เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 191 ฆ่าสังหาร

ตอนที่ 191 ฆ่าสังหาร

 

 

“ โครม “

 

ท่ามกลางอากาศ ราวกับเกิดความสั่นไหวขึ้นมาในตอนนี้ เวทีเป็นตายในตอนนี้ได้เกิดรอยร้าวขึ้น ตราประทับเสวียนเทียนราวกับกำลังจัดขบวนหินอยู่ก็มิปาน เหมือนดั่งสัตว์เทพเก้าหัวลงสู่พื้นดิน มุ่งหน้าฆ่าสังหารออกไป เป็นที่น่าตกใจของผู้คน

 

ฉากเบื้องหน้าเป็นเหมือนดั่งดาวตก มังกรหินทะยานสู่พื้น ตราประทับเสวียนเทียนในตอนนี้ ก็ได้เปลี่ยนจนกลายเป็นเหมือนอาวุธสังหารชิ้นใหญ่ ปะทุพลังความน่าหวาดกลัวของพลังเซียนออกมา

 

พลังกดดันอันแปลกประหลาดแผ่กระจายออกมา ยอดฝีมือทั้งหมดที่อยู่ภายในตึกจักรพรรดิทองคำต่างก็รู้สึกว่าตนเองเริ่มที่จะขนลุกขึ้นมาไปทั้งร่างกาย อีกทั้งยังสูญเสียเรี่ยวแรงที่จะขัดขืนได้อีกด้วย

 

ทันใดนั้นต่อมา ตราประทับเสวียนเทียนก็ได้ปรากฏขึ้นอยู่บริเวณด้านหน้าของเยี่ยจง ราวกับดาวตกตกทอดออกมาก็มิปาน น่าหวาดเกรงไร้ที่เปรียบ

 

หากว่าเป็นยอดฝีมือขั้นก่อเกิดปกติธรรมดาพบกับตราประทับเสวียนเทียนเช่นนี้ เกรงว่าแม้แต่ความนึกคิดที่จะสวนกลับก็คงจะไม่มี อย่าว่าแต่ใช้ร่างกายต้านทานเลย

 

“ เคร่ง “

 

ผู้คนทั้งหมดต่างก็อ้าปากตาค้างมองออกไปในสิ่งที่เกิดขึ้น เยี่ยจงกลับหัวเราะอย่างเย็นชาคำหนึ่ง เขาก็ได้ก้าวออกไปทางด้านหน้า กระบี่คงหมิงและหอกอัสนีในมือถูกใช้ออกในเวลาเดียวกัน ให้พลังที่น่าหวาดกลัวอยู่ถึงที่สุดชนิดหนึ่งออกมา แล้วก็กระทบเข้ากับตราประทับเสวียนเทียนเข้าโดยตรง

 

เสียงนั้นส่งเสียงดังและชัดเจนอย่างยาวนาน เฉกเช่นพลังปราณวิญญาณที่กำลังแตกกระจายก็มิปาน เพียงแต่ว่าวินาทีนั้น ก็ได้มียอดฝีมือที่อยู่ภายในตึกจักรพรรดิทองคำเริ่มที่จะกุมไปที่ศีรษะแล้วล้มลงไปกับพื้น อีกเพียงแค่นิดเดียวศีรษะก็เกือบที่จะราวกับระเบิดออกมา

 

ท่ามกลางห้องเก้ามังกร ก็ได้มีประกายสีทองอ่อนลอยกระจายออกมา ครอบคลุมไปยังร่างกายของทุกผู้คน พวกเขาจึงค่อยฟื้นคืนกลับมาได้

 

กระบี่คงหมิงในมือเยี่ยจงนั้นนับเป็นสมบัติขั้นปราณระดับเซียน หอกอัสนีที่ได้แย่งชิงมาจากตระกูลซูก็ถือเป็นสมบัติเสมือนเซียน เมื่อใช้ทั้งสองอย่างออกมาพร้อมกัน บวกกับร่างกายของเยี่ยจงที่ดึงรั้งพลังความแข็งแกร่งเอาไว้มากมายในตอนนี้ ยังถึงกับสามารถที่จะต้านทานพลังอันแข็งแกร่งที่โจมตีเข้ามาของตราประทับเสวียนเทียนได้

 

“ ปุ “

 

เสียงประหลาดได้ดังลอดออกมา ตราประทับเสวียนเทียนได้ขยับขึ้นมาอีกครั้ง จนกระทั่งต้องถอยหลังออกไปอย่างช่วยไม่ได้

 

“ แข็งแกร่งมาก “

 

“ สามารถดึงพลังกล้ามเนื้อออกมาได้จนถึงขั้นนี้ หากสามารถรอดไปได้ วันหน้าไม่แน่ว่าอาจจะไปถึงระดับจุดเลือดเนื้อในตำนานก็เป็นได้ “

 

ท่ามกลางห้องเก้ามังกร ก็ได้มีเสียงดังลอดออกมาอย่างหนักหน่วง เห็นได้ชัดว่า ในขณะนี้เองแม้แต่ยอดฝีมือที่อยู่ในห้องเก้ามังกรเหล่านั้นก็ยังมิอาจที่จะอยู่เฉยได้ อีกทั้งยังมีปรากฏอารมณ์ความสนใจอย่างมากออกมา เพื่อที่จะรับทราบพลังความสามารถของเยี่ยจง

 

สีหน้าของหวินหลินเย็นชาขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็คิดไม่ถึง ว่าเยี่ยจงจะตั้งรับกระบวนท่าการโจมตีนี้ได้ ทันใดนั้นต่อมา เขาก็ได้ใช้ทั้งสองมือตบไปที่บริเวณหน้าอกของตนเองในเวลาเดียวกันถึงสามครา แล้วก็ได้กระอักโลหิตสดๆออกมาถึงสามครั้ง

 

จากการเคลื่อนไหวของเขา ตราประทับเสวียนเทียนก็ได้ปรากฏขึ้นอยู่เหนือเวทีประลองเป็นตาย กระจายออกไปอย่างไม่หยุดยั้ง จนท้ายที่สุด ก็ได้แบ่งตัวออกไปมีทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กอยู่บนเวทีเป็นตาย อีกทั้งในตอนนี้ก็เหมือนกับมีสัตว์ประหลาดโบราณเก้าหัวปรากฏตัวออกมา ลมหายใจที่พ่นออกมาของมันคล้ายกับเพลิง จนทำให้ปรากฏเพลิงลุกไหม้คล้ายกับทะเลเพลิงปรากฏออกมาก็มิปาน

 

ร่างใหญ่ยักษ์ของมันได้ประทับอยู่บนเวทีเป็นตาย การเคลื่อนไหวอันน่ากลัว คล้ายกับกระบวนท่าสังหาร แน่นอนว่าต้องน่ากลัวอย่างถึงที่สุด หากว่าเป็นดังที่หวินหลินกล่าวออกมาแล้วละก็ กระบวนท่าในครั้งนี้ เพียงพอที่จะฆ่าล้างเมืองทั้งเมืองได้เลย แต่ว่า กระบวนท่านี้ในตอนนี้กลับถูกจำกัดขอบเขตของพลังเอาไว้ แต่ว่าก็ยังถือได้ว่าน่ากลัวสุดเปรียบปาน

 

เยี่ยจงยกกระบี่คงหมิงและหอกอัสนีขึ้นมาในเวลาเดียวกันจนก่อเกิดเสียงร้องขึ้นมา ในตอนนี้ พวกมันราวกับมีจิตวิญญาณเป็นของตนเอง สะท้อนถึงเจตนาในการต่อสู้อย่างน่าเกรงขามออกมาชนิดหนึ่ง

 

“ เยี่ยจง น่าเสียดายความสามารถของเจ้าเสียจริง วันนี้ เจ้าจำเป็นที่จะต้องตายแล้ว “ หวินหลินจ้องมองไปยังเยี่ยจงที่ไม่มีทีท่าว่าจะถอยหนีเลยแม้แต่น้อย ต่อมาก็ยิ้มขึ้น จากนั้นก็ใช้ทั้งสองมือประกบเป็นสัญลักษณ์ ทันใดนั้น ตราประทับเสวียนเทียนที่อยู่บนอากาศก็ได้กดลงมา มุ่งหน้าหมายสังหารบริเวณที่เยี่ยจงอยู่

 

“ อยากให้ข้าตาย ? เจ้ายังถือว่าไม่คู่ควร “ เยี่ยจงยิ้มเย็นชา วินาทีนั้นก็ได้พบเห็นว่าเขาได้ขยับหอกในมืออยู่เล็กน้อย พลังกระบี่ตราประทับซ้อนทับได้ประทับลงบนตัวหอกทันที ตัวหอกได้พุ่งออกไปยังบริเวณทางด้านหน้า

 

“ ซวบ “

 

เสียงที่ดังขึ้นมา หอกนี้ได้หลุดออกมาจากฝ่ามือ พุ่งผ่านขึ้นมายังท้องนภา มุ่งหน้าหมายสังหารไปยังส่วนล่างของตราประทับเสวียนเทียนเสียงดังหวือ

 

“ ครึม “

 

วินาทีนั้นก็ได้มีเสียงอันน่าหวาดกลัวดังสะท้อนออกมา เพียงแต่ว่าตราประทับเสวียนเทียนกลับสั่นคลอนเล็กน้อย ถึงแม้ว่าหอกอัสนีนั้นจะพุ่งทะลวงขึ้นไป กดดันติดต่ออย่างไม่หยุด

 

สีหน้าของเยี่ยจงยังคงไม่เปลี่ยน กระบี่คงหมิงในมือครั้งนี้ ร่างกายที่ได้ไหลเวียนพลังกระบี่หกสุสาน พลังกระบี่ตราประทับลงไป ทันใดนั้นเอง ประกายกระบี่ก็ได้กระจายออกมา มุ่งหน้าสังหารออกไป

 

“ เคร่ง “

 

แล้วก็ได้มีเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง เพียงแต่ว่าในครั้งนี้กลับถูกกดดันจนต้องถอยไปหลายส่วน ส่งเสียงยากที่จะยอมรับได้ออกมา

 

“ มาอีก “

 

เยี่ยจงชักมือซ้ายออกมา จากนั้นก็ได้ขว้างหอกอัสนีกลับมาอยู่ในมือของเขา มือหนึ่งกุมกระบี่ มือหนึ่งกุมหอก ในเวลาเดียวกันก็ได้มุ่งหมายสังหารออกไป

 

“ ก๊ง “

 

ในครั้งนี้ การโจมตีของทั้งสองสาย ก็ได้มีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวลอดออกมา สัตว์ประหลาดที่มาจากตราประทับเสวียนเทียนนั้นก็ได้เริ่มที่จะแตกออก ตราประทับเสวียนเทียนลอยคว้างออกไป จนท้ายที่สุดก็กลับกลายเป็นคล้ายฝ่ามือขนาดน้อยใหญ่ กลับไปยังฝ่ามือของหวินหลิน

 

สีหน้าของหวินหลินปั้นยากเต็มสิบส่วน คิดไม่ถึงว่ากระบวนท่าสังหารนี้กลับมิอาจทำอันใดเยี่ยจงได้ ในขณะนั้นเอง ราวกับว่ามิอาจที่จะควบคุมลมหายใจได้แม้แต่น้อย

 

“ ตายซะ “

 

เมื่อเสียงดังขึ้นมา ตราประทับเสวียนเทียนในมือหวินหลิน ก็ได้พุ่งออกหมายสังหารออกไป เห็นได้ชัดว่าได้เกิดความบ้าคลั่งขึ้นมาแล้วหลายส่วน

 

สีหน้าของเยี่ยจงมิได้แปรเปลี่ยนไปมากนัก หนึ่งหอกหนึ่งกระบี่ก็ได้พุ่งออกเข้าปะทะพร้อมกัน มุ่งหน้าไปยังบริเวณที่หวินหลินกำลังกดดันเข้ามา

 

“ เคร่งเคร่งเคร่ง “

 

ในครั้งนี้ ร่างกายเลือดเนื้อของทั้งสองฝ่าย ก็ได้โจมตีเข้าปะทะกันอยู่หลายครา จนกระทั่งก่อเกิดประกายแสงและสายลมอันน่าหวาดกลัวกระจายออกมา

 

“ ตัง “

 

เยี่ยจงกวาดหอกอัสนีในมือออก มุ่งหมายจะสะบัดศีรษะของหวินหลิน หวินหลินกลับสามารถดึงรั้งตราประทับเสวียนเทียนเข้าต้านบริเวณด้านหน้าของตัวเองไว้ได้ สลายกระบวนท่าสังหารของเยี่ยจงไปได้

 

“ ตังตังตัง “

 

เยี่ยจงได้ใช้ออกด้วยกระบี่คงหมิงและหอกอัสนีโจมตีสลับกัน จนก่อเกิดพลังการโจมตีที่น่าเกรงขามออกมาไม่หยุดหลายสาย มุ่งหน้าเข้าสังหารฝ่ายตรงข้าม หวินหลินได้แต่เพียงใช้ตราประทับเสวียนเทียนเข้าต้านทานการโจมตีของเยี่ยจงหลายสายด้วยสีหน้าปั้นยาก

 

เสียงร้องอันน่าสยดสยองได้ร่ำร้องออกมาไม่หยุด ทุกกระบวนท่าของเยี่ยจง ต่างก็ได้กระทบไปยังตราประทับเสวียนเทียนทุกกระบวนท่า อีกทั้งยังรุนแรงและแม่นยำไร้ที่เปรียบ จนท้ายที่สุด เมื่อได้แทงเข้าไปถูกยังตราประทับเสวียนเทียนในครั้งนี้ ก็ได้ปรากฏรอยแตกร้าวขึ้นมาสายหนึ่ง จนทำให้ผู้คนเกิดความตื่นตกใจขึ้นมา

 

“ เจ้าปีศาจน้อย เจ้าหาที่ตาย “ หวินหลินเจ็บใจสุดเปรียบปาน ตราประทับเสวียนเทียนนั้นเป็นถึงสมบัติระดับเซียนประจำสำนักเสวียนหวิน มีที่มาที่ไปใหญ่หลวง ในวันนี้เพียงเพราะเด็กน้อยเพียงผู้เดียวทำให้เสียหาย จนทำให้เขามิอาจไม่เจ็บปวดใจได้

 

เมื่อหวินหลินมีการตอบสนองต่อประกายกระบี่ที่ทอแสงออกมา ภายในจิตใจของหวินหลินก็ได้ตกหล่นไปอย่างรวดเร็ว ในตอนที่เยี่ยจงสะบัดกระบี่ออก ก็ได้กระทบถูกแขนข้างขวาของหวินหลิน

 

“ ฉัวะ “

 

วินาทีนั้นเอง แขนขวาของหวินหลินก็ได้ถูกตัดขาด ตราประทับเสวียนเทียนที่อยู่ในมือก็ได้หลุดลอยออกไป ตกไปยังมุมหนึ่งพื้นเวทีเป็นตาย

 

“ ซวบ “

 

เยี่ยจงเคลื่อนไหวหอกในมือข้างซ้าย แล้วก็ได้แทงเข้าไปยังบริเวณคอหอยของหวินหลินที่อยู่ทางด้านหน้าอย่างแม่นยำ จนทำให้ร่างกายของหวินหลินหยุดเคลื่อนไหว แล้วก็สั่นเทาขึ้นมาในเวลาต่อมา

 

“ เมื่อมีสมบัติขั้นเซียน พลังในการต่อสู้ก็จะไม่ใช่แค่นี้แล้ว สำนักเสวียนหวิน เหอะเหะอ “ เยี่ยจงหัวเราะออกมาสองครา มิได้กล่าววาจาเย้ยหยันอันใด แต่ว่าภายในเสียงหัวเราะของทั้งสองคำนี้ก็ได้ทำให้หวินหลินร่างกายสั่นเทาขึ้น ใบหน้าทอประกายแดงซ่าน

 

“ หากว่ามิใช่เพราะเวทีเป็นตายนี้ เจ้าหนู เจ้าคงจะต้องตายไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว “ หวินหลินจ้องมองไปที่เยี่ยจง แล้วเอ่ยปากกล่าวอย่างคับแค้น

 

“ ใช่แล้ว แต่ว่าน่าเสียดาย ตอนนี้คนที่กำลังจะตาย กลับเป็นเจ้า “ เยี่ยจงยังคงจ้องมองไปที่หวินหลินที่กำลังส่งสายตาที่เต็มไปด้วยรังสีสังหาร เขาขยับหอกอัสนีในมือคราหนึ่ง จากนั้นในช่วงเวลาที่ยังมีปฏิกิริยากลับมาไม่ทัน ปลายหอกก็ได้แทงทะลุไปยังหอกหอยแล้ว

 

มีรอยสีแดงเพียงนิดเดียว คอหอยของหวินหลินก็เกิดรูรั่วขึ้น ภายในดวงตาปรากฏความยากที่จะเชื่อได้ จ้องมองอย่างเอาเป็นเอาตายไปทางด้านของเยี่ยจง เขาเองก็คิดไม่ถึงว่า เยี่ยจงจะสามารถลงมือได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ อีกทั้งการลงมือที่อำมหิต ถึงกับไม่ให้โอกาสเขาเลยแม้แต่น้อย

 

“ เปรี้ยง “

 

ร่างกายผอมแห้งได้หงายขึ้นมองไปยังท้องฟ้า แต่ดวงตาของหวินหลินกลับยังมิได้ปิดลง เขาจ้องมองไปยังบริเวณท้องนภาอย่างเอาเป็นเอาตาย แล้วรูม่านตาก็ได้ค่อยๆหดลง แล้วก็หายไป หลงเหลือไว้แต่ความยากที่จะเชื่อ

 

ชั่วเวลาในตอนนี้ ทั่วทั้งท้องฟ้าก็ได้เปลี่ยนกลับกลายมีเสียงร้องคล่ำครวญออกมา หลังจากที่ผ่านไปเป็นเวลานานก็ได้เงียบสงบลง ผู้คนไม่น้อยมองไปยังฉากเบื้องหน้า ต่างก็มองไปด้วยสายตาไม่อยากที่จะเชื่ออยู่หลายส่วน

 

ผู้ที่เป็นถึงผู้อาวุโสสำนักเสวียนหวิน อีกทั้งยังมีพลังฝีมือในขั้นขอบเขตก่อฟ้าระดับปราณครบรอบ แน่นอนว่าเรียกได้ว่าอยู่ในชั้นแนวหน้า แต่ว่า ในตอนนี้กลับถูกเด็กน้อยที่ไม่จักที่มาที่ไปสังหารตายอยู่บนเวที ? ฉากเบื้องหน้านี้ จะให้ผู้คนเชื่อได้ลงได้อย่างไรกัน ?

 

“ เป็น …….. เป็นไปได้อย่างไรกัน ? ข้าไม่เชื่อ “ มีเหล่าอัจฉริยะแห่งสำนักเสวียนหวินในตอนนี้ต่างก็คุกเข่าลงกับพื้น ร่างกายของเขาสั่นเทาขึ้นมา นัยน์ตาแปรเปลี่ยนเป็นสีแดง จ้องเขม็งเอาเป็นเอาตายไปยังเวทีเป็นตาย

 

ศิษย์สำนักเสวียนหวินคนอื่นๆต่างก็หน้าซีดราวกับสิ้นชีวี อ้าปากค้างคิดที่กล่าวอันใดออกมา แต่ว่ากลับมิอาจที่จะกล่าวอันใดออกมาได้ ความจริงที่พวกเขาต้องการที่จะมองเห็นผู้อาวุโสของสำนักตนฆ่าสังหารเยี่ยจง แต่กลับคิดไม่ถึงว่า ผลลัพธ์จะออกมาอยู่ในลักษณะนี้ ทำให้ผู้คนยากที่เชื่อได้

 

ด้านบนเวทีเป็นตาย เยี่ยจงก็ได้สูดลมหายใจเข้ายาวๆคำหนึ่ง ในตอนนี้หัวไหล่ทั้งสองข้างของเขาได้เกิดอาการช้าขึ้นมาอยู่หลายส่วน ถึงแม้ว่าจะเป็นการต่อสู้ที่อยู่ในขอบเขตระดับเดียวกัน แต่ว่าประสบการณ์การต่อสู้ของหวินหลินก็ยังถือว่าโชกโชน อีกทั้งในมือยังครอบครองไว้ด้วยสมบัติขั้นเซียนอันแข็งแกร่งไว้ ย่อมไม่ง่ายเลยที่จะต่อกร เพียงแต่ว่าในตอนนี้ยังถือว่าดี ตนเองสามารถสังหารเขาลงไปได้

 

“ ซวบ “

 

หลังจากนั้น เยี่ยจงก็ได้ยื่นมือออกมา วินาทีนั้นก็ได้มีพลังดึงดูดออกมา แล้วก็ได้ดึงดูดไปที่หัวมุมของเวทีเป็นตายดึงตราประทับเสวียนเทียนจนสั่นไหวไปมาเล็กน้อย แล้วก็ได้เข้ามาอยู่ภายในใจกลางฝ่ามือของเยี่ยจง

 

ในตอนนี้ ตราประทับเสวียนเทียนนี้ก็ได้ทอประกายขึ้นมาอย่างรุนแรง แล้วก็ได้ส่งเสียงร่ำร้องขึ้นมาอย่างรุนแรง ราวกับรับทราบได้ว่าเจ้านายของตนเองถูกสังหารไปแล้วก็มิปาน

 

เยี่ยจงยิ้มอย่างเย็นชา จากนั้นก็ได้ขับเคลื่อนพลังกระบี่หกสุสาน แล้วก็ได้เริ่มที่จะหล่อหลอมตราประทับเสวียนเทียน แม้แต่ผู้อาวุโสแห่งสำนักเสวียนเทียนก็ยังถูกเขาสังหาร เมื่อสมบัติขั้นเซียนเช่นนี้ปรากฏอยู่เบื้องหน้าเขา เขาก็มิอาจที่จะผิดพลาดไปได้

 

“ หากว่าเป็นข้าแล้วละก็ คงจะไม่หล่อหลอมตราประทับเสวียนเทียนในตอนนี้แน่ การตายของผู้อาวุโสหวินหลิน ใช่ว่าจะสามารถสะสางได้อย่างง่ายได้ หากว่าเจ้าหล่อหลอมสมบัติประจำสำนักข้า เช่นนั้นก็ถือได้ว่าเป็นศัตรูคู่อาฆาตของสำนักเรา “

เสียงพูดดังขึ้นมาออกมาจากห้องเก้ามังกรอย่างดุดัน ยอดฝีมือมากมายจู่ๆก็รับรู้ได้ถึงความหมายในคำพูด ที่แท้สุดยอดฝีมือของสำนักเสวียนหวิน แท้จริงแล้วมิได้มีเพียงหวินหลินเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มางั้นหรือ ?

 

ในตอนนี้เยี่ยจงกำลังเตรียมที่จะหล่อหลอมตราประทับเสวียนเทียนก็ได้หันหน้ากลับไป จ้องมองไปยังบริเวณทางด้านของตึกจักรพรรดิ กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ หลุบหัวหลุบหาง เจ้าพวกไร้ประโยชน์จากสำนักเสวียนเทียน เหตุใดจึงชมชอบมาไม้นี้กัน ? “

 

“ สหายน้อย เพลิงพิโรธของเจ้าก็ชั่งหนักเหลือเกิน แต่ว่าขอบอกต่อเจ้าเรื่องหนึ่งเท่านั้น จำเป็นที่จะต้องโกรธเคืองกันด้วยงั้นหรือ ? เจ้าควรรู้ไว้ ฟังไว้ก็ต้องเข้าหู “ เสียงที่ดังขึ้นมายังคงด้วยน้ำเสียงที่สงบ มิได้ปรากฏความโกรธเคืองออกมาเลยแม้แต่น้อย

.

.

.

.

 

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset