เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 170 ศีรษะกลิ้งไปมา

ตอนที่ 170 ศีรษะกลิ้งไปมา

 

 

เมื่อได้มองไปยังสายตาอันหวาดกลัวของคนตระกูลซูแต่ละคน เยี่ยจงก็ได้หัวเราะอย่างเย็นชาออกมา กึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้มแล้วกล่าว “ พวกเจ้าตระกูลซูนั้นนับว่าร้ายกาจ ในตอนนี้ยังถึงกับมีความสนใจต่อทักษะยุทธ์ของข้า เพียงแต่น่าเสียดายที่พวกเจ้าตระกูลซูนั้นอ่อนแอเกินไป แม้แต่ตระกูลเยี่ยจงก็สู้ไม่ได้ ก็อย่าได้ฝันหวานจนเกินไป “

 

“ เจ้าหมายถึงอะไรกัน ? “ ผู้อาวุโสตระกูลซูหมวดคิ้ว ดวงตาปรากฏความโกรธขึ้นมา ตระกูลซูนั้นนับได้ว่าตนเองมีความสามรถที่เรียกได้ว่าอยู่ในอันดับหนึ่งของทั้งห้าตระกูล ในเวลานี้กลับถูกดูถูกเช่นนี้

 

แต่ว่าหลังจากที่ได้โกรธไปในทันทีนั้น ผู้อาวุโสตระกูลซูผู้นี้ก็ได้ร่างกายสั่นไหวขึ้นมาคราหนึ่ง สายตาของเขาจดจ้องไปยังทางด้านของเยี่ยจง เอ่ยปากกล่าวแทบจะไร้เสียง “ บุคคลที่จัดการกับตระกูลเยี่ยก่อนหน้านี้ หรือว่าจะเป็นเจ้าเยี่ยจงกัน ? “

 

เยี่ยจงทั้งไม่ปฏิเสธและไม่ยอมรับ อีกทั้งยังไม่กล่าวอันใด เพียงแต่ว่าใบหน้าปรากฏรอยยิ้มอันเย็นชาขึ้นมา

 

เมื่อพบเห็นสีหน้าของเยี่ยจง ผู้อาวุโสของตระกูลซูผู้นี้ก็ได้เกิดความประหลาดใจขึ้น ในฐานะที่ตนเองจัดได้ว่าอยู่ในระดับสูงของตระกูลซูก็ทราบได้ทันทีว่า หากบุคคลผู้นั้นในวันก่อนหน้านี้ที่อยู่ในตระกูลเยี่ย ที่แม้แต่ท่านบรรพบุรุษตระกูลเยี่ยก็ยังไม่อาจทำอันใดได้ อย่าว่าแต่ตระกูลเยี่ยที่ยิ่งใหญ่ ก็ยังถูกทำลายไปกว่าครึ่ง อีกทั้งถ้าหากเป็นเยี่ยจงผู้ที่อยู่เบื้องหน้าสายตาผู้นี้แล้วละก็ เกรงว่าตระกูลซูในวันนี้คงพบกับความลำบากแล้ว

 

“ สังหารเขา สังหารเขา ต้องสังหารเขาให้ได้ “

 

ในขณะนั้นเอง ผู้อาวุโสตระกูลซูตัวสั่นเทา จากนั้นก็ได้โบกมือออกคราหนึ่ง “ นำของสิ่งนั้นออกมา อย่ามัวแต่ชักชา ตอนนี้อยู่ในช่วงคับขัน มิเช่นนั้นตระกูลซูเราคงตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากแล้ว “

 

“ ขอรับ “

 

หลังจากที่เงียบงัน ก็ได้ศิษย์ของตระกูลซูนำชุดเกราะดำทมิฬตัวหนึ่งออกมาจากกลุ่มคนทันที เขาได้สวมหน้ากากปิดบังเอาไว้ จนทำให้ผู้คนมองเห็นไม่ชัดเจน แต่ว่าเขาก็ได้โบกทั้งสองมือขึ้น ทันใดนั้นเพียงพริบตาก็ได้พบกับแสงสีเงินอันลี้ลับพุ่งออกมาจากร่างกาย มุ่งหน้าไปทางด้านบริเวณของเยี่ยจง

 

