ตอนที่ 190 การต่อสู้กับหวินหลิน
“ เปรี้ยง “
อากาศในตอนนี้ได้แตกกระจาย ซึ่งเกิดจากเสียงการปะทะขนาดใหญ่ จนเสียดแก้วหูอย่างถึงที่สุด เยี่ยจงมองดูหมัดอันแสนธรรมดานี้ ในตอนนี้ก็ได้ราวกับมิได้ใช้เรี่ยวแรงออกไปมากนัก อีกทั้งยังเป็นพลังงานที่เรียกได้ว่าเรียบง่ายที่สุด
ภายในดวงตาของหวินหลินได้ปรากฏความเคร่งเครียดขึ้น และจากนั้นเขาก็ได้ประกบมือเข้าด้วยกัน มุ่งหน้าไปทางสุดขอบอีกทางด้านหนึ่ง ทันใดนั้นเอง พลังปราณอันน่าหวาดกลัวก็ได้ลอยออกมาจากแขนเสื้อออกมา จนก่อเกิดพายุมังกร
สายหนึ่งมุ่งหน้าออกไปบริเวณทางด้านหน้า ประจวบกระทบเข้ากับพลังหมัดของเยี่ยจง
“ วายุทลายสังหาร “
“ ฮูม “
ทันใดนั้นต่อมา การโจมตีทั้งสองสายก็ได้เข้าปะทะกัน จนเกิดเสียงดังออกมาสนั่นหวั่นไหวในตอนนี้ เพียงแต่ว่าทันทีที่
ได้กระทบกัน พลังปราณที่ก่อร่างคล้ายพายุมังกรก็ได้แตกกระจายออก จนสูญสลายหายไป
“ ร่างกายที่แข็งแกร่งนัก ถึงกับสลายทักษะยุทธ์ได้ด้วย “ ยอดฝีมือมากมายที่อยู่ภายในตึกจักรพรรดิทองคำต่างก็ตกใจ การกระทำของเยี่ยจง ได้ทำให้เหล่าผู้มีพรสวรรค์มากมายที่อยู่ต่อหน้าต่างก็หน้าซีดเผือด จนท้ายที่สุดก็ไม่หลงเหลือแม้แต่ความกล้าที่จะเกลียดชังแล้ว
สีหน้าของหวินหลินปั้นยากขึ้น เขายังคงเคลื่อนไหวทั้งสองมืออย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นต่อมา มือขวาก็ได้กำกระบี่เอาไว้ออกมา แทงมุ่งหน้าออกไปทางด้านหน้า วินาทีนั้น ก็ได้เกิดเสียงกรี๊ดร้องขึ้นท่ามกลางอากาศ
“ ทักษะกระบี่จิ้งหวิน “
ทันทีที่หวินหลินส่งเสียงดังขึ้น วินาทีนั้น พลังไอกระบี่อันน่าหวาดกลัวก็ได้แผ่ออกมาเป็นสาย มุ่งหน้าไปยังบริเวณที่เยี่ยจงอยู่ ทักษะกระบี่จิ้งหวินนี้อย่างน้อยก็ต้องเป็นการโจมตีของทักษะยุทธ์ระดับสูงแล้ว ทันทีที่ได้ใช้ออกมาก็นับได้ว่ามีพลังทำลายไม่เป็นสองรองใคร น่าหวาดกลัวไร้ที่เปรียบ รวมทั้งยังมีพลังอันแข็งแกร่งชนิดหนึ่งรวมอยู่ด้วย ราวกับว่าสามารถที่จะตัดทลายฟ้าดินก็มิปาน
เยี่ยจงยิ้มอย่างเยือกเย็น ไหลเวียนพลังกระบี่หกสุสานออกมาในทันที ในเวลาเดียวกันก็ได้กำกระบี่ในมือเอาไว้ เหมือนกับหวินหลินก็มิปาน ใช้กระบี่ตัดออกไปมา วินาทีนั้น ก็ได้เกิดพลังกระบี่นับไม่ถ้วนราวกับดวงดาวหลั่งไหลออกมาเต็มท้องฟ้าก็มิปาน พุ่งเข้าปะทะออกไปทางด้านหน้า
“ เคร่งเคร่งเคร่ง “
กระบี่ได้กระทบกันอยู่ท่ามกลางอากาศ ประกายแสงสว่างออกมาไม่ขาดสาย น่าตื่นตาตื่นใจไร้ที่เปรียบ
ฉากเบื้องหน้าอันน่าหวาดกลัวนี้ มีผู้คนไม่น้อยที่กำลังกรอกตาไปมา ไม่ว่าจะเป็นทักษะกระบี่จิ้งหวินหรือจะเป็นการใช้ออกด้วยไอกระบี่ของเยี่ยจง ทุกๆการโจมตีถ้ากระทบถูกร่างกายของยอดฝีมือธรรมดาที่มีพลังขั้นก่อเกิดระดับที่เจ็ด ก็อาจจะร่างแหลกเหลวไปอย่างง่ายดายได้
ในตอนนี้ ทั้งสองคนก็ได้ใช้ออกมาด้วยพลังที่แท้จริง ประกายกระบี่ของการแลกกระบวนท่ากัน ด้านบนเวทีประลองเป็นตายก็ได้หลงเหลือไว้แต่เพียงรอยกระบี่เป็นสายมากมาย
เพียงแค่ความประมาทเพียงชั่วครู่ ในสถานการณ์ที่ก่อเกิดความกดดันขึ้นมากมายอย่างถึงที่สุด ดังนั้นทุกการปะทะเหล่านี้ของทั้งสองฝ่ายที่เข้าปะทะกัน ต่างก็เกิดไอกระบี่ดังขึ้น น่าหวาดหวั่นอย่างไร้ที่เปรียบ
“ ซวบ “
ประกายกระบี่ได้เข้าปะทะกันอีกครั้ง ในครั้งนี้หวินหลินได้ขยับกายคราหนึ่ง แล้วก็ได้กระเด็นถอยออกไปบริเวณทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว ในตอนที่ฝ่าเท้าได้เหยียบลงสู่พื้น สีหน้าก็ได้ปั้นยากขึ้นมา
เห็นได้ชัดว่า เขาก็สามารถตรวจสอบได้ว่า ในตอนที่ตนเองได้ใช้พลังทักษะกระบี่จิ้งหวิน แทบจะทำอันใดเยี่ยจงไม่ได้ทั้งสิ้น ความแข็งแกร่งของผู้เยาว์เบื้องหน้าสายตา ได้มากเกินกว่าคนในระดับรุ่นเดียวกันจนเกินไปแล้ว
ช่วงเวลาเพียงแค่ช่วงครู่ ทันใดนั้นเอง หวินหลินก็ได้ยื่นมือออกไป ทันใดนั้นก็ได้พบว่าตราประทับเสวียนเทียนได้ส่งเสียงดังออกมา ลอยล่องอยู่เหนือศีรษะ จากนั้นก็ได้มีตัวอักขระนับไม่ถ้วนรวมตัวกันจนกลายเป็นประกายแสง จนครอบคลุมไปทั่วทั้งร่างของหวินหลิน
ร่างกายของหวินหลินได้ก่อเกิดพลังปะทุอันแข็งแกร่งขึ้นในตอนนี้ ถึงแม้ว่าขอบเขตของพลังของเขาจะถูกยับยั้ง แต่ว่าในตอนนี้หลังจากที่ได้ใช้ตราประทับเสวียนเทียนไปแล้ว ร่างกายของเขาก็ได้เริ่มที่จะเปลี่ยนเป็นแผ่พลังความน่ากลัวและกดดันออกมา ถึงแม้ว่าตราประทับเสวียนเทียนจะเป็นแค่สมบัติปราณชั้นเซียนระดับล่าง แต่ต่อให้เป็นผู้ที่มีพลังฝีมืออยู่ในขั้นปราณก่อฟ้าระดับความสำเร็จน้อยควบคุม ก็ยังมิอาจที่จะใช้ออกมาได้อย่างเต็มที่ได้
“ เด็กน้อย ข้ามิอาจไม่ยอมรับว่าเจ้ามีความสามารถอยู่ไม่น้อย อีกทั้งร่างกายยังแข็งแกร่ง หากว่าให้เจ้าเติบใหญ่ขึ้นต่อไป ไม่แน่ว่าอาจจะมีความสำเร็จจนถึงขั้นร่างกายคงกระพันในตำนานก็เป็นได้ น่าเสียดาย บนโลกนี้มีผู้มีพรสวรรค์มากมาย ตายไปตั้งแต่อายุยังเยาว์วัยอยู่ก็ไม่น้อย น่าเสียดาย “ หวินหลินเอ่ยปาก แล้วก็ค่อยๆก้าวเดินออกไป แล้วเขาก็ได้
เคลื่อนไหวอย่างสบาย บนตราประทับหลิงเทียนก็ได้ปรากฏแสงแสงสีเหลืองทองออกมาเป็นกลุ่ม ราวกับกำลังร่ายระบำก็มิปาน แผ่กระจายแรงกดดันอันน่าหวาดกลัวออกมา
“ งั้นหรือ แต่ว่าด้วยอายุเช่นเจ้าเยี่ยงนี้ยังไม่ลงโลง ก็ยังไม่ถือได้ว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์หรอกนะ อีกทั้งเจ้ายังได้ก้าวเข้าสู่โรงศพมาถึงครึ่งก้าวแล้วด้วย “ เยี่ยจงยิ้มเย็นชา แล้วกล่าววาจาอย่างไม่ลดราวาศอกแม้แต่น้อย
“ เหอะ ข้าจะไม่กล่าววาจาไร้สาระกับเจ้าแล้ว เพียงแต่ว่าสามารถตายภายใต้ตราประทับหลิงเทียน ก็ถือได้ว่าเจ้ามีบุญไม่น้อย นับตั้งแต่ที่ข้าได้ใช้ตราประทับหลิงเทียนมา ก็ได้ใช้ออกมาเพื่อสังหารคนมาก็มากมาย เจ้าต้องถือได้ว่าตายตาหลับแล้ว “ หวินหลิงยิ้มอย่างเย็นชา จากนั้นก็พลิกทั้งมือคราหนึ่ง วินาทีนั้น แสงสว่างที่กำลังทออยู่เป็นกลุ่มก็ราวกับกำลังพุ่งออกไปหมายสังหารก็มิปาน มุ่งหน้าปิดรอบไปทางด้านบริเวณที่เยี่ยจงอยู่
“ ตูม “
ในขณะนั้นเอง ก็ได้เกิดเสียงดังสนั่นลอดออกมา กระบวนท่านี้ถือได้ว่าอัดแน่นไปด้วยพลังอันน่าหวาดกลัวชนิดหนึ่ง เกรงว่าแสงกลุ่มนี้ยังสามารถทำลายเขาทั้งลูกได้อย่างง่ายดาย
“ โง่เขลา “ เยี่ยจงยิ้มอย่างเย็นชา แต่ก็ยังมิได้หมายใช้ทักษะยุทธ์ใดๆออกมา ร่างกายของเขาในตอนนี้ได้รวมตัวไว้ด้วย
พลังอันมหาศาล จดจ้องไปบริเวณทางด้านหน้า ใช้ออกมาด้วยทั้งคู่ ออกไปเข้าปะทะหลายกระบวนท่า
“ ตึง ตึง ตึง “
ในช่วงเวลาที่การโจมตีของทั้งสองฝ่ายได้เข้าปะทะกัน ก็ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นมาออกมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย จากนั้นก็ได้มีแรงระเบิดที่เกิดจากกลุ่มแสง มีปฏิกิริยาดึงดูดเข้าหากัน จนทำให้ทั่วทั้งเวทีประลองเป็นตายปรากฏรอยแตกร้าวขึ้น แล้วก็คอยๆลุกล่ามไปเรื่อยๆ
เวทีประลองเป็นตายนี้มีความสามารถที่จะจำกัดขอบเขตพลังได้ เพื่อที่จะให้เกิดการประลองที่เท่าเทียมกัน แต่ว่านับจากตั้งแต่ตอนที่ปรากฏรอยร้าวขึ้นเล็กน้อย และในตอนนี้ก็ได้ลุกลามขึ้นมาเป็นสาย เป็นเหมือนการบ่งบอกว่าการปะมือกันของทั้งสองคนนั้นได้ใช้ออกมาด้วยพลังที่น่าหวาดกลัวถึงเพียงใด
เพียงแต่ว่า ต่อให้พลังเช่นนี้ยังสามารถส่งผลน่ากลัวได้อีก แต่หวินหลินก็ยังมิอาจที่จะทำอันใดเยี่ยจงได้แม้แต่น้อย เมื่อถึงคราวที่ประกายแสงสีทองกลุ่มสุดท้ายได้แตกกระจาย เยี่ยจงก็ได้ส่งเสียงดังเฮ้ออย่างเย็นชาขึ้น ขยับร่างกายหายตัวออกไป เข้าไปอยู่บริเวณเบื้องหน้าของหวินหลิน จากนั้นก็ได้ฟาดฝ่ามือออกไป ประทับอยู่ตรงใจกลางหน้าอกของหวินหลิน
“ โครม “
กระบวนท่านี้ของเยี่ยจงได้รวบรวมพลังอันแข็งแกร่งเอไว้ ต่อให้ในตอนนี้มีตราประทับเสวียนเทียนคอยคุ้มครองร่าง หวินหลินก็ยังรู้สึกราวกับมีสัตว์โบราณตัวหนึ่งมาตบที่ร่างกายของตนเอง จนทำให้ร่างกายของเขากระเด็นออกไปในทันที กระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง
“ เพล้ง เพล้ง เพล้ง “
เยี่ยจงลงมืออย่างไม่หยุดยั้ง ฟาดฝ่ามือแล้วฝ่ามือเล่า ในชั่วเวลาของทุกช่วงฝ่ามือ ช่วงเวลาที่ทุกฝ่ามือทอดลงไป ต่างก็ได้กระทบใส่ตำแหน่งนั้นประจวบพอเหมาะอย่างพอดี ทุกฝ่ามือที่เยี่ยจงได้โจมตีลงไป ร่างกายของหวินหลินก็ได้ถอยร่นไปเรื่อยๆ ทุกการถอยร่น เขาก็ต้องกระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง จนท้ายที่สุด แม้แต่อภัยวะภายในก็คงต้องถูกเขากระอักออกมาด้วย
“ อะไรกัน ? “
ยอดฝีมือมากมายมองดูจนขนลุกชูชัน ร่างกายเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นเยียบ หวินหลินที่มีพลังคุ้มกันจากตราประทับเสวียนหวินในตอนนี้ แต่ว่ากลับถูกเยี่ยจงที่ใช้แต่เพียงร่างกาย ทุบตีจนกระอักเลือดออกมาได้งั้นหรือ ?
ควรทราบว่า นับตั้งแต่เริ่มต่อสู้จนถึงตอนนี้ หวินหลินได้ใช้ทักษะยุทธ์ออกไปไม่น้อย หรือแม้แต่สมบัติประจำสำนักเสวียนหวินก็ยังนำออกมาใช้ แต่ว่าเยี่ยจงกลับพึ่งพาแต่เพียงเนื้อหนังหมัดทั้งคู่ พัดพาสบายพลังที่อยู่ภายในของหวินหลินออกไปได้งั้นหรือ ?
ร่างกายของเด็กหนุ่มเพียงคนเดียว แท้จริงแล้วมีความแข็งแกร่งในระดับใดกัน ? หรือจะอยู่ในระดับเดียวกับในตำนานงั้นหรือ ?
เหล่าผู้มีพรสวรรค์ที่มาจากสำนักเสวียนหวินเหล่านี้ ร่างกายของแต่ละคนในตอนนี้ก็ได้ท่วมไปด้วยเหงื่อ หนาวสั่นไปทั้งหัวจวบจนเท้า ส่วนเหล่าผู้ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับสำนักเสวียนหวิน ในตอนนี้ต่างก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น เมื่อครู่ที่ไม่มีผู้ใดออกมาหน้า ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ เกรงว่าภายภาคหน้าคงจะมิได้เป็นดั่งแค่หวินหลินในตอนนี้
และยอดฝีมือท่ามกลางตึกจักรพรรดิทองคำต่างก็ได้กรอกตาไปมา เยี่ยจงในตอนนี้ที่เผยความแข็งแกร่งยากที่จะคาดเดาออกมาเช่นนี้ ในตอนนี้ถ้าบอกว่าเขาเป็นผู้เยาว์อันดับหนึ่งแห่งเมืองเยียจิง เกรงว่าก็คงจะไม่มีอันใดที่ไม่สมควรแล้ว
“ เหอะเหอะเหอะ เหอเหอเหอเหอเหอ “
หวินหลินกระอักโลหิตออกมาคำโต ร่างกายถอยไปทางด้านหลังไม่หยุด แต่ว่าก็ยังคงเผยให้เห็นเสียงหัวเราะอันดุดันพิศวงออกมา พอถึงตอนสุดท้ายก็ได้กระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง หวินหลินประกบมือเข้าหากันเป็นสัญลักษณ์ โลหิตที่เขากระอักออกมาเมื่อครู่เหล่านั้นก็ได้ก่อตัวรวมกันอยู่บริเวณทางด้านหลังของเยี่ยจงอย่างรวดเร็ว กลายเป็นกลุ่มโลหิตขนาดใหญ่สายหนึ่ง มุ่งหมายสังหารไปทางด้านบริเวณที่เยี่ยจงอยู่
เป็นที่แน่นอนว่า หวินหลินก็ยังนับว่ามีฝีมือที่ไม่เลว ถึงแม้ว่าจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่ว่าเขาก็ยังไม่หยุดคิดที่จะใช้พลังแต่อย่างไร
เยี่ยจงหัวเราะเย็นชา ทันใดนั้นเองก็ได้หันกายประทับมือไปทางด้านประทับโลหิตนั้น วินาทีนั้นก็พบเห็นได้ว่าท้องฟ้าเต็มไปด้วยสีเลือด ฝ่ามือของเยี่ยจงได้ทำให้โลหิตนั้นแตกระเบิดออก
เพียงแต่ว่าหลังจากที่โลหิตเหล่านี้มีเสียงดังขึ้น แต่ก็มิได้หายไปในทันที แต่กลับกลายเป็นแสงสว่างภายในตราประทับเสวียนเทียนได้ปรากฏขึ้นมาพร้อมกัน จนคล้ายกับทะเลโลหิตก็มิปาน มุ่งหน้าไปยังทางด้านที่เยี่ยจงอยู่
เยี่ยจงหัวเราะเย็นชา ในครั้งนี้เขาก็ได้ขยับมือขวาเล็กน้อย แล้วก็ได้เริ่มที่จะปล่อยหมัดขวาที่อัดแน่นไปด้วยพลังกระบี่ตราประทับออกมา ไปจนถึงพลังกระบี่ตราประทับซ้อนทับถึงชั้นที่สิบสอง อย่างรวดเร็ว แล้วก็ได้ปล่อยหมัดออกไป
“ โครม “
เสียงดังขึ้นอีกครั้ง ราวกับสายอัสนีบาตร คล้ายกับมังกรขนาดใหญ่เหินสู่นภา ภายใต้ทะเลโลหิตก็ได้เกิดเสียงดังลอดออกมาหลังจากที่ถูกหมัดของเยี่ยจงโจมตีจนแตกกระจายออก กลายเป็นแสงสว่างนับไม่ถ้วนแล้วหายไป
ในครั้งนี้หวินหลินได้ขยับกายขึ้นมาอีกครั้ง แต่กลับต้องกระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง เพียงแต่ว่าโลหิตในครั้งนี้กลับเป็นสีดำ ดูไม่เหมือนกับมีพลังปราณใดๆ อีกทั้งบริเวณบนพื้นดิน ทันใดนั้นก็ได้ถูกเก็บกวาดจนสะอาด
หวินหลินเปลี่ยนเป็นสีหน้าปั้นยาก ความแข็งแกร่งของเยี่ยจงนั้นถือได้ว่าอยู่นอกเหนือความคาดหมาย ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถทำให้เยี่ยจงสามารถใช้ทักษะยุทธ์ออกมาได้สำเร็จ แต่ว่าในตอนนี้ เขาก็ยังเป็นภายเสียเปรียบอยู่ดี
“ เจ้าหนู เจ้าเยี่ยมมาก “
หวินหลินยิ้มเย็นชา ในครั้งนี้ ทันทีที่เขาได้ฟาดฝ่ามือเข้าสู่บริเวณทรวงอกของตนเอง วินาทีนั้น ก็ได้กระอักโลหิตออกมาคำโต พุ่งเข้าใส่ตราประทับเสวียนเทียนโดยตรง
วินาทีนั้น สมบัติก็ได้ทอแสงกระจายออกมา ตราประทับเสวียนเทียนในตอนนี้ได้ส่งเสียงร้องอึงอึงออกมา ราวกับว่ามันสามารถลืมตาขึ้นมาเองได้ ในตอนนี้เหมือนกับการตื่นจากการหลับใหลก็มิปาน
ตราประทับเสวียนเทียนลอยไปตามลม บนตัวตราประทับเสวียนเทียน ราวกับมองเห็นเงาหมอกออกมาแบ่งเป็นเก้าชั้น เงาร่างในตอนนี้เริ่มที่จะเคลื่อนไหว ราวกับมีชีวิตเองก็มิปาน
ในตอนนี้ ตราประทับเสวียนเทียนก็ได้แสดงพลังอันแข็งแกร่งและน่าหวาดกลัวชนิดหนึ่ง ราวกับว่าในตอนนี้ สมบัติระดับเซียนพึ่งจะเผยพลังที่แท้จริงออกมาก็มิปาน
“ ชิร์ สมบัติระดับเซียน “
เยี่ยจงยิ้มเย็นชา ในครั้งนี้เขาไม่กล้าชักช้าแล้ว เพียงแต่ขยับสองมือไปมา กระบี่คงหมิงมือหนึ่ง หอกอัสนีอีกมือ ถึงได้ว่าเป็นศาสตราวุธที่น่าหวาดกลัวทั้งสองชิ้นของเขา แล้วก็ได้จ้องมองไปยังบริเวณด้านหน้าอย่างเยือกเย็น
“ ตูม “
จนกระทั่ง เสวียนเทียนมีเสียงดังขึ้นออกมา นำพาพลังอันหนาแน่นไร้ที่เปรียบมุ่งหน้าหมายฆ่าสังหารเยี่ยจง วินาทีนั้น บนเวทีเป็นตายก็ได้เกิดรอยร้าวขึ้น ราวกับมีดวงดาวร่วงหล่นก็มิปาน นำพาความแข็งแกร่งไร้ที่เปรียบพุ่งเข้าไป
“ นี้เป็นพลังของสมบัติปราณระดับเซียนแท้จริง “ มีผู้คนไม่น้อยที่สูดลมหายใจไปมา ต่อให้ถูกจำกัดขอบเขตภายใต้ของพลัง แต่ก็ยังถึงกับสามารถใช้ออกมาด้วยพลังของสมบัติปราณระดับเซียนเช่นนี้ได้
.
.
.
.