ตอนที่ 199 ถังกู่ผู้ไม่ได้รับเชิญ
*เผ่าปราณขุนเขาโบราณ เปลี่ยนเป็น ไทกู่หลิงซาน
**รัฐโบราณกาล เปลี่ยนเป็น กู่กวอ
ทันทีที่กรงเล็บขนาดใหญ่ได้หายสาบสูญไป เงาร่างของยอดฝีมือแต่ละฝ่ายเหล่านี้ก็ได้หายสาบสูญไปอีกครั้ง
“ นี้ที่แท้คือ …….. “ ดวงตาของเยี่ยจงทอประกายความสงสัย ฉากเบื้อหน้านี้เกินกว่าที่แม้แต่เขาเองก็ยากที่จะคาดคิดเอาไว้ได้ทั้งหมด คิดไม่ถึงว่าภายในดินแดนซีฮวงนี้ถึงกับมีพลังระดับนี้อยู่ เมื่อได้เห็นมือเมื่อครู่ อย่างน้อยก็ต้องมีพลังยุทธ์อยู่ในขั้นก่อฟ้าขอบเขตพลังเซียนหมุนรอบในระดับใดระดับหนึ่งแล้ว ?
“ นี้สมควรเป็นสิ่งที่กลุ่มปีศาจขนาดใหญ่ได้ส่งออกมาเพื่อมายังเมืองฮวงกู่แห่งนี้ เพื่อเตรียมการเข้าสู่สมรภูมิฮวงกู่ “ เหร่ยทิงเหอเอ่ยปากกล่าวออกมาเสียงแผ่วเบา
หลังจากที่เงียบงัน เยี่ยจงก็ได้พยักหน้าไปมา การที่มีสิ่งที่ถูกเรียกขานว่าปีศาจขนาดใหญ่ อย่างน้อยก็คงจะต้องสร้างความหวาดกลัวอย่างถึงที่สุดต่อเผ่าพันธุ์ที่อยู่ในดินแดนรกร้าง การมีอยู่ของสิ่งนี้หากว่าโดยทั่วทั้งดินแดนซีฮวงแล้ว เกรงว่าคงจะต้องจะอยู่ในจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารแล้ว
“ ทว่า เรื่องที่เกิดขึ้นดูเหมือนไม่ค่อยถูกต้องอยู่นะ “ หลังจากที่ลั่วเฉิงขมวดคิ้วแล้วจ้องมองไปทางด้านบนท้องฟ้า แล้วจึงค่อยเอ่ยตอบกลับมา
“ กล่าวอันใดกัน ? “ เยี่ยจงยังไม่ค่อยจะเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายในเมืองฮวงกู่นี้ ดังนั้นจึงไม่ได้รู้สึกว่ามีสิ่งใดที่ไม่ถูกต้องอยู่ที่ใด
“ สมรภูมิฮวงกู่ถึงแม้จะสามารถดึงดูดผู้คนจากเผ่าหวังเฉาได้ไม่น้อย อีกทั้งยังเป็นที่สนใจของเหล่ายอดฝีมือจากแต่ละสำนักที่โด่งดัง แต่ว่า เหล่ารัฐโบราณ(กู่กวอ)ที่แท้จริงและเผ่าปราณขุนเขาโบราณ(ไทกู่หลิงซาน)ความจริงแล้วแทบจะไม่เห็นผู้คนในตอนนี้อยู่ในสายตาเลย ……. แต่ว่า ในครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะมีการปรากฏตัวของกู่กวอและไทกู่หลิงซานเท่านั้น ถึงกับแม้แต่ปีศาจใหญ่ไร้ที่เปรียบก็ยังส่งตนเองมายังเมืองฮวงกู่แห่งนี้ จากที่ดูแล้ว เกรงว่าภายในสมรภูมิฮวงกู่ยังมีเรื่องราวที่เกิดขึ้นโดยที่พวกเราก็ยังไม่ทราบ อีกทั้งยังเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนี้ “ องค์หญิงหกทันทีที่ได้ครุ่นคิด ก็ได้ตอบเสียงแผ่วเบา นางราวกับทราบอะไรบางอย่าง
“ จากที่แม่นางท่านนี้กล่าวออกมา ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะพึ่งมาถึง ควรทราบว่า หลายวันมานี้ ผู้ที่เข้ามายังสถานที่แห่งนี้ก็นับได้ว่ามีอยู่ไม่น้อย กล่าวกันว่าโดยส่วนมากจะเป็นพวกเขาเหล่าไทกู่หลิงซานและกู่กวอต่างก็ได้ส่งคนมายังที่แห่งนี้ ทว่าเหล่าผู้คนของกู่กวอและไทกู่หลิงซานแน่นอนว่าต้องเป็นเหล่าผู้มีพรสวรรค์ การที่พวกเขามิได้ปรากฏตัวอยู่ท่ามกลางเมืองฮวงกู่แห่งนี้ ก็เพราะว่าโดยส่วนมากแล้วยังคงอยู่ภายนอกตัวเมือง ดังนั้นผู้คนภายในเมืองโดยส่วนมากแล้วต่างก็ไม่ค่อยทราบอันใดแน่นอน “ ในระหว่างนั้นเองบริเวณทางด้านหลังก็ได้มีร่างของคนผู้หนึ่งออกมา คนผู้นี้เป็นยอดฝีมือเผ่ามนุษย์ที่สวมไว้ด้วยชุดคลุมสีขาว เห็นได้ชัดว่าเมื่อได้ยินคำพูดจากองค์หญิงหกแล้ว จึงได้ตัดสินใจตอบกลับมา
“ ขอบคุณพี่ท่านที่ชี้แนะ ไม่ทราบว่าพี่ท่านพอจะทราบถึงลักษณะของเหล่าผู้คนที่มาจากกู่กวอและไทกู่หลิงซานหรือไม่ ? “ ลั่วเฉินก็ได้ถอนหายใจออกมาคำหนึ่งอย่างช้าๆ จากนั้นก็ได้ยกมือคารวะแล้วกล่าว
“ เรื่องนี้ข้าก็ยังไม่ค่อยแน่ใจนัก แต่ทว่าผู้คนต่างก็ลือกันว่า กลุ่มสุดยอดฝีมือของกู่กวอและไทกู่หลิงซานของดินแดนซีฮวงต่างก็มากันแล้ว อีกทั้งยังมีปีศาจไร้ที่เปรียบที่ได้จำศีลอยู่เป็นเวลานาน ก็ได้ถูกส่งเข้ามาอีกด้วย “ ชายชุดขาวส่ายศีรษะแล้วตอบ “ อีกอย่าง การเปิดประตูของสมรภูมิฮวงกู่ในครั้งนี้ เกรงว่าจะมีสิ่งที่ไม่เหมือนกับครั้งก่อนหน้าแล้วละ “
กล่าวจบ หลังจากนั้นชายชุดขาวผู้นี้ก็ได้ทอแววหวาดกลัวแล้วเดินจากไป เห็นได้ชัดว่า ในหลายวันมานี้ได้พบเจอกับเรื่องราวมามากมาย แต่ว่าในวันนี้เมื่อพบเห็นร่างของปีศาจใหญ่ไร้ที่เปรียบก็ได้ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างแน่นอน
เยี่ยจงและพวกได้สบตามองกัน ในครั้งนี้ก็ได้พบเห็นกับสายตาอันหนักแน่นที่อยู่ภายในดวงตาของอีกฝ่าย รวมทั้งสิ่งที่พวกเขาพบเห็นกับนกแก้วฮวางเชวินในวันนี้ เผ่าพันธุ์อันแข็งแกร่งเช่นนี้ต่างก็ได้ปรากฏตัวออกมาแล้ว เพียงพอที่จะเป็นการบ่งบอกถึงการเปิดประตูสมรภูมิฮวงกู่ในครั้งนี้แล้ว อีกทั้งยังนำพาสายลมโชคชะตาที่ยากจะคาดคิดเอาไว้ได้มาด้วย
หลังจากที่ได้ครุ่นคิดเช่นนี้ เยี่ยจงและพวกก็มิได้มีความเสนาะสนใจที่จะเดินเล่นต่อไป ราวกับว่าเมืองฮวงกู่ในวันนี้ได้เต็มไปด้วยผู้ที่มีพลังมากมาย ผู้ใดจะทราบได้ว่าหากเดินอยู่ภายนอกแล้วละก็ จะเกิดเรื่องราวอันใดขึ้นมากัน ?
ต่อมา ทั้งคณะก็ได้มุ่งหน้าก้าวออกไปหาสถานที่พักเท้าอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ได้เดินผ่านถนนหนทางหลายสาย เยี่ยจงที่อยู่ทางด้านหน้าสุดก็ได้ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที จากนั้นก็ได้โบกมือคราหนึ่ง เป็นเหมือนสัญญาณให้ลั่วเฉิงและพวกหยุดร่างไว้
“ เป็นไงบ้าง ? “ ลั่วเฉิงและพวกต่างก็สบตากัน ในช่วงเวลานี้ต่างก็เกิดความรู้สึกไม่ดีอยู่หลายส่วน
“ พวกเราถูกจับตามองแล้ว “ สีหน้าของเยี่ยจงปั้นยากขึ้นมาหลายส่วน หลังจากที่ได้จากเดินจากถนนเส้นเมื่อครู่นี้ ก็ได้มีสัมผัสได้ถึงความอันตรายปรากฏขึ้นมาภายในใจชนิดหนึ่ง อีกทั้งตอนนี้ ความรู้สึกนี้ยังยิ่งมาก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เยี่ยจงเข้าใจได้อย่างกระจ่างว่า ตนเองและผู้คนในคณะ อย่างน้อยก็ต้องถูกผู้ที่มีความแข็งแกร่งอย่างมากจับตาดูอยู่
“ เหอะเหอะเหอะ ไม่เลว สมแล้วที่ทำให้ข้าเห็นความสำคัญได้ ……… “
ระหว่างที่เยี่ยจงและพวกหยุดลง หลังจากนั้น บริเวณทางด้านหน้า ก็ได้มีเสียงหัวเราะดังออกมาเป็นสาย ……..
เยี่ยจงและพวกแต่ละคนต่างก็จ้องมองไปด้วยความเคร่งเครียด ราวกับว่าทั้งห้าคนได้มีการตัดสินใจเป็นของตนเอง ในขณะที่สำรวจไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน ก็ได้ขมวดคิ้วขึ้นช้าๆ
ระหว่างที่มีเสียงหัวเราะลอดออกมา บริเวณเส้นทางทางด้านหน้า ในตอนนี้ก็ได้พบกับเงาร่างหลายสายค่อยๆก้าวเดินออกมา
ที่ด้านหน้าสุดได้มีชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลาผู้หนึ่ง ร่างกายของเขาสูงยาว บรรยากาศสูงส่ง ราวกับเป็นเชื้อพระวงศ์ก็มิปาน บนค่างกายได้เต็มไปด้วยรังสีชนิดหนึ่ง เพียงแต่ว่า ดูแล้วมีใบหน้าคล้ายกับเผ่าพันธุ์มนุษย์อยู่บ้าง แต่บริเวณกึ่งกลางคิ้วก็ได้เพิ่มมาด้วยดวงตาอีกข้างหนึ่ง ถึงแม้ว่าดวงตานี้จะปิดอยู่ในตอนนี้ก็ตาม แต่ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกได้ว่า มันเป็นเหมือนราวกับพระอาทิตย์ดวงเล็กๆก็มิปาน ทอแสงสีทองออกมาเป็นสาย
ร่างกายของชายหนุ่มผู้นี้สวมไว้ด้วยชุดคลุมสั้นสีสองเช่นกัน จนทำให้เขาทั่วทั้งคนเป็นประกายสีทองอย่างเห็นได้ชัด
เขาในตอนนี้ก็ได้หรี่ตาจ้องเขม็งไปที่เยี่ยจง ราวกับกำลังดื่มด่ำชื่นชมสมบัติวิเศษที่ปรากฏออกมา
และบริเวณทางด้านข้างของชายผู้นี้ ในตอนนี้ก็ได้มีคนผู้หนึ่งอายุราวสิบหกสิบเจ็ดปี เป็นสาวน้อยผิวพรรณคล้ายดั่งข้าวสาลี ใบหน้าของสาวน้อยดูงดงาม เรือนร่างดินระเบิด ให้ความรู้สึกดึงดูดเพศตรงข้ามชนิดหนึ่ง จนทำให้ช่วงเวลาที่ชายใดที่อยู่ตรงหน้านาง ต่างก็ต้องตกอยู่ในความลุ่มหลงจนถอนตัวไม่ขึ้น
และบนร่างกายของนางก็ได้สวมไว้ด้วยเกราะหนังเอาไว้ในจุดที่สำคัญทั้งยังขับเน้นสรีระต่างๆเอาไว้อย่างพอดี มีช่องว่างอยู่ตามช่วงเอวและน่องขาที่ยาวที่เผยให้สัมผัสกับอากาศ ดึงดูดสายตาก้อนกลมนับไม่ถ้วน
ในตอนนี้ สาวน้อยที่มีสรีระเช่นนี้ก็ได้ถูกชายหนุ่มสามคนติดตามมองดูอยู่ข้างกาย ราวกับเป็นสัตว์เลี้ยงก็มิปาน ค่อยๆปลดไปที่ชายเสื้อของเขา แต่ว่าหลังจากที่ได้ยินเขาเอ่ยปากขึ้น สาวน้อยก็ได้จ้องมองไปยังบนร่างกายของเยี่ยจง ทอประกายแววตาสว่างไสวขึ้นด้วยความรู้สึกที่เต็มเปี่ยม
“ ที่คือต้องการที่จะมาแสดงความรักกันงั้นหรือ ? “ เยี่ยจงมองไปที่ฉากเบื้องหน้าด้วยใบหน้าไร้คำพูด “ ที่แท้ไม่รู้จักการแสดงความรักงั้นหรือ เป็นเหตุผลในการด่วนตายงั้นหรือ ? “
เหร่ยทิงเหอและองค์หญิงหกทั้งสองคนต่างก็หัวเราะออกมาเสียงเบา สถานการณ์เบื้องหน้าที่ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่ถูกต้องนี้ เยี่ยจงผู้นี้ยังถึงกับกระทำเรื่องเช่นนี้ออกมาได้อีกงั้นหรือ ?
แต่ลั่วเฉิงและกงซุนจวินทั้งสองคนกลับมิได้หัวเราะ เพียงแต่หรี่นัยน์ตามองดู ทอแววหนักแน่น
“ เจ้าหนูน้อย หากมิใช่ว่าเจ้าตำหนักข้ามีความสนใจในตัวเจ้าอยู่หลายส่วนแล้วละก็ ในตอนนี้เจ้าคงได้ตายไปแล้ว “ เสียงร้องดังเฮอะดังออกมาจากบริเวณอีกทางด้านหนึ่ง และจากนั้นก็ได้พบเห็นเงาออกมาจากทางด้านสองข้างทาง ร่างที่สวมไว้ด้วยชุดเกราะทองคำที่มีเกือบร้อยคนก็ได้ค่อยๆก้าวเดินออกมา ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่ได้สวมหมวก แต่ละศีรษะนั้นเป็นชายหนุ่มผมสั้นสีแดง จ้องเขม็งไปที่เยี่ยจง ภายในดวงตาได้มีรังสีฆ่าฟันไว้ด้วย
“ ซือสู้ หลังจากนี้ก็เป็นคนบ้านเดียวกันแล้ว กับพวกเดียวกันเกรงใจกันบ้าง “ ชายหนุ่มสามตายิ้มไปมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความอบอุ่นเหม่อมองไปทางด้านเยี่ยจง แล้วกล่าว “ ตามข้าไปเถอะ นับจากวันนี้เป็นต้นไป เจ้าก็เป็นคนของข้าแล้ว “
“ องค์ชายสิบสาม ให้เด็กน้อยผู้หนึ่งที่ไม่ทราบความเป็นมากลายเป็นพวกเดียวกัน เกรงว่าจะดูไม่ควรสมควรเท่าไหร่นัก ? “ ซือสู้ผู้นั้นหลังจากที่ได้เงียบงันก็ได้ขมวดคิ้วขึ้นมา และจากนั้นก็ยกมือขอขมาพร้อมกับเอ่ยปากขึ้น
“ อ๋อ ? ถ้างั้นเจ้าก็มีความคิดเห็นอื่นอีกงั้นหรือ ? “ องค์ชายสิบสามยิ้มบางๆ “ จะอย่างไรก็ตาม คนผู้นี้อย่างมากก็เป็นได้แค่พ่อบ้านของข้า ยังไงก็แทนที่ตำแหน่งเจ้าไม่ได้หรอก เจ้าอย่าได้กังวลจนเกินไป “
“ องค์ชายสิบสาม คนมีนี้มีที่มาไม่แน่ชัด ถังกู่ข้ามิใช่ว่าจะให้ผู้ใดเข้าร่วมได้ตามอำเภอใจได้ “ ซือสู้เผยสีหน้าหนักแน่น “ คนผู้นี้ ยังไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะติดตามองค์ชายสิบสาม เขาไม่เหมาะสม “
ซือสู้ใบหน้าร้อนรน ทางหนึ่งกล่าวออกมาด้วยเหตุผล เห็นได้ชัดว่าจาที่เขามอง ยังไงเสียเยี่ยจงก็ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเข้าใกล้นายน้อยตระกูลตนเอง
“ องค์ชายสิบสามท่านออกมาในครั้งนี้ ก็ได้รับเลี้ยงพาหนะตัวหนึ่งเอาไว้เล่นก็พอแล้ว ในตอนนี้กลับยังคิดที่จะรับคนผู้หนึ่งมา ข้าซือสู้มิอาจไม่ขัดขวางได้ “
“ งั้นหรือ ? “ องค์ชายสิบสามยิ้มเต็มไปทั้งใบหน้า “ ถ้าอย่างงั้น เจ้าก็ลองทดสอบเขาด้วยตัวเอง องค์ชายเช่นนี้ถึงกับมองคนผิดไปได้ด้วยงั้นหรือ ? “
หลังจากที่เงียบงัน ซือสู้นั้นก็ได้ขมวดคิ้วเล็กน้อย และจากนั้นเขาก็ได้หันกลับไปมาเยี่ยจงอีกครั้ง
“ ถังกู่ ? องค์ชายสิบสาม ? “ ลั่วเฉิงเมื่อได้ยินทั้งสองคำนี้ สีหน้าก็ได้เปลี่ยนเป็นสั่นเทาขึ้นอย่างกะทันหัน จ้องเขม็งไปยังบุคคลทางด้านหน้า ใบหน้าปรากฏความยากที่จะเชื่อได้
“ เจ้าพวกเสียสติเหล่านี้มีที่มาใหญ่โตงั้นหรือ ? “ ใบหน้าของเยี่ยจงไร้คำจะกล่าวเหม่อมองไปยังกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่าถังกู่เบื้องหน้า ถึงแม้ว่า เขาจะคาดเดาได้ว่าเด็กน้อยเหล่านี้มีที่มาที่ไปใหญ่โต แต่ก็คิดไม่ถึงว่า จะถึงกับมากมายจนถึงกับไม่เห็นผู้อื่นอยู่ในสายตาเช่นนี้ ราวกับว่า องค์ชายสามตาอะไรนั้นจะต้องตาตนเอง อีกทั้งยังต้องการให้ตนเองเข้าร่วมกลุ่ม ถึงแม้ว่าจะมิใช่การประสงค์ร้ายก็ตาม แต่ลูกน้องของเขาถึงกลับออกหน้าขัดขวางเรื่องเช่นนี้ได้อีกด้วย
“ สงสัยก่อนออกจากบ้านจะลืมสวดมนต์แล้ว ถึงกับพบเจอคนเสียสติผู้หนึ่งยังไม่พอ ยังถึงกับพบเจอถึงสองคนด้วยงั้นหรือ ? “ เยี่ยจงพึมพำกับตนเองอย่างหมดหนทาง
“ หญิงสาวผู้นั้น สมควรที่จะต้องเป็นเผ่าพันธุ์แมวเก้าชีวิตที่เหลือรอดในดินแดนรกร้างแห่งนี้ สถานะเมื่อเทียบกับข้าแล้วก็ไม่ต่างกันเท่าไรนัก หญิงสาวเช่นนี้ เมื่อได้ฝากตัวเข้ากับขุมกำลังที่มีชื่อเสียงใดๆ ก็คงจะกลายเป็นศิษย์รักศิษย์หวง แต่ว่า ในตอนนี้กลับกลายเป็นพาหนะขององค์ชายสิบสามเท่านั้น เจ้าว่าถังกู่นี้มีที่มาที่ไปไม่ใหญ่โตอีกหรือ ? “ ลั่วเฉิงสูดลมหายใจเข้าคำหนึ่ง กล่าวตอบออกมาเสียงแผ่วเบา ความเป็นมาของกลุ่มถังกู่นี้มีที่มาใหญ่โต เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาที่มาจากเมืองเยียจิงไร้สิ้นหนทางขัดขืนได้ชนิดหนึ่ง
“ หญิงสาวนางนั้นแท้จริงแล้วมิใช่เผ่ามนุษย์งั้นหรือ ? “ เยี่ยจงพยักหน้า และจากนั้นก็ถอนหายใจแล้วตอบ “ ในเมื่อรับเลี้ยงปีศาจสาวมาเป็นพาหนะ ที่แท้เอาไว้ใช้ตอนกลางวัน ? หรือว่าที่แท้เอาไว้ใช้ตอนกลางคืน ? “
องค์หญิงหก เหร่ยทิงเหอใบหน้าอันงดงามของหญิงสาวทั้งสองก็ได้สั่นไปมา เหม่อมองไปที่แผ่นหลังของเยี่ยจง เกือบที่จะคิดหยุดเขาเอาไว้
และลั่วเฉิงและกงซุนจวินทั้งสองคนก็ได้สบตากัน จากนั้นก็ได้ตัดสินใจเอ่ยปากกล่าวออกมา “ สิ่งนี้ สมควรที่จะใช้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน “
“ เป็นคนใหญ่คนโตก็ดีอย่างนี้เอง “ ในที่สุดเยี่ยจงก็ได้สบตากับองค์ชายสิบสาม นัยน์ตาเต็มเปี่ยมไปด้วยรสชาติที่ยากจะอธิบายออกมา “ สมกับเป็นวีรบุรุษ ทั้งยังรับปีศาจสาวมาเป็นพาหนะ นั่งได้ทั้งเช้าค่ำ อีกทั้ง ยังต้องการที่จะรับไท่กู่หลิงซานมาเป็นพาหนะแล้วละก็ ไม่เพียงแต่เป็นพาหนะได้ ยังสามารถที่จะเป็นคู่ซ้อมได้อีก อีกทั้งยังสามารถร่วมเตียง นี้สินะที่เรียกว่าร้อยสารพัด …….. “
ลั่วเฉิงและพวกทั้งสองคนต่างก็เงียบงัน เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่เยี่ยจงกล่าวออกมาในเวลานี้ช่างไร้สาระสิ้นดี แต่ว่าเมื่อฟังจากความหมายก็ได้แต่พยักหน้าเห็นด้วย แต่ว่าหลังจากที่พยักหน้าแล้ว ทั้งสองคนก็สัมผัสได้ถึงสายตาราวกับกำลังจะฆ่าคนจากหญิงสาวทั้งสอง
“ บังอาจ “ ซือสู้เมื่อได้ยินคำพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ เขาก็ได้ก้าวออกไปทางด้านหน้า นัยน์ตาปรากฏรังสีฆ่าฟันเพิ่มขึ้นไปอีก ผู้คนหลายคนนี้ถึงกับไม่เห็นแก่หน้าของนายน้อยของเขา จากที่เขามอง สมควรตายอย่างยิ่ง
.
.
.
.