ตอนที่ 187 ความก้าวหน้าระหว่างต่อสู้
“ โครม “
ร่างกายของทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันท่ามกลางอากาศ ในช่วงที่อยู่กลางอากาศก็ได้เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นมาเป็นสาย เห็นได้ชัดว่า การปะทะของทั้งสองฝ่ายนั้นได้ลงมือเอาจริงอย่างเห็นได้ชัด
แต่ว่าเมื่อมาจนถึงขั้นนี้แล้ว เยี่ยจงกลับยังมิได้ใช้ออกไพ่ตายใดๆของตนเองออกมาแม้แต่อย่างเดียว อีกทั้งยังพึ่งพาเพียงแค่พลังฝีมือที่อยู่ในตัวเองเข้าจัดการกับเสวียนหงส์
จนถึงตอนนี้ ร่างกายของเยี่ยจงก็นับได้ว่าฝึกยุทธ์มาจนถึงจุดสูงสุดของพลังขั้นก่อเกิดระดับที่เจ็ดแล้วเหลืออีกเพียงก้าวเดียว มีเพียงโอกาสเดียวเท่านั้นที่จะได้เข้าสู่ขั้นก่อเกิดระดับที่แปดซานกวานเทียนทง
และตอนนี้ ไม่แปลกใจเลยที่ยากที่จะมีคนที่พลังฝีมือสูงและมีความเข้ากันได้กับวิชาลมปราณกว่าเขานับตั้งแต่เกิดมา ถ้าหากกล่าวโดยเยี่ยจง ก็ถือเป็นความชัดเจนในอีกแบบหนึ่ง และก็ถือเป็นโอกาสอีกแบบหนึ่ง
“ ไปตายซะ “
เสวียนหงส์ประกบมือทั้งคู่ หมอกอันแหลมคมหลายสายที่อยู่ทางด้านหลังของเขาก็ได้เปลี่ยนจนกลายเป็นดาบขนาดใหญ่โต บนตัวดาบ ได้ปล่อยพลังดาบพุ่งขึ้นสู่ฟ้าอย่างน่าหวาดกลัว
“ เช่ง “
เยี่ยจงได้ใชออกด้วยพลังดัชนีติดต่อกัน และทุกครั้งก็ได้กระทบถูกบริเวณตัวดาบใหญ่ จนทำให้เกิดเสียงดังพิ้งพิ้งพลั้งพลั้งดังกระจายอยู่เต็มหู สั้นสะเทือนจนเกือบจะทำให้เลือดออกจากหูทั้งสองข้าง
จากการใช้ออกด้วยพลังดัชนีหลายครั้ง ต่อให้พลังกล้ามเนื้อบนร่างของเยี่ยจงจะแข็งแกร่ง ก็ทำให้นิ้วของตนเองเริ่มที่จะชาด้านขึ้นมาอยู่หลายส่วน พลังฝีมือของเสวียนหงส์ผู้นี้ไม่นับว่าอ่อนด้อย อีกทั้งทักษะยุทธ์ของสำนักเสวียนหวินก็มีความพิเศษเฉพาะตัว หากว่าพลังกล้ามเนื้อของตนเองมีความแข็งแกร่งไม่เพียงพอแล้วละก็ เกรงว่าคงต้องถูกบดขยี้จนกลายเป็นเพียงก้อนเนื้อแหลกเหลวแล้ว
“ น่าเสียดายที่ยังไม่เพียงพอ หากว่าเด็กน้อยผู้นี้แข็งแกร่งมากกว่านี้อีกสักนิดแล้วละก็ “ เยี่ยจงสัมผัสได้ว่าร่างกายของตนเองยังมิได้ฝืนใช้ออกจนถึงจุดสูงสุด หากว่าเสวียนหงส์ผู้นี้มีความแข็งแกร่งเพียงพอแล้วละก็ ไม่แน่ว่าตนเองอาจจะสามารถหยิบยืมโอกาสเช่นนี้
“ ตายซะ “
เสวียนหงส์ขยับกายคราหนึ่ง แล้วก็ได้ไปโผล่ขึ้นที่กลางอากาศ หมอกเหล่านั้นก็ได้กลายเป็นเกราะประทับอยู่ร่างกายของเขาทีละส่วน ในตอนนี้ได้เปลี่ยนเสวียนหงส์จนกลายเป็นดังเทพสงครามก็มิปาน บนร่างกายได้แผ่พุ่งพลังความแข็งแกร่งจนถึงขีดสุด แล้วก็ได้พุ่งเข้าไปกดดันเยี่ยจงต่อ
“ ตูมเพล้งเพล้ง “
หมอกควันแต่ละสายได้กลายเป็นสอดคล้องเข้าด้วยกันจนเกิดเสียงดังขึ้นมา เข้าฟาดฟันไปยังบริเวณที่เยี่ยจงอยู่นับครั้งไม่ถ้วน
ในครั้งนี้ พลังกดดันอันแข็งแกร่งได้เข้าไปยังกดทับไปยังร่างของเยี่ยจงจนจมลงพื้นไปราวสามจัง กระดูกทั่วทั้งร่างกายและเนื้อหนังได้เกิดเสียงดังขึ้นติดต่อกัน ราวกับกำลังถูกบดเนื้ออยู่ก็มิปาน
ผู้คนทั้งหมดที่กำลังมองดูการต่อสู้ เสวียนหงส์ผู้นี้ก็ชั่งน่าหวากกลัวเสียเหลือเกิน ที่แท้เขาคิดจะสังหารเยี่ยจงในการต่อสู้ในวันนี้ให้ได้จริงงั้นหรือ ?
มีศิษย์ของสำนักในเมืองเยียจิงไม่น้อย ไม่ว่าก่อนหน้าจะเคยมีบุญคุณความแค้นกับเยี่ยจงหรือไม่ ในตอนนี้ต่างก็ปรากฏสีหน้าเป็นห่วงขึ้นมา จนตอนนี้ในการต่อสู้นี้ของเยี่ยจงและเสวียนหงส์ ไม่เพียงแต่จะเป็นการออกหน้าให้ตนเอง แต่ยังถือได้ว่าเป็นตัวแทนของขุมกำลังทั่วทั้งเมืองเยียจิง เพื่อที่จะเข้าชนกับขุมกำลังอันแข็งแกร่งของสำนักที่อยู่นอกเหนือจากทั้งสามรัฐใหญ่เหล่านี้
“ มาได้เยี่ยม “
แต่ว่า ในช่วงเวลาที่ผู้คนทั้งหมดกำลังเปลี่ยนสีกน้าอยู่นั้นเอง ดวงตาของเยี่ยจงก็ได้ปรากฏเค้าความยินดีขึ้นมา ภายใต้แรงกดดันอันแข็งแกร่งเช่นนี้ ทันใดนั้นเขากลับมีความชื่นชอบชนิดหนึ่งออกมา ราวกับผู้ที่กำลังหลงทางอยู่ ค้นพบแสงไฟดวงหนึ่งก็มิปาน
“ ตูม “
ภายใต้วินาทีนั้นเอง เลือดลมภายในกายของเยี่ยจงก็ได้แผ่กระจายออกมา ขับเคลื่อนพลังความน่ากลัวออกมาอย่างร้อนแรงไร้ที่เปรียบ ภายในร่างกายของเยี่ยจงในตอนนี้ ราวกับเตาหลอมเตาหนึ่งก็มิปาน ราวกับว่าในตอนนี้ ทั่วทั้งฟ้าดินได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเขา ภายในร่างกาย เหมือนดั่งสามารถใช้พลังฟ้าดินเพื่อฝึกปรือก็มิปาน
“ ฮูม “
และแล้วก็ได้มีพลังปราณสายหนึ่งหลอมรวมปรากฏอยู่บนบริเวณเหนือศีรษะของเขา พลังปราณฟ้าดินอันเข้มข้นที่อยู่ภายในวังหลวงแห่งนี้ก็ได้ถูกดึงรั้งรวมเข้ากับพลังปราณชนิดนี้ จากนั้นก็ได้เข้าไปสู่ภายในร่างกายของเยี่ยจง
“ ตูม “
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ในตอนที่ร่างกายของเสวียนหงส์ได้ถูกพลังกดดันเอาไว้อยู่ แต่ว่าเยี่ยจงก็เพียงแค่หรี่ตามองแล้วโบกมือขึ้นคราหนึ่ง พลังปราณอันน่าหวาดกลัวสายหนึ่งก็ได้ส่งเสียงดังออกมา จนทำให้ร่างของเสวียนหงส์ถูกปะทะออกไป
“ นี้มัน ? “ มียอดฝีมือไม่น้อยมองไปยังฉากเบื้องหน้า ต่างก็ราวกับคาดเดาออกบางอย่าง สีหน้าได้เปลี่ยนเป็นตื่นตกใจขึ้นมาจนถึงขีดสุด
“ แล้วไม่จริงมั่ง เด็กน้อยผู้นี้ในสถานการณ์ที่คับขันเช่นนี้ยังถึงกับทำเช่นนี้ได้ ? ที่แท้เขาไม่รู้หรืออย่างไร ในช่วงเวลาที่คับขันเช่นนี้ แม้จะมีโอกาสเพียงเล็กน้อยก็ยังสามารถทำให้เขามีฝีมือรุดหน้าได้อีกงั้นหรือ ? ต้องทราบว่า เสวียนหงส์คงมิใช่คนดีที่จะเอาแต่มองดูอยู่ด้านข้างแน่นอน “ ใบหน้าน้อยๆขององค์หญิงหกที่มีพลังปราณฟ้าดินตั้งแต่เกิดในตอนนี้ก็ได้ปรากฏความเป็นห่วงออกมา พร้อมทั้งส่งสายตามองไปด้วยความเป็นห่วง กล่าวออกมาเสียงแผ่วเบา
“ เกรงว่าเยี่ยจงจะหยิบยืมพลังแรงกดดันบนร่างของเสวียนหงส์ เพื่อที่จะหาโอกาสในการทะลวงพลัง หากว่าเป็นเช่นนั้นจริงแล้วละก็ เช่นนั้นเด็กหนุ่มผู้นี้ก็ชั่งน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุดแล้ว พวกเราก็ดูเขากัน ดูว่าในวันนี้เขาจะสามารถที่จะกระทำได้ถึงระดับใด “ องค์ชายใหญ่จ้องมองไปด้วยความตื่นตะลึง หลังจากนั้นเขาก็เอ่ยปากกล่าวเสียงแผ่วเบา กับเรื่องที่ยากจะพบเจอเช่นนี้ เยี่ยจงผู้นี้ก็ช่างน่าหวาดกลัวจนเกินไปแล้ว
“ พลังขั้นก่อเกิดระดับที่แปด ซานกวานเทียนทง ? “
เสวียนหงส์เหม่อมองไปที่ร่างเนื้อที่กลายเป็นดั่งเตาหลอมของเยี่ยจง บนใบหน้าได้ปรากฏความยากที่จะเชื่อได้ เขาก็ยากที่จะอธิบายสิ่งที่เห็น เพราะเหตุใดเยี่ยจงถึงได้ตัดสินใจทะลวงเข้าสู่อีกขอบเขตในช่วงที่คับขันเช่นนี้กัน
ควรทราบว่า ช่วงเวลาที่ผู้ใดที่ได้ทะลวงเข้าสู่ขอบเขตระดับนี้ จำเป็นต้องใช้เวลาเตรียมการที่นาน อีกทั้งยังต้องมีผู้อาวุโสคอยคุ้มครองอีกด้วยมิใช่หรือ ?
เยี่ยจงผู้นี้ ช่างเกินเลยจากที่คิดไว้แล้วจริงๆ
“ เสียสติไปแล้ว หาที่ตายเองเลยงั้นหรือ “
หลังจากนั้น ดวงตาของเสวียนหงส์ได้ปรากฏความเย็นชาขึ้นมาสายหนึ่ง หากว่าเอาแต่มองดูจนเยี่ยจงทำจนสำเร็จแล้วละก็ ถ้ากล่าวว่าเยี่ยจงมีพลังกล้ามเนื้อที่มากกว่าเดิมแล้ว เมื่อถึงเวลานั้น คนที่จะพ่ายเกรงว่าคงจะเป็นตนเองแล้ว
หลังจากที่ได้ครุ่นคิดใคร่ครวญ เสวียนหงส์ก็ได้เริ่มเคลื่อยไหว หมายเข้าปะทะสังหารอีกครั้ง
“ ก๊ง “
เยี่ยจงที่กำลังอยู่ในสภาพกำลังฝึกปรือก็มิได้ตัดสินใจเคลื่อนไหวอันใดต่อ และจากนั้นก็ได้โบกมือขึ้นคราหนึ่ง พลังปราณขนาดใหญ่ก็ได้ส่งเสียงออกมา จนทำให้ร่างกายของเสวียนหงส์กระเด็นออกไปอีกครั้ง
ในตอนนี้เยี่ยจงได้มีพลังปราณฟ้าดินนับไม่ถ้วนอยู่ภายในร่างกาย แล้วก็ได้ยกมือขึ้นเหนือหัว จนเกิดพลังปราณขึ้นมา
แต่ว่า เยี่ยจงในตอนนี้ก็ให้ความรู้สึกที่ลี้ลับอย่างมากชนิดหนึ่งให้รู้สึก ภายในจิตใจของเขาได้มีความกระจ่างอยู่ชนิดหนึ่ง ในตอนนี้หากว่าเขาสามารถที่จะใช้พลังปราณฟ้าดินเหล่านี้ผลัดเปลี่ยนกายเนื้อแล้วละก็ เช่นนั้นกายเนื้อของตนเองก็ถือได้ว่าได้ก้าวสู่ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ทั้งหมด เข้าสู่พลังขั้นก่อเกิดระดับที่แปด และหากว่าตนเองสามารถที่จะใช้พลังปราณจากเหล่าโอสถที่กินเข้าไปก่อนหน้าแล้วละก็ เช่นนั้นก็จะทำให้การฝึกปรือของเขามีพลังปราณภายในตัวอีกแบบหนึ่ง เทียบได้กับการเข้าสู่พลังยุทธ์ขั้นขอบเขตก่อฟ้าเลยทีเดียว
“ นี้ยังต้องเลือกอีกงั้นหรือ ? “
ยิ้มเสียงแผ่วเบา วิชาพลังลมปราณหกกระบี่สุสานของเยี่ยจงในตอนนี้ก็ได้ไหลเวียนขึ้นอย่างรวดเร็ว ดูดซับพลังปราณฟ้าดินนับไม่ถ้วนเข้าสู่ร่างกายอย่างหมดจด จนถึงขั้นฝืนผลัดเปลี่ยนกล้ามเนื้อของเขา
วิชากระบี่หกสุสาน วิชาพลังลมปราณโบราณชุดนี้ ราวกับว่าในตอนนี้วิชานี้ได้เผยด้านที่ดุร้ายออกมา
“ ฮูม “
พลังอายโลหิตภายในร่างได้แผ่กระจายออกมา แล้วก็กลับเข้าไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานนัก กล้ามเนื้อบนร่างของเยี่ยจงก็มีความสดใสดุจดั่งหยาดน้ำ แล้วก็ได้ทอเป็นประกายออกมา ไม่ว่าจะมองอย่างไร ก็มิได้ดูเหมือนแข็งแกร่งแต่อย่างไร
แต่ว่าถึงจะเป็นเช่นนั้น ในตอนนี้ภายในร่างกายของเขาก็ราวกับเป็นเหมือนสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ก็มิปาน ร่างกายของเขาในตอนนี้ได้เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก น่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด
“ ไม่ “
เสวียนหงส์ตื่นตระลึง เยี่ยจงผู้นี้ถึงกับสามารถทะลวงจนสำเร็จได้ในทันทีงั้นหรือ ? ก่อนหน้านี้เขาต้องใช้ความเพียรพยายามถึงขั้นใดกัน ? ร่างกายถึงจะมาจนถึงขั้นนี้ได้เช่นนี้ ? ราวกับหากว่าเด็กหนุ่มผู้นี้เติบโตขึ้นมา จะยิ่งเป็นชนชั้นแนวหน้าของดินแดนก็มิปาน
“ ซวบ ซวบ ซวบ “
เสวียนหงส์ในตอนนี้ได้รีดเร่งพลังปราณภายในกายของตนองจนถึงขีดสูงสุด หมอกแต่ละสายได้เชื่อมต่อเข้าหากันนับไม่ถ้วนจนเกิดเสียงดังขึ้นมา มุ่งหน้าเข้าไปยังบริเวณที่เยี่ยจงอยู่
“ เคร่ง “
ในครั้งนี้เยี่ยจงยังคงสีหน้าสงบดั่งเดิม แล้วก็ใช้ออกด้วยพลังดัชนีในเวลาเดียวกัน จากนั้นก็ได้มีสายลมอันน่าหวาดหวั่นเข้ามาฟาดฟันหมอกคมเชื่อมต่อกันขาดจากกัน
“ โครม “
สายลมอันแข็งแกร่งได้แผ่กระจายออกมา เกราะหมอกควันของเสวียนหงส์ได้แตกออกเป็นชิ้นๆนับไม่ถ้วน จนทำให้เข้ากลัวจนหัวหด
“ ตูม “
บริเวณทางด้านหน้า เยี่ยจงก็ได้ก้าวออกไปหนึ่งก้าว ปล่อยหมัดออกไปทางด้านหน้าเข้าปะทะ หมัดนี้ราวกับมังกรทะยานขึ้นสูงสวรรคชั้นเก้า สงบดั่งป่าเขา ราวกับนกยวนยางสยายปีก หงสาล่องกลางอากาศ
ง่ายดาย แต่ว่าก็อัดแน่นไปด้วยความแข็งแกร่งที่ยากจะคาดเดา
“ ไม่ “
เสวียนหงส์ตะโกนร้องลั่น ราวกับกำลังพอเจอภูตผี เป็นไปได้อย่างไรกัน เยี่ยจงผู้นี้สามารถใช้ออกด้วยพลังหมัดด้วยพลังอันน่าหวาดหวั่นของพลังขั้นก่อเกิดระดับที่แปดได้อย่างไรกัน
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับพลังหมัดนี้ของเยี่ยจง เสวียนหงส์ราวกับไม่มีเวลาที่จะสามารถหลบได้พ้น ได้แต่เพียงแสดงออกมาด้วยใบหน้าหวาดกลัวจ้องมองไปที่คมหมัดที่มิอาจหยุดยั่งที่มาทางเบื้องหน้าสายตาของตนเองได้ ทันใดนั้นก็ได้หยุดลงอยู่ที่บริเวณหน้าอกของตนเอง
“ พิ้ง “
บนร่างของเสวียนหงส์ได้กระเด็นกวาดออกไปในทันที ร่างกายของเขาได้สั่นสะท้านขึ้นมาอย่างรุนแรง เพียงแค่กระบวนท่าเดียว ก็ได้ทำให้กระดูกภายในร่างของเขาแตกออกไปนับไม่ถ้วน
ผู้คนรอบบริเวณตกอยู่ในอาการตกตะลึง พลังของเยี่ยจงในตอนนี้ที่แท้ได้อยู่ในระดับใดกันแล้ว ? แค่เพียงหมัดเดียวเท่านั้น ถึงกับทำให้ยอดฝีมือที่มีพลังยุทธ์อยู่ในขั้นก่อฟ้าระดับปราณเต็มรอบผู้หนึ่ง พ่ายแพ้ไปอย่างราบคาบได้ ?
“ ซูม “
พลังหมัดที่ได้ใช้ออก เยี่ยจงก็ได้สูดหายใจยาวๆเข้าคำหนึ่ง สีหน้าเย็นเยียบ
พลังหมัดเมื่อครู่นี้ ได้อัดแน่นไปด้วยพลังในตอนที่ตนเองได้ทะลวงเข้าสู่ขั้นก่อเกิดระดับที่แปด รวมทั้งพลังปราณทั้งหมดภายในร่าง สามารถกล่าวได้ว่าตนเองได้ใช้ออกด้วยพลังหมัดที่แข็งแกร่งที่สุด
ความจริงแล้ว พลังขั้นก่อเกิดระดับที่แปดซานกวานเทียนทงขอบเขตรู้แจ้งปราณนี้ ก็เทียบเคียงได้กับพลังยุทธ์ขั้นก่อฟ้าขอบเขตความสำเร็จต่ำ แต่ว่าวิชาลมปราณที่เยี่ยจงฝึกฝนนั้นถือเป็นวิชาลมปราณขั้นโบราณระดับสูง ภายใต้ความพิเศษของพลังชนิดนี้ พลังหมัดนี้จึงได้อัดแน่นไปด้วยพลังอันมหาศาล เกินกว่าที่คาดคิดเอาไว้ได้
“ พลังหมัดเช่นนี้ เกรงว่าคงยากที่จะใช้ออกได้อีก “ เยี่ยจงกำลังอยู่ในช่วงที่กำลังครุ่นคิด จากนั้นก็ได้ถอนหายใจออกมาคำหนึ่ง พลังหมัดเช่นนี้ สามารถกล่าวได้ว่าเป็นเพราะความบังเอิญ ถึงจะสามารถใช้ออกมาได้ หากนับตามกฎหลักตามธรรมชาติแล้ว หากว่าตนเองสามารถที่จะใช้ออกด้วยพลังหมัดเช่นนั้นแล้วละก็ เกรงว่าวันหน้าตนเองก็สามารถที่จะบัญญัติทักษะยุทธ์อีกหนึ่งอย่างได้แล้ว
แต่ว่าเรื่องเช่นนี้คงต้องค่อยเป็นค่อยไป ในตอนนี้เร่งรีบไปก็ช่วยอันใดไม่ได้ ดังนั้น หลังจากที่ได้ครุ่นคิดแล้ว ตามสายตาที่เยี่ยจงมองไปบนพื้นก็ได้เต็มไปด้วยโลหิตที่พุ่งออกมาขนาดใหญ่ จากนั้นก็ได้จับร่างของเสวียนหงส์ขึ้นมา
“ เอาเถอะ เจ้าก็ไปอยู่เป็นเพื่อนกับน้องชายของเจ้า พอถึงเวลานั้นข้าจะจัดการประหารพวกเจ้าทั้งคู่ เพื่อให้พวกเจ้าสองพี่น้องได้อยู่ร่สมกัน “ ในช่วงที่เยี่ยจงได้จ้องเขม็งไปที่เสวียนหงส์ ก็ได้หัวเราะอย่างเย็นชาขึ้นมากะทันหัน จากนั้นเขาก็ได้โบกมือคราหนึ่ง ฝ่ามือก็ได้ถูกกวาดออก จนทำให้เสวียนหงส์สลบไปในที่สุด จากนั้นก็ได้สะบัดมือเก็บเข้าไว้ในแหวนจักรวาล
“ นี้…….. เช่นนี้ก็ได้หรือ ? “
มีผู้คนไม่น้อยที่ไม่เคยเห็นการกระทำของยี่ยจงก่อนหน้านี้ ในตอนนี้ก็ได้พบเห็นว่าเยี่ยจงได้เก็บเสวียนหงส์เอาไว้ในแหวนจักรวาล ต่างก็อยู่ในอาการตกใจ นั้นก็เพราะมีส่วนที่ไม่ดีอยู่ข้อหนึ่ง คาดว่าเสวียนหงส์คงต้องถูกกุมขังตายอยู่ในนั้น การใช้แหวนจักรวาลเพื่อใช้คุมขังคนนั้น แม้แต่ได้ยินยังไม่เคยได้ยิน แม้แต่พบเห็นก็ยังไม่เคย
และเหล่ายอดฝีมือที่ได้มาจากนอกเหนือจากทั้งสามรัฐแล้ว แต่ละคนต่างก็ได้อ้าปากตาค้างเหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้า จนกระทั่ง เสวียนหงส์ผู้นั้นไม่อาจแม้กระทั่งจะไม่อาจที่จะเป็นแม้แต่คู่ต่อสู้กับเยี่ยจงได้ ถึงกับถูกจัดการเยี่ยงนี้เลยงั้นหรือ ?
.
.
.
.