ตอนที่ 181 ตึกจักรพรรดิทองคำและห้องเก้ามังกร
พลังอาทิตย์เริ่มที่จะลับขอบฟ้า ทั่วทั้งวังหลวงราวกับได้ประดับประดาไปด้วยโคมไฟสีทอง นอกจากสามารถเข้ามายังท่ามกลางห้องรับแขกที่มียอดฝีมือจากขุมกำลังต่างๆมากมายแล้ว นอกจากภายในวังหลวงแล้วก็ยังมีชาวเมืองต้าโจวรวมตัวกันด้วย พวกเขาต่างก็คุกเข่าล้อมรอบบริเวณเมืองหลวงเอาไว้ เพื่อถวายแก่ราชวงศ์
“ ทุกท่าน ขอเชิญเข้าสู่ภายในวัง “
ได้มีราชองครักษ์คอยเชื้อเชิญแขกเข้ามาสู่ห้องโถงใหญ่ จากนั้นก็ได้โค้งกายแล้วกล่าวออกมา น้ำเสียงไม่หยิ่งและไม่อ่อนน้อม
มียอดฝีมือไม่น้อยที่มองไปยังฉากเบื้องหน้า ต่างก็ได้เร่งรีบที่จะหันกายคารวะกลับไป หลังจากนั้นก็ได้มีราชองครักษ์คอยนำทาง เดินออกไปทางด้านห้องโถงรับแขกขนาดใหญ่ เพื่อที่จะได้เข้าไปยังภายในท่ามกลางราชวัง
ราชวังอยู่ภายในใจกลางเมืองหลวงนี้กินพื้นที่ไปทั้งหมดสองในสามส่วนเลยทีเดียว ตลอดรายทางก็สามารถพบเห็นได้ ถึงสิ่งปลูกสร้างที่ดูโบราณ อีกทั้งยังมีตัวอักขระแปลกประหลาดเปล่งประกายออกมา เห็นได้ชัดว่า ภายในพื้นที่ของราชวังแห่งนี้ได้จัดสร้างไว้ด้วยค่ายกลและสิ่งป้องกันการบุกรุกเอาไว้ หากว่าไม่พลีพลามเข้ามาแล้วละก็ สภาพต่อไปคาดว่าคงยากที่จะคาดเดาเอาไว้ได้
อีกทั้งยังเห็นได้ชัดว่าทางด้านพื้นดินแห่งนี้ นอกเสียจะบนพื้นผิวที่มีสิ่งของต่างๆแล้ว ยังมีสิ่งของที่ถูกประดับประดาจนละลานตา ทำให้ผู้คนมีความรู้สึกชนิดหนึ่งที่ไม่กล้าที่จะขยับเคลื่อนไหวออกไป
“ ค่ายกลยันต์วิญญาณระดับสอง ? ไม่ถูกต้อง สมควรที่จะเป็นค่ายกลยันต์วิญญาณระดับสาม “ เยี่ยจงหรี่ตามมองดู จดจ้องกวาดไปยังบริเวณส่วนนอกของราชวัง เขาสามารถตรวจสอบได้อย่างชัดเจนว่า ภายในราชวังแห่งนี้ได้ถูกปิดล้อมไปด้วยค่ายกลต่างๆทั้งหมดเข้าด้วยกัน จนรวมตัวกันจนกลายเป็นค่ายกลยันต์วิญญาณที่โบราณกาลที่มีความแข็งแกร่งอย่างมาก อย่างน้อยก็ต้องอยู่ในระดับที่สองหรือไม่ก็ระดับสาม
“ หากว่าราชวังคิดที่จะฆ่าสังหารยอดฝีมือที่มาเพื่อถวายคำอวยพรในตอนนี้ เช่นนั้นเพียงแค่ขยับค่ายกลในตอนนี้ บวกกับแล้วมือสังหารชั้นสูงของราชวัง คงจะต้องมีความสำเร็จอย่างน้อยก็แปดส่วนแล้ว “ เยี่ยจงสรุปออกมา จากนั้นก็ได้หัวเราะเสียงแผ่วเบา นี้ตนเองคิดมากไปหรือเปล่า ราชวงศ์ต้าโจวไม่สมควรที่จะโหดร้ายเช่นนี้ ถึงกับคิดที่จะฆ่าสังหารยอดฝีมือทั้งหมดที่มาถวายคำอวยพรเลยงั้นหรือ ?
หลังจากที่ได้เดินผ่านรอบนอกของราชวัง ก็ได้เข้ามาส่วนด้านข้างที่อยู่ภายใน ตึกอันสง่างามตั้งเรียงรายปรากฏให้เห็น อีกทั้งบริเวณด้านนอกของตึก ด้านข้างก็เป็นภูเขาแม่น้ำป่าไม้ทะเล ดูแล้วให้ความประหลาดอย่างน่าแปลกใจ
แต่ว่าหลังจากที่เยี่ยจงได้จดจ้องไป ก็ได้ค่อยๆสูดลมหายใจเข้าคำหนึ่ง ภูเขาแม่น้ำป่าไม้ทะเลเหล่านี้ มีพื้นที่ไม่น้อยที่เพาะพันธุ์เลี้ยงดูโอสถวิญญาณหลายชนิดอยู่ อีกทั้งโอสถเหล่านี้ยังถือได้ว่าพบเจอได้อย่างเป็นอย่างยิ่ง และใช้เวลาที่นานแรมเดือนปี เพียงแค่มองในข้อนี้ ก็ทำให้ผู้คนทราบได้ ราชวงศ์แห่งนี้มีความมั่งคั่งถึงเพียงใด
นอกเสียจากตอนนี้แล้ว ยังสามารถที่จะพบเห็นหินโบราณเป็นเหมือนเตาหลอมถูกจัดตั้งอยู่บนที่แห่งนี้ เตาหลอมเหล่านี้ถึงแม้จะมิได้เปิดอยู่ แต่ว่าก็ทำให้ผู้คนตรวจสอบพบว่าภายในเตาหลอมเหล่านี้ได้ส่งกลิ่นหอมหวนของโอสถออกมาเป็นสาย
“ วิชาหลอมโอสถโบราณขั้นสูง ? “ เยี่ยจงตกตะลึง นี้นับเป็นพลังฝีมือที่เรียกได้ว่ายอดเยี่ยมอย่างถึงที่สุดอย่างหนึ่ง เป็นการกักเก็บยาไว้ในเตาหลอม เพื่อที่พวกเขาจะสามารถหลอมเป็นโอสถได้
กล่าวกันที่มาของฝีมือเช่นนี้ เป็นวิธีการของการกักเก็บยาโอสถที่มีผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แต่ว่าการหลอมโดยวิธีนี้จะต้องใช้สูญเสียเวลาเป็นอย่างยิ่ง มีความเป็นไปได้ในการหลอมโอสถต่อเตาหนึ่งอาจจะต้องใช้เวลานับร้อยจวบจนถึงพันปีถึงจะหลอมออกมาได้สำเร็จ และในตอนนี้เยี่ยจงและพวกที่ได้พบเห็นเตาหลอมหินโบราณนี้ คาดเดาว่าคงจะต้องมีอายุอานามนับร้อยๆปี แต่ว่าเตาหลอมเหล่านี้ยังคงหล่อหลอมโอสถยังไม่สมบูรณ์นัก
ในดินแดนแห่งนี้ ก็ได้มีแต่ยอดคนที่อยู่ภายในราชวังเท่านั้นจึงจะสามารถใช้การหล่อหลอมชนิดนี้ได้ ต่อให้เป็นขุมกำลังประเภทลัทธิแห่งดวงดาว ก็ยังมิกล้าที่จะใช้วิธีเช่นนี้เลย
นอกเสียจากเตาหลอมโบราณโบราณเหล่านี้แล้ว เยี่ยจงก็ได้ตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว ท่ามกลางต้นไม้ที่อยู่ท่ามกลางป่าไม้ ต่างก็ถือได้ว่ามีความเก่าแก่อยู่มาก อย่างน้อยๆแต่ละต้นก็น่าจะมีอายุนับพันปีแล้ว แล้วก็ยังมีเหล่าไม้ที่สามารถนำมาใช้เป็นส่วนผสมสำหรับการหลอมโอสถอีกด้วย หากว่าบุคคลปกติธรรมดาหล่อหลอมไปแม้ซักก้าน คงจะได้รับประโยชน์อยู่ไม่น้อย
“ ราชวงศ์ของประเทศหนึ่ง ถึงกับมีทรัพยากรที่บุคคลธรรมดายังมิอาจที่จะสามารถครอบครองได้ “ เยี่ยจงถอนหายใจภายในใจ กลุ่มผู้คนที่มาเพื่อถวายคำอวยพรนี้ ก็ได้ก้าวเข้ามายังท่ามกลางใจกลางของตึกจักรพรรดิทองคำ
ภายในตึกตึกจักรพรรดิทองคำได้ตกแต่งไว้อย่างเลิศหรู บนพื้นถูกจัดสร้างไว้ด้วยชิ้นส่วนของหินวิญญาณมากมายจนกลายเป็นหินอ่อน ระหว่างการเดิน ก็สัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณที่แผ่ปกคลุมออกมา ครอบคลุมไปทั่วทั้งร่างกายผู้คน
หากให้ยอดฝีมือสายยุทธ์กล่าวถึงพื้นที่แห่งนี้ ก็กล่าวได้ว่าถือเป็นพื้นที่สำหรับฝึกยุทธ์ที่ดีมากแห่งหนึ่ง หากสามารถฝึกปรือในสถานที่แห่งนี้ ไม่แน่ว่าภายในวันหนึ่งวันจะสามารถมีความสำเร็จถึงสิบวันของพื้นที่ภายนอก
แต่ว่า สถานที่แห่งนี้ในตอนนี้ใช้ไว้แต่เพียงเพื่อเป็นจุดรวมตัวของผู้ที่มาถวายคำอวยพรแก่ราชวงศ์เท่านั้น ทำให้ผู้คนมิอาจที่จะไม่สูดลมหายใจได้
ในตอนนี้ ยอดฝีมือแต่ละฝ่ายก็ได้เข้ามายังท่ามกลางตึกจักรพรรดิทองคำแห่งนี้ ถึงแม้จะมีผู้คนไม่น้อยที่มองมทางหลังของตึกจักรพรรดิทองคำ พลังปราณมังกรก็ได้แตกแยกออกไปทั้งหมดเก้าสาย
ห้องเก้ามังกรที่เป็นห้องรับแขกของราชวงศ์ กล่าวกันว่าด้านในนี้ได้ถูกจัดวางไว้ด้วยบัลลังมังกรตราหยกประทับต้าโจว แต่ว่ายอดฝีมือมากมายที่มายังสถานที่แห่งนี้กลับไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเข้าไปได้ ได้แต่เพียงมองดูสิ่งของเก่าแก่และห้องเก้ามังกรอยู่ในที่ห่างไกล อีกทั้งยังมีพลังของมังกรไหลเวียนอยู่ ทำให้ห้องเก้ามังกรนี้คล้ายกับมีรูปร่างที่คล้ายกับมังกรนัก แปรเปลี่ยนเป็นราวกับกำลังมีชีวิตอยู่
ในตอนนี้ทางด้านหน้าก็ได้มีแขกที่มาเพื่อถวายคำอวยพรที่ยังมาไม่ครบ ทางราชวงศ์ก็มิอาจที่จะเข้ามายังห้องเก้ามังกรนี้ อย่างน้อยก่อนที่พิธีการถวายพระพรจะเริ่มขึ้น ทางคนของราชวงศ์ก็ยังคงไม่ปรากฏตัวออกมา
แต่ว่า นอกจากห้องเก้ามังกรนี้แล้ว ก็ได้มีที่นั่งหยกขาวกลุ่มหนึ่งเรียงราวเป็นตัวอักษรเลขหนึ่ง(一)อยู่ อีกทั้งยังมีข้ารับใช้สาวงาม คอยปรนนิบัติและคอยขึ้นอาหารผลไม้ส่งขึ้นมา
สถานนี้ในตอนนี้ที่มีได้มีการแบ่งเป็นพวกของเหล่าบุคคลที่มีจากทั้งสามรัฐใหญ่นี้ มีอยู่ส่วนหนึ่งที่มาจากขุมกำลังต่างๆ อีกส่วนหนึ่งก็เป็นเหล่าขุนนางของรัฐ นอกจากนั้นที่เหลือก็แบ่งเป็นไปตามแต่ละตระกูล เหล่าผู้มีพรสวรรค์ของแต่ละสำนัก
ดังนั้น ท่ามกลางตึกจักรพรรดิทองคำในตอนนี้ นอกเสียจากจะมีแขกเกริกที่มีอยู่เต็มสถานที่แห่งนี้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังมีเหล่าคนที่เป็นผู้มีอำนาจใหญ่ที่เป็นที่รู้จักกลุ่มหนึ่ง กำลังอยู่ในการสนทนากันอยู่ในที่แห่งนี้
ช่วงเวลานี้ มียอดฝีมือไม่น้อยต่างก็ได้รวมตัวกันขึ้นมา แบ่งเป็นสนทนาเรื่องราวบางอย่างอย่างวุ่นวาย
แต่ว่า กล่าวไปก็ดูเหมือนบังเอิญ นอกเสียจากนอกเหนือจากเรื่องของการถวายพระพรแล้ว ผู้คนมากมายในตอนนี้ ต่างก็พูดคุยกันในหัวข้อเรื่องที่เกิดขึ้นกับตระกูลซู
ถึงแม้ว่าเรื่องนี้เป็นเกิดขึ้นอย่างหนักอยู่ อีกทั้งตระกูลซู ที่เป็นถึงหนึ่งในห้าตระกูลใหญ่ ที่จัดได้ว่าอยู่ในอันดับหนึ่งของห้าตระกูล
แต่ว่ากลับถูกยอดฝีมือที่แข็งแกร่งของเพียงหนึ่งตระกูล ที่เป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มเพียงคนเดียวลบล้างไปได้ หลงเหลือไว้แต่เพียงเด็กสาวที่ได้ถูกนางเซียนแห่งลัทธิหรูเสวียนพาตัวจากไป เรื่องราวความเป็นจริงนี้ก็ช่างอยู่เหนือความคาดหมายจนเกินไปแล้ว
หากว่ามิใช่ว่ามีผู้คนมากมายในที่นี้เป็นสักขีพยานยืนยันเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วละก็ เกรงว่าก็คงมีผู้คนไม่น้อย ต่อให้ทุบตีพวกเขาให้ตายก็คงไม่อาจเชื่อได้ว่าตระกูลซูจะมีจุดจบเช่นนี้ได้ ถึงกับเป็นเพราะเด็กหนุ่มเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น
เยี่ยจงในตอนนี้ก็ได้วนเวียนอยู่ภายในสถานที่แห่งนี้ ถึงแม้ว่าจะมีผู้คนมากมายที่มิได้รู้จักเขาก็ตาม แต่ว่าเมื่อพบเห็นเขาปรากฏตัวออกมา ผู้คนเหล่านี้ที่กำลังพูดคุยกันอยู่ต่างก็กล่าวด้วยเสียงที่แผ่วเบาอยู่หลายส่วน เห็นได้ชัดว่าเกิดความเกรงกลัวที่จะมีปัญหากับเด็กหนุ่มผู้นี้เป็นอย่างยิ่ง
“ ข้ากลับถูกผู้คนรังเกียจขนาดนี้เลยหรือ ? “ เยี่ยจงถอนหายใจ แต่ก็ไม่นานนัก
แต่ว่า ถึงแม้จะมียอดฝีมือส่วนหนึ่งได้เข้ามาใกล้ เพื่อที่จะสนทนากับเยี่ยจง ไม่ว่าจะกล่าวเช่นไร ในตอนนี้เยี่ยจงก็ได้ทิ้งร่างอยู่ที่แห่งนี้ เขาที่เป็นตัวแทนของลัทธิแห่งดวงดาวเพื่อมาถวายคำอวยพร เช่นนั้นก็กล่าวได้ว่า ไม่ว่าเขาจะทำอันใด ในตอนนี้เขายังคงถือว่าได้ยืนอยู่ฝ่ายของลัทธิแห่งดวงดาว จึงได้ว่าคนที่มาตีสนิทกับเขา
อีกทั้ง คนเหล่านี้ก็มิใช่คนโง่งม จากที่เยี่ยจงได้แสดงความสามารถให้เห็นภายในเมืองเยียจิง บวกกับสถานะของเขาในตอนนี้ ก็เพียงพอที่จะบ่งบอกได้ว่า วันข้างหน้าฐานะภายในลัทธิแห่งดวงดาวของเขาต้องไม่ธรรมดาอย่างถึงที่สุด ไม่แน่ว่าอาจจะสามารถควบคุมทั้งลัทธิสาขาในก็เป็นได้ ดังนั้นผู้คนเหล่านี้ต่างก็ถือโอกาสที่จะทำความสนิทสนมด้วย
เกี่ยวกับเหล่าผู้คนที่มิได้มีความสัมพันธ์สนิทสนมกับเยี่ยจงก็มิได้กล่าวคำพูดเย็นชามากมายนัก ทุกคนต่างก็พูดคำตอบคำเท่านั้น จนทำให้บรรยากาศก่อเกิดความอึดอัดขึ้นมาจนเกินไป
“ เหว่ย ? นั้นมิใช่ยอดฝีมือตระกูลเยี่ยหรอกงั้นหรือ ? “
“ ยอดฝีมือตระกูลเยี่ยแล้วจะอย่างไร ? จะอย่างไรต่างก็พิการแขนข้างหนึ่งไปกว่าครึ่ง ? ตระกูลเยี่ยยังคิดที่จะเปลี่ยนชื่อเป็นตระกูลแขนด้วนงั้นหรือ ? “
มีคนเอ่ยปากมาด้วยความเหยียดหยาม เหม่อมองไปที่ยอดฝีมือตระกูลเยี่ยที่กำลังก้าวเข้ามายังตึกจักรพรรดิทองคำ สีหน้าของแต่ละคน เห็นได้ชัดว่าคิดไม่ถึง ตระกูลเยี่ยถึงกลับส่งเหล่าเด็กน้อยเท้าสั่นเหล่านี้มาเพื่อถวายคำอวยพรแก่ราชวงศ์ ไม่กลัวว่าตระกูลจะขายหน้าหรืออย่างไร ?
ยอดฝีมือตระกูลเยี่ยเหล่านี้ก็ได้ยินคำพูดเหล่านี้ สีหน้าก็ได้เปลี่ยนเป็นดำคล้ำอยู่ไม่น้อย แล้วก็เปลี่ยนเป็นปั้นยากอย่างถึงที่สุด มีศิษย์ตระกูลเยี่ยที่มีมือเท้าครบถ้วนอยู่หลายคนต่างก็เงียบงัน ต่อให้คิดที่จะกล่าวอันใดออกมา แต่ว่าในเวลาเช่นนี้แล้ว ร่างกายของคนเหล่านี้กลับสั่นเทาขึ้นมา ถอยกลับไปทางด้านหลังของเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลเยี่ยที่แขนด้วนอย่างรวดเร็ว
“ เหว่ย ? นี้มิใช่ยอดฝีมือจากตระกูลเยี่ยหรอกหรือ ? ทราบว่าข้าอยู่ที่นี้ พวกเจ้ายังมีกระจิตกระใจมาเข้าร่วมงานถวายคำอวยพรอีกงั้นหรือ ? ไม่กลัวว่าจะกินไม่ลงหรอกหรือ ? “ เยี่ยจงมือไพล่หลังไปค่อยๆเดินออกไป กึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้มเหม่มองไปทางด้านคนของตระกูลเยี่ย เขาแทบจะไม่มีความรู้สึกดีใดๆต่อคนของตระกูลเยี่ยเหล่านี้ ดังนั้นในตอนที่กล่าวออกมา ก็ได้ให้อารมณ์เย้ยหยั่นขึ้นมาหลายส่วน
สีหน้าของคนแห่งตระกูลเยี่ยได้เปลี่ยนไปเล็กน้อย แล้วเยี่ยเจิ้งหยางก็ได้จ้องมองไปทางด้านเยี่ยจงที่เผยรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยแล้วกล่าวเสียงแผ่วเบา “ ที่แท้ก็เป็นท่านเยี่ยจง ในวันนี้ประจวบพบเจอกันพอดี จึงได้ถือโอกาสนำข่าวดีมาบอกกล่าวต่อท่านเยี่ยจงแล้ว เยี่ยหลิงนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ก็จะกลายเป็นผู้สืบทอดตระกูลเยี่ยของเราแล้ว ขอเพียงเขาสำเร็จการฝึกฝน เช่นนั้นเขาก็จะมาเป็นผู้นำของตระกูลเยี่ยเราแล้ว “
“ นี้มีความเกี่ยวข้องใดกับข้ากัน ? “ เยี่ยจงหัวเราะไปมา ด้วยสีหน้าที่เย็นชาอย่างมาก
การตอบสนองของเขาทำให้เยี่ยเจิ้งหยางต้องยิ้มขึ้นมาอย่างกระอักกระอ่วนเล็กน้อย หลังจากนั้น แล้วเขาก็มิได้กล่าวอันใดออกมาอีก เพียงแค่ส่ายศีรษะไปมา แล้วก็ได้นำพาผู้คนของตระกูลเยี่ยเดินไปจนถึงหัวมุมหนึ่งของตึกจักรพรรดิทองคำ
เห็นได้ชัด ข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องที่ได้เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ในตอนนี้ก็ได้ปรากฏเค้าโครงเล็กน้อยบนร่างกายของกลุ่มคนตระกูลเยี่ยแล้ว
หลังจากที่มีคำเล่าลือว่าเยี่ยจงได้ไปหาตระกูลเยี่ยนามค่ำคืนแล้ว กลุ่มคนตระกูลเยี่ยในตอนนี้ แต่ละคนต่างก็เกิดความหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด
“ เหว่ย กล่าวกันว่าคนที่ได้หาตระกูลเยี่ยยามค่ำคืนนั้น ก็เป็นเยี่ยจงเองละ ในตอนนี้จากที่ดูแล้วละก็ คงจะต้องเป็นเช่นนั้นแล้ว “
“ ผู้สืบทอดตระกูลเยี่ยได้เปลี่ยนคนไปแล้วงั้นหรือ ? เปลี่ยนใหม่เป็นเยี่ยหลิงที่เป็นใครก็ไม่รู้ เหตุใดถึงไม่เคยได้ยินมาก่อนกัน ? “
“ เยี่ยหลิงผู้นี้มิใช่เป็นน้องชายของเยี่ยจงหรอกหรือ ? คิดไม่ถึงว่าตระกูลเยี่ยถึงกับยินยอมให้ตระกูลเสียชื่อเพื่อที่จะให้เด็กน้อยผู้นี้เป็นผู้สืบทอด ช่างน่าหัวเราะเสียจริง “
“ มีอันใดน่าหัวเราะกัน เยี่ยหลิงมีพี่ชายที่น่าหวาดกลัวเฉกเช่นเยี่ยจงผู้นั้น ขอเพียงแค่เขาประทับฝ่ามือลงสู่ตระกูลเยี่ย มีใครบ้างที่กล้าที่จะมีเรื่องกับเขา ? ต่างก็กล่าวกันว่าความสัมพันธ์ระหว่างเยี่ยจงและตระกูลเยี่ยนั้นอยู่ในเกณฑ์ที่แย่ แต่ว่า หากว่าเยี่ยหลิงมาเป็นผู้นำตระกูลเยี่ยแล้วละก็ ไม่ว่าเยี่ยจงคิดจะทำอันใดต่อตระกูลเยี่ย ก็ยังต้องเห็นแก่หน้าของน้องชายอยู่หลายส่วนมิใช่หรือ ? ”
“ ในเมื่อจากที่กล่าวมาเช่นนี้ ดูเหมือนว่ายังคงเป็นเช่นนั้นจริงๆ ตระกูลเยี่ยนี้คงไม่มีที่ให้ยืนแล้วละ “
“ ลองคิดถึงตระกูลซูดูสิ ตระกูลเยี่ยนับได้ว่าดีแล้ว ต่อให้ไม่มีจุดยืนก็ตามที แต่ว่าเมื่อมีเยี่ยจงอยู่ จะมีผู้ใดกล้าที่จะต่อกรกับพวกเขากัน แน่นอนว่า ถ้าพวกเขาหาที่ตายเอง นั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งแล้วละ “
ในตอนนี้ก็มีผู้คนไม่น้อยที่เกิดความแตกตื่น ห้าตระกูลใหญ่ ตระกูลซูเป็นเพราะถูกเยี่ยจงกวาดล้าง ตระกูลเยี่ยเป็นเพราะเยี่ยจงจึงไร้จุดยืน เยี่ยจงเพียงแค่คนเดียว ถึงกับมีความน่าหวาดกลัวจนถึงขั้นนี้เชียวหรือ
.
.
.
.