ตอนที่ 155 ปึกแผ่น
“ เปรี้ยง “
มีเสียงดังลั่นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ในครั้งนี้ การโจมตีของทั้งสองฝ่ายได้เข้าปะทะกัน ความน่ากลัวของพลังแผ่กระจายออกมา ทำให้ยอดฝีมือทั่วทั้งสี่ด้านต่างก็ต้องถอยออกไปในทันที มิเช่นนั้นถ้าตกอยู่ภายใต้ความเคลื่อนไหวเช่นนี้แล้ว แน่นอนว่าต้องเกิดการบาดเจ็บอย่างแน่นอน
“ บรึม “
ในครั้งนี้เยี่ยจงได้ขยับกายคราหนึ่ง ขยับถอยไปบริเวณทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว ฝ่าเท้าได้เหยียบไปทางด้านหลังรวมนับสิบเมตร ปรากฏรอยแตกเท้าลึกๆอยู่สองสาย
บริเวณที่ไม่ห่างไกลนัก เยี่ยหลางค่อยๆรั้งพลังหมัดที่ปะทะเข้ากลับไป เขาจ้องเยี่ยจงตาเขม็ง ส่ายศีรษะเล็กน้อย “ เยี่ยจง เจ้าถึงแม้จะเป็นผู้มีพรสวรรค์อย่างแท้จริง แต่ว่าข้อแตกต่างข้าเจ้าอยู่ในความต่างของขอบเขต เจ้าสู้ข้าผู้ชรามิได้หรอก “
“ งั้นหรือ ? “
เยี่ยจงหัวเราะเสียงเย็นชา ความยุติธรรมนี้เขาไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องนำกลับมาให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็มิอาจยอมให้ขัดขวาง
ทันใดนั้นต่อมา เยี่ยจงพลิกมือคราหนึ่ง ร่างมหัศจรรย์หมื่นโบราณ(ทรราชทมิฬ)ก็ได้ปรากฏอยู่บนใจกลางฝ่ามือของเขา จากนั้นก็ขบฟันไปมา แล้วก็รับรู้ได้ถึงพลังอันแปลกประหลาดบนร่างมหัศจรรย์หมื่นโบราณที่อยู่ใจกลางฝ่ามือ
ท่ามกลางอากาศ ราวกับมีเสียงของความเย็นอันดุดันดังขึ้นก็มิปาน ทันใดนั้นก็พบว่าร่างมหัศจรรย์หมื่นโบราณก็ได้ทอแสงประกายสีโลหิตขึ้นมาในทันที แล้วก็เกิดความเคลื่อนไหวออกจากมือขึ้นมาบนร่างกายของเขา ทันใดนั้น ชุดเกราะสีโลหิตก็ได้ครอบคลุมอยู่บนร่างของเยี่ยจง
ชุดเกราะสีเลือดถึงมีรูปลักษณ์ที่น่าเกลียดอยู่บ้าง แต่ก็ได้ทำให้โลหิตที่ไหลเวียนอยู่บนร่างทอสว่างขึ้น อีกทั้งบริเวณบนใบหน้าก็ได้มีหน้ากากที่น่าเกลียดคล้ายกับปีศาจก็มิปาน เพียงแค่มีผู้คนมองดูก็ทำให้ขนหัวลุกได้
และตอนนี้ บนร่างที่มีชุดเกราะสีเลือดชุดหนึ่งปรากฏอยู่บนตัวของเยี่ยจง พลังความเคลื่อนไหวสายหนึ่งได้ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนของฟ้าดินได้
“ พลังขั้นก่อเกิดระดับที่แปด ซานกวานเทียนทงขั้นรู้แจ้งฟ้า “
เมื่อสัมผัสได้ว่าพลังปราณของตนมีการเปลี่ยนแปลงอย่างประหลาด เยี่ยจงก็ค่อยๆสูดลมหายใจเข้าคำหนึ่ง ภายในสายตาได้เปลี่ยนเป็นเย็นเยียบขึ้นมา ร่างมหัศจรรย์หมื่นโบราณนี้สามารถที่จะทำให้ตนเองมีระดับสูงขึ้นได้เช่นนี้ ก็นับว่าเพียงพอแล้ว
“ เปรี้ยง “
ทันใดนั้นต่อมา เยี่ยจงก้าวขึ้นไปด้านหน้า ร่างกายก็ได้ปกคลุมไปด้วยพลังอันแข็งแกร่งขนาดใหญ่ พุ่งเข้าสังหารยังจุดบริเวณที่เยี่ยหลางอยู่เข้าไปโดยตรง
“ พลังขั้นก่อเกิดระดับที่แปดซานกวานเทียนทง ? “ ในตอนนี้ แม้แต่เยี่ยหลางก็ยังต้องเปลี่ยนสีหน้าขึ้นมาอย่างรุนแรง พลังฝีมือของเยี่ยจงถึงกับสามารถปะทุขึ้นมาทันทีได้จนถึงขั้นนี้ได้ ทำให้เขาเกิดความตื่นตะลึงขึ้นมาภายในใจ ควรทราบว่า ถ้าหากพลังฝีมือเช่นนี้ก็นับได้ว่าส่งผลคุกคามได้อย่างเพียงพอแล้ว
“ เปรี้ยง “
ในครั้งนี้ เยี่ยหลางกลับมิได้ยืนอยู่ในจุดเดิม เขาขยับร่างกายเพื่อเข้าโจมตีก่อน แล้วก็ยกแขนขึ้น ใบหลิวกลุ่มใหญ่ก็ได้ลอยออกมา ราวกับต้องการจะกดทับภูเขาสายธารก็มิปาน
เงาร่างทั้งสองสายเข้าปะทะกันในทันที เยี่ยหลางใช้ออกทั้งสองมืออย่างรวดเร็ว ใบหลิวพุ่งพลิ้วราวกับหิมะตกเป็นสายก็มิปาน โจมตีออกไปอย่างน่าหวาดกลัว
แต่ว่าเมื่อต้องเผชิญกับการโจมตีเช่นนี้ของเยี่ยหลาง สีหน้าของเยี่ยจงก็เปลี่ยนแปลงเป็นเย็บเยียบขึ้นมา เขามิอาจที่จะทำเหมือนเยี่ยหลางเป็นดั่งเช่นผักปลาได้ เพียงแต่มือกุมที่กระบี่คงหมิงขึ้นมา ลงมือปานสายฟ้าแลบ ความเร็วกระบี่ของเข้าได้สาดประกายคมกล้าจนถึงขีดสุด ทุกกระบี่ที่ได้ใช้ออกไปราวกับสามารถตัดฝ่าได้ทุกอุปสรรคที่ขวางกั้น
ภายในดวงตาของเยี่ยหลางได้ทอประกายเคร่งเครียดขึ้น ร่างกายเปลี่ยนเป็นสั่นเทา พลังฝีมือของเยี่ยจงที่ปะทุออกมา แล้วความเร็วสูงสุด ในท้ายที่สุดแม้แต่สายตาก็มิอาจที่จะตามได้ทัน ถึงแม้ในตอนนี้ขอบเขตของเขาจะสูงกว่าเยี่ยจงอยู่หลายขั้น แต่ว่าถ้าหากตามความเร็วได้ไม่ทันแล้วละก็ เหตุการณ์ต่อไปคงน่ากลัวอย่างถึงที่สุด
“ ท่านบรรพบุรุษ ท่านไม่ไหวหรอก “
แล้วก็ได้เข้าปะทะกันอีกหนึ่งกระบวนท่า เยี่ยจงหัวเราะอย่างเย็นชา บนเกราะศึกได้ระเบิดพลังแสงสว่างขึ้นมาอย่างถึงที่สุดออกมา จากนั้นก็พบเห็นร่างของเขาได้ทอประกายสีเลือดออกมา ทุกกระบี่ที่ฟาดกระบี่คงหมิงในมือลงไป ก็ได้ทำให้พื้นดินเกิดรอยแยกขนาดใหญ่
“ เปรี้ยง “
กระบี่คงหมิงเคลื่อนไหวอย่างเฉียบคม มุ่งกวาดออกไปบริเวณทางด้านหน้าออกไป ในครั้งนี้เยี่ยหลางได้ทอประกายนัยน์ตาสื่อถือความหมายบางอย่าง ถอยกายไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว เพียงแต่ว่าระดับความเร็วของเขานั้นเทียบไม่ได้กับความเร็วของเยี่ยจง ในช่วงวินาทีนั้นเอง คมกระบี่ก็ได้แทงเข้าไปที่หัวไหล่
เยี่ยหลางเคลื่อยไหวร่างกายออกไปอย่างรวดเร็ว บาดแผลบนหัวไหล่เพียงแค่พริบตาเดียวก็สามารถที่จะหยุดโลหิตเอาไว้ได้ แต่ว่าถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ตาม ใบหน้าของเขาในตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นใบหน้าขาวซีดอย่างไรที่เปรียบ ดูราวกับชราขึ้นมานับสิบปีก็มิปาน
แม้แต่ท่านเยี่ยหลางที่เป็นถึงบรรพบุรุษตระกูลเยี่ย ไพ่ตายใบสุดท้ายของตระกูลเยี่ย ก็ยังต้องพ่ายภายใต้น้ำมือของเยี่ยจง ทั่วทั้งสถานที่แห่งนี้กลับเปลี่ยนเป็นเงียบเชียบลงในทันที แม้กระทั่งเสียงเข็มหล่นก็ยังสามารถได้ยินก็มิปาน
เบื้องสูงของตระกูลเยี่ยนับไม่ถ้วนในตอนนี้ต่างก็เป็นใบ้ ความหวาดกลัวอย่างถึงที่สุดได้ปกคลุมภายในจิตใจพวกเขา
เยี่ยจงกุมกระบี่ในมือแน่น เดินเข้ามาทางด้านหน้าที่ละก้าวๆราวกับเทพมาร เขาไม่แม้แต่จะสนใจใบหน้าที่ปั้นยากของเยี่ยหลางเลย เพียงแต่เดินเข้าไปหากลุ่มคนที่อยู่บริเวณทางด้านหน้า จากนั้นก็แสยะยิ้ม “ ทุกท่าน พวกท่านต้องการที่จะให้ข้าลงมือ หรือว่าต้องการที่จะลงมือเอง ?
เมื่อได้เผชิญหน้ากับเยี่ยจงที่มีความแข็งแกร่งเช่นนี้ เบื้องสูงของตระกูลเยี่ยมากมายต่างก็เหงื่อออกเย็นเยียบออกมา ไม่กล้าแม้แต่จะกล่าวอันใดออกมา
“ อา “
หลังจากนั้นเอง ก็ได้มีคนผู้หนึ่งอดทนกับแรงกดดันขนาดใหญ่เช่นนี้เอาไว้ไม่ไหว หันกายคราหนึ่งแล้วก็พุ่งตัวออกไป
“ ซวบ “
ประกายกระบี่สาดทอ เงาร่างสายนั้นได้ใช้ดาบฟันออกไปสองครา โลหิตกระจายออกมาราวกับสายฝน กลิ่นคาวเลือดแผ่กระจายออกมา
เบื้องสูงของตระกูลเยี่ยนับไม่ถ้วนกรอกตาไปมา เยี่ยจงผู้นี้ก็ช่างกล้าแม้กระทั่งลงมือสังหาร
“ ต้องการจะให้ข้าลงมือ หรือว่าพวกเจ้าจะลงมือกันเอง ? “ เยี่ยจงสะบัดกระบี่แล้วพาดเอาไว้ที่บ่าตนเอง
“ เยี่ยม — เยี่ยม — เยี่ยจงเจ้าเยี่ยมมาก ข้าเคยใช้แขนข้างซ้ายนี้ลงมือใช่แส้เฆี่ยนเยี่ยถงคราหนึ่ง วันนี้ชดใช้ให้แก่เจ้า นับแต่ตอนนี้เจ้าและพวกเราตระกูลเยี่ยหายกัน “ ในที่สุดก็มีหนึ่งในผู้อาวุโสของตระกูลก้าวออกมาหนึ่งก้าว จากนั้นเขาก็ได้ยื่นมือออกไปชี้ที่บริเวณแขนของตนเอง มันมีที่แขนซ้ายร่วงลงไป แต่ใบหน้ากลับทอประกายอย่างไร้ที่เปรียบ
ในระหว่างที่เคลื่อนไหวเช่นนี้แล้วเสร็จ ใบหน้าของชายชรากลุ่มนี้ก็เยือกเย็นขึ้นมาแล้วกล่าวต่อ ” ข้าได้ให้ความเป็นธรรมแก่เจ้าแล้ว แต่ว่าข้าก็อยากที่จะกล่าวออกมาอีกคำหนึ่ง ทุกผู้คนที่อยู่ในที่แห่งนี้ มีเกือบครึ่งที่มิได้ลงมือแต่อย่างไร อีกส่วนหนึ่งเหล่านั้นก็คือเหล่าพี่น้องของพ่อเจ้าที่สนิทสนมกันมาก่อน แน่นอนว่ายังไงก็ไม่อาจลงมือแน่นอน เจ้าคงจะมิใช่ยังต้องการแขนข้างนั้นของพวกเขาเช่นกันหรอกนะ “
เยี่ยจงงงงันวูบ หลังจากนั้นก็ได้เอ่ยปากเสียงดังกังวาน “ เคยลงมือมาก็ตัดแขนของตนเองซะ แต่ว่าถ้ามีผู้ใดแกล้งทำเป็นไม่เคยแล้วละก็ ถ้าเกิดวันหน้าข้าทราบเรื่อง คงจะไม่ได้ตายดีแน่ “
หลังจากที่เงียบงัน ก็มีผู้คนไม่น้อยที่สูดหายใจออกมาคำหนึ่ง พวกเขาความจริงคิดว่าเยี่ยจงในตอนนี้จะยอมอ่อนข้อให้บ้าง สามารถแกล้งว่าตนเองมิเคยลงมือ แต่เมื่อได้ฟังตากความหมายในคำพูดของเยี่ยจง ถ้าเกิดมีใครกล้าที่จะปิดบัง จะไม่จบอย่างง่ายดายเยี่ยงการตัดแขนแล้ว
ราวกับต้องเผชิญหน้ากับเทพ หลังจากที่ลังเลอยู่ชั่วครู่ เบื้องสูงของตระกูลเยี่ยต่างก็ได้เดินออกมาครึ่งก้าว คนเหล่านี้แต่ละคนก็ได้ยื่นมือออกมา ตัดสับไปที่แขนของตนเอง จากนั้นก็ได้จ้องเขม็งไปที่เยี่ยจงด้วยสายตาเป็นประกาย ที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนอย่างถึงที่สุด
เยี่ยจงเหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้าด้วยสีหน้าเย็นชาอย่างไรที่เปรียบ จนกระทั่งท้ายที่สุดเบื้องสูงของตระกูลเยี่ยผู้หนึ่งที่ได้กระทำเช่นนี้แล้วเสร็จ เขาก็ได้ยิ้มอย่างเย็นชาออกมา จากนั้นก็ได้หันกายจากไป
ประกายสีโลหิตบนร่างของเยี่ยจงค่อยๆหายไป จากนั้นก็ได้เปลี่ยนเป็นตุ๊กตาโลหิตรูปคนตัวหนึ่ง จากนั้นก็พลิกมือก็ได้หายไปทันที และสีหน้าของเขาในตอนนี้ก็ได้มีหลายส่วนที่ได้เปลี่ยนเป็นสีขาวซีดราวกระดาษ ทว่าถึงจะเป็นเช่นนั้น ก็ยังคงโน้มตัวไปทางด้านบริเวณที่เยี่ยถงอยู่เข้าไป
“ พี่ชาย “
เยี่ยถงจ้องมองไปยังใบหน้าของเยี่ยจง กลับรู้สึกปวดใจขึ้นมา การลงแรงของเยี่ยจงในครั้งนี้ รับแรงกดดันจากทั้งตระกูลเยี่ย ถือเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ชนิดหนึ่ง แต่ว่าก็ก็เพียงเพื่อนำความยุติธรรมกลับสู่แก่เยี่ยถง มีหรือจะไม่ทำให้นางเจ็บปวดใจได้ ถึงกระนั้น เยี่ยถงก็มองออก หลังจากที่ได้ใช้ไพ่ตายใบสุดท้ายแล้ว พลังทั้งหมดของเยี่ยจงก็ต้องอ่อนแอลง
“ ไม่เป็นไรแล้ว “ เยี่ยจงยื่นมืออกไปลูบที่ศีรษะของเยี่ยถง เผยให้เห็นรอยยิ้มสายหนึ่ง “ ไปเถอะ กลับไปที่โรงเตี๊ยมกับข้าก่อน ข้าจะให้คนส่งเจ้ากลับไปยังลัทธิแห่งดวงดาวก่อน จากนี้เป็นต้นไป มีพี่อยู่ จะไม่มีใครกล้าทำร้ายเจ้าอีกแม้เพียงปลายเส้นผม “
เยี่ยถงและพี่ชายของตนเองพึ่งจะได้พบเจอกัน กลับคิดไม่ถึงว่าจะต้องแยกจากกัน แต่ว่าเมื่อมองไปที่ดวงตาของเยี่ยจงที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนในตอนนี้ หลังจากที่นางลังเลอยู่ชั่วครู่ ก็ได้พยักหน้าตอบรับ เพราะว่านางก็ทราบดี มีแค่ทำเช่นนี้ พี่ใหญ่ของตนจึงจะหายห่วงได้
เมื่อพบว่าเยี่ยถงพยักหน้า เยี่ยจงก็กุมมือของนาง ราวกับในสมัยเด็กก็มิปาน ทั้งสองคนก็ได้ค่อยๆมุ่งหน้าเดินออกไปจากบ้านตระกูลเยี่ยสู่ภายนอก ตลอดทางมานี้ มีศิษย์ของตระกูลเยี่ยนับไม่ถ้วนที่มองเห็นฉากเบื้องหน้านี้ ต่างก็ถอยออกเปิดทางให้ สีหน้าแสดงอารมณ์อันซับซ้อนขึ้นมาอย่างไร้ที่เปรียบ
บุรุษหนุ่มมากพรสวรรค์เช่นนี้ อีกทั้งยังสามารถเป็นผู้นำความสำเร็จแก่ตระกูลได้มากที่สุด มีหรือจะไม่ทำให้ผู้คนเจ็บปวดใจ ?
บริเวณภายในบ้าน เยี่ยหลางก็ได้เหม่อมองไปยังพื้นที่มีแขนอยู่ แล้วก็ยังมีใบหน้าขาวซีดเหล่านี้ของคนในตระกูล สีหน้าก็ได้เปลี่ยนเป็นปั้นยากขึ้นมาเต็มสิบส่วน ถึงแม้วิ่งสำคัญที่สุด เยี่ยจงยังคำนึงถึงความสัมพันธ์เก่าก่อน ถือว่าได้เห็นแก่หน้าของเหล่าพี่น้องเก่าแก่ของพ่อเขากลุ่มนั้น แต่ว่าถึงจะเป็นเช่นนี้ หลังจากผ่านการต่อสู้เพียงหนึ่งศึก พลังของตระกูลเยี่ยก็ถือได้ว่าลดทอนลงมาจากจุดสูงสุดลงมาอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง และพลังความสามารถที่ลดลงเช่นนี้ ย่อมต้องมีผลกระทบต่อคระกูลเยี่ยแน่นอน
หลังจากที่สีหน้าของเยี่ยหลางเปลี่ยนแปลงอยู่หลายครา กระทั่งได้มองไปยังเยี่ยเจิ้งหยางคราหนึ่ง กล่าวเสียงเย็นเยียบ “ ส่งต่อคำสั่งของข้าออกไป เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้หากมีใครกล้ากล่าวแม้ครึ่งคำ ถือว่าเป็นการก่อกบฏ อย่าได้โทษว่าข้าไม่เกรงใจ ส่วนเยี่ยจง ก็อย่าได้ไปวุ่นวายกับเขาอีก ไม่ว่าเขาจะยอมรับหรือไม่ เขาก็ยังคงแซ่เยี่ย ถึงแม้เขาจะมิใช่ผู้มีพรสรรค์ ต่อให้พวกเราสูญเสียพลังไปกว่าครึ่ง ก็มิอาจมีผู้ใดสามารถทำอันใดพวกเราตระกูลเยี่ยได้ “
เยี่ยเจิ้งหยางเงียบงัน ร่างกายขยับคราหนึ่ง จากนั้นก็ได้ค่อยๆพยักหน้า เป็นดั่งที่เยี่ยหลางว่าไว้ ขอเพียงแค่เรื่องราวในวันนี้ไม่เป็นเผยออกไป วันหน้าเมื่อเยี่ยจงยิ่งใหญ่ ไม่ว่าเขาจะยินดีหรือไม่ ตระกูลเยี่ยก็ยังถือได้ว่าเป็นประกายขึ้นเล็กน้อย
เพียงแต่น่าเสียดาย เยี่ยจงนั้นไม่อาจที่จะมีส่วนช่วยตระกูลเยี่ยได้
“ ยังมีอีก คิดหาวิธีที่จะพาตัวเยี่ยหลิงกลับมา ต่อให้พาตัวกลับมาไม่ได้ก็ต้องนำสารส่งไปให้ นับแต่นี้เป็นต้นไป เยี่ยหลิงจะเป็นผู้สืบทอดผู้นำตระกูล สิบปีหลังจากนี้ เขาจะได้รับตำแหน่งผู้นำตระกูล “ เยี่ยหลางเอ่ยปากขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากนั้นก็ได้ขยับกายคราหนึ่ง หายไปในทันที
ผู้คนมากมายภายในตระกูลต่างก็อ้าปากค้าง ท้ายที่สุดแล้ว ก็เพียงได้แต่พยักหน้าไปมา เยี่ยหลิงเป็นน้องชายต่างมารดาของเยี่ยจง ต่อให้เยี่ยจงเกลียดชังผู้คนในตระกูลเยี่ยทั้งหมด ก็ไม่อาจที่จะเกลียดชังเยี่ยหลิงได้ มีแต่เพียงให้เยี่ยหลิงแบกรับตระกูลเยี่ย เช่นนั้นเมื่อถูกช่วงเวลาที่เหมาะสม ก็ยังอาจจะมีส่วนช่วยเหลือได้อยู่บ้าง ?
สีหน้าของคนในตระกูลเยี่ยกผ้ได้เปลี่ยนแปลงงไป แต่ว่าท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีผู้ใดกล่าววาจาอื่นออกมา
เรื่องมาจนถึงขั้นนี้ แม้แต่เหล่าผู้อาวุโสตระกูลเยี่ยเองก็ยังมิอาจที่จะทำอันใดเยี่ยจงได้ นอกเสียจากตระกูลเยี่ยจะหยิบยืมกำลังแล้วยังสามารถทำอันใดได้กัน?
ถ้าตอนนี้สามารถได้รับช่วยเหลือจากเยี่ยหลิง ที่มีอิทธิพลต่อเยี่ยจงสักเล็กน้อยก็ยังดี ก็ถือได้ว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว ความแข็งแกร่งของเยี่ยจงนั้นอยู่ขนาดใด สถานะที่เป็นอยู่เป็นเช่นไร บุคคลเช่นนี้ นอกเสียจากใช้ทุกวิถีทางในการสานสัมพันธ์แล้ว ตระกูลเยี่ยของพวกเขายังสามารถทำอันใดได้อีกกัน ?
วินาทีนี้ เหล่าผู้คนของตระกูลเยี่ยที่โดยปกติจะเย่อหยิ่งยโส สุดท้ายก็เข้าใจถึงความรู้สึกที่ถูกพิพากษาและลงทัณฑ์
.
.
.
.