เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 150 ช่วยชีวิต

ตอนที่ 150 ช่วยชีวิต

 

 

ณ ตระกูลเยี่ยแห่งห้าตระกูลใหญ่

 

ตระกูลเยี่ยถูกขนานนามว่าเป็นหนึ่งในห้าตระกูลใหญ่ ภายในตระกูลตั้งอยู่ภายในจุดศูนย์กลางของเมืองเยียจิง สถานที่ตั้งแห่งนี้ใหญ่โตโอฬาร ราวกับเมืองน้อยแห่งหนึ่งก็มิปาน บริเวณทั่วทั้งสี่ทิศของบ้านตระกูลเยี่ย ก็ได้มีเหล่าผู้คุ้มกันตระกูลเยี่ยคอยสอดส่องอยู่ตลอดเวลา ยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่เหล่าแมงเม้าก็ยังไม่สามารถที่จะบินเข้ามาได้แม้ซักตัว

 

ในตอนนี้ ณ บริเวณบ้านพักแห่งหนึ่งของบ้านตระกูลเยี่ย เยี่ยถงที่อยู่ภายในบ้านพักที่นั่งอย่างไม่เป็นสุข นับตั้งแต่พบกับเยี่ยจงก่อนก็ผ่านมาเจ็ดวันแล้วหลังจากที่ได้กลับมายังบ้านตระกูลเยี่ย นางก็ได้ถูกกักบริเวณเอาไว้ นอกจากนั้นบริเวณที่พักของนางนั้น ผู้คุ้มกันตามปกติก็ถูกสับเปลี่ยนเป็นอีกกลุ่มหนึ่ง และหน้าที่ของของคนกลุ่มนี้ ก็คือมิให้นางออกไปจากบ้านพักแห่งนี้ได้

 

“ คุณหนูเยี่ยถง ท่านจ้าวบ้านขอเรียนเชิญ “ ในช่วงเวลาที่เยี่ยถงราวกับกำลังอยู่ในบรรยากาศคลุ้มคลั่ง ในช่วงกะทันหัน ก็ได้มีผู้คุ้มกันตระกูลเยี่ยกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามายังทางด้านภายในบ้านพักของนาง คนที่เป็นผู้นำได้กล่าวออกมาเสียงเยียบเย็นต่อเยี่ยถง

 

สีหน้าของเยี่ยถงแปรเปลี่ยนไป หลังจากนั้นนางก็ได้ถอนลมหายใจออกคำหนึ่ง ไม่มีแม้แต่การขัดขืน เพียงแต่พยักหน้าไปมา ติดตามอยู่ข้างกายผู้คุ้มกันผู้นี้ มุ่งหน้าไปยังบริเวณส่วนในของบ้านตระกูลเยี่ย

 

เยี่ยถงทราบว่า เรื่องราวของตนเองคงถูกทราบแล้ว อีกทั้ง เรื่องเช่นนี้หากไม่ถูกสืบทราบแต่แรกช้าเร็วก็ต้องพบอยู่ดี ไม่แน่ว่าเรื่องที่ตนเองได้ไปพบเจรียงหยูนั้น ก็คงจะทราบไปถึงหูของพวกเขาตระกูลเยี่ยแล้ว คนเหล่านี้ความจริงก็ต้องการที่จะให้ตนเองตายอยู่แล้ว จากนั้นก็เก็บความลับเอาไว้โดยการฆ่าปิดปาก

 

“ พี่เยี่ยจง ท่านอย่าได้มาอย่างเด็ดขาด อย่าได้มาอย่างเด็ดขาด “

 

เมื่อเรียกได้ว่าเป็นคนของตระกูลเยี่ย เยี่ยถงก็เข้าใจดีอย่างที่สุด สิ่งตกทอดมาของตระกูลเยี่ยก็นับได้ว่าเป็นที่น่าตกใจ สามารถที่จะเป็นหนึ่งในห้าตระกูลใหญ่ พลังฝีมือของตระกูลเยี่ยคงจะมิได้ง่ายดายอย่างที่ผู้คนคาดคิดเอาไว้ เยี่ยถงในตอนนี้ไม่แม้แต่จะห่วงความปลอดภัยของตนเองเลย อีกทั้งนางยังเป็นห่วงว่าเยี่ยจงจะตกอยู่ในอันตรายแทน ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วละก็ คงเป็นสิ่งที่นางไม่ต้องการแม้แต่จะเห็นแม้แต่น้อย

 

……

 

เยี่ยจงขยับร่างกายลุกขึ้น ภายในดวงตาปรากฏความเคร่งเครียดขึ้นมาสายหนึ่ง เขาในตอนนี้ถึงแม้จะมิได้สูญเสียความเยือกเย็น เพียงแต่ตอบถามกลับไปอย่างเงียบงัน “ เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อใดกัน ? “

 

ศิษย์พี่เยี่ย ตามคำสั่งของท่าน หลายวันมานี้พี่น้องของพวกเราที่อยู่ในเมืองเยียจิงต่างก็เฝ้าระวังดูคุณหนูเยี่ย เพียงแต่หลายวันมานี้ คุณหนูเยี่ยได้แต่อยู่ในบ้านพักของตนเอง ดังนั้นพวกเราจึงมิได้รายงานให้ทราบ แต่ว่าเมื่อไม่นานมานี้ นางได้ถูกตระกูลเยี่ยเชิญไปยังส่วนในของบ้านตระกูลเยี่ย อีกทั้งส่วนในของตระกูลเยี่ย ชนชั้นผู้น้อยส่วนมากจะไม่มีแม้แต่คุณสมบัติที่จะเข้าไปได้เลย ดังนั้น มีความเป็นไปได้ว่าคุณหนูเยี่ยจะเกิดเรื่องขึ้นแล้ว

 

ได้เกิดเรื่องขึ้นจริงแล้วงั้นหรือ ?

 

จิตใจของเยี่ยจงแทบจะหล่นลง เขากลับละเลยเรื่องนี้ไปได้ ถึงแม้เขาจะไม่ค่อยมีความเข้าใจถึงกฎระเบียบของตระกูลเยี่ยจำพวกนี้ แต่ว่าเขาก็เขาใจ หากว่าเยี่ยถงขโมยทักษะยุทธ์ของตระกูลไปถูกรู้สึกเข้าแล้วละก็ เช่นนั้นต่อไปนางก็อยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่แล้วอย่างแน่นอน

 

ตนเองจำเป็นต้องไปแล้ว

 

หลังจากที่เยี่ยจงพยักหน้าให้แก่ศิษย์สาขานอกแล้ว ก็ได้ก้าวยาวๆเดินทางออกไป

 

“ ตูม “

 

ประกายสายอัสนีบาตรทอเป็นประกายออกมาไปทั่วทั้งบริเวณ ร่างกายได้พุ่งออกไปทอเป็นประกายราวกับสายฟ้า จากนั้นก็ได้มุ่งหน้าไปยังบ้านตระกูลเยี่ยอย่างรวดเร็ว

 

ภายในจิตใจของเยี่ยจงในตอนนี้ร้อนลุ่มขึ้น ตัดสินใจที่จะใช้ทักษะยุทธ์ประกายอัสนีบาตรที่พึ่งฝึกปรือเมื่อครู่ทันที ระดับความเร็วพุ่งสูงขึ้นอย่างถึงที่สุด

 

เพียงแต่วาช่วงเวลาเพียงสั้นๆแค่หนึ่งถ้วยน้ำชาเดือด ร่างกายของเยี่ยจงก็ได้มายังถนนสายยาวที่อยู่ทางด้านนอกบ้านตระกูลเยี่ย เขาไม่มีแม้แต่ความลังเลเพียงเล็กน้อย พุ่งทะยานเข้าไปในทันที

 

“ ตูม ตูม ตูม “

 

ความเร็วของเยี่ยจงในตอนนี้พุ่งสูงขึ้นจนถึงขีดสุด ตลอดรายทางมานี้ ก็ได้พบกับผู้คุ้มกันตระกูลเยี่ยเกือบร้อยคน แต่ว่าก็มีผู้คนไม่น้อยที่เพียงแค่เห็นแต่เงาร่างของเยี่ยจง ทันใดนั้นต่อมา เยี่ยจงก็ได้พุ่งผ่านร่างกายของพวกเขาเข้าไป มุ่งหน้าไปยังส่วนในของตระกูลเยี่ยเข้าไป

 

บริเวณประตูทางเข้าของส่วนในของบ้าน ก็ได้เห็นผู้คุ้มกันที่เป็นยอดฝีมือพลังขั้นก่อเกิดระดับที่หกสองคน เยี่ยจงคร้านที่จะสนใจพวกเขา ได้พุ่งร่างเข้าไปผ่านร่างทั้งสอง ในตอนที่พวกเขายังไม่ทันจะตอบสนองกลับมาได้ทัน ก็ได้เข้าไปด้านส่วนในของบ้านแล้ว

 

“ เปรี้ยง “

 

ร่างกายของเยี่ยจงได้มาถึงประตูทางเข้าขนาดใหญ่ของตระกูลเยี่ย บริเวณที่แห่งนี้มีอยู่หลายส่วนที่อยู่ในความทรงจำ เมื่อก่อนที่เขาจะถูกขับไล่ออกจากตระกูล ในช่วงเวลาที่ถูกกีดกัดสถานะสายตรงของตระกูล เรื่องก็ได้เกิดขึ้นในสถานที่แห่งนี้

 

แต่ว่า ในตอนนี้เยี่ยจงกลับไม่มีกระจิตกระใจมาสนใจเกี่ยวเรื่องพวกนี้แล้ว เขาใช้ความเร็วสูงสุดมุ่งหน้ารอดผ่านประตูใหญ่พุ่งทะลวงไปจนถึงบริเวณทางด้านใน จากนั้นก็พลิกมือคราหนึ่ง ก็ได้ตัดไปที่เชือกที่กำลังแขวนเงาร่างหนึ่งเอาไว้

 

ร่างกายในตอนนี้ของเยี่ยถงได้ชุ่มไปด้วยโลหิต เสื้อผ้าได้ขาดรุ่งริ่งราวกับยาจกก็มิปาน ไม่จำเป็นที่จะต้องถาม ก็ทราบได้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง อีกทั้งในตอนนี้ก็คงจะได้รับบทลงกฎโทษจามกฎของตระกูลแล้ว เยี่ยจงก็กดไปที่จุดเส้นลมปราณของนาง หลังจากนั้นชั่วครู่ก็ได้พลิกมือคราหนึ่ง นำเอาโอสถชำระพลังชิ้นหนึ่งออกมายัดเข้าไปภายในปากของเยี่ยถง จึงค่อยได้วางใจลงหลายส่วน

 

เยี่ยถงในตอนนี้ได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก อีกทั้งพลังฝึกปรือยังไม่ถือว่าสูงมาก แต่ว่าเมื่อมีโอสถชำระพลังของเยี่ยจงนี้แล้ว ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นห่วงการฟื้นฟูพลังกลับมาของนาง อีกทั้งยังช่วยชำระส่วนที่เสียหายได้อีกด้วย

 

เมื่อในขณะนี้เอง เยี่ยจงก็ได้ถอนหายใจออกมาคำหนึ่ง เขาทราบว่าหากว่าตนเองมาช้ากว่านี้เพียงนิดเดียวแล้วละก็ ไม่แน่ว่าเยี่ยถงคงจะต้องถูกเจ้าพวกตระกูลเยี่ยเฆี่ยนตีจนตายไปแล้ว

 

ในระหว่างที่นำโอสถชำระเข้าไปในปากแล้ว เยี่ยถงก็ได้ฟื้นคืนสติกลับมาอย่างรวดเร็ว นางพบว่าตนเองได้อยู่ในอ้อมกอดของเยี่ยจง จึงได้ตื่นตกใจขึ้นมา จากนั้นก็ส่งเสียงกล่าวออกมา “ พี่เยี่ยจง ท่านมาที่นี้ได้อย่างไรกัน ? ที่แท้ ? พวกเขายังกล้าจับกุมท่าน ? “

 

เยี่ยจงยื่นมือออกไปลูบคลำไปที่ศีรษะของเยี่ยถง กล่าวเสียงแผ่วเบา “ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง พวกเขาทำอันใดข้าไม่ได้หรอก เยี่ยถง ครั้งนี้เพราะข้ามาช้าไป ในหลายวันมานี้ข้าก็ไม่สมควรที่จะเก็บตัวฝึกปรือ แต่ว่าเจ้าวางใจได้แล้ว ตระกูลเยี่ยนี้พวกเราไปต้องอยู่อีกต่อไปแล้ว ข้าจะนำเจ้าออกไปเอง “

 

“ เจ้าเป็นผู้ใดกัน ถึงกลับหาญกล้าเช่นนี้ ถึงกับหาญกล้าที่จะเข้ามายังส่วนในของตระกูลเยี่ยเรา อีกทั้งยังช่วยกบฏผู้นี้อีก เจ้า —— “

 

ในช่วงเวลานี้ ทั้งสองคนที่ความจริงเป็นผู้คุ้มกันประตูใหญ่ส่วนในของตระกูลเยี่ยก็ได้มีปฏิกิริยากลับคืนมา จากนั้นก็มีคนหนึ่งที่เกิดความตื่นตกใจขึ้นมา ค่อยพุ่งตัวเข้ามาในทันที ส่งเสียงดังเฮ้อออกมาคำหนึ่ง จากที่เขามองเห็น กลับเป็นคนที่ไม่คุ้นหน้าในเมืองเยียจิงนี้ ถึงกลับมีความกล้ามาหาเรื่องตระกูลเยี่ย

 

“ เชอะ “

 

เยี่ยจงหัวเราะเสียงเย็นชาคำหนึ่ง มองไปยังทั้งสองคนที่มีพลังในขั้นก่อเกิดระดับที่หกที่คิดว่าตนเองมีพลังฝีมือสูงเยี่ยมคราหนึ่ง จากนั้นก็พลิกมือขวาคราหนึ่ง ใช้ออกด้วยยันต์วิญญาณราวกับประกายแสงสาดส่องออกไป ยอดฝีมือทั้งสองคนนี้ที่มีพลังขั้นก่อเกิดระดับที่หกยังไม่ทันจะมีปฏิกิริยากลับมา ก็ได้ถูกยันต์วิญญาณที่มีมากมายคล้ายกับดวงดาวก็มิปานสังหารไปในทันที ควรทราบว่า ในยามที่ผู้ฝึกยันต์ระดับที่หนึ่งใช้ยันต์วิญญาณออกมา ก็เปรียบได้เหมือนดั่งพลังของยอดฝีมือขอบเขตขั้นก่อฟ้า อีกทั้งถ้าหากเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ในการฝึกฝน พลังที่ถูกใช้ออกก็มีแบ่งเป็นสูงต่ำ ในขณะที่ยังไม่ทันที่จะตรวจสอบได้อย่างชัดเจน เมื่อเผชิญหน้ากับพลังฝีมือของเยี่ยจงนี้ ยอดฝีมือทั้งสองคนที่มีพลังในขั้นก่อเกิดระดับที่หก ก็ตายโดยที่ยังไม่ทันจะทันตั้งตัวเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งในตอนนี้เยี่ยจงยังลงมือออกไปด้วยความโกรธ แน่นอนว่าจะไม่มีแม้แต่ความคิดที่จะยั้งมือไว้ไมตรีแม้แต่น้อย

 

“ พี่ ท่าน —— ”

 

เยี่ยถงเหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้า จากนั้นก็ราวกับสิ้นสติลงอีกครั้ง ถึงแม้นางจะทราบว่าพี่ใหญ่ของตนเองนั้นแตกต่างจากเมื่อสมัยก่อนโดยสิ้นเชิง แต่ว่าก็คิดไม่ถึงว่าจะมีความก้าวหน้าจนราวกับเอื้อมถึงชั้นฟ้าได้ ผู้คุ้มกันทั้งสองคนนี้นางเองก็รู้จัก อีกทั้งยังเป็นผู้คุ้มกันที่มีหน้าที่คุ้มกันประตูใหญ่นี้ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าพี่ใหญ่จะพลิกมือคราเดียวก็สามารถฆ่าสังหารทั้งสองคนลงได้

 

นั้นคือยอดฝีมือที่มีพลังอยู่ในขั้นก่อเกิดระดับที่หก มิใช่ผักปลาอยู่ตามตลาดเลย ต่อให้เป็นภายในตระกูลใหญ่ทั้งห้า ก็นับได้ว่าเป็นผู้ที่มีพลังการต่อสู้ที่สูงเยี่ยม

 

เยี่ยจงได้เตรียมตัวที่จะตอบคำถาม แต่ว่าทันใดนั้นเองเขาก็ต้องขมวดคิ้วไปมา บริเวณประตูใหญ่ในตอนนี้ได้เริ่มที่จะถูกเปิดขึ้นมาให้สัมผัสได้ถึงเสียงของสายลมที่พัดผ่านเข้ามาเป็นสายได้ เห็นได้ชัดว่า ยอดฝีมือเมื่อครู่ที่เข้ามายังตระกูลเยี่ยนี้ ถึงแม้จะมิได้ถูกเหล่าผู้คุ้มกันจำนวนมากหยุดยั้งไว้ แต่ว่า เรื่องราวในตอนนี้สมควรที่ได้ถูกเรียนขึ้นไปยังเบื้องบนของตระกูลเยี่ยแล้ว

 

ทว่าในขณะนี้เอง เยี่ยจงก็มิได้รู้สึกถึงสิ่งใดๆ เขากลับนำชุดฝึกยุทธ์ชุดหนึ่งของตนเองออกมา หลังจากนั้นก็คลุมไว้บนร่างของเยี่ยถงแล้ว จึงได้ค่อยหัวเราะออกมาแล้วกล่าว “ เยี่ยถง เจ้าในตอนนี้ยังเดินได้อยู่ไหม ? “

 

หลังจากที่เยี่ยถงลังเลครู่หนึ่ง จึงค่อยได้ลุกขึ้นยืน จากนั้นนางก็พบว่าทั่วทั้งร่างกายของนางได้มีอาการคันขึ้นมาทั้งบนล่าง มีบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง อีกทั้งบาดแผลบนร่างกายของนางก็มิได้มีความเจ็บปวดอีกด้วย

 

“ ข้าพึ่งให้เจ้ากินโอสถชำระเข้าไปหนึ่งเม็ด หลังจากที่กลับไปแล้วข้าจะให้ม้วนคัมภีร์ลมปราณกับเจ้าชุดหนึ่ง เจ้าก็จงฝึกฝนตาม สมควรที่จะมีความก้าวหน้าขึ้นมาไม่น้อย “ เยี่ยจงเมื่อพบว่าเยี่ยถงสามารถยืนขึ้นมาได้เองแล้ว ต่อมาก็ได้ยิ้มขึ้นมา “ ตอนนี้ ข้าจะพาเจ้าออกไปก่อน “

 

กล่าวจบ เยี่ยจงก็ดึงมือของเยี่ยถงมุ่งหน้าไปบริเวณทางด้านทางออก

 

“ บรึม “

 

ประตูใหญ่ของตระกูลเยี่ยได้ถูกเท้าข้างหนึ่งของเยี่ยจงเตะจนลอยออกไป อีกทั้งยังในตอนที่เตะไปแล้วก็ได้มีรอยร้าวอยู่สี่ห้าแห่ง จากนั้นเยี่ยจงก็ได้ดึงเยี่ยถงเดินออกไปอย่างช้าๆ

 

บริเวณพื้นดินอันวางเปล่าของประตูใหญ่ในตอนนี้ อย่างน้อยก็ได้ถูกรวมตัวไว้ด้วยคนของตระกูลเยี่ยราวสองร้อยคนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลเยี่ย ผู้ดูแลต่างๆ รวมไปจนถึงเหล่าศิษย์ธรรมดาของตระกูลเยี่ย ในตอนนี้แต่ละคนได้จ้องมองมาเป็นสายตาเดียวกัน

 

มีคนที่ได้บุกรุกเข้ามายังตระกูลเยี่ยของพวกเขา อีกทั้งคนผู้นั้นยังแม้แต่จะไม่มองผู้คนมากมายที่อยู่ในที่แห่งนี้อีกด้วย อีกทั้งยังเตะประตูใหญ่ลอยออกไปเพียงครั้งเดียว

 

และเหล่าเบื้องบนของตระกูลเยี่ยเหล่านั้นแต่ละก็ได้โมโหจนร่างกายสั่นเทาขึ้นมา ในช่วงเวลาอันใกล้นี้พวกเขาก็พึ่งทราบว่า ตระกูลเยี่ยได้ปรากฏกบฏอยู่คนหนึ่ง ถึงกับขโมยทักษะยุทธ์ของตระกูลเยี่ยไป พวกเขาพึ่งจะลงโทษกบฏผู้นั้นไปหยกๆ กำลังอยู่ในการประชุม วิเคราะห์ว่าต้องการจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร แต่ก็คิดไม่ถึงว่าในช่วงเวลาคับขันนี้ ถึงกับเกิดเรื่องขึ้นมา ?

 

“ บัดซบ เป็นเจ้าบัดซบลูหลานเต่าผู้ใดถึงกลับหาญกล้ามาทำลายประตูใหญ่ของตระกูลเยี่ยเรา “

 

เสียงที่ดังขึ้นมาอย่างโกรธาราวกับอัสนีบาตรสายหนึ่ง ก็พบเห็นร่างของประมุขบ้านตระกูลเยี่ยเยี่ยเจิ้งหยางร่างทรุดลงกับพื้นดิน ใบหน้าของเขาก็ได้จ้อมองไปยังเยี่ยจงอย่างอาฆาต และเมื่อมองเห็นเยี่ยจงกำลังจูงมือเยี่ยถงในตอนนี้แล้ว ก็ยิ่งเพิ่มพูนความโกรธขึ้นมาจนแทบจะเสียสติ

 

“ ดี เยี่ยถงเจ้าทำได้ดีมาก เจ้าไม่เพียงแต่ขโมยคัมภีร์ทักษะยุทธ์ของตระกูลเยี่ยเรา อีกทั้งยังนำพาตัวร้ายอีกผู้หนึ่งมาทำลายประตูใหญ่ตระกูลเยี่ยเรา ดี เจ้าทำได้ดีมาก ฆ่าพวกมันทั้งคู่ให้แก่ข้า “

 

เยี่ยเจิ้งหยางความจริงแล้วได้เคยพบเจอกับเยี่ยจงเมื่อหลายปีก่อน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะจดจำใบหน้าของเขาในตอนนี้ออก อีกทั้งยังมีเหล่ายอดฝีมือตระกูลเยี่ยที่อยู่ภายในสถานที่แห่งนี้ก็ไม่มีผู้ใดที่จดจำเยี่ยจงออก

 

เมื่อได้ยินคำสั่งของเยี่ยเจิ้งหยาง วินาทีนั้นก็พบเห็นเหล่าผู้คุ้มกันของตระกูลเยี่ยกลุ่มหนึ่งที่มีราวห้าสิบคนกำลังเดินเข้ามาในเวลาเดียวกัน พวกเขาชักกระบี่ยาวออกมา บนร่างอบอวนไปด้วยรังสีสังหาร

 

ใบหน้าของเยี่ยจงได้ปรากฏความเป็นห่วง ต่อให้พี่ใหญ่ของตนเองจะร้ายกาจกว่านี้ แต่ว่าผู้คุ้มกันเหล่านี้ต่างก็สมควรที่จะมีพลังอยู่ในขั้นก่อเกิดระดับที่สี่แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะต่อกรได้

 

เยี่ยจงหัวเราะอย่างเย็นชาคราหนึ่ง ก่อนหน้านี้ที่ได้เผชิญหน้ากับเหล่ากองทัพปีศาจโลหิตแห่งรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาเขาก็ยังถอยออกไปโดยที่ไม่เป็นอะไรได้ ตอนนี้ที่มีเพียงแค่เหล่าผู้คุ้มกันตระกูลเยี่ยไม่กี่สิบคนเท่านั้น ยังไงเสียเขาก็แทบจะไม่เห็นอยู่ในสายตา

 

อีกทั้งยังมีเรื่องที่เกี่ยวกับเยี่ยถง ภายในจิตใจของเยี่ยจงในตอนนี้ก็ปรากฏเพลิงความแค้นขึ้น ต่อมาเขาก็ได้ก้าวออกไปทางด้านหน้า นำกระบี่คงหมิงออกมาอย่างเกียจคร้าน พลังปราณภายในร่างก็ไหลเวียนขึ้นมาในทันที

 

ผู้คุ้มกันนับสิบคนเมื่อได้มองไปยังดวงตาคู่นี้ ต่างก็ต้องสั่นเทาขึ้นมาในเวลาเดียวกัน

.

.

.

.

 

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset