จะถามต่อไป

 

ในช่วงเวลาที่ทั้งสองคนมิได้มีหัวข้อสนทนากันแล้ว หลังจากที่เยี่ยจงนิ่งเงียบครุ่นคิด ทันใดนั้นก็ได้ลุกขึ้นยืน กล่าวเสียงแผ่วเบา “ เยี่ยถง เจ้ากลับตระกูลเยี่ยไปก่อน หลายวันนี้อย่าพึ่งได้วิ่งซนไปทั่ว อีกสามวันข้าจะไปหาเจ้าเอง “

 

เยี่ยถงมองไปที่สายตาของเยี่ยจงอย่างสงสัย เหมือนกับคิดที่จะกล่าวอันใด แต่ว่าเมื่อเห็นเยี่ยจงลุกขึ้นมาแล้ว ต่อมานางก็ได้พยักหน้าหลายครา จากนั้นก็จากออกไปอย่างรวดเร็ว

 

เมื่อพบว่าเยี่ยถงจากไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้ เยี่ยจงก็ยิ้มออกมา การที่ตนเองมีน้องสาวที่ฉลาดหลักแหลมเช่นนี้ก็ถือได้ว่าน่ายินดียิ่ง

 

ในช่วงเวลาที่ร่างกายของเยี่ยถงได้ลับหายไปแล้ว เยี่ยจงก็ได้ปัดมือไปมาอย่างสบายๆ วินาทีนั้นก็พบกับเงาร่างสายหนึ่งพุ่งออกมาจากหัวมุมศาลาสี่คาบสมุทร เข้ามาทำท่าคารวะยืนอยู่บริเวณด้านหลังของเยี่ยจง

 

“ นั่งลงเถอะ อย่าได้พิธีรีตองกับข้าเช่นนี้ “ เยี่ยจงกล่าวเสียงดังกังวาน เมื่อครู่ก็เพราะพบว่าได้ปรากฏบุคคลผู้หนึ่ง เยี่ยจงจึงได้เรียกให้เยี่ยถงจากไปก่อน

 

“ ศิษย์สายนอกเหว่ยเจิน ขอเข้าพบศิษย์พี่เยี่ยจง “ หลังจากที่ประสานมือคารวะแล้ว ผู้ที่มาก็ได้นั่งลงอย่างระมัดระวัง

 

ผู้ที่มาในตอนนี้มีอายุประมาณยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดพี่ ตัวสูงใหญ่กว่าเยี่ยจงหนึ่งศีรษะ แต่ว่าก็ยังประสานมือคารวะต่อเยี่ยจงอีกทั้งยังเรียกศิษย์พี่คำหนึ่ง สีหน้ามิได้มีความเปลี่ยนแปลงใดๆมากนัก

 

ทว่า เกี่ยวกับด้านอายุของศิษย์พี่เยี่ยจงผู้นี้แล้ว ภายในใจของเหว่ยเจินก็ได้ตกตะลึงอยู่เล็กน้อย แต่ว่าภายใต้ความเป็นสาขานอกสาขาในทั้งสองสาขาของลัทธิแห่งดวงดาว สภานะการที่ได้เป็นศิษย์สาขานอกยังถือได้ว่าด้อยกว่าสาขาในอยู่ขั้นหนึ่ง อีกทั้งในครั้งนี้ทางสาขาในยังส่งข่าวสารโดยเฉพาะเจาะจงมาให้ เพื่อให้เขาที่เป็นศิษย์สาขานอกอยู่ทางสาขาเมืองเยียจิงให้ความร่วมมือกับเยี่ยจง ต่อให้ไม่มีผู้ใดบอกกล่าว อีกทั้งเหว่ยเจินยังเป็นคนที่ฉลาด ก็ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยต่อเยี่ยจงเลย

 

 

“ เจ้าค้นหาข้าจนพบได้อย่างไร ? “ เยี่ยจงกวาดตามองไปยังเหว่ยเจิน ขมวดคิ้วไปมาแล้วถาม

 

“ เรียนศิษย์พี่เยี่ย นับตั้งแต่ศิษย์พี่ท่านได้เข้ามายังเมืองเยียจิง ในตอนที่หลังจากได้แสดงป้ายสะสมวิญญาณแล้ว ศิษย์น้องก็ทราบได้ว่าศิษย์พี่เยี่ยท่านได้มาถึงแล้ว ทั้งยังตามหาตลอดทาง ประจวบกับที่ได้มาถึงยังศาลาสี่คาบสมุทร “ เหว่ยเจินกล่าวตอบ

 

“ ความสามารถในการรวบรวมข่าวสารของเจ้านับได้ว่าไม่เลวเลยนะ “ เยี่ยจงเอ่ยปากกล่าวเสียงดัง

 

หลังจากที่เงียบงัน เหว่ยเจินก็ได้รู้สึกขนลุกขึ้นมา ตอบกลับเสียงแผ่วเบา “ ศิษย์พี่เยี่ย ต่อให้ท่านมิชมชอบที่จะให้ผู้คนทราบความเคลื่อนไหวก็ตาม แต่ว่าก็ยังเป็นความรับผิดชอบของศิษย์น้อง ก็ยังคงไม่มีวิธีแก้ไขอันใดได้ “

 

“ ข้ามิได้โทษว่าเจ้า กลับกันเจ้าถือว่าทำได้ดีมาก “ เยี่ยจงตอบกลับเสียงดัง “ ส่งคนไปติดตามเยี่ยถงซักหลายคน ข้าไม่ต้องการให้นางเกิดเรื่องใดขึ้น ในช่วงก่อนที่ข้าจะนำพานางจากไป เรื่องราวจำพวกเมื่อครู่นั้น ข้าไม่ต้องการที่จะให้เกิดขึ้นอีกครั้ง “

 

“ ขอรับ “ เหว่ยเจินพยักหน้าอย่างวุ่นวาย แต่ว่าภายในจิตใจกลับตื่นตระหนก จากความสามารถในการสืบข้อมูล แน่นอนว่าจะสามารถทราบได้อย่างกระจ่าง ว่าเมื่อครู่บริเวณบ้านแห่งหนึ่ง ได้มีการเสียชีวิตของเหล่าผู้คุ้มกันของตระกูลซูและตระกูลเยี่ย และจากนั้นพรรคเงาเพลิงก็ได้หายสาบสูญไป อีกทั้งจะมีการปรากฏตัวของเยี่ยจงในบริเวณนั้น อีกทั้งยังเป็นการบอกต่อเขาว่า เรื่องราวทั้งหมดนั้นเป็นเยี่ยจงกระทำเอง

 

และในตอนที่เยี่ยจงกล่าวเช่นนี้ ก็ได้ทำให้ภายในจิตใจองเขามั่นใจได้อย่างเต็มร้อย เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ต้องมีส่งนเกี่ยวข้องกับเยี่ยจงอย่างแน่นอน

 

“ อีกเรื่องหนึ่ง ไปเตรียมตัวสืบข้อมูลของตระกูลซูมาด้วย ยิ่งไปกว่านั้นให้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดของศิษย์ที่มีพรสวรรค์ของพวกเขาทั้งหมดมาด้วย กลุ่มนั้นที่ยังพอมีพลังฝีมือทั้งยังตายยากตายเย็นก่อนหน้านี้ในเมืองเยียจิง ก็จัดการมาให้ข้าอย่างชัดเจน …….. “ หลังจากที่ครุ่นคิดใคร่ครวญแล้ว เยี่ยจงก็ได้เอ่ยปากกล่าวต่อเสียงเบา

 

หลังจากที่ได้เงียบงัน เหว่ยเจินพยักหน้าหลายครา จากนั้นก็ได้กล่าวต่อไป “ ศิษย์พี่เยี่ยท่านคงจะไม่ทราบ ภายในเมืองเยียจิงนี้ ลัทธิแห่งดวงดาวของพวกเรามีวิธีการส่งสารด่วนโดยใช้ค่ายกลยันต์วิญญาณ ถึงแม้จะเป็นวัตถุที่ใช้ได้ครั้งเดียว แต่ว่าก็สามารถส่งสารให้แก่ทางสาขาในมาช่วยเหลือได้ “

 

เยี่ยจงพยักหน้าหลายครา ราวกลับไม่ได้ยิน จากนั้นก็ตอบกลับไปว่า “ ก่อนหน้าที่จะมีการถวายคำอวยพร ท่ามกลางเมืองเยียจิงจะมีเหตุการณ์ใหญ่โตใดๆหรือไม่ ? “

 

“ มีขอรับ มีการชุมนุมการค้าหวูจี้ที่จัดเพื่อการถวายให้แก่ราชวงศ์ อีกทั้งเป็นการเปิดการค้าโดยเฉพาะอีกด้วย ช่วงเวลาสมควรเป็นคืนวันนี้ หากว่าศิษย์พี่เยี่ยจงมีความสนใจแล้วละก็ ผู้น้อยมีป้ายคำสั่งอยู่ชุดหนึ่ง “ ในระหว่างที่กล่าว เหว่ยเจินก็ได้นำเอาบัตรเชิญสีทองออกมาแผ่นหนึ่ง วางไว้อยู่บริเวณด้านหน้าของเยี่ยจง

 

หลังจากที่เยี่ยจงได้กวาดสายตามองไปคราหนึ่ง กล่าวเสียงดังกังวาน “ สถานที่แห่งนี้ข้าไปอย่างแน่นอน แต่ว่าก็ไม่คิดที่จะไปในฐานะศิษย์ของลัทธิแห่งดวงดาว เรื่องนี้ข้าจะจัดการเอง ขอบใจเจ้ามากแล้ว หลังจากที่เตรียมพร้อมสืบข้อมูลของตระกูลซูแล้ว ก็ส่งมาให้ข้าชุดหนึ่ง ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะทราบวิธีการตามหาข้าได้อย่างไรนะ “

 

กล่าวถึงตรงนี้ เยี่ยจงก็ได้ค่อยๆลุกขึ้น จากนั้นก็นำเอาหินวิญญาณวางเอาไว้ เดินจากไปอย่างช้าๆ

 

เหว่ยเจินทำการคารวะให้แก่เยี่ยจงในลักษณะท่าทางโค้งกายคำนับ หลังจากที่ได้ยืดตัวขึ้นมา แล้วก็ยิ้มอย่างฝืนใจคำหนึ่ง บ่นพึมพำกับตนเอง “ กล่าวกันว่าศิษย์พี่ที่พึ่งเข้ามายังลัทธิแห่งดวงดาวของพวกเรายังได้เป็นถึงชั้นแนวหน้าของสาขาใน ก็คือเจ้าขยะแห่งห้าตระกูลใหญ่ก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่าคำเล่าลือนั้นจะเป็นจริง …….. อีกทั้งจากที่ดูลักษณะของเขาแล้ว คงจะเตรียมลงมือต่อตระกูลซูเป็นแน่ ……… เรื่องนี้หากไม่รายงานให้แล้วละก็ ……… “

 

เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ เหว่ยเจินก็ได้ลูบไปที่หน้าผากของตัวเอง ร่างกายก็ได้ถอยออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าเยี่ยจงที่แท้คิดจะทำอันใด สถานะของทั้งสองคนต่างกันเกินไป เขาจึงจำเป็นที่จะต้องจัดการเรื่องราวเหล่านี้ให้แก่เยี่ยจงจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงจะสามารถคิดเรื่องอื่นของได้

 

 

……

 

เยี่ยจงได้เดินเล่นเข้าไปสู่อีกด้านหนึ่งของเมืองส่วนในอย่างสบายอารมณ์ ตลอดเส้นทางมานี้ก็สามารถพบเห็นเงาร่างของผู้คนไม่น้อย เห็นได้ชัดว่าคนเราต่างก็ได้มุ่งหน้าไปยังทางด้านของการชุมนุมค้าขายหวูจี้

 

เห็นได้ชัดว่า ก่อนการครบรอบจัดตั้งราชวงศ์ของชุมนุมการค้า ได้ดึงดูดสายตาเข้าได้อยู่ไม่น้อย อย่างน้อย ขุมกำลังน้อยใหญ่ที่อยู่ภายในเมืองเยียจิงแห่งนี้ต่างก็ถูกดึงดูดเข้าหาการชุมนุมการค้าหวูจี้โดยทั้งสิ้น

 

มีผู้คนไม่น้อยต่างก็ทราบกันว่า การจัดงานชุมนุมการค้าหวูจี้ของเมืองเยียจิงนั้นถือเป็นความลับอย่างหนึ่งของขุมกำลังต่างๆ ขุมกำลังนี้น้อยครั้งที่จะจัดงานการชุมนุมการค้าขึ้น แต่ว่าในทุกครั้งที่มีการเปิดการชุมนุมการค้า ก็จะมีการปรากฏสิ่งของสูงเทียบฟ้า ตามคำเล่าลือมา ในการจัดการชุมนุมการค้าในครั้งนี้จะมีการปรากฏของคัมภีร์เสมือนเซียนออกมาด้วย ดังนั้น ท่ามกลางเมืองเยียจิงจึงหลั่งไหลเต็มไปด้วยผู้คน………

.

.

.

.

 

 

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset