ตอนที่ 166 ฆ่าสังหาร
“ เจ้าหนุ่ม ความกล้าหาญของเจ้ายังนับว่าไม่เลว กล่าวตามตรง หากว่าเจ้าเมื่อครู่ขึ้นรถม้าขององค์ชายใหญ่จากไป พวกข้าก็คงจะไม่อาจลงมือได้ เพียงแต่ว่าเจ้ากลับออกมารนหาที่เอง คิดว่าเจ้าคงเลือกทางที่ตนเองต้องการแล้ว ใช่หรือไม่ ? “
ตามท้องถนนที่เริ่มมีเงาเย็นเยียบขึ้นมา มีเงาร่างสายหนึ่งสวมชัดเกราะสีเงินเดินออกมา คนผู้นี้ที่ตอนแรกได้เคยปรากฏตัวที่ด้านหลังซูจื่อหวินก่อนหน้า แต่ว่าก็มิได้กล่าวอันใด แต่เมื่อได้เปลี่ยนเป็นชุดเกราะสีเงินทั้งตัวแล้ว พลังความแข็งแกร่งบนร่างกลับแตกต่างจากตอนแรกโดยสิ้นเชิง
“ คนของตระกูลซูงั้นหรือ ? “ เยี่ยจงเอ่ยปากถาม
“ เรื่องนี้สำคัญด้วยงั้นหรือ ? “ ชายหนุ่มเกราะเงินยิ้มแล้วตอบกลับมา
“ แน่นอนว่าสำคัญ นั้นก็เพราะว่าข้าจำเป็นที่จะต้องทราบว่าสมควรที่จะส่งหัวของเจ้ากลับไปยังที่ใด หากเจ้าเป็นคนของตระกูลซูก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ เพราะพอดีข้าจะไปเยี่ยมด้วยตัวเองพอดี “ เยี่ยจงหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา ใช้มือทั้งสองข้างทำสัญลักษณ์อย่างสบาย ภายในแขนเสื้อ ก็ได้เตรียมพร้อมยันต์วิญญาณเอาไว้แต่แรกแล้วเขาก็ขยับเท้าทั้งสองข้างบนพื้น
“ อายุยังน้อยยังถือได้ว่ามีพรสวรรค์อยู่บ้าง ถึงกับมาจนถึงขั้นนี้ได้ คงจะไม่ทราบจริงๆแล้วว่าคำว่าตายนั้นเขียนอย่างไร “ ชายหนุ่มเกราะเงินได้ถูกคำพูดของเยี่ยจงกระตุกต่อมโทสะ เขายิ้มอย่างเย็นชาคราหนึ่ง พลิกทั้งสองมืออย่างรีบร้อน “ ข้ามาจากสถานที่ใด มิได้เกี่ยวอันใดกับเจ้า เจ้าควรจะรู้แค่ว่า วันนี้จะเป็นวันครบรอบวันตายของเจ้าก็พอแล้ว ”
“ เจ้าไม่เกรงว่าข้าจะจัดการตัดแขนขาของเจ้าขยะไร้ประโยชน์ในตอนนี้หรือ ? “ เยี่ยจงไม่คิดที่จะแม้แต่มองไปที่ชายหนุ่มเกราะเงิน กล่าวตอบเสียงดัง
“ สามหาว ข้าทราบว่าเจ้าคือเยี่ยจง แล้วก็ยังมีน้องสาวอีกคนหนึ่งนามว่าเยี่ยถง ขอเพียงแค่นายน้อยชองพวกเราได้รับบาดเจ็บแม้เพียงเส้นผมเส้นหนึ่ง ข้าก็จะทำให้น้องสาวเจ้าได้รับการชดใช้นับร้อยเท่า “ ชายหนุ่มเกราะเงินกล่าวออกมาด้วยเสียงเยียบเย็น เขากับซูจื่อหวินนั้นแตกต่างกัน ถ้ากล่าวโดยเข้าเอง ไม่ว่าเยี่ยจงจะคุกคามมาอย่างไร เขาก็ต้องเอาเยี่ยจงลงไว้ให้ได้
ดวงตาของเยี่ยจงในช่วงเวลานี้ได้เปลี่ยนเป็นเย็นเยียบอย่างไร้ที่เปรียบในทันที เราแผ่รังสีการฆ่าฟัน ทำให้ชายหนุ่มเกราะเงินต้องถอยหลังไปครึ่งก้าวอย่างไม่ตั้งใจ ทันใดนั้นก็ได้ร้องเชอะคำหนึ่ง จึงเรียกสติกลับมาได้
“ ลงมือเถอะ “ เยี่ยจงเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา “ หากเจ้าไม่ลงมือ เจ้าก็จะไม่มีโอกาสได้ลงมืออีกแล้ว “
“ เจ้าหาที่ตาย “
เมื่อได้ถูกเยี่ยจงคุกคามอีกครา ชายหนุ่มเกราะเงินก็หุบรอยยิ้มลง เขาถึงมีจะมีพลังอยู่ขั้นก่อฟ้าแล้วก็ตามที อีกทั้งพลังของเขายังอยู่ในระดับความสำเร็จใหญ่ ในสายตาของเขา เยี่ยจงเพียงแค่คนเดียวก็ไม่อยู่ในสายตา ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็บีบจนตายได้
แต่กลับคิดไม่ถึงว่าแมงเม่าเบื้องหน้าสายตาของตนเองนี้ ถึงกับกล้าที่จะกดดันตนเอง
“ เจ้าหนุ่ม นี้เป็นเจ้าหาที่ตายเองแล้วนะ อย่าได้โทษข้าละ “
เสียงหัวเราะดังอย่างเย็นชา ชายหนุ่มเกราะเงินพลิกสองมือขึ้นมาในเวลาเดียวกัน ก็ได้ก่อตัวเป็นสัญลักษณ์ประหลาดอยู่ตรงใจกลาง วินาทีนั้น ก็พบกับพลังอันหนาแน่นแผ่พุ่งขึ้นมา มุ่งหน้าไปยังบริเวณที่เยี่ยจงอยู่เข้าไป
เยี่ยจงขมวดคิ้วไปมา พลังฝีมือของวิชาลมปราณที่ใช้ของชายหนุ่มเกราะเงินผู้นี้มีความพิเศษเป็นอย่างยิ่ง ถึงกับทำให้ลมปราณภายในร่างมีความเปลี่ยนแปลงได้
จากความเปลี่ยนแปลงของพลังลมปราณที่แผ่พุ่งออกมานี้ นับได้ว่าลึกล้ำเกินคาดเดา
ในช่วงเวลาที่กำลังครุ่นคิด เยี่ยจงก็ได้ขยับเท้าเล็กน้อย ร่างกายก็ได้พุ่งตัวถอยไปทางด้านหลังราวกับสายฟ้าแลบก็มิปาน วินาทีนั้น ก็ได้พบกับพลังเย็นเยียบไหลเวียนอยู่บริเวณนี้ ในจุดที่เขาอยู่นั้นก็ได้เพิ่มด้วยลูกเห็บอีกชั้นหนึ่ง
“ เป็นพลังปราณที่ไม่เลวเลยทีเดียว น่าเสียดายที่ผู้ฝึกมิได้เป็นเช่นนั้น “ เยี่ยจงจ้องมองไปที่กระบวนท่านี้ ยิ้มอย่างเย็นชาขึ้นมากะทันหัน สายตาอันคมกล้าของเขา ยังสามารถมองออกว่า ชายหนุ่มเกราะเงินผู้นี้ยังฝึกปรือวิชาชุดนี้ยังไม่ถึงกับช่ำชอง อีกทั้งยังมิอาจที่จะกดดันพลังปราณอันพิเศษภายในร่างของตนเองได้ ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ กระบวนท่านี้ก็เป็นเหมือนดั่งว่างเปล่า มิได้ส่งผลใดๆออกมาได้
“ มีสายตาที่ไม่เลว ฝีปากก็ร้ายกาจ แต่ว่าหวังว่าความสามารถของเจ้าจะร้ายกาจได้เท่ากับฝีปากของเจ้านะ “ ชายหนุ่มเกราะเงินยิ้มอย่างเยือกเย็น เขาได้ถูกเยี่ยจงยั่วยุจนโมโห สีหน้าเยียบเย็นอย่างที่สุด หลังจากที่ตนเองได้ฝึกวิชาทักษะยุทธ์ปราณเหมันต์จนสำเร็จ ผู้คนต่างก็ให้เกียรติยกยอเขา แต่ว่าวันนี้กลับถูกเยี่ยจงด่าทออยู่หลายครา ทำให้เขาอดกลั่นจนอดกลั่นไว้ไม่ไหว
“ ซวบ “
ชายหนุ่มพลิกทั้งสองมือขึ้นช้าๆ วินาทีนั้น ก็ได้ผมหยดน้ำเป็นสายท่ามกลางอย่างได้หลอมรวมกันขึ้นมาในทันที เปล่งประกายจนกลายเป็นสาย มุ่งหน้าดีดตัวไปยังบริเวณที่เยี่ยจงอยู่เข้าไป เห็นได้ชัดว่าเขาได้เตรียมการใช้พลังฝีมือเช่นนี้เพื่อสังหารเยี่ยจงโดยเฉพาะ
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีเช่นนี้ เยี่ยจงก็พยักหน้าไปมา หัวเราะอย่างเย็นชาคำหนึ่ง ในครั้งนี้กลับมิได้จากไป เพียงแต่ว่าเวลานี้กลับใช้ออกด้วยสองหมัด พุ่งเข้าปะทะออกไปบริเวณทางด้านหน้า
“ บรึม “
เสียงระเบิดดังสนั่นออกมา แรงลมขนาดใหญ่กระจายออกมา ไอน้ำแข็งเหล่านี้ที่แท้ก็ได้เกิดรอยร้าวขึ้นท่ามกลางอากาศ
ชายหนุ่มเกราะเงินเกิดความหวาดกลัว เขาทราบว่าเยี่ยจงนั้นไม่ธรรมดา แต่ก็คิดไม่ถึงว่าพลังฝีมือขั้นก่อเกิดระดับที่เจ็ดนี้ของเขา จะมีพลังที่น่าหวาดกลัวจนถึงขั้นนี้ได้ ชายหนุ่มเกราะเงินผู้นี้ก็มีสายตาที่มิได้อ่อนด้อย เขาที่มาจากสำนักเสวียนหวิน เพียงแค่มองคราเดียวก็ทราบได้ ที่เยี่ยจงสามารถฝึกปรือมาได้จนถึงขั้นนี้ อย่างน้อยก็คงต้องเป็นเพราะวิชาพลังลมปราณ ที่เข้าถึงขั้นเซียนแล้ว
“ ปราณขั้นเซียน ? “
ชายหนุ่มชุดเกราะตื่นตระหนก กับพลังฝีมือที่ไม่ธรรมดาของเยี่ยจงนี้ เขาก็ได้เข้าใจ การที่จะสามารถฝึกฝนวิลาลมปราณขั้นเซียนได้นั้น ถ้ามิใช่โชคชะตาฟ้าหนุนเสริม มีความโชคดีเหนืออื่นใด ก็ต้องเป็นผู้ที่มีความเป็นมาอันน่าหวาดเกรง แน่นอนว่ามิอาจที่จะต่อกรได้โดยง่าย
แต่ว่าไม่ว่าเยี่ยจงจะเป็นเช่นนั้นหรือไม่ ในตอนนี้ทั้งสองฝ่ายก็ได้ลงมือในทันที เช่นนั้นต่อให้ชายหนุ่มเกราะเงินในตอนนี้คิดที่จะถอนตัวนับว่ายากแล้ว และจิตสังหารของเขายิ่งมาก็ยิ่งเข้มข้น หากว่าไม่รีบจัดการเยี่ยจงในตอนนี้ เกรงว่าในวันหน้าคงจะตามมาสร้างความลำบากให้แก่สำนักเสวียนหวินได้
“ ตายไปซะ “
ทันใดนั้นต่อมา ชายหนุ่มเกราะเงินก็ประกบมือทั้งสองข้าง วินาทีนั้น ก็พบว่าพลังปราณเหมันต์ได้ปกติคลุมทั่วทั้งร่างกายตลอดศีรษะจรดเท้าอย่างหนาแน่น แล้วก็ได้พุ่งเข้าปะทะกับเยี่ยจงออกไป
เยี่ยจงหรี่นัยน์ตาเล็กลง ถอยร่างไปอย่างรวดเร็ว กระบวนท่านี้ของชายหนุ่มเกราะเงินนี้ที่ดูไม่ธรรมดานี้ แต่ว่าก็ยังทำให้เขารู้สึกขนลุกขึ้นมาได้ ยังดีที่เยี่ยจงในตอนนี้ได้มีการเตรียมตัวที่ดี ความจริงแล้วเขาไม่คิดที่จะพัวพันกับคนเช่นนี้อีกต่อไป และจากนั้นก็ได้พุ่งทั้งสองมือในเวลาเดียวกัน วินาทีนั้น ก็ได้พบกับยันต์วิญญาณหลั่งไหลออกมาจากแขนเสื้ออย่างรวดเร็ว และเมื่อครู่ในจุดที่เยี่ยจงจัดตั้งไว้ให้ยันต์วิญญาณรวมตัวกันขึ้น จนอัดแน่นกันจนกลายเป็นไอกระบี่สวรรค์สายหนึ่ง พุ่งขึ้นสู่ท้องนภา
“ ซูมซูมซูม “
เพียงแต่ว่าในช่วงเวลาที่สายตากำลังวุ่นวาย ในช่วงเวลาที่ชายหนุ่มผมเงินยังมีปฏิกิริยากลับมาไม่ทัน ก็ได้มีพลังไอกระบี่อันน่าหวาดกลัวแทรกซึมเข้าสู่ร่างกาย ใบหน้าของของปรากฏความยากที่จะเชื่อ ร่างกายราวกับได้ค่อยๆเป็นอัมพาตล้มลงบนพื้น
“ นี้มัน …….. ค่ายกลยันต์วิญญาณ ? ผู้ฝึกยันต์วิญญาณระดับหนึ่ง ? “ ใบหน้าของชายหนุ่มเกราะเงินก็ปรากฏไปด้วยความตื่นตระหนก เด็กหนุ่มเบื้องหน้าสายตาไม่เพียงแต่มีพลังยุทธ์ที่สูงล้ำผู้คน เขาถึงกับยังเป็นผู้ฝึกยันต์ระดับหนึ่งอีกด้วย ? เป็นเรื่องที่ยากเกินกว่าจะคาดเดาไว้ได้
“ ซวบ “
และในช่วงเวลาเดียวกัน ก็ได้ยินเสียงแพร่กระจายมากับสายลม เยี่ยจงหรี่ตามองไปคราหนึ่ง ก็ตรวจพบว่านอกเสียจากชายหนุ่มเกราะเงินผู้นี้แล้ว อีกทั้งยังมีผู้คนอื่นคอยจับตามองดูอยู่
ทันใดนั้นต่อมา เยี่ยจงก็ยิ้มออกมาคำหนึ่ง งอมือทั้งสองข้างเป็นเครื่องหมาย วินาทีนั้น ไอพลังกระบี่อันน่าหวาดกลัวเป็นสายก็ได้ส่งเสียงออกมา เพียงแต่ว่าทันใดนั้น ก็ได้มีศพทั้งสามร่างลอยออกมาจากทางหน้าต่างด้านข้าง อีกทั้งยังเสียชีวิตอยู่ก่อนแล้ว บนใบหน้าของพวกเขาปรากฏความยากที่จะเชื่อจนตื่นตะลึงขึ้นมา
เมื่อพบว่าเยี่ยจงได้โบกมือของตนเองขึ้นมาแล้วสะบัดมือขึ้นลงอยู่หลายครา ในตอนนี้บนใบหน้าของชายหนุ่มเกราะเงินที่เป็นอัมพาตอยู่บนพื้นนั้นก็ได้ปรากฏความสิ้นหวังขึ้น ความแข็งแกร่งของเยี่ยจง มากเกินกว่าที่พวกเขาจะคาดคิดเอาไว้ได้
“ เจ้า เจ้าที่แท้เป็นใครกันแน่ ……. “
แล้วก็กระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง ชายหนุ่มเกราะเงินก็ได้เงยหน้าขึ้นมาอย่างยากลำบาก หากทราบว่าเยี่ยจงเป็นผู้ฝึกยันต์ระดับหนึ่งแต่แรก แน่นอนว่าเขาจะไม่มาเพียงลำพังก่อน
“ เรื่องนี้สำคัญด้วยหรือ ? ในเมื่อเจ้าก็จะต้องตายอยู่แล้ว ในเมื่อเจ้าไม่ยินยอมที่จะบอกว่าเจ้ามาจากที่ใด ข้าก็จะนำไปส่งให้แก่ตระกูลซูก็แล้วกัน ดีหรือไม่ ? “ เยี่ยจงยิ้มขึ้นเบาๆ จากนั้นก็โบกมือคราหนึ่ง ทันทีที่ชายหนุ่มเกราะเงินเตรียมที่จะอ้าปากขอร้องอ้อนวอน ไอกระบี่ก็ได้พุ่งลงมาจากท้องนภา เสียบเข้าไปยังศีรษะของเขา
แล้วก็ได้โบกมือคราหนึ่ง หลังจากนั้นชายหนุ่มเกราะเงินก็ยังคงหายใจอีกชั่วครู่แล้วก็บีบบางอย่างที่อยู่ใจกลางฝ่ามือ เยี่ยจงจึงได้โบกมืออีกครา วินาทีนั้นก็พบกับมีศีรษะทั้งชิ้นถูกเขาตัดลงไป
จากนั้นก็ได้เก็บศีรษะเหล่านี้เอาไว้ในกล่องหยกหลายชิ้น เยี่ยจงค่อยโบกมืออีกครา ตบไปที่ยันต์วิญญาณหลายแผ่น แล้วก็ได้เผาศพเหล่านี้อย่างสะอาดหมดจด
“ ค่ายกลกระบี่เดือนเสี้ยว ถึงกับมีพลังเช่นนี้ “
เมื่อได้มองไปยังสภาพที่สะอาดเอี่ยมเบื้องหน้า เยี่ยจงก็โบกมือไปมา เก็บยันต์วิญญาณที่ยังใช้ไม่หมดเมื่อครู่กลับมา ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มสายหนึ่ง เมื่อก่อนเขานั้นมิได้เดินทางสายอาคมนี้ได้ไกลมากนัก แต่ว่าพลังอำนาจความแข็งแกร่งของผู้ฝึกยันต์ผู้หนึ่ง ก็คือสิ่งที่เขาใช้อย่างค่ายกลกระบี่เดือนเสี้ยวเมื่อครู่นี้ ก่อนหน้านี้เยี่ยจงก็ทราบอยู่แล้วว่า ค่ายกลกระบี่ชุดนี้ไม่ธรรมดา เพียงแต่ว่าเขายังไม่เคยมีประสบการณ์ในการทดลองใช้ออกมา วันนี้เมื่อได้ทดลอง ก็ปรากฏผลลัพธ์ที่ไม่ธรรมดา หากว่าค่ายกลยันต์วิญญาณเหล่านี้เป็นตนเองลงมือสร้างมันขึ้นมาเองกับมือแล้วละก็ เกรงว่าพลังอำนาจจะยิ่งทวีความแข็งแกร่งขึ้น
“ ต่อจากนี้ สมควรที่จะต้องไปขอขมาถึงบ้านแล้วกระมั่ง ? “
หลังจากที่ได้ครุ่นคิด เยี่ยจงก็หัวเราะเบาๆ จากนั้นก็ได้ก้าวยาวๆมุ่งหน้าออกไปยังบริเวณภายนอก ทางด้านทิศทางที่อยู่ของบ้านตระกูลซู
หลังจากที่ได้เดินทางมาหลายลี้แล้ว ทั่วทั้งสี่ด้านที่ความจริงอยู่ในบรรยากาศที่เงียบสงบก็ได้หายไป สามารถที่จะพบได้กับเหล่ายอดฝีมือรุ่นเยาว์ที่ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงขององค์ชายใหญ่ แต่ละคนในตอนนี้ได้จดจ้องมองไปยังจุดที่เยี่ยจงเดินออกมา เมื่อพบเห็นเยี่ยจงเดินออกมา มีคนไม่น้อยที่รู้สึกงงงันขึ้น หรือว่าตระกูลซูและสำนักเสวียนหวินมิได้ลลงมือกับเขางั้นหรือ ?
“ เจ้า เจ้างั้นหรือ ? “ ศิษย์ผู้หนึ่งของบ้านตระกูลซูก็ได้มองไปที่เยี่ยจงด้วยความแปลกใจ เขาทราบว่า คนของสำนักเสวียนหวินได้ลงมือแล้ว เหตุใดเยี่ยจงจึงได้เดินออกมาอย่างปกติสุขกัน
“ เหว่ย ? นี้มิใช่พี่ซูสื่องั้นหรือ ? “ เยี่ยจงมองดูเขา และจดจำสถานะเขาออก ต่อมาก็ได้เปลี่ยนเป็นกระตือรือร้นอย่างถึงที่สุด
“ พี่ซูสื่อ เป็นเช่นนี้ เมื่อครู่ข้าได้พบกับท่านผู้อาวุโสเกราะเงินท่านหนึ่งระหว่างทาง เขาได้สั่งสอนข้าไปเล็กน้อย ในตอนนี้ข้าตัดสินใจที่จะไปยังบ้านตระกูลซูเพื่อขมา ท่านสามารถนำทางได้หรือไม่ ? “ เยี่ยจงอมยิ้ม จากนั้นเขาก็โบกมือคราหนึ่ง นำกล่องหยกออกมาสี่กล่อง “ นี้เป็นของขวัญที่ข้าเตรียมมาให้ หวังว่าตระกูลซูจะยิ้มรับเอาไว้ นอกจากนั้น วีรบุรุษรุ่นเยาว์ทุกท่าน ทุกท่านก็มาช่วยข้าเป็นสักขีพยาน ข้าได้มาขอขมากับตระกูลซูแล้ว จากนั้นก็อย่าได้เอาแต่ว่าข้ามีตาหามีแววไม่ละ “
ศิษย์ของตระกูลซูผู้นี้เมื่อได้พบเห็นความเคลื่อนไหวของเยี่ยจง เขาก็ได้รับกล่องหยกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความแปลกประหลาด เพียงแต่ว่าสถานะของเขานั้นธรรมดา ไม่สามารถที่จะเปิดกล่องหยกนี้ได้ด้วยตัวเอง หลังจากนั้นต่อมาคิดขึ้นมาได้ ค่อยยิ้มออกไปอย่างเย็นชา “ ในเมื่อเจ้ารู้สึกผิดแล้ว ข้าก็จะนำพาเจ้าเข้าไปในตระกูลซูเพื่อขอขมาก็แล้วกัน “
“ ขอบคุณ ขอบคุณ “ เยี่ยจงยิ้มด้วยสีหน้ารื่นรมย์ หันศีรษะกลับไปยังคนผู้อื่น “ ทุกท่านอย่าได้แน่นิ่งไป ไปพวกเราต่างก็ไปดูกัน “
.
.
.
.