ตอนที่ 200 หนึ่งหนแห่งวาสนา
“ น่าสนใจนิ “ องค์ชายสิบสามผู้นั้นก็ได้โบกมือไปมาอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นก็ได้ยื่นมือตบไปที่ร่างกายของหญิงสาวเผ่าแมวเก้าชีวิต ยิ้มหุหุแล้วเอ่ยปากกล่าวออกมา “ เด็กน้อยที่น่าสนใจ เจ้าช่างเหมาะกับข้ายิ่งนัก ไปกับข้าเถอะ …….. พาหนะนี้มอบให้แก่เจ้าก็แล้วกัน “
เยี่ยจงจ้องมองไปที่องค์ชายสิบสาม หลังจากนั้น ก็ได้ยิ้มออกมาแล้วตอบ “ ถ้าเป็นเช่นนั้นเจ้าก็ตามข้าไปเถอะ ถ้ามีเจ้าสามตาอยู่ข้างกายแล้ว ถึงแม้จะมิใช่พาหนะ แต่ว่าก็น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง “
“ ตูม “
ในตอนที่เสียงของเยี่ยจงจบลง สีหน้าของซือสู้ผู้นั้นก็ได้เปลี่ยนไป ในครั้งนี้เขาก็มิได้กล่าววาจาไร้สาระขึ้นมาอีก เพียงแต่ก้าวเดินออกมาอย่างดุร้าย มือขวาใช้ออกด้วยกระบวนท่า วินาทีนั้นก็พบเห็นพลังปราณก่อตัวรวมกัน จนกลายเป็นคล้ายดั่งอสรพิษเพลิงปรากฏขึ้นมาบนท้องฟ้า จากนั้นก็เคลื่อนไหวตามความเคลื่อนไหวของเขา มุ่งหน้าเข้าหมายสังหารไปยังบริเวณที่เยี่ยจงอยู่โดยตรง
วินาทีนั้นเอง ท่ามกลางอากาศก็ได้ส่งกลิ่นออกมาเป็นสาย ราวกับเป็นกลิ่นเผาไหม้ ทันใดนั้นบนพื้นก็ได้แห้งกรากจนเกิดรอยแตก แลดูน่าหวาดหวั่นมากนัก
ในตอนที่ซือสู้ลงมืออยู่นั้นเอง ไม่ว่าจะมองดูอย่างไรก็เป็นพลังยุทธ์ในขั้นก่อฟ้าระดับความสำเร็จสูงเท่านั้น
“ ที่แท้ก็เป็นเจ้าเสียสติ “
เยี่ยจงหรี่ตามองคราหนึ่ง ถึงแม้ว่าเขาในตอนนี้จะทราบดีว่าผู้คนที่เรียกตนเองว่าถังกู่จะมีที่มาที่ไปสูงล้ำ แต่ว่าภายในจิตใจของเขาก็มิได้เกิดความเกรงกลัวแม้แต่น้อย ในเส้นทางสายยุทธ์ เมื่อเลือกเดินในเส้นทางที่เรียกได้ว่าท้าทายแม้กระทั่งฟ้าดินแล้ว หากว่าไม่มีนิสัยเช่นนี้ ยังจะเรียกขานตนว่าผู้ฝึกยุทธ์ไปทำไม
“ ชิร์ “
เยี่ยจงร้องชิร์มาอย่างเย็นชา ทว่าเขาก็ยังมิได้ใช้ออกด้วยทักษะยุทธ์ใดๆ อีกทั้งเพียงใช้แค่หมัดขวาเท่านั้น พลังภายในกระบี่หกสุสานก็ได้ไหลเวียนขึ้น จากนั้นก็ได้ปล่อยหมัดออกไป
“ โครม “
อสรพิษเพลิงได้สะบัดไปมาอยู่ทั่วท้องฟ้าทางด้านหน้า จนเหมือนกับว่าร่างกายของเยี่ยจงดูเล็กลง เพียงแค่มององค์ชายที่อยู่ภายในสนาม ก็พอที่จะทราบได้ว่ากระบวนท่านี้ต้องเป็นทักษะยุทธ์ขั้นปราณระดับกลางแน่นอน อีกทั้งในตอนนี้ยังถูกใช้ออกโดยพลังฝีมือของซือสู้ จึงมีความน่าหวาดเกรงอย่างถึงที่สุด
“ ตูม “
จากนั้น ทันใดนั้นต่อมา ผู้คนไม่น้อยไม่ระยะไม่ใกล้ไม่ไกลต่างก็จ้องมองดู พลังหมัดของเยี่ยจงนี้ก็ได้เข้าปะทะกับศีรษะด้านบนกระบวนท่าสังหารอสรพิษเพลิง ทันใดนั้นก็ได้เกิดเสียงดังขึ้นอย่างประหลาดขึ้นมาทันที แล้วก็ได้พบว่าอสรพิษเพลิงนั้นได้สั่นไหวขึ้นมาคราหนึ่ง หลังจากนั้นเพลิงสีแดงที่กำลังลุกไหม้อยู่นับไม่ถ้วนก็ได้มอดหายไป
“ ซ่า “
เมื่อทักษะยุทธ์ถูกทำลาย ร่างกายของซือสู้ก็ได้ขยับคราหนึ่ง ถอยออกไปทางด้านหลังอยู่หลายก้าว บริเวณมุมปากได้มีโลหิตไหลรินออกมา เขาได้เหม่อมองไปทางด้านเยี่ยจงด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความยากที่จะเชื่อ กับพลังฝีมือของเขา ภายในกลุ่มถังกู่ก็ถือได้ว่าไม่เลวเลยทีเดียว อีกทั้งความแข็งแกร่งของกลุ่มถังกู่ ภายใต้ดินแดนซีฮวงมีผู้ใดบ้างที่ไม่ทราบกัน ?
และเขาเองที่อยู่ในกลุ่มถังกู่ขององค์ชายสิบสามที่ได้ลงมือต่อสู้เป็นครั้งแรก อีกทั้งยังเป็นการลงมือต่อหน้าครั้งแรกเช่นนี้ ก็ได้อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ทราบว่ามีเด็กน้อยออกมาจากที่ใดทำให้เขาพ่ายแพ้ได้
แต่องค์ชายสิบสามในตอนนี้กลับมิได้เคลื่อนไหวแต่อย่างไร เขาเพียงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองไปยังฉากเบื้องหน้า แต่ก็มิได้ลงมือเข้าขัดขวาง ทว่าเมื่อได้เหม่อมองไปทางด้านสายตาของเยี่ยจง กลับต้องทอแววความนับถือออกมา
“ เจ้าหนุ่ม ทั่วทั้งดินแดนซีฮวงนี้ ผู้ที่หาญกล้าที่จะเลือกเดินเส้นทางสายเดียวกันกับองค์ชายเช่นข้านั้นนับได้ว่ามีอยู่ไม่มากนัก เจ้ายังนับได้ว่าเป็นคนแรกที่ข้าพบเจอ …….. เจ้าที่เป็นบุคคลที่มีความอาจหาญเช่นนี้ ถือได้ว่าปกติอย่างยิ่ง หากว่าเจ้ายินยอมติดตามองค์ชายเช่นข้า อีกทั้งยังไม่จำเป็นที่จะต้องมาอยู่ในฐานะลูกน้องด้วยซ้ำ องค์ชายเช่นข้าขอให้คำสัญญา สิ่งที่เจ้าต้องการในการฝึกปรือ กลุ่มถังกู่ข้ายินดีที่จะเสาะหาให้ทั้งสิ้น ดีหรือไม่ ? “ องค์ชายสิบสามอมยิ้มแล้วมองไปทางด้านของเยี่ยจง “ เจ้าก็แค่เพียงต้องการกระดูกสันหลังชิ้นเล็กๆเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นสิ่งที่แม้แต่เจ้าเองก็ยังมิอาจที่จะหาได้พบภายในสิบปีนี้ สมควรเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนที่ไม่เลวกระมั่ง ? “
องค์ชายสิบสามยังคงมีบางอย่างต้องการจะชี้แนะ แต่ก็มิได้ตีความอย่างกนะต่าง ทว่าเยี่ยจงกลับเงียบงันแล้วจ้องมองอย่างเคร่งเครียดแทน เห็นได้ชัดว่าองค์ชายสิบสามนั้นมองออกถึงเส้นทางสายยุทธ์ของตนเองได้ตั้งแต่แรก อีกทั้งเมื่อดูจากลักษณะเฉกเช่นเขาแล้ว เป็นไปได้กว่าแปดส่วนที่จะมีความเป็นไปได้ว่าแม้แต่เขาเองก็ยังเลือกที่จะเดินในเส้นทางยุทธ์สายเดียวกับตนเองเช่นกัน
และเหล่าลูกน้องขององค์ชายสิบสามที่อยู่รอบด้าน รวมทั้งซือสู้เองก็ยังต้องนิ่งเงียบพ่นลมหายใจออกมาคำหนึ่งอย่างรุนแรงและเย็นชา ถึงแม้ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้จะสามารถรับกระบวนท่าของซือสู้ได้ จนทำให้ผู้คนตื่นตกใจ แต่ว่าในที่แห่งนี้ก็มีแต่เพียงซือสู้เท่านั้นที่ทราบได้ถึงเหตุผล หากว่าต้องลงมือกันจริงแล้วละก็ เป็นตายคงยากที่จะคาดเดา
เพียงแต่แค่การชี้นำถึงสิ่งของเพียงเล็กน้อยเช่นนี้เท่านั้น ถึงกับมีค่าพอที่จะแลกเปลี่ยนกับการเข้ากลุ่มถังกู่และเป็นลูกน้องขององค์ชายสิบสามนั้นคุ้มค่างั้นหรือ ?
ส่วนลั่วเฉิงและพวกต่างก็ทอแววสงสัยมองไปทางด้านของเยี่ยจง พวกเขานั้นก็พอที่จะทราบถึงนิสัยของเยี่ยจงอยู่หลายส่วน ทราบว่าเด็กหนุ่มผู้นี้มีความหยิ่งทรนงถึงเพียงใด แต่ว่า แม้แต่พวกเขาเองก็คิดไม่ถึงว่า องค์ชายสิบสามแห่งกลุ่มถังกู่ถึงกับต้องตาต้องใจเยี่ยจง ถึงกับเสนอมีราคาค่างวด …….. มากถึงเพียงนี้เชียวหรือ ?
“ ไม่น่าสนใจเอาซะเลย “
เยี่ยจงจ้องเขม็งไปยังองค์ชายสิบสาม มิได้เกิดความลังเลแม้แต่น้อย ทั้งยังปฏิเสธทันควัน
“ เหอะเหอะเหอะ ช่างมีกระดูกที่แข็งยิ่งนัก …….. “ องค์ชายสิบสามหรี่ตาจ้องเขม็งไปทางด้านเยี่ยจง แล้วก็หัวเราะเบาๆแล้วกล่าว “ ทว่าก็ถูกต้อง ในเมื่อเจ้ามายังเมืองฮวงกู่นี้ ถ้าคาดเดาไม่ผิดคงจะมาเพื่อที่จะตามหาวาสนาภายในสมรภูมิฮวงกู่สินะ ดีมาก ข้าองค์ชายในตอนนี้จะไม่ฝืนใจเจ้า ทว่าสิ่งของที่อยู่ภายในสมรภูมิฮวงกู่ ย่อมต้องเป็นขององค์ชายเช่นข้า และเมื่อถึงเวลานั้น เจ้าก็คงจะต้องคืบคลานมาหาองค์ชายเช่นข้าอย่างว่าง่ายแล้วละ “
องค์ชายสิบสามกล่าวจบ จากนั้นก็ได้หันกายเดินจากไปอย่างช้าๆ เมื่อพบเห็นฉากเบื้องหน้า ซือสู้ผู้นั้นและพวกต่างก็กวาดตาจ้องมองไปทางด้านเยี่ยจงอย่างเย็นเยียบ แล้วจึงคอยหายไปทีละคนอย่างรวดเร็ว
“ ถังกู่ ? องค์ชายสิบสาม ? “
ในบริเวณที่ห่างไกล การประมือในครั้งนี้ก็ได้ดึงดูดความสนใจของยอดฝีมือรุ่นเยาว์นับไม่ถ้วนเอาไว้ ในตอนนี้เมื่อพบเห็นยอดฝีมือของถังกู่ถอยออกไป สีหน้าของผู้คนไม่น้อยต่างก็ทอแววตกใจขึ้นมา
“ ทั้งห้าคนนั้น ที่แท้มาจากที่ใดกัน ? ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็เป็นแค่สามัญชนธรรมดา “
“ เจ้าสามัญชนธรรมดาเหล่านี้ถึงกลับมีค่าพอที่จะให้องค์ชายสิบสามเสนอราคาค่างวดถึงเพียงนี้เชียวงั้นหรือ ? “
“ ลือกันว่าองค์ชายสิบสามผู้นั้นมีดวงตาปราณฟ้าอยู่ ที่ภายในกลุ่มถังกู่นับร้อยปีจะพบเจอได้เพียงแค่คนเดียว รัฐทังในวันหน้าคงจำเป็นที่จะต้องพึ่งพาบุคคลเช่นนี้แล้ว คิดไม่ถึงว่าบุคคลเช่นนี้ ถึงกลับต้องตาต้องใจกับสามัญชนกลุ่มนี้ได้ “
“ อีกทั้ง ที่สำคัญที่สุดก็คือ เจ้าสามัญชนผู้นั้นถึงกับปฏิเสธอีกด้วยงั้นหรือ ? “
มีสายตานับไม่ถ้วนทอดตาลงบนร่างของเยี่ยจง อีกทั้งยังเต็มไปด้วยความนับถือและริษยาชิงชังอย่างเข้มข้น ถึงแม้ว่าในปากพวกเขาจะกล่าวว่าสามัญชนสามัญชน แต่ว่า หากว่าองค์ชายสิบสามถังกู่ต้องตาต้องใจพวกเขาแล้วละก็ ต่อให้พวกเขากลายเป็นสามัญชนก็ยังต้องยินดี
เมื่อได้ถูกผู้คนมากมายจ้องมองและให้ความสนใจ เยี่ยจงและพวกต่างก็เริ่มที่จะรู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้าขึ้นมา ต่อมาก็ได้เร่งรีบที่จะจากไปอย่างรวดเร็ว ยังดีที่ในครั้งนี้มิได้มีผู้ใดมาขัดขวางเอาไว้ จึงทำให้พวกเขาสามารถกลับไปยังที่พักได้โดยปลอดภัย
“ ถังกู่ผู้นั้นร้ายกาจมากหรือไง ? “ หลังจากที่กลับไปแล้ว เยี่ยจงก็ได้ขมวดคิ้วขึ้นมา จนในที่สุดแม้กระทั่งตอนนี้เขาเองก็ยังไม่ค่อยทราบเรื่องเกี่ยวกับขุมกำลังที่แข็งแกร่งในดินแดนซีฮวงแห่งนี้มากนัก
ลั่วเฉิงหลังจากที่ลังเลชั่วครู่ ก็ได้สูดลมหายใจเข้าคำหนึ่ง เขาที่มีฐานะเป็นถึงองค์รักษ์เสื้อแพร ย่อมต้องพบเจอมาไม่น้อย ทว่าหลังจากที่ได้ครุ่นคิดใคร่ครวญแล้ว จึงค่อยตอบออกมาเสียงแผ่วเบา “ ถังกู่เป็นหนึ่งในรัฐใหญ่แห่งดินแดนซีฮวง จุดที่ตั้งของรัฐทัง อีกทั้งเมืองหลวงของรัฐถังก็ยังอยู่ใจกลางของถังกู่ ลือกันว่า ราชวงศ์ถังกู่มีโลหิตของวิหคทองคำแห่งแดนรกร้างไหลเวียนอยู่ อีกทั้งยังถือเป็นชนชาวที่สามารถทำให้เหล่าเทพเซียนพ่ายแพ้ได้ จนก่อตั้งดินแดนสำเร็จขึ้นมาได้
“ แล้วชื่อเสียงขององค์ชายสิบสามอะไรนั้น ข้านั้นยังเคยได้ยินได้ฟังมาบ้าง กล่าวกันว่าเขานั้นนับได้ว่าเป็นยอดอัจฉริยะที่ปรากฏตัวขึ้นมาในหลายปีนี้ในดินแดนรกร้างทางตอนเหนือ ไม่ว่าจะเป็นพรสวรรค์หรือว่าอำนาจ ก็นับได้ว่าอยู่ในจุดที่เรียกได้ว่าสูงในเผ่าพันธุ์มนุษย์ อีกทั้ง พลังดวงตาปราณฟ้าของเขา หากว่าดวงตาปราณเปิดออก จะสามารถมองเห็นหมื่นสรรพสิ่ง น่าหวาดเกรงเต็มสิบส่วน “ เหร่ยทิงเหอได้สูดลมหายใจเข้าคำหนึ่ง เห็นได้ชัดว่า องค์ชายสิบสามผู้นี้ได้ก่อเกิดแรงกดดันแก่พวกเขาได้อย่างมาก
“ แต่ว่า หากนับตามที่พวกเขากล่าวออกมา ถึงแม้ว่าองค์ชายสิบสามผู้นี้จะร้ายกาจก็ตาม เขายังต้องมายังสมรภูมิฮวงกู่เพื่ออะไร ? การเปิดออกของสมรภูมิฮวงกู่ในครั้งนี้ ที่แท้มีสิ่งของอันใดที่ดึงดูดผู้คนมาได้มากมายถึงเพียงนี้กัน ? “ เยี่ยจงขมวดคิ้วตอบ ในข้อนี้จึงถือได้ว่าเป็นข้อที่สำคัญที่สุดก็ว่าได้ รวมไปทั้งนกแก้วฮวางเชวินนั้น แล้วก็ที่เจ้าปีศาจไร้ขอบเขตที่ฟ้าส่งมา การมีอยู่ของสิ่งเหล่านี้ราวกับไม่จำเป็นที่จะต้องมายังสมรภูมิฮวงกู่นี้จึงจะถูกต้อง แต่ก็คิดไม่ถึงว่าทุกอย่างที่กล่าวมาต่างก็มารวมกันอยู่ในที่แห่งนี้แล้ว
“ เมื่อครู่องค์ชายสิบสามได้กล่าวถึงวาสนาอะไรสายหนึ่ง ……. เขาน่าจะมาเพราะสิ่งของชิ้นนี้แล้ว เพียงแต่ว่า พวกเรายังไม่ทราบว่าสิ่งที่เป็นวาสนานั้นเป็นสิ่งใดกันแน่ “ องค์หญิงหกก็ได้กล่าวออกมาเสียงแผ่วเบาจากนั้นก็ได้สูดลมหายใจเข้าออกอยู่หลายครั้ง
“ เสด็จพ่อของเจ้ากับผู้ที่มีชื่อเสียงในดินแดนเหล่านี้ น่าจะมีส่วนที่ทราบได้ว่าวาสนานั้นคืออันใดนะ “ เยี่ยจงมองไปทางด้านขององค์หญิงหกแล้วก็อ้าปากกล่าวออกมา ถึงแม้การเปิดประตูของสมรภูมิฮวงกู่ในครั้งนี้ แน่นอนว่าย่อมต้องมีบางอย่างที่ไม่เหมือนดั่งครั้งก่อน ไม่เช่นนั้นแล้วละก็คงจะไม่ดึงดูดผู้คนที่มากพรสวรรค์เช่นนี้ให้ปรากฏตัวออกมาได้มากมายถึงเพียงนี้
“ สิ่งที่พวกเจ้ากล่าวออกมา การปรากฏตัวขององค์ชายสิบสามของรัฐถัง อีกทั้งยังกล่าวว่าต้องการวาสนาสายนั้นงั้นหรือ ? “ ร่างของซูเหล่าที่ไม่ทราบว่าได้โผล่ออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่มาอยู่บริเวณข้างกายของเยี่ยจงