ตอนที่ 186 การจ่ายของเสวียนหงส์
เวลาได้ไหลเลยผ่านไป สุราหว่าโหยวชั้นเลิศชุดใหญ่ได้ถูกส่งขึ้นมาไม่หยุดหย่อน สุราหว่าโหยวชั้นเลิศเหล่านี้ต่างก็มิใช่วัตถุธรรมดา ด้านในยังอัดแน่นไปด้วยพลังปราณฟ้าดินอย่างเข้มข้นเอาไว้อยู่
ในตอนนี้พลังของเยี่ยจงถึงแม้จะสามารถฟื้นฟูได้เกือบจะเต็มที่แล้ว แต่ว่า
ในช่วงพิธี ก็ได้มีหญิงสาวชักดระบี่แทงไปมา ราวกับการร่ายรำกระบี่ จนทำให้ลูกศิษย์ลูกหาของชาวเมืองเยียจิงต่างก็ตะโกนร้องว่าดีตามๆกัน จากนั้นก็ได้มีกลุ่มนักแสดงแต่ละกลุ่มออกมาแสดงสิ่งต่างๆออกมามากมาย ราวกับกำลังใช้เวทมนต์ก็มิปาน งดงามอย่างถึงที่สุด
“ ชิร์ “
ในช่วงเวลาท่ามกลางความคลื่นเครง ทันใดนั้น ก็ได้มีเรื่องดังชิร์ออกมาอย่างเย็นชา “ ข้ายังคิดว่าภายในพิธีถวายพระพรจะมีอันใดที่น่าสนใจเสียอีก ที่แท้ก็แค่ให้คนมาร่ายรำกระบี่ให้ดูก็เท่านั้น อีกทั้งยังส่งคนอีกกลุ่มออกมาเพื่อแสดงละครลิงให้ดู ช่างน่าเบื่อเสียนี้กระไร “
ท่ามกลางเสียงที่ดังขึ้นมา ทั่วทั้งบริเวณก็เต็มไปด้วยความตื่นตะลึง แม้แต่เสียงดนตรีและการแสดงเหล่านั้นต่างก็ได้หยุดลง เหม่อมองไปด้วยความตะลึงเอ่ยปากถาม
ส่วนผู้ที่เอ่ยขึ้นมา ได้อยู่มุมหนึ่งของทางด้านบน อายุยี่สิบปีกว่าๆ ใบหน้าของเขาในตอนนี้ดูเมินเฉย กล่าวออกมาเสียงเย็นชา
“ นี้คือ เสวียนหงส์แห่งสำนักเสวียนหวิน อีกทั้งน่าจะเป็นพี่ใหญ่ของเสวียนเชา คิดไม่ถึงว่าแม้แต่เขาเองก็มาเข้าร่วมกับพิธีถวายพระพรเช่นกัน “
“ ถ้าแค่เข้าร่วมพิธีถวายพระพรก็แล้วไป แต่ถ้าคิดจะมาก่อเรื่องในพิธีถวายพระพรขององค์ฮ่องเต้ เด็กน้อยที่มีชื่อเสียงจากสำนักนอกเหนือจากทั้งสามรัฐใหญ่เหล่านี้ ก็ช่างไม่รู้จักคำว่าฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเสียจริง “
“ ไสหัวไป “
มียอดฝีมือของรัฐต้าโจวหวังเฉาไม่น้อยที่ตอนนี้สีหน้าปลี่ยนเป็นปั้นยากขึ้นมา สถานะขององค์ฮ่องเต้ต้าโจวนั้นเกินกว่าจะคาดเดา แน่นอนว่าคงไม่คิดเล็กคิดน้อยกับความคิดเห็นเช่นนี้แน่นอน แต่ว่ากับบุคคลอื่นๆแล้ว ราวกับถูกตบไปที่ใบหูจนดังก้องก็มิปาน จนทำให้พวกเขายากที่จะยอมรับได้
“ เหอะเหอะ นี้มิใช่พี่เสวียนหงส์หรอกหรือ ? “ องค์ชายใหญ่ที่นั่งอยู่บนที่นั่งก็ได้ค่อยๆลุกขึ้นยืน จ้องเขม็งไปที่คนผู้นี้ สีหน้าทอแววเยือกเย็นขึ้นหลายส่วน “ ในเมื่อพี่เสวียนหงส์รู้สึกว่าการจัดเตรียมงานพิธีของต้าโจวเราน่าเบื่อเกินไป ไม่ทราบว่าท่านมีข้อเสนอแนะอันใดหรือ ? “
“ ชิร์ เราต่างก็เป็นชาวยุทธ์ ย่อมต้องคิดที่จะประลองด้วยพลังยุทธ์อยู่แล้ว ข้าที่มาจากสำนักเสวียนหวินเป็นต้น ทุกครั้งที่ได้ร่วมงานเลี้ยงของสำนักใหญ่ ต่างก็มีการส่งศิษย์ประจำสำนักออกมาปะมือกัน นี้จึงถือเป็นการฉลอง อีกทั้งยังเป็นการทดสอบ เช่นนี้ไม่ดีกว่าหรือ “
เสวียนหงส์ราวกับไม่เห็นถึงอารมณ์ที่องค์ชายใหญ่แสดงออกมาก็มิปาน เขากล่าวออกมาเสียงดังกังวาน บนใบหน้าได้ปรากฏไปด้วยความลี้ลับอย่างยิ่ง
“ หรือจะบอกว่า พี่เสวียนหงส์คิดที่จะออกมาลงมือด้วยตนเองซักสองกระบวนท่า เพื่อที่จะเป็นการฉลองต่อราชวงศ์ข้างั้นหรือ ? “ องค์ชายใหญ่ยิ้มอย่างนิ่งเงียบ จากนั้นเขาก็ได้ก้าวออกไป. “ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าพเจ้าจะออกกระบวนท่ากับท่านสักหลายท่า ดีหรือไม่ ? “
“ ข้าไม่มีความสนใจต่อองค์ชายใหญ่ท่าน ให้ข้าเลือกเองยังจะดีซะกว่า “ เสวียนหงส์กวาดสายตาจ้องมองอย่างเย็นชา ไม่ทันไรก็ได้จ้องมองไปยังร่างของเยี่ยจงอย่างรวดเร็ว ” เจ้าหนู เมื่อครู่เจ้ามิใช่เย่อหยิ่งนักหรือมิใช่หรือ ? มิใช่ว่าเจ้าได้จับตัวน้องชายข้าไปหรือ ? ตอนนี้ ถ้าเจ้ากล้าลงสนาม ก็มาประลองกันสักตั้งดูไหม ? “
“ เด็กน้อยผู้นี้เป็นใครกัน ? เป็นบ้าไปแล้วหรือไง ? “ เยี่ยจงเงยหน้ากวาดสายตาไปยังเขา เหมือนกับว่าไม่เห็นถึงการมีอยู่ของเขา จากนั้นก็โบกมือแล้วกล่าว “ เอาอย่างนี้เจ้าลองตีลังกาให้ดูสักหลายรอบ ข้าจะใช้หินปราณแก่เจ้า แถมเป็นระดับสูงด้วยนะ “
“ พรืด “
มีหญิงสาวไม่น้อยที่หัวเราะออกมาอย่างเงียบเชียบ หรือแม้แต่เหล่าเทียนจื่อเจวียวจื่อที่เป็นพวกเดียวกัน ก็มีอยู่หลายคนที่อดเอาไว้ไม่อยู่
เมื่อครู่เสวียนหงส์ผู้นี้ยังกล่าวว่าพิธีของงานเลี้ยงเป็นเหมือนดั่งละครลิง แต่ว่าในตอนนี้กลับถูกเยี่ยจงทำให้กลายเป็นลิงที่แสดงไปเสียได้
“ เจ้าหาที่ตาย “ เสวียนหงส์ได้ยินเสียงหัวเราะจากรอบสี่ทิศ สีหน้ายิ่งเย็นชาขึ้น เขากล่าวตอบอย่างโกรธแค้น “ ข้าจะประลองกับเจ้าโดยใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน เพื่อเป็นการฉลองแด่องค์ฮ่องเต้ เยี่ยจงเจ้ากล้ารับหรือไม่ “
“ ที่แท้ก็เป็นบ้า กลับไปที่นั่งไป คุณชายไม่มีเวลาว่างมาสนใจเจ้า “ เยี่ยจงใช้หางตามองไปที่เขา “ เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร เจ้าให้ข้าลงไปก็ต้องลงไปงั้นหรือ ? อยากต่อยตีก็ไปต่อยตีเอง
ยอดฝีมือมากมายต่างก็ต้องกรอกอยู่รอบหนึ่ง ก่อนหน้าเมื่อเยี่ยจงถูกคนท้า ก็ลงมือในทันที แต่ว่าในตอนนี้ แม้แต่จะสนใจก็ยังไม่คิดจะสนใจเสวียนหงส์ผู้นี้เลย ทำให้เขาเกือบที่จะโกรธจนแทบคลั่งขึ้นมา
เสวียนหงส์ทอประกายสีหน้าเยือกเย็นขึ้นมา ร่างกายเขาแผ่พลังออกมา แต่ให้เป็นเหล่ายอดฝีมือท่ามกลางขุมกำลังต่างๆ ก็ถือได้ว่าอยู่ในชั้นแนวหน้าของกลุ่มผู้เยาว์ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าแค่เยี่ยจงผู้นี้ ถึงกับไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา แทบจะทำให้เขาคลั่งไปในทันที แต่เขาก็ได้สงบสติอารมณ์ค่อยกล่าวเตือนสติต่อตนเองเอาไว้นอกเสียจากว่าตัวของเยี่ยจงเองจะยอมรับเข้าสู่สนาม ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ หากว่าเขาหาญกล้าลงมือภายในตึกจักพรรดิทองคำแล้วละก็ อย่างดีก็แค่ถูกเหล่าองครักษ์วังหลวงเหล่านั้นนำไปประหาร
“ เยี่ยจง ถ้าเจ้าแน่จริงก็ลงมา ให้ข้าดูว่าที่แท้เจ้ามีความสามารถใดกัน ถึงกับหาญกล้ามาเห่าหอนไม่หยุดหย่อนกับสำนักเสวียนหวินข้า “ เสวียนหงส์ขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน กล่าวออกมาเสียงทุ่มต่ำ
“ ต้องการให้ข้าลงไปย่อมได้ “ เยี่ยจงเริ่มหันไปมองทางด้านเสวียนหงส์คราหนึ่ง “ หนึ่งล้านหินปราณระดับสูง ราคาค่างวดเหล่านี้ ก็คือค่าใช้จ่ายให้ข้าลงสนาม ไม่เช่นนั้นก็อย่าหวังให้ข้าแสดง ฝันไปเถอะ “
เสวียนหงส์โกรธจนสั้นเทา เยี่ยจงผู้นี้ก็เหลือเกินจนเกินไป ไม่เพียงแต่ไม่ยอมลงมา อีกทั้งยังให้ตนเองจายออกด้วยหินปราณเพื่อเชิญเขาลงมา ถือได้ว่าเกินเลยจนทำให้เขาแทบคลั่งขึ้นมาได้
ท่ามกลางสถานที่ในตอนนี้สายตาโดยส่วนมากก็ได้กวาดเข้าไปมองยังบริเวณนี้ เมื่อพบว่าเสวียนหงส์แม้แต่การบีบบังคับให้เยี่ยจงลงมือก็ยังทำไม่ได้ มีผู้คนไม่น้อยที่กำลังจ้องมองมาต่างก็เปลี่ยนเป็นแปลกใจขึ้นมา
“ ได้ ข้าจะให้หินปราณ ข้าเชิญเจ้าลงสนาม เช่นนี้ได้หรือยัง “ ในขณะที่ได้กดตนเองที่เกือบจะอกแตก เสวียนหงส์ก็ได้สะบัดมือออก ขว้างออกไปด้วยแหวนจักรวาลวงหนึ่ง สีหน้าเย็นชาแล้วกล่าวออกมา
เยี่ยจงพลิกมือเข้ารับแหวนจักรวาล หลังจากนั้นก็ได้ตรวจสอบอย่างระมัดระวัง แล้วก็ขว้างคืนกลับไป ร้องชิร์ตอบ “ ในนี้อย่างมากก็มีแค่ห้าหกแสนหินปราณระดับสูงเท่านั้น ไม่มีเงินก็บอกมาตามตรง จะมาเสแสร้งทำผีสางอะไรกัน เป็นผีสางก็อย่าได้บังอาญมาเข้าร่วมพิธีถวายพระพร ข้ายังนึกว่าเป็นพวกที่ฝีปากกล้าแข็ง มีสมบัติตระกูลอยู่ “
เสวียนหงส์ใบหน้าแดงก่ำขึ้นมาในทันที เขาโกรธจนลุกขึ้นมา จ้องเขม็งไปที่เยี่ยจง เผยดวงตาที่เต็มไปด้วยรังสีการฆ่าฟัน
“ เช้ง เช้ง เช้ง “
เมื่อพบว่าเขาได้เคลื่อนไหว บริเวณใกล้เคียงที่มีองครักษ์สวมใส่ชุดเกราะทองเหลืองก้าวออกมาอย่างกะทันหัน ในมือของแต่ละคนได้กดไปที่ดาบข้างเอวของตนเอง
“ พี่เสวียนหงส์ หากว่าท่านเยี่ยจงไม่ยอมรับคำท้าของท่านแล้วละก็ แล้วลงมือแข็งขืน นั้นคงมิได้แล้ว “ องค์ชายใหญ่กล่าวออกมาในเวลาที่พอเหมาะ
“ เจ้า “
สีหน้าเสวียนหงส์เริ่มซีดลง อัดอั้นไร้ที่เปรียบ หลังจากนั้น เขาก็ได้ขบเคี้ยวเขี้ยวฟันแล้วนำขวดลายครามใบหนึ่งโยนออกไปให้แก่เยี่ยจง กล่าวเสียงเย็นเยียบ “ ในนี้เป็นโอสถปราณระดับสามชิ้นหนึ่ง จะอย่างไรก็น่าจะมีราคาอยู่ที่หนึ่งล้านหินปราณขึ้นไปละมั่ง ? “
เยี่ยจงกวาดตามองไปที่โอสถปราณคราหนึ่ง แล้วก็รวบเก็บเอาไว้อย่างไม่เกรงใจ สูดหายใจแล้วกล่าว “ ช่างเป็นผีสาวจริงๆ แม้แต่ของเช่นนี้ก็ยังเอาออกมาได้ แต่ว่าในเมื่อเจ้าจ่ายเงินมาหาที่ตาย ถ้าข้าไม่ลงมือก็คงจะไม่ได้แล้วจริงๆ มามามา พวกเราไปลานประลองกัน อย่าได้มาวุ่นวายงานพิธีเลย คงจะทำให้องค์ฮ่องเต้ไม่พอพระทัยได้ “
กล่าวจบ เยี่ยจงก็ได้ลุกขึ้นยืนขึ้นมา ตนเองค่อยๆเดินไปยังทางด้านลานประลองเข้าไป
เสวียนหงส์สีหน้าเย็นเยียบ ค่อยๆก้าวติดตามไป เขาทราบถึงระดับความอดทนของตนเองอย่างชัดเจน เขาเกรงว่าตนเองจะอดใจเอาไว้ไม่อยู่ ก็จะลงมือทั้งๆที่ยังไม่ถึงลานประลอง
เมื่อพบเห็นทั้งสองคนเดินออกมา ทางด้านหลังแท่นของยอดฝีมือก็ได้มีการรวมตัวกันสามถึงห้าคนเป็นกลุ่มมองไปที่การต่อสู้ การต่อสู้ในครั้งนี้ กับการต่อสู้เล็กๆน้อยๆนั้นย่อมต้องไม่เหมือนกัน ดูจากลักษณะของพวกเขาทั้งสองคน อย่างน้อยก็คงต้องเอาชีวิตกันแล้ว อีกทั้งทางด้านองค์ฮ่องเต้ในตอนนี้ก็มิได้กล่าวอันใดออกมา เห็นได้ชัดว่าได้ยอมรับแล้ว
ไม่นานนัก ทั้งสองคนก็ได้ก้าวเข้าสู่ใจกลางลานประลอง เยี่ยจงยังคงแสดงสีหน้าไร้ความกังวลใดๆ เขาคว้าไปที่โอสถปราณออกมา เคี้ยวไปมาแล้วก็กลืนลงไป จากนั้นก็ตอบกลับเสียงดัง “ เอาละ ต้องการจะลงมือก็เร็วหน่อย ข้ากำลังรีบ “
“ ฮูมฮูมฮูม “
เสวียนหงส์เดินหน้าออกไป บริเวณรอบร่างกายก็ได้ปรากฏหมอกควันขึ้นมา แต่ว่าหมอกควันเหล่านี้ราวกับมีความคมไร้ที่เปรียบ อีกทั้งยังให้ความรู้สึกคล้ายกับลังตีเหล็กอยู่ เห็นได้ชัดว่า เสวียนหงส์ในตอนนี้ไร้วิธีที่จะหยุดยั่งรังสีสังหรณ์ของตนเองได้ เขาต้องการที่จะสังหารเยี่ยจงตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่เช่นนั้นคงยากที่จะปลอบประโลมจิตใจตนเองได้
“ ซวย “
มิได้กล่าวคำพูดไร้สาระออกมาอีกแม้แต่น้อย ในช่วงที่เสวียนหงส์ยกมือขึ้นมา วินาทีนั้นก็พบเห็นพลังหมอกเป็นสายรวมกันจนเป็นดาบขึ้นมา
“ ไสหัวไป “
เยี่ยจงใช้ออกด้วยพลังดัชนีออกไป วินาทีนั้น ก็ได้มีดาวตกสีแดงเพลิงเก้าลูกลอยล่องอยู่บนท้องฟ้า มุ่งหน้าเข้าปะทะสังหารออกไป มุ่งหน้าไปทางด้านบริเวณที่เสวียนหงส์อยู่ออกไป
“ โครม “
ทักษะราณทั้งสองฝ่ายได้เข้าปะทะกันในทันที แรงลมแห่งความบ้าคลั่งอย่างไร้ที่เปรีบบหมุนวนออกไปในทันที ทอประกายแสงสีทองออกมาเป็นสาย จนทำให้ผู้คนจดจ้องอย่างไม่อาจละสายตาได้
“ พลังยุทธ์ขั้นก่อฟ้าระดับเต็มรอบ ไม่แปลกใจเลยที่มีความมั่นใจเช่นนี้ “ เยี่ยจงหัวเราะอย่างเย็นชา
พลังยุทธ์ขั้นปราณก่อฟ้านับได้ว่าเป็นขอบเขตที่ยิ่งใหญ่ขอบเขตหนึ่ง แต่ว่าพลังยุทธ์ของขอบเขตขั้นปราณก่อฟ้า ก็แบ่งเป็น ระดับความสำเร็จเล็ก ความสำเร็จใหญ่ พลังปราณเต็มรอบและจุดสูงสุดของพลัง รอบทั้งหมดเป็นสี่ระดับย่อย เสวียนหงส์อายุยังน้อยแต่กลับสามารถฝึกฝนได้จนถึงพลังปราณเต็มรอบ สามารถกล่าวได้ว่าเป็นดั่งบุคลลที่ฟ้าประทานมาให้
“ คำพูดไร้สาระนับว่ามีอยู่ไม่น้อย “ เสวียนหงส์ยิ้มอย่างเย็นชา ทันใดนั้นร่างกายก็ได้ขยับไปทางด้านข้างของเยี่ยจง จากนั้นเขาก็ได้ออกหมัดเข้าปะทะ มุ่งเป้าไปยังบริเวณบนหน้าอก
เมื่อพบว่าเสวียนหงส์ต้องการที่จะประลองกำลัง เยี่ยจงก็ได้หัวเราะอย่างเย็นชา เขาแท้จริงแล้วก็คร้านที่จะต้องใช้ออกมาด้วยไพ่ตายใดๆ และก็ได้ออกหมัดเข้าไปทางด้านหน้าเช่นเดียวกัน ถือเป็นการโจมตีอันน่าหวาดกลัว
“ ก๊ง “
หมัดต่อหมัด กล้ามเนื้อต่อกล้ามเนื้อ ทันใดนั้นต่อมา คมหมัดอันรุนแรงของทั้งสองคนก็ได้เข้าชนเข้าด้วยกัน จนเกิดพลังคล้ายสายฟ้าแลบขยับเคลื่อนไหวกระจายตัวออกไปหลายส่วน
ร่างกายของเยี่ยจงได้ยืนอยู่กับที่ไม่ขยับเคลื่อนไหว แต่ว่าเสวียนหงส์กลับขยับร่างกายอย่างกะทันหัน มุ่งถอนออกไปบริเวณทางด้านหลังครึ่งก้าว ในช่วงเวลาเดียวกันก็ได้ปรากฏคมหมัดโลหิตสีเพลิงขึ้น
“ อะไรกัน ? “
เสวียนหงส์ที่ความจริงมีความมั่นใจในตนเองอย่างเต็มเปี่ยมก็ยังอดไม่ได้ที่จะต้องสูดลมหายใจเข้าคำหนึ่ง ชายหนุ่มเบื้องหน้าสายตาผู้นี้ก็ช่างร้ายกาจเหลือเกิน เพียงแค่ในด้านของพลังกาย ยังถึงกับสามารถทำให้ตนเองถอนได้ ควรทราบว่า เมื่อครั้งก่อนที่เสวียนหงส์จะฝึกปรือจนถึงพลังปราณขั้นก่อเกิดระดับที่เจ็ดจนถึงจุดสูงสุด แต่ก็ไร้หนทางที่จะก้าวเข้าสู่พลังขั้นก่อเกิดระดับที่แปดได้ จึงได้ทะลวงเข้าสู่พลังยุทธ์ขั้นก่อฟ้าแทน ดังนั้นตลอดมานี้ เขาที่มีความเชื่อมั่นในพละกำลังของตนเองอย่างมาก แต่ก็คิดไม่ถึงว่า พละกำลังขงเยี่ยจงยังถึงกับเหนือกว่าตนเองอีก
ควรทราบว่า วิชาพลังลมปราณที่เสวียนหงส์ฝึกฝนนั้นไม่ธรรมดา พละกำลังกายก็นับว่าแข็งแกร่ง แต่ด้านพละกำลังของเยี่ยจงยังแข็งแกร่งกว่าเขาอยู่หลายส่วน แท้จริงแล้วนี้อยู่ในขอบเขตใดกัน ? นอกเสียจากว่า เด็กหนุ่มผู้นี้ได้เตรียมที่จะเดินทางสายยุทธ์เช่นนี้ตั้งแต่แรกแล้ว กายเนื้อที่ได้บ่มเพาะฝึกฝนมาจึงได้แข็งแกร่งจนถึงขั้นนี้
หลังจากที่ครุ่นคิดแล้ว เสวียนหงส์ ภายในจิตใจของเสวียนหงส์ก็ได้เกิดความกลัวต่อเด็กหนุ่มนี้จนถึงขั้นต้องการที่จะสังหารให้ได้โดยเร็ว ไม่เช่นนั้นแล้วละก็จะต้องเป็นหนามยอกอกของสำนักเสวียนหวินอย่างแน่นอน
.
.
.
.