เยี่ยจงขมวดคิ้วไปมา ก้าวเท้าออกไปราวกับสายฟ้าแลบ ร่างกายได้ถอยออกไปยังบริเวณทางด้านหลัง แต่ว่าแสงสีเงินนั้นกลับยังคงพุ่งเข้ามายังบริเวณที่เขาอยู่เข้ามา อีกทั้งยังได้ลอยออกมาอย่างรวดเร็วท่ามกลางอากาศ ไม่นานนักก็ได้เปลี่ยนเป็นคล้ายกับใยสีเงินขนาดใหญ่ฉากหนึ่ง ประทับเข้าไปยังบริเวณที่เยี่ยจงอยู่นั้นเอง

 

“ หรือว่านี้คือสมบัติที่ยิ่งใหญ่ ใยแมงมุมลี้ลับ ? “

 

ภายในกลุ่มผู้คน ก็มีคนที่จดจำขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน จนอดมิได้ที่จะเอ่ยออกไปด้วยความตกใจ

 

กล่าวกันว่า ภายในราชวังได้มีสมบัติชิ้นหนึ่งหายสาบสูญไป อีกทั้งยังเป็นสมบัติประจำรัฐที่มีอยู่เพียงไม่ชิ้นอีกด้วย หนึ่งในนั้นก็คือใยแมงมุมลี้ลับนี้ กล่าวกันว่าเมื่อได้ใช้ใยแมงมุมอกไปแล้ว หากว่าแตะถูกร่างกายของผู้คน ก็ยากที่จะสลัดหลุดออกมาได้

 

ในปีที่สมบัติชิ้นนี้ได้ถูกขโมยไป ทางราชวังก็ได้มีการตรวจสอบติดตามอยู่เป็นเวลานาน คิดไม่ถึงว่ากลับตกแล้วถูกใช้ออกจากตระกูลซู

 

เหล่าผู้ที่มุงดูการสู้รบอยู่นั้นในตอนนี้ก็ได้แสดงใบหน้าเย็นชาขึ้น ดวงตาปะทุไปด้วยเพลิงแค้นก็ได้ค่อยๆหายไป หลงเหลือไว้แต่เพียงแค่ความเย็นเยียบสายหนึ่ง หากว่าสมบัติชิ้นนี้มิได้ขโมยไปจากทางราชวังไปจริงแล้วละก็ เกรงว่าเมืองเยียจิงแห่งนี้คงต้องสั่นสะเทือนขึ้นมาแน่นอน

 

ในช่วงเวลานั้นเอง ใบแมงมุมขนาดใหญ่ก็ได้มุ่งหน้าเข้ากดทับไปยังบริเวณที่เยี่ยจงอยู่ ต่อให้เยี่ยจงเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วเพียงใดก็ตามที ก็ไม่มีวิธีที่จะรอดพ้นวัตถุชิ้นนี้ออกไปได้ เพียงแค่ชั่วเวลาเพียงหนึ่งถ้วยน้ำชา ใบแมงมุมลี้ลับนี้ก็ได้เข้าไปใกล้บริเวณร่างกายของเยี่ยจง ใยแมงมุมก็สั่นไหวด้วยพลังปราณอันประหลาด มุ่งหมายที่จะกุมขังตัวของเยี่ยจงเอาไว้

 

“ รีบฆ่าเด็กน้อยบัดซบผู้นี้ซะ ไม่ต้องเกรงใจแล้ว “ ผู้คนตระกูลซูจำนวนมากต่างก็ร้องเฮ้อออกมา วินาทีนั้นเอง เมื่อครู่ที่ได้สูญเสียความกล้าที่จะลงมือของคนของตระกูลซูที่ต่างก็ชักอาวุธออกมา แล้วก็พุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว

 

ร่างกายของเยี่ยจงในตอนนี้ได้ตกอยู่ในเขตแดนของใยแมงมุม ในตอนนี้ไม่อาจที่จะขยับได้ แต่ว่าดวงตาของเขากลับปกคลุมไปด้วยความเย็นชา มิได้แสดงความหวาดกลัวออกมาแม้แต่น้อย”

 

“ ค่ายกลกระบี่เดือนเสี้ยว ฟาดฟัน “

 

กลุ่มยอดฝีมือของตระกูลซูขนาดใหญ่ที่อยู่ทางด้านหน้า ก็ได้โจมตีเข้ามาในทันที เยี่ยจงพลิกสองมือเป็นสัญลักษณ์อย่างช้าๆ ในช่วงเวลาที่คับขัน ก็พบว่าบริเวณพื้นดิน ได้มียันต์วิญญาณส่องเป็นประกายออกมา พลังค่ายกลสายหนึ่งได้รวมตัวขึ้นมาในทันที อีกทั้งยังปรากฏพลังไอกระบี่พันชั่งออกมา มุ่งหน้าฆ่าสังหารผู้คนของตระกูลซูทั้งหมดที่กำลังดาหน้ากันเข้ามา

 

“ ฉับ ฉับ “

 

ยอดฝีมือของตระกูลซูได้ลงมือก่อนแต่กลับต้องทอดร่างลง ไม่เพียงแต่แม้แต่ผู้คนไม่น้อยศาสตราวุธทั้งหมดก็ยังถูกฟาดฟันกลายเป็นสองซีก และตราสัญลักษณ์ในมือของเยี่ยจงก็ได้เปลี่ยนไป แผ่พุ่งพลังกระบี่ออกมาจนน่าตกใจ ประกายกระบี่ราวกับหนักพันชั่งกระจายออกมาเป็นสาย ยังมีอีกหลายส่วนที่มุ่งหน้าเข้าไปยังค่ายกลกระบี่ของยอดฝีมือทั้งสี่ของตระกูลซู แต่ว่าในด้านพลังแน่นอนว่าต้องอยู่กันคนละระดับแล้ว

 

เสียงร้องดังลั่นออกมาไม่หยุดยั้ง บริเวณทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน ศีษระของคนได้กลิ้งไปมาเต็มพื้น ทว่าเพียงแค่พริบตาเดียว ศพมากมายก็ได้กองอยู่บริเวณหน้าบ้านของตระกูลซูเต็มไปหมด อีกทั้งเหล่าคนของตระกูลซูทีได้สวมใส่เกราะสีดำไว้บนร่างก็ยังต้องถูกตัดออกเป็นชิ้นๆเช่นกัน พลังใยแมงมุมลี้ลับสูญเสียการควบคุมไปในทันที กลับกลายเป็นว่าตกอยู่ในมือของเยี่ยจง จากนั้นก็ได้ถูกเก็บเข้าไปทันที

 

เรื่องที่เกิดขึ้นมาราวกับเกิดขึ้นเพียงพริบตาเดียว เพียงแต่ว่าตอนนี้ ไพ่ตายของตระกูลซูก็ได้ถูกทำลายลง เหล่ายอดฝีมือที่ได้ลงมือต่างก็ต้องทอดร่างกายเป็นศพ ตลอดทั่วทั้งบริเวณบ้านก็ได้เต็มไปด้วยกลิ่นโลหิตแผ่กระจาย ราวกับเป็นดินแดนของปีศาจก็มิปาน ฉากเบื้องหน้าเช่นนี้ ทำให้ผู้ที่ได้จ้องมองไปยังฉากเบื้องหน้า แต่ละคนก็ต้องสูดลมหายใจเข้าออกอย่างรวดเร็ว ขนลุกขนพองขึ้นมา

 

นี้ไม่เพียงแต่เป็นเพียงการเรียนรู้ของเด็กหนุ่มผู้หนึ่ง การที่ทั่วทั้งเมืองเยียจิงปรากฏบุคคลเช่นนี้ขึ้นมา แต่ว่าบุคคลเช่นนี้เพียงคนเดียว ในตอนนี้กลับกำลังฆ่าล้างตระกูลซูจนโลหิตนองเป็นสายธาร ศีรษะคนกระจายเกลื่อนกลาด เป็นเหมือนกับปีศาจ

 

มีอยู่หลายคนที่ได้รับข่าวสาร ก็ได้มีเบื้องสูงของตระกูลเยี่ยที่แอบซ่อนอยู่จ้องมองไปยังฉากเบื้องหน้า แต่ละคนต่างก็กดไว้ที่แขนที่ถูกตัดขาดไปของตนเอง ในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ที่เยี่ยจงไปเก็บกวาดตระกูลเยี่ย ยังดีที่เยี่ยถงยังไม่ตาย ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ จุดจบของตระกูลซูในวันนี้ เกรงว่าตระกูลเยี่ยจงก็จะอยู่ในสภาพที่ไม่ต่างกัน

 

บริเวณด้านหน้าบ้านของตระกูลซู ในตอนนี้หลงเหลือไว้แต่เพียงเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลซูจ้องมองไปยังเยี่ยจงอย่างไม่อาจกระพริบตาได้ เขามิอาจที่จะคาดคิดได้ว่า เยี่ยจงเพียงแค่คนเดียว ถึงกับสามารถมีความสำเร็จได้จนถึงระดับนี้ ในตอนนี้เหล่าศพของลูกศิษย์ของตระกูลซูบนพื้นนี้ เกรงว่าน่าจะมีจำนวนถึงสามสี่ร้อยคนได้แล้ว ? การสูญเสียเช่นนี้ เพียงพอที่จะทำให้ตระกูลซูมิอาจที่จะฟื้นคืนกลับมาได้อีก

 

และเมื่อได้สังหารมาจนถึงขั้นนี้ ทั้งสองฝ่ายไม่มีทางที่จะกลับมาสมานฉันได้อีกแล้ว ในตอนนี้ เหตุผลของการลงมือนั้นไม่นับว่ามีความสำคัญแต่อย่างไรแล้ว หากว่าในวันนี้เยี่ยจงแล้วฆ่าล้างตระกูลซูแล้วละก็ เช่นนั้นตระกูลซูก็ต้องกลับมาเลาะกระดูกเยี่ยจงอยู่ดี แน่นอนว่าไม่อาจที่จะกลับไปเป็นเช่นเดิมได้อีกแล้ว

 

“ เจ้าหนุ่ม ช่างกล้ามาก “

 

ผู้อาวุโสตระกูลซูจ้องมองเยี่ยจงอย่างโกรธแค้น จากนั้นเขาก็ได้คว้าป้ายหยกออกมาชิ้นหนึ่ง แล้วก็บีบมันไปในทันที

 

“ ซวบซวบซวบ “

 

จากความเคลื่อนไหวของเขา ก็ได้เกิดเสียงของสายลมพัดเข้ามาดังขึ้น จากนั้นก็ได้มีชายชราของตระกูลซู ปรากฏขึ้นมาในทันที

 

“ ผู้อาวุโสรุ่นที่สองของตระกูลซูเหล่านี้ มีอยู่หลายคนที่ได้เก็บตัวฝึกปรืออยู่ตลอดมานี้ คิดไม่ถึงว่าในวันนี้จะออกมาทั้งหมดเพื่อจัดการกับเยี่ยจง “

 

“ ไม่ออกมาได้อย่างไรกัน รุ่นที่สี่ของตระกูลซูย่อมมิใช่คู่ต่อสู้ของเยี่ยจงเลยแม้แต่คนเดียวด้วยซ้ำ อีกทั้งยังรุ่นที่สาม เกรงว่านอกเสียจากซูจื่อหวินแล้วก็คงไม่มีผู้ใดหาญกล้าที่จะลงมือแม้แต่คนเดียว แต่ว่ากล่าวกันว่าสถานะของซูจื่อหวินนั้นมีความพิเศษ อีกทั้งยังเป็นประมุขตระกูลสืบต่อจากรุ่นที่หนึ่ง ในตอนนี้ยังคงเก็บตัวฝึกฝนในที่เร้นลับของตระกูลซู หากมิใช่ถึงคราวคับขันอย่างแท้จริง แน่นอนว่าเขาก็คงไม่ลงมืออย่างแน่นอน ถ้าหากผู้อาวุโสของตระกูลไม่ออกมาแล้วละก็ เกรงว่าตระกูลซูคงต้องจบสิ้นในวันนี้แล้ว “

 

“ ต่อให้ตระกูลซูสามารถมีชัยในวันนี้ได้ แต่ก็เกรงว่าต้องอับอายขายขี้หน้าอย่างแน่นอน “

 

“ ยังมี ค่ายกลกระบี่เมื่อครู่ราวกับเป็นค่ายกลยันต์เหมือนกันนะ ? หรือว่าเยี่ยจงผู้นี้ที่แท้แล้วนอกจากมีความสามารถเทียบฟ้าแล้ว ยังถึงกับเป็นผู้ใช้ยันต์ระดับหนึ่งผู้หนึ่งอีกด้วยงั้นหรือ ? “ มีคนที่เริ่มมีปฏิกิริยากลับมาได้ทัน ทันใดนั้นก็เริ่มที่จะดูว่าได้มีอันใดเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดก็มิปาน ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

 

“ การฝึกยันต์ยุทธ์สองสาย ที่แท้ยังมีคนที่สามารถที่จะฝึกปรือด้วยวัยเพียงแค่นี้ ก็สามารถที่จะก้าวเข้าสู่ขั้นนี้ได้แล้ว ? ยิ่งไปกว่านั้นเหล่าเฒ่าประหลาดที่อยู่ในจุดสูงสุดแล้ว เกรงว่าคงมีเพียงแค่ไม่กี่คนที่จะสามารถกระทำเช่นนี้ได้ ? “

 

“ เยี่ยจงผู้นี้ต้องการที่จะพลิกฟ้าทลายดินให้ได้จริงงั้นหรือ ? “

 

……

 

ในบริเวณที่ไม่ห่างไกลจากบริเวณบ้านตระกูลซูมากนักส่วนหนึ่ง ในตอนนี้ ที่บ้านตระกูลซูได้เกิดการต่อสู้ของยอดฝีมือนับไม่ถ้วนขึ้น ในครั้งนี้มีบางอย่างที่ไม่เหมือนกับของตระกูลเยี่ยก่อนหน้านี้ ผู้คนทั้งหมดที่ลงมือต่างก็ทราบถึงสถานะของอีกฝ่าย ดังนั้นจึงได้เกิดความกลัวลดน้อยลง ผู้คนเหล่านี้ต่างก็เริ่มที่จะเข้าใกล้เข้าไปหลายส่วน จ้องมองไปยังบริเวณสนาม ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นตะลึง

 

“ นายน้อย เยี่ยจงผู้นี้ เมื่อก่อนหน้าที่อยู่ที่ถ้ำหงส์หยานั้น ก็คือผู้ที่พวกเราติดค้างน้ำใจอันยิ่งใหญ่ของลัทธิแห่งดวงดาวในครั้งนั้น เยี่ยจง นับตั้งแต่แรกเริ่มข้ายังนึกว่าเป็นผู้ที่มีชื่อเสียง ดูเหมือนว่า เขาที่แท้ก็คือเยี่ยจงจากตระกูลเยี่ยแห่งเมืองเยียจิงของพวกเรานี้เอง “

 

ด้านบนไหล่ของตึกสูงหลังหนึ่ง จ้านหวังน้อยโจวฉีซือใบหน้าก็เต็มไปด้วยความตื่นตะลึง เขาในตอนนี้ที่พึ่งเคยเห็นเยี่ยจงใช้ออกด้วยพลังของทั้งยันต์ยุทธ์ทั้งสองสาย ต่อให้เป็นตามนิสัยของเขา ก็มิอาจที่จะไม่เลี่ยมใสเยี่ยจงซักสามส่วนได้

 

และบริเวณด้านหลังร่างกายของเขา สี่กองกำลังโลหิตของโรงฝึกยุทธ์จ้านหวังก็ได้จดจ้องไปที่บริเวณเบื้องหน้าสายตา กล่าวเสียงแผ่วเบาออกมา

 

“ นายน้อย หากว่าเยี่ยจงได้ชัยไปในวันนี้ก็เท่านั้น แต่ว่าถ้าหากพ่ายแพ้ ตระกูลซูคิดที่จะสังหารเขาแล้วละก็ พวกเราทั้งสี่คนเกรงว่ามิอาจที่จะไม่ลงมือได้ ยังคงขอให้นายน้อยได้โปรดอภัยไว้ให้ด้วย อีกทั้ง พวกเรายังติดค้างหนี้ชีวิตจากเขาครั้งหนึ่ง “ หลินเกิงกล่าวออกมาเสียงแผ่วเบา สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง

 

“ พวกเจ้าก็ดูแคลนเยี่ยจงเกินไปแล้ว ผู้ที่มีความสามารถเทียบฟ้าฝึกวิชายันต์ยุทธ์ทั้งสองสายได้ พวกเขายังไม่เข้าใจอีกงั้นหรือไร ? “ โจวฉีซือค่อยๆส่ายศีรษะ “ ยิ่งไปกว่านั้น หากว่าข้าคาดเดาไม่ผิดแล้วละก็ วันก่อนที่ลงมือต่อตระกูลเยี่ย จนทำให้ท่านบรรพบุรุษตระกูลเยี่ยถึงกับต้องออกหน้า สมควรที่จะเป็นเยี่ยจงผู้นี้ …….. หากว่าเรื่องจริงเป็นเช่นนี้ คงจะมิอาจที่จะรับมือเยี่ยจงได้อย่างง่ายดายได้ ตระกูลซูถ้าไม่เลือดออก ก็มิอาจที่จะทำอันใดเยี่ยจงได้ ……. “

 

“ แน่นอน หากว่าเมื่อถึงเวลานั้นจริงแล้วละก็ พวกเจ้าก็จงรีบลงมือ ข้าจะคอยสนับสนุนพวกเจ้าเอง บุคคลเช่นนี้ ต่อให้มีปัญหากับตระกูลซูยังไงก็จำเป็นต้องรับทราบเอาไว้ “ ใบหน้าของโจวฉีซือทอประกายสดใส กล่าวออกมาเสียงแผ่วเบา

 

“ ขอรับ “ หลังจากที่เงียบงัน หลินเกิงและพวกก็ได้ทำความเคารพในเวลาเดียวกัน จ้องเขม็งไปทางด้านเยี่ยจง

 

บริเวณอีกทางด้านหนึ่ง องค์ชายใหญ่ที่ยืนดูอยู่บริเวณกำแพงเมืองนั้น จ้องมองไปยังบริเวณที่ห่างไกลออกไป มือของเขามิอาจที่จะคลายการกำไว้ได้ สายตาทอเป็นประกายประหลาด บริเวณทางด้านหลังของเขา ในตอนนี้ก็ได้มีความเคลื่อนไหวของพระญาติขุนนางเสื้อแพรขึ้น เพียงแต่ว่านัยน์ตาของเขาในตอนนี้ก็ได้มีลดทอความอาฆาตอยู่หลายส่วน ก็ได้เพิ่มเติมความนับถือขึ้นมาหลายส่วน

 

“ เยี่ยจงผู้นี้ ก่อนหน้าก็เรียกได้ว่าเกินความคาดคิดไปแล้ว ภายใต้รัฐต้าโจวหวังเฉา ในรุ่นเดียวกันนี้เกรงว่าคงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะเป็นคู่มือให้ได้ กับแค่เพียงตระกูลเยี่ย ถีงกลับมีการปรากฏตัวของบุคคลเช่นนี้ได้ คงยากที่จะคาดคิดเอาไว้ได้แล้ว “ องค์ชายใหญ่กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบพร้อมถอนลมหายใจออกมา

 

“ หากว่าองค์ชายใหญ่ลงมือ จะสามารถที่จะจัดการเขาลงได้หรือไม่ ? “ พระญาติขุนนางเสื้อแพรเอ่ยปากถามออกมาเสียงเบา

 

“ หากว่าเป็นก่อนหน้านี้ ข้ามีความมั่นใจว่าจะมีชัยถึงแปดส่วน แต่ว่าการที่จะมีชัยในตอนนี้ได้ คงมีไม่ถึงห้าส่วนด้วยซ้ำไปแล้ว “ องค์ชายใหญ่กล่าวออกมาอย่างเรียบง่าย “ แต่ว่า จากที่มองดูแล้ว เรื่องราวในครั้งนี้ยังไม่ถึงคราวสิ้นสุด คงยากที่จะตัดสินผลแพ้ชนะได้ “

 

“ ขอรับ “ พระญาติขุนนางเสื้อแพรพยักหน้า จากนั้นก็ยิ้มออกมาคำหนึ่ง “ ดูเหมือน หน้าของข้าในตอนนี้คงยากที่จะใช้ออกไปได้แล้ว “

.

.

.

.

 

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset