ตอนที่ 172 ค่ายกลเพลิงอัสนีเก้าชั้น
“ บรึม “
เสียงดังดั่งสายอัสนีฝ่าดังลอดออกมาจากบ้านตระกูลซู ก็พบเห็นว่ามีศิษย์มากมายของตระกูลซูแต่ละคนต่างก็กระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง ใบหน้าขาวซีด แต่ว่าในครั้งนี้คนเหล่านี้กลับมิได้พุ่งเข้าไปต่อ แต่ละคนได้เพียงแต่กัดฟันไปมา จากนั้นก็ได้นำยันต์วิญญาณใบหนึ่งออกมาจากแหวนจักรวาล ร่างกายได้ถอยออกไปยังบริเวณมุมหนึ่งของบ้านตระกูลซู นั่งสมาธิลงย
“ เยี่ยจง วันนี้พวกเราตระกูลซูจะทำให้เจ้าตายอย่างไร้ที่กลบฝัง “ มีชายชราของตระกูลซูหลายคนได้ขยับร่างขึ้นพร้อมกัน แล้วใช้ออกด้วยยันต์วิญญาณประหลาด ร่างกายก็ได้หยุดลงอยู่ท่ามกลางอากาศ วินาทีนั้น ก็ได้พบเห็นสายอัสนีทอสว่างรวมตัวกันขึ้นมาเป็นสายจากทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้านของลานบ้านตระกูลซู จากนั้นก็ได้รวมตัวจนกลายเป็นค่ายกลยันต์ขนาดใหญ่จนสำเร็จ
ค่ายกลยันต์วิญญาณเหล่านี้เป็นเหล่าผู้อาวุโสใช้ทั้งช่วงชีวิตคิดค้นขึ้น อัสนีแผ่กระจาย อัสนีส่องสว่าง แล้วยังอัสนีเพลิงเผาผลาญ น่าหวาดกลัวไร้ที่เปรียบ
“ อะไรกัน ? นี้ก็คือค่ายกลเพลิงอัสนีของตระกูลซูหรือ “
“ ตระกูลซูนี้ถึงกับใช้ออกด้วยค่ายกลป้องกันประจำตระกูลแล้ว “
“ กล่าวกันว่าค่ายกลเพลิงอัสนีของตระกูลซูได้ถูกสร้างขึ้นโดยยอดอัจฉริยะเมื่อร้อยกว่าปีก่อน น่ากลัวอย่างถึงที่สุด มีอยู่หลายคนที่คิดว่าเป็นเพียงเรื่องเล่าขาน แต่คิดไม่ถึงว่ากลับมีอยู่จริง “
“ ค่ายกลยันต์วิญญาณระดับสอง ? “
เยี่ยจงหรี่ตามองคราหนึ่ง ภายในส่วนลึกของดวงตาได้ทอแววตระหนกสายหนึ่ง เขากลับคิดไม่ถึงว่า ตระกูลซูจะมีค่ายกลป้องกันขนาดใหญ่ที่เป็นถึงค่ายกลยันต์วิญญาณระดับสองนี้
ค่ายกลยันต์วิญญาณระดับสองหากว่าใช้ออกด้วยพลังของผู้ใช้ยันต์ทั้งหมดแล้วละก็ คงมีพลังที่เทียบเท่าได้กับยอดฝีมือขั้นก่อฟ้าระดับจักวาลได้เลย น่ากลัวสุดยั้งคาด ต่อให้เป็นยอดฝีมือที่มีพลังอยู่ในขั้นก่อฟ้าระดับสูงสุด เกรงว่าก็อาจจะถูกสังหารได้
เพียงแต่ว่า เยี่ยจงนั้นถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะในสายยันต์ หลังจากที่ได้เพียงแค่มองดู เขาก็ยิ้มอย่างเย็นชาคำหนึ่ง ค่ายกลเพลิงอัสนีในตอนนี้ในสายตาของเขาราวกับเป็นเพียงความว่างเปล่า อีกทั้งยังถูกมองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง อาจจะเป็นเพราะว่าตนเองได้ทำลายบ้านตระกูลซูไปเกือบครึ่ง จนทำให้ค่ายกลนี้มีส่วนที่ไม่สมบูรณ์อยู่ส่วนหนึ่ง
เพิ่มเข้าไปด้วย ค่ายกลในตอนนี้กลับมิได้ถูกใช้ออกด้วยผู้ใช้ยันต์ ดังนั้นในตอนนี้ เยี่ยจงก็ได้สงบนิ่งลงมา มิได้ตื่นตกใจต่อค่ายกลยันต์วิญญาณระดับสองแต่อย่างไร
“ ตาย ตาย ตาย “
ท่ามกลางอากาศ ผู้อาวุโสตระกูลซูร่ายรำด้วยทั้งสองมือ วินาทีนั้นก็พบเห็นอัสนีเพลิงเต็มท้องฟ้า พุ่งเข้าไปยังบริเวณที่เยี่ยจงอยู่จากทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน เพียงแค่ชั่วครู่เดียวเท่านั้น ก็ได้ทำให้บ้านตระกูลซูแปรเปลี่ยนเป็นสนามพลังอัสนีเต็มไปหมด
มียอดฝีมือที่จ้องมองไปยังฉากเบื้องหน้านับไม่ถ้วน ต่างก็แตกตื่นขึ้นมา ค่ายกลเพลิงอัสนีที่เป็นถึงค่ายกลใหญ่ประจำตระกูล กลับมีอำนาจสะเทือนฟ้าเช่นนี้ได้
ในสายอัสนี ก็ได้ก่อเกิดพลังอัสนีอัดแน่นรวมกันอยู่ ราวกับว่าแสงก่อตัวจะเป็นมารอัสนีสว่างวาบราวกำลังอ้าปากอยู่ มุ่งหน้าเข้าไปสังหารบริเวณที่เยี่ยจงอยู่
“ มาได้ดี “
เยี่ยจงยิ้มอย่างเย็นชา พลังอำนาจของค่ายกลเพลิงอัสนีนี้ถือได้ว่าเกินความคาดหมายไปอยู่หลายส่วน แต่ว่าเขาในตอนนี้กลับมิได้พยายามหลบซ่อนแต่อย่างไร เพียงโบกมือออกคราหนึ่ง ค่ายกลกระบี่เดือนเสี้ยงก็ได้ขยับในทันที
“ ตูม “
เล่าขานกันว่า หากว่าฝึกปรือพลังสายกระบี่จนถึงจุดสูงสุด จะสามารถใช้หนึ่งกระบี่หมื่นเปลี่ยนแปลง ฟาดฟันไปทั่วทั้งดินแดน ถึงแม้ว่าพลังค่ายกลกระบี่เดือนเสี้ยวของเยี่ยจงจะมิได้แข็งแกร่งตามที่เล่าขาน แต่ว่าพลังของกระบี่ก็เป็นเหมือนดั่งท้องทะเล โจมตีเข้าหามารอัสนีอย่างน่าหวาดกลัว
ค่ายกลปะทะค่ายกลในตอนนี้ ถือได้ว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว
อีกทั้งอย่างน้อยๆเยี่ยจงก็ยังเป็นถึงผู้ใช้ยันต์ที่มีความสำเร็จถึงขั้นที่หนึ่ง และค่ายกลเพลิงอัสนีของตระกูลซูกลับมิได้ถูกใช้ออกโดยผู้ใช้ยันต์ ต่อให้ค่ายกลเพลิงอัสนีจะอยู่ในระดับขั้นที่สองก็ตาม แต่ว่าเยี่ยจงก็ไม่เชื่อว่า การพึ่งพาเพียงผู้ที่มิอาจใช้ยันต์ได้หลายคนคอยควบคุม จะสามารถใช้ออกได้อย่างเต็มประสิทธิ์ภาพได้
“ บรึม “
อัสนีทอดลง พลังกระบี่ดั่งคลื่นทะเล พลังกระบี่และมารอัสนีได้เข้าปะทะเข้าหากันท่ามกลางอากาศ ก็พบเห็นพลังกระบี่ส่งเสียงดังหวือ อัสนีเพลิงปะทุขึ้น ทั่วทั้งท้องนภาเต็มไปด้วยสายลมแผ่กระจาย น่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด
มียอดฝีมือมากมายนับไม่ถ้วนที่อ้าปากตาค้าง นี้เป็นการโจมตีของเด็กหนุ่มผู้มีพรสวรรค์ที่มีพลังอยู่ในขั้นก่อเกิดระดับที่เจ็ดเพียงคนเดียวงั้นหรือ ? สิ่งนี้เป็นเหมือนการปะทะของยอดฝีมือที่มีพลังขั้นก่อฟ้าที่แท้จริงเข้าปะทะกันจึงจะถูก ไม่ว่าจะเป็นด้านพลังอำนาจหรือด้านความแข็งแกร่ง ต่างก็เกินเลยกว่าที่ยอดฝีมือระดับปกติธรรมดาจะสามารถทำได้แล้ว
“ ตูม “
ใบหน้าของผู้อาวุโสตระกูลซูเคร่งเครียดขึ้น บีบยันต์วิญญาณในมือทั้งสองข้าง ขบเคี้ยวเขี้ยวฟันไปมาแปรมือเป็นสัญลักษณ์ วินาทีนั้น ก็ได้มีมารอัสนีสามตัวอัดแน่นกันอยู่ภายในคลื่นสายฟ้า โพยพุ่งสายอัสนีคลื่นเพลิงออกมาอย่างน่าหวาดกลัว
“ มาได้ดี แต่ก็ใช่ว่าจะมีเพียงแต่พวกเจ้าที่ใช้ค่ายกลได้หรอกนะ “ เยี่ยจงยิ้มอย่างเย็นชา จากนั้นก็ใช้ออกด้วยพลังกระบี่ ทันใดนั้นพลังกระบี่ก็ได้รวมตัวกันเต็มท้องฟ้า แปรเปลี่ยนเป็นสายรุ้งยาวขึ้นมา
แบะในเวลาเดียวกัน มารอัสนีทั้งสี่ตัวก็ได้ปล่อยพลังเพลิงอัสนีออกมาพร้อมกัน พลังน่าหวาดกลัวไร้ที่เปรียบ
“
“咔嚓——”
พริบตาเดียว การโจมตีทั้งสองสายก็เข้าปะทะกัน เสียงดังสนั่นเป็นสายครอบคลุมไปทั่วฟ้าดิน ทั่วทั้งบริเวณบ้านตระกูลซูก็ได้เกิดรอยแตกระเบิดขึ้น บริเวณทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน มียันต์วิญญาณแตกระเบิดนับไม่ถ้วน จนเกิดประกายแสงประหลาดส่องสว่างขึ้น
เยี่ยจงขยับร่างคราหนึ่ง ร่างกายถอยออกไปปานสายฟ้าแลบ ทันทีที่ร่างกายเหยียบย้ำลงบนพื้นดิน บริเวณใต้เท้าของเขานั้นเอง ก็ได้เกิดรอยแตกร้าวขนาดใหญ่นับไม่ถ้วนบริเวณพื้น เมื่อได้ปะทะกับกระบวนท่านี้แล้ว ก็ได้ทำให้ผู้ที่กำลังจะโจมตีเข้ามาตกใจ
บริเวณทางด้านฝ่ายตรงข้าม เหล่ายอดฝีมือส่วนหนึ่งของตระกูลซูที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ก็ได้ร่างกายสั่นเทาขึ้นอย่างกะทันหัน แตกระเบิดเลือดกระเด็น คล้ายกับธารโลหิตสายหนึ่ง เห็นได้ชัด กระบวนท่านี้ได้ส่งผลให้คนของตระกูลซูจ่ายค่าชดเชยออกไปไม่น้อย
“ มาอีก “
ท่ามกลางอากาศ ผู้อาวุโสตระกูลซูก็ได้ขบฟันไปมา ราวกับไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในตระกูลซูก็มิปาน เพียงแต่ขยับมืออย่างดุดันคราหนึ่ง วินาทีนั้นยังคงสภาพของพลังเอาไว้อย่างดี แล้วก็มีคนในตระกูล้ข้าไปสมทบอย่างรวดเร็ว นั่งอยู่แทนที่บริเวณแห่งนั้น จนทำให้ค่ายกลเพลิงอัสนีเพิ่มความรุนแรงยิ่งขึ้น
ใบหน้าของเยี่ยจงได้เผยให้เห็นความเคร่งเครียดขึ้นมา เขาก้าวเท้าออกเล็กน้อย หลังจากที่ถอยร่างออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วก็ขยับสองมือพร้อมกัน ยันต์วิญญาณก็ได้ลอยออกมาอย่างวุ่นวาย ลอยขึ้นมาตามแรงลม กระทบเข้ากับบริเวณทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน อีกทั้งค่ายกลกระบี่เดือนเสี้ยวก็ได้เพิ่มความหนาแน่นของพลังเพิ่มขึ้น สาดประกายกระบี่ออกมานับไม่ถ้วน เพียงแต่ว่าถึงจะเป็นเช่นนี้ ดวงตาของเยี่ยจงก็ยังคงความหนักแน่นไร้ที่เปรียบ
ค่ายกลเพลิงอัสนีนี้นับได้ว่ามีพลังเกินกว่าที่คาดเดาเอาไว้ได้ คิดไม่ถึงว่าค่ายกลยันต์ที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อก่อนจะมีความสามรถมากมายขนาดนี้ พลังฝีมือในตอนที่สร้างค่ายกลก็นับได้ว่าน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุดแล้ว ไม่เช่นนั้นแล้วก็คงจะไม่อาจสร้างค่ายกลเพลิงอัสนีได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้
ตามการคาดเดาของเยี่ยจง ค่ายกบเพลิงอัสนีในตอนนี้ยังมิได้แสดงพลังอันน่ากลัวออกมาถึงครึ่งหนึ่ง การโจมตีต่อจากนี้ยิ่งจะทำให้เพิ่มความน่ากลัวขึ้นไปอีกก็เป็นได้
“ ฆ่า “
ผู้อาวุโสตระกูลซูผู้หนึ่งใช้มือทั้งสองข้างฟาดเข้าไปที่หน้าอกของตนเองคราหนึ่ง กระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง วินาทีทันใดนั้น พลังเพลิงอัสนีอัดแน่นรวมตัวกันราวกับกำลังบ้าคลั่ง ในครั้งนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงเป็นมารอัสนีขนาดใหญ่ถึงห้าตัว ค่อยๆคืบคลานอยู่ท่ามกลางอากาศเข้าหาบริเวณที่เยียจงอยู่
“ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ “
เยี่ยจงมิได้มีเวลาแม้แต่การสูดหายใจเข้ามากนัก เขาพลิกมือทั้งสองข้าง จากนั้นก็พบว่าทั่วทั้งสี่ด้านท่ามกลางอากาศ ได้แผ่กระจายพลังกระบี่ออกมาเป็นสาย ท้ายที่สุดก็ได้ครอบคลุมอยู่ทั่วทั้งร่างของเขา
