ตอนที่ 154 สถานการณ์ที่เลวร้าย
“ ไสหัวไป “
พลังปราณเตาทองคำได้แปรเปลี่ยนขึ้นมา เยี่ยจงได้ใช้มือจับไปที่เตาทองคำแล้วโยนออกไป วินาทีนั้นก็พบกับเหล่าหน่วยเดนตายของตระกูลเยี่ยลอยออกไปนับไม่ถ้วนด้วยความตื่นตะลึง โลหิตเลือดเนื้อแต่ละชิ้นลอยกระจายไปมา
ชั่วเวลาสั่นๆยังไม่ทันจะหมดหนึ่งก้านธูป เงาร่างจำนวนมากด้านหน้าก็ได้ว่างเปล่า หน่วยเดนตายของตระกูลเยี่ยนับร้อย ได้พ่ายแพ้ตายลงจำนวนมาก หลังจากการต่อสู้นี้ เกรงว่าตระกูลเยี่ยคงมิอาจที่จะฟื้นคืนกลับมาได้อีกนับสิบปี
และเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลเยี่ยที่ความจริงสูงส่ง ต้นเรื่องอย่างพวกรุ่นที่สาม ร่างกายของพวกเขาในตอนนี้ต่างก็ได้สั่นเทาขึ้นมา เกรงกลัวขึ้นมาอย่างถึงที่สุด ถึงแม้ว่าพวกเขาจะคิดที่จะถอยหนี แต่ภายในฉากเบื้องหน้านี้ แม้แต่เรี่ยวแรงในการถอยหนีก็ยังไม่มีเลย
“ เยี่ยจง เจ้าสังหารพอแล้วหรือยัง ? หน่วยเดนตายของตระกูลเยี่ยห้าร้อยชีวิต ขุมพลังที่ยิ่งใหญ่ของตระกูลเยี่ยได้ถูกทำลายลงด้วยน้ำมือเจ้า ยังไม่พอที่จะคลายโทสะของเจ้าอีกหรือ ? “
ในช่วงเวลาที่เบื้องบนตระกูลเยี่ยเหล่านี้อยู่ความความกลัว ทันใดนั้นเอง พลังความกดดันอันน่ากลัวอยู่ถึงที่สุดสายหนึ่งได้กระจายออกมาจากบ้านตระกูลเยี่ย จากนั้นก็พบได้เห็นเห็นเงาร่างสายหนึ่งที่บนร่างกายสวมไว้ด้วยชุดขาวปรากฏออกมาด้านหน้าคนกลุ่มนี้ ใบหน้าของเขาดูชรา แต่ก็สีผมกลับเป็นสีทอง น่าประหลาดอย่างถึงที่สุด และบนร่างของเขาก็ได้แผ่พุ่งพลังกระจายออกมา ถึงกับสามารถทำให้เยี่ยจงหยุดเดิน ขมวดคิ้วขึ้นมาเบาๆ
“ ท่านบรรพบุรุษ ท่านบรรพบุรุษในที่สุดก็ออกมาแล้วงั้นหรือ ? “
“ ท่านบรรพบุรุษ รีบสังหารเจ้ากบฏผู้นี้ซะ ตระกูลเยี่ยของพวกเราได้เสียหายจนเกินไปแล้ว “
“ ท่านบรรพบุรุษ ขอท่านบรรพบุรุษโปรดลงมือด้วย “
เมื่อพบเห็นคนที่ปรากฏตัวออกมา ผู้อาวุโสทางด้านหลังเหล่านี้ยังดีหน่อย แต่ว่าเหล่ารุ่นที่สามที่เป็นต้นเหตุของเรื่องราวกับค้นพบที่พึ่งทางใจก็มิปาน กล่าวออกมาอย่างรวดเร็ว เสียงที่เปร่งออกมาเจ็บปวดไร้ที่เปรียบ ราวกับเด็กน้อยหลังจากที่ถูกรังแกแล้วได้พบกับบิดามารดา
เห็นได้ชัดมากว่า บุคคลทีปรากฏตัวในตอนนี้ อีกทั้งยังเป็นบรรพบุรุษรุ่นที่หนึ่งของตระกูลเยี่ย ไม่สนใจโบกภายนอกมาตั้งแต่แรกแล้ว ในครั้งนี้หากมิใช่ตระกูลเยี่ยถูกกดขี่จนเกินไป จนเกือบจะถึงคราวล่มสลายแล้วละก็ เกรงว่าเขาก็คงจะไม่ปรากฏตัวออกมา
“ พอได้แล้ว เจ้าพวกขยะไร้ประโยชน์ “
ท่านบรรพบุรุษตระกูลเยี่ยร้องเสียงดังเฮอะคำหนึ่ง ผู้คนทางด้านหลังก็ได้เงียบเสียงลงทันที แต่ละคนต่างก็มองไปยังฉากเบื้องหน้า
“ เจ้าก็คือเยี่ยจงเมื่อในตอนนั้นสินะ ? “ท่านบรรพบุรุษตระกูลเยี่ยจ้องมองไปยังร่างของเยี่ยจง ภายในดวงตาปรากฏแสงสว่างขึ้นอ่อนๆ “ เพียงแค่การเล่าเรียนมาไม่กี่ปี ก็สามารถมีพลังฝีมือจนถึงขั้นก่อเกิดระดับที่เจ็ดได้ อีกทั้งยังเป็นผู้ใช้ยันต์ระดับที่หนึ่งในเวลาเดียวกัน เจ้าไม่เลวเลย …….. แต่ว่า พรสวรรค์ของเจ้าพลังฝีมือของเจ้าสมควรจะใช้เพื่อต้นตระกูล แต่มิใช่การมาทำลายตระกูลเช่นนี้ “
เยี่ยจงหัวเราะอย่างเย็นชา เหมือนกับมิได้ยินคำพูด ในสายตาของเขา ท่านบรรพบุรุษตระกูลเยี่ยผู้นี้และกลุ่มคนของตระกูลเยี่ยก็ไร้เหตุผลเช่นเดียวกัน ไม่คิดจะใส่ใจตั้งแต่แรกแล้ว
“ พวกเราขอสาบานว่าจะไม่นำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อก่อนมาเอ่ยอีก และก็ไม่ทราบว่าเพราะเหตุผลกลใดเจ้าถึงมีความสำเร็จจนถึงขั้นนี้ ข้าขอถามเจ้า วันนี้ก่อกวนมาตั้งนาน พอแล้วหรือยัง ? “ ท่านบรรพบุรุษตระกูลเยี่ยจ้องมงไปที่เยี่ยจง พลังที่แผ่ออกมาบนร่างน่ากลัวอย่างที่สุด “ เยี่ยถงไม่ว่าจะมีความผิดหรือไม่ ในตอนนี้เจ้าก็ได้สังหารผู้คนไปมากมายแล้ว ทั้งยังพิการไปอีกไม่น้อย หรือยังไม่พอใจกันอีก ? “
“ หากว่าเจ้ากลับมาได้เร็วกว่านี้ซักหลายวัน เรื่องราวเช่นนี้ภายในตระกูลเยี่ยจะเกิดขึ้นงั้นหรือ ? ดังนั้น หากจะโทษก็ได้แต่โทษตัวเจ้าเองที่ไม่รู้อะไร มีพลังฝีมือที่สามารถยืนอยู่ในจุดสูงสุดของตระกูลเยี่ย กลับไม่กลับตระกูลเยี่ย น้องสาวเจ้ายังถูกผู้คนรังแก ก็มีแต่โทษได้แค่เจ้า “ ท่านบรรพบุรุษตระกูลเยี่ยเอ่ยปากกล่าวเสียงราบเรียบ “ แต่ว่าถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ขอเพียงยอมรับความผิดที่ทำในวันนี้ เจ้าและตระกูลเยี่ยเราก็ถือได้ว่ายังจับมือคุยกันได้ หากยังต้องการชดเชยอันใด เจ้ารีบเอ่ยปากมา แต่ว่าเรื่องล้างตระกูลเราเช่นนี้ ก็อย่าได้ทำอีกเลย “
“ เหอะ เหอะ เหอะ “
เยี่ยจงเงียบงัน อดที่จะหัวเราะมิได้ เกี่ยวกับกลุ่มเฒ่าตายยากของตระกูลเยี่ย เขาคร้านที่จะมีอารมณ์ในการอธิบายอีกแล้ว ภายใต้สายตาของคนเหล่านี้ มีแต่ผลประโยชน์ที่แน่นอน ไม่แม้แต่จะแยกแยะถูกผิด ในตอนนี้มาจนถึงขั้นนี้แล้ว สิ่งที่พวกเขาเอาแต่มองก็คือผลประโยชน์เพียงอย่างเดียว
และเมื่อถึงตอนนี้แล้ว ท่านบรรพบุรุษตระกูลเยี่ยผู้นี้ยังคิดที่จะต้องการให้ตนเองจับมือพูดคุยกับคนของตระกูลเยี่ยอีกงั้นหรือ ?
“ ให้มันน้อยๆหน่อย “ เยี่ยจงยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น เขาหันศีรษะกลับไปมองเยี่ยถงคราหนึ่ง กล่าวเสียงเย็นเยียบ “ วันนี้ถ้ามิใช่เรื่องคืนความเป็นธรรมแก่เยี่ยถงแล้ว ข้าก็ไม่คิดที่จะทำอื่นใดอีก เจ้าหากว่าต้องการที่จะจับมือพูดคุยกับข้าจริงแล้วละก็ ขอเพียงแค่ลงมือด้วยตนเอง จัดการตัดแขนเจ้าพวกไร้ขยะที่ด้านหลังของเจ้ากลุ่มนี้ก็พอแล้ว ยังไงซะก็เป็นพวกขยะกลุ่มหนึ่ง มีแขนเพิ่มมีแขนน้อยลงมีอันใดแตกต่าง ? “
เบื้องสูงของตระกูลเยี่ยกลุ่มนี้ที่อยู่ทางด้านหลังต่างก็เปลี่ยนสีหน้าในทันที พวกเขาที่เป็นคนของตระกูลเยี่ยที่โด่งดังในเมืองเยียจิง ต่อให้อยู่ภายในรัฐต้าโจวหวังเฉาก็ยังสามารถเดินเชิดหน้าได้ แต่ว่าในวันนี้ถึงกับถูกผู้เยาว์เพียงคนเดียวชี้หน้าด่าทอว่าเป็นเจ้าขยะ จะไม่โกรธได้อย่าไรกัน ?
แต่ว่าพวกเขาต่างก็เข้าใจกันดี ว่าตนเองนั้นมิใช่คู่ต่อสู้ของผู้เยาว์ผู้นี้อย่างแน่นอน ความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงได้ปรากฏขึ้นมาในจิตใจ ทำให้เหล่ายอดฝีมือตระกูลเยี่ยมีความต้องการที่จะซุกหัวลงในพื้นดินก็มิปาน
“ เยี่ยจง ถึงแม้พวกเขาจะเป็นเจ้าขยะกลุ่มหนึ่งมิผิด แต่ว่าหากไร้เจ้าขยะกลุ่มนี้แล้ว ตระกูลเยี่ยที่เป็นประกายมานับพันปีก็จะต้องสาบสูญไป เจ้าอย่าได้ลืมไปว่า ยังไงเสียเจ้าก็ยังแซ่เยี่ย ใช้วิธีอื่นคืนความเป็นธรรมให้เจ้าแทนได้หรือไม่ ? “ สีหน้าของท่านบรรพบุรุษตระกูลเยี่ยยังคงสงบนิ่งเอ่ยปากกล่าวออกมา
“ ตระกูลเยี่ยจะฉายแสงพันปีหรือว่าจะเหม็นเน่าหมื่นปี มีอันใดเกี่ยวข้องกับข้ากัน ? ข้าเพียงเป็นห่วงว่า จะทำเช่นไรที่จะช่วยคืนความเป็นธรรมนี้แก่เยี่ยถง “ เยี่ยจงหัวเราะอย่างเย็นชา เมื่อคิดได้ว่าเยี่ยถงเกือบจะตายภายในน้ำมือเจ้าพวกขยะกลุ่มนี้ ภายในใจของเขาก็ได้มีรังสีฆ่าฟันขึ้นมาอย่างช้าๆ ยิ่งกว่านั้นยังต้องเผชิญหน้ากับท่านบรรพบุรุษตระกูลเยี่ย ก็มิได้เกิดความเกรงกลัวแม้เพียงเล็กน้อย
“ เป็นไปไม่ได้ “ ท่านบรรพบุรุษตระกูลเยี่ยตัดสินใจที่จะส่ายศีรษะ “ เจ้าไม่เพียงแต่ไม่อาจที่จะลงมือต่อพวกเขา และเพื่อความก้าวหน้าของตระกูลเรา เจ้าก็จำเป็นที่จะต้องกลับคืนสู่ตระกูล ทว่าเจ้าวางใจได้ ขอเพียงแค่เจ้ากลับมา ต่อให้ตอนนี้ให้เจ้าเป็นผู้นำตระกูล ก็มิใช่เป็นไปมิได้ “
“ เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน ? เจ้าสามารถที่จะมาตัดสินทั้งชีวิตของข้าได้งั้นหรือ ? “ เยี่ยจงหัวเราะอย่างเย็นชา พลังบนร่างกายเริ่มที่จะค่อยๆไหลเวียนขึ้นมา เขากุมกระบี่คงหมิงเดินเข้าขึ้นไปด้านหน้าทีละก้าวที่มีท่านบรรพบุรุษตระกูลเยี่ยที่มีแรงกดดันดั่งเช่นขุนเขานี้ “ ในเมื่อเจ้าไม่ลงมือ เช่นนั้นข้าก็จะทวงความเป็นธรรมคืนมาเอง “
“ ซวบ “
ทันใดนั้นต่อมา เยี่ยจงก็ได้เริ่มลงมือก่อน กระบี่ตราประทับชั้นที่แปดได้ทับซ้อนขึ้น ประกายกระบี่ทอขึ้นมาในทันที
“ เด็กน้อยที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ แต่ว่าจับกุมเจ้ากลับไปยังตระกูลกักขังไว้ในห้องใต้ดินสามปี เจ้าสมควรที่จะสำนึกผิดได้นะ “ ท่านบรรพบุรุษตระกูลเยี่ยจ้องมองไปที่ประกายกระบี่อย่างเยือกเย็น ภายในดวงตาปรากฏความนับถือสายหนึ่ง จากนั้นก็พบหัวไหล่ทั้งสองของเขาขยับคราหนึ่ง พลังของคนผู้นี้ก็ได้เพิ่มสูงขึ้นหลายเท่าทันที
พลังขอบเขตขั้นก่อฟ้าระดับปราณจักรวาล
ท่านบรรพบุรุษตระกูลเยี่ยผู้นี้แท้จริงแล้วเป็นถึงยอดฝีมือพลังขั้นก่อฟ้าระดับปราณจักรวาล พลังฝีมือเช่นนี้ ภายในรัฐต้าโจวหวังเฉานี้ ถือว่าได้ว่าเป็นชนชั้นสูงเทียบฟ้าแล้ว
“ ตูม “
ประกายกระบี่ในตอนนี้ได้เสือกแทงออกโดยไม่หวนกลับ ทั้งยังสวมทับพลังกระบี่ตราประทับชั้นที่แปด เต็มไปด้วยรังสีสังหารอย่างเข้มข้น ทันใดนั้นรอยตัดก็ได้กระทบไปบนพื้นดินจนกลายเป็นรอยแยกขนาดใหญ่ เกิดความสั่นสะเทือนไปทั้งฟ้าดิน
ท่านบรรพบุรุษตระกูลเยี่ยพลิกมือออกไปคราหนึ่งจนปรากฏตัวอักษรต่างชาติคล้ายกับคำว่าใบหลิวก็มิปาน จากนั้นเขาก็ได้กรีดนิ้วออกไป ใบหลิวได้พุ่งออกไปในทันที ราวกับเป็นใบไม้นี้เป็นหนึ่งเดียวกันกับดินแดนก็มิปาน ถึงขั้นฟ้าดินยังต้องเกรงกลัว
เยี่ยจงหรี่นัยน์ตาลง ในสายตาของเขาก็ยังถือได้ว่ามองออกถึงกระบวนท่าอันแข็งแกร่งที่สะเทือนฟ้าสะท้านดินเช่นนี้ออกมาได้อยู่หลายส่วน แต่ว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เขากลับมิได้ถอนหนี เพียงแต่ก้าวออกไปด้านหน้าหนึ่งก้าว แล้วก็ทำให้พลังลมปราณในร่างกายปะทุขึ้นมาอยู่หลายส่วน ฟาดกระบี่ออกไปในทันใด
“ ตูม “
ประกายกระบี่และใบหลิงพุ่งเข้าชนกันในทันที ราวกับสัตว์เทพโบราณสองตัวเข้าห้ำหั่นกันก็มิปาน จนเกิดกระแสลมแปรปรวนอันน่าสะพรึงกลัวหมุนวนออกมา จนเกิดเสียงดังอย่างน่าเกรงขามขึ้น แรงสั่นสะเทือนทำให้วัตถุที่อยู่รอบสี่ทิศแตกกระจายในทันที
ร่างกายของเยี่ยจงในตอนนี้ได้คลุมไปด้วยพลังสายฟ้า ความเร็วของร่างกายของเขาพุ่งขึ้นถึงขีดสุด เขาปรากฏตัวอยู่รอบบริเวณสี่ทิศแปดด้านของท่านบรรพบุรุษตระกูลเยี่ย กระบี่คงหมิงในมือก็ได้ทอประกายราวกับอัสนีคลั่งฝนคะนองทอดลงมาก็มิปาน เข้าปะทะกับร่างของท่านบรรพบุรุษตระกูลเยี่ยจากทั่วทั้งบริเวณสี่ทิศแปดด้าน แต่ว่าท่านบรรพบุรุษตระกูลเยี่ยนั้นยังยืนอยู่กับที่ไม่เคลื่อนไหว เขาปรบมือทั้งสองข้างคราหนึ่ง ใบหลิวก็ได้ปลิวร่อนออกมาเป็นสาย อีกทั้งยังสามารถต้านทานการโจมตีอันนับไม่ถ้วนของเยี่ยจงทั้งหมดได้
และจากการปะทะนี้เอง ในทุกครั้งก็ได้เกิดเสียงดังราวฟ้าร้องขึ้นมา จนในท้ายที่สุด เสียงดังลั่นออกไปราวกับเสียงของอัสนีขาตก็มิปานออกสู่ภายนอกบ้านตระกูล
ภายในเมืองมีขุมกำลังอยู่นับไม่ถ้วน ยอดฝีมือต่างก็ตรวจสอบเห็นอะไรบ้างอย่าง พวกเขาขึ้นสู่ที่สูงจดจ้องไปยังทิศทางที่ตั้งของบ้านตระกูลเยี่ย ภายในดวงตาปรากฏความตื่นตกใจขึ้นมา ยากที่จะเชื่อในสิ่งที่เห็น ในช่วงเวลาอันสำคัญอย่างพิธีอวยพรวันก่อตั้งราชวงศ์เช่นนี้ ถึงกับมีคนกล้าที่จะลงมือก่อเรื่องกับหนึ่งในห้าตระกูลใหญ่อย่างตระกูลเยี่ยด้วย อีกทั้งจากการเคลื่อนไหวนี้ เกรงว่าได้ทำให้ยอดฝีมือมากมายที่ได้มองก็ต่อสู่ยังต้องสูญเสียความมั่นใจในตัวเองไป พวกเขานับว่าดูออก ทั้งสองคนที่กำลังลงมืออยู่นี้ ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
ต่อให้เป็นเฒ่าประหลาดของแต่ละขุมกำลังใหญ่ที่เร้นกายฝึกฝน ในตอนนี้ก็ได้ปรากฏกายออกมาให้เห็น แต่ว่าพวกเขาก็ทราบอยู่แก่ใจ เพียงแต่มองดูฉากเบื้องหน้าในที่ห่างไกลเท่านั้น
“ เหอะเหอะ ในครั้งนี้ไม่ทราบว่าตระกูลเยี่ยที่แท้กำลังรับมือกับบุคคลใดอยู่ ถึงกับทำให้เจ้าแก่เยี่ยหลางยังต้องถูกกดดันให้ลงมือด้วยตนเองเชียวหรือ ? “ ในบริเวณที่ห่างไกลได้มีเฒ่าประหลาดหลายคนกำลังคุยกัน กล่าวออกมาด้วยคำพูดที่ประหลาดใจอยู่หลายส่วน
“ กล่าวไปแล้วก็น่าแปลก ท่ามกลางรัฐต้าโจวหวังเฉานี้ สามารถที่จะมาจนถึงขั้นนี้ได้มีเพียงไม่กี่คน แต่ก็ไม่เคยยินได้ฟังมาก่อนว่ามีคนใดมีความแค้นที่ลึกล้ำถึงขั้นนี้ ? “ ชายชราประหลาดกล่าวออกมา
“ ใครจะสนกันเล่า ในครั้งนี้ตระกูลเยี่ยคงจะยุ่งยากอยู่ไม่น้อยแล้ว พวกเราระวังอย่าให้เจ้าเฒ่าชราเยี่ยหลางโกรธเคืองมากไปกว่านี้จะดีกว่า เหอเหอะเหอะ “ เฒ่าประหลาแหล่านี้นับได้ว่าเป็นบุคคลที่มีที่มาที่ไปอยู่ไม่น้อย หลังจากที่พวกเขาสบตามองกัน จากนั้นก็ถอยออกไปโดยเร็ว กลับไปยังบริเวณที่อยู่ของขุมกำลังของตนเอง อีกทั้งพวกเขาไม่ต้องการจะสอดมือเข้ายุ่งเรื่องของตระกูลเยี่ย อีกทั้งในช่วงที่สำคัญเช่นนี้อาจจะทำให้ตระกูลตนเองเกิดอันตรายได้
“ ตูมตูมตูม “
บริเวณส่วนลึกภายในบ้านตระกูลเยี่ย ทั้งสองฝ่ายยิ่งเพิ่มความรุนแรงขึ้นมา พริบตานั้นเอง ในตอนนี้ทั้งสองฝ่ายและเปลี่ยนกระบวนท่าไปนับร้อยกระบวนท่า เงาร่างสายหนึ่งก็ราวกับคลื่นฝนพายุคลั่ง โจมตีอย่างรุนแรงไม่หยุด ส่วนทางด้านเงาร่างอีกสายก็ราวเป็นโคมไฟที่ทอประกายภายใต้พายุฝนก็มิปาน หนักแน่นไม่ขยับ
และการต่อสู้เช่นนี้ ในเวลานี้ก็ถือได้ว่ามองไม่ออกว่าผู้ใดจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ เยี่ยจงในตอนนี้แม้จะดูเหนือกว่า ยิ่งไปกว่านั้นยังมีความเร็วที่ยากที่จะคาดเดาได้ และแน่นอนว่าเยี่ยหลางผู้นี้ก็ได้แต่พึ่งพาระดับพลังในขอบเขตของตนกดดันเอาไว้ หมื่นไม่เปลี่ยนทุกอย่างไม่สลาย
ช่วงเวลาก็ได้ไหลผ่านไปเช่นนี้ เบื้องสูงของตระกูลเยี่ยเหล่านี้ต่างก็แตกตื่นขึ้น เยี่ยจงผู้นี้ก็ชั่งน่าหวาดกลัวอย่างแท้จริง ถึงกับสามารถที่จะต่อสู้กับท่านบรรพบุรุษตระกูลเยี่ยเยี่ยหลางได้จนถึงขั้นนี้ แทบไม่อยากจะเชื่อ ควรทราบว่า การฝึกปรือของทั้งสองยังแตกต่างถึงสองขอบเขตด้วย
กล่าวโดยทั่วไป ยอดฝีมือขั้นก่อเกิดระดับที่เจ็ดปกติธรรมดา เมื่ออยู่ต่อหน้าเยี่ยหลาแล้ว ก็ไม่ต่างอันใดจากแมงวันตัวหนึ่ง เพียงแค่ยื่นนิ้วหัวแม่มือออกมานิ้วเดียวก็สามารถที่จะบดขยี้ให้ตายได้แล้ว แต่ว่าเยี่ยจงผู้นี้กลับมีบางอย่างที่ไม่เหมือนกับพวกกลุ่มคนเหล่านั้น
เด็กหนุ่มเพียงคนเดียว สามารถที่จะมีความร้ายกาจได้จนถือเพียงนี้เชียวหรือ ?
.
.
.
.