ค่ายกลกระบี่เดือนเสี้ยวได้เปลี่ยนแปลงไปอีกรูปแบบหนึ่ง อีกทั้งสามารถครอบคลุมไปทั่วร่าง ราวกับว่าค่ายกลกระบี่นี้เป็นดั่งตัวของเยี่ยจงเอง แน่นอนว่า พลังด้านร่างกายของเยี่ยจงที่ถือมีความแข็งแกร่งเพียงพออยู่แล้ว หากว่าเป็นผู้ใช้ยันต์วิญญาณปกติธรรมดาทำเช่นนี้ เกรงว่าคงจะร่างแตกระจายออกนับตั้งแต่ครั้งแรก อีกทั้งวิชาที่เยี่ยจงฝึกปรือยังเป็นวิชาโบราณที่มีความเปลี่ยนแปลงที่พิศดาล จึงจะสามารถใช้ค่ายกลครอบร่างเช่นนี้ได้
“ มาได้ดี “
จากนั้นก็ได้ถอนหายใจออกมายาวๆคำหนึ่ง เยี่ยจงขยับมือขวาคราหนึ่ง กระบี่คงหมิงก็ได้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง วินาทีนั้นก็พบว่ากระบี่ยาวได้ถูกฟาดฟันออกไป ประกายกระบี่สีเงินราวกับแม่น้ำวาดออกไปเป็นสาย ดั่งดวงดาวที่ทอประกายท่ามกลางแสงจันทร์ทอประกายอย่างบ้าคลั่ง มุ่งหน้าเข้าปะทะไปยังบริเวณจุดตายของมารทั้งห้า
พลังอัสนีและกระบี่สาดประกายอยู่เต็มท้องฟ้าขึ้นมาอีกครั้ง เสียงแตกระเบิดดังออกมาอย่างน่ากลัวไม่ขาดสาย ทำให้เกิดแสงเป็นประกายให้เห็นไปทั่วทั้งเกือบครึ่งท้องฟ้าบนเมือง
“ ตูมตูมตูม “
หลังจากที่กระบวนท่านี้เข้าปะทะกันแล้ว บริเวณบ้านของตระกูลซู ที่มีลักษณะเป็นตึกใหญ่ ทางด้านบนก็ได้เกิดรอยร้าวขึ้น มีศิษย์ของตระกูลซูไม่น้อยที่หนีออกไปไม่ทัน ถูกกดทับไปในทันที เห็นได้ชัดว่า พลังทำลายของกระบวนท่าได้เกินกว่าที่คาดเดาเอาไว้มากแล้ว ต่อให้เป็นค่ายกลใหญ่ประจำตระกูลซู ก็ได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ ตูม “
หลังกระบวนท่านี้ ร่างกายของเยี่ยจงก็ได้ที่อยู่ท่ามกลางอากาศก็ได้ถูกดีดออกจากแรงปะทะ ในช่วงเวลาที่ลงสู่พื้นดิน ฝ่าเท้าของเขาก็ได้ถอยไปทางด้านหลังนับร้อยเมตร ขาวซีดไปทั้งใบหน้า และผู้คนของตระกูลซูมากมายที่จัดตั้งค่ายกล ต่างก็ได้ร่างแตกกระจายเป็นเพียงเลือดเนื้อก้อนหนึ่ง ไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตใดๆ
“ เด็กน้อย เจ้าตายเสียเถอะ “
ท่ามกลางอากาศ ชายชราใบหน้าดำคล้ำก็ขบฟันไปมา เขาได้หันศีรษะมองไปบริเวณทางด้านหลังที่มีผู้บาดเจ็บของตระกูลซูอยู่ ใบหน้าปั้นยาก ค่ายกลเพลิงอัสนีถึงแม้จะร้ายกาจ แต่ว่าก็เกิดความสูญเสียมากเกินไป มีรวมพันคน ถูกสังหารไปรวมแปดร้อย หากว่าต้องต่อสู้ต่อไป เกรงว่าถ้าเยี่ยจงยังไม่หมดแรง ตระกูลซูของพวกเขาก็คงมิอาจรับการสูญเสียเช่นนั้นได้อีกแล้ว
“ ข้าไม่เชื่อว่า ตระกูลซูของพวกเราจะต้องรับมือผู้เยาว์เพียงแค่คนเดียวไม่ได้ เปลี่ยนเป็นใช้ด้วยค่ายกลเพลิงอัสนีแปดชั้นซะ “
หลังจากที่ชายชราหน้าดำสีหน้าเปลี่ยนไป ก็ได้เข้าใจว่า เมื่อเรื่องราวมาจนถึงขั้นนี้ ต่อให้เกิดการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่อีกครั้ง ตระกูลซูของพวกเขาก็มิอาจที่จะถอยไปได้ หากว่าถอยออกไป ความข่มขืนก่อนหน้าก็สูญเปล่าโดยทั้งสิ้น
“ ฆ่า “
ทันใดนั้นต่อมา เขาก็ประกบทั้งสองมือ ในครั้งนี้ ก็พบว่าเกิดเสียงร้องดังขึ้นของสายอัสนี ความน่าหวาดกลัวของเพลิงอัสนีได้โพยพุ่งออกมา แล้วก็รวมตัวกันขึ้น เพียงแต่ว่า ในครั้งนี้มิได้กลายเป็นมารอัสนี แต่กลับกลายเป็นมังกรอัสนีตัวหนึ่ง มังกรอัสนีมีร่างที่ดูลี้ลับเก่าแก่ แต่ว่าก็ยังแผ่กระจายความน่ากลัวออกมา
กล่าวกันว่า เผ่าพันธุ์ปีศาจมังกรโบราณนั้นมีความน่ากลัวซ้อนเร้นอยู่ ค่ายกลเพลิงอัสนีใช้ออกจนกลายเป็นรูปร่างของมังกรอัสนีเช่นนี้ได้ และยังมีพลังกดดันของมังกรอัสนี ที่ได้ปลดปล่อยความน่ากลัวออกมา
และในขณะนี้เอง เฒ่าประหลาดจากขุมกำลังใหญ่ของเมืองเยียจิงต่างก็อดใจเอาไว้ไม่อยู่ ทุกผู้คนต่างก็โบยบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า จากนั้นก็ได้จ้องมองที่แห่งนั้น
การต่อสู้กับตระกูลซูนี้ ได้มาจนถึงขั้นที่ยากจะเชื่อได้ว่าจะมีความน่ากลัวถึงเพียงนี้ อีกทั้ง เหล่าเฒ่าประหลาดที่ได้รับข่าวคราว ก็ประคับประคองตระกูลซูมาจนถึงขั้นนี้แล้ว อีกทั้งผู้เยาว์จากตระกูลเยี่ยเพียงคนเดียว ยังถึงกลับทำให้ใบหน้าของพวกเขาแปรเปลี่ยนเป็นประหลาดใจขึ้นมาได้
ณ บริเวณบ้านตระกูลเยี่ย ผู้ยิ่งใหญ่ของตระกูลเยี่ยอย่างเยี่ยหลางเจวียที่กำลังจ้องมองไปยังฉากเบื้องหน้า ใบหน้าปกคลุมไปด้วยความตกตะลึงสายหนึ่ง เขาเคยประมือกับเยี่ยจงมาก่อน ย่อมต้องทราบถึงความน่ากลัวของเยี่ยจง แต่ก็คิดไม่ถึงว่า เยี่ยจงยังคงมีไพ่ตายเช่นนี้อยู่อีก อีกทั้ง เขายังทราบอีกว่าในตอนนี้เยี่ยจงยังมิได้หงายไพ่ตายที่มีอยู่ทั้งหมดออกมา ไพ่ตายที่แท้จริงนั้น เขายังคงเก็บเอาไว้อยู่ถึงแปดส่วน
เมื่อคิดมาจนถึงข้อนี้ เยี่ยหลางเจวียก็ได้เกิดความเจ็บปวดขึ้นมาสายหนึ่ง เด็กหนุ่มอัจฉริยะเช่นนี้ ถึงกับไม่อาจเป็นประโยชน์ต่อตระกูลเยี่ยได้ อีกทั้งยังทำให้ตระกูลเยี่ยเกิดความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่อีก
บริเวณท่ามกลางสนาม เยี่ยจงก็ได้ค่อยๆหรี่ตาลง ยกทั้งสองมือขึ้น ยันต์วิญญาณได้พุ่งออกมาอย่างวุ่นวายดังขึ้นมา เกาะกุมไปทั่วทั้งสนาม
.
.
.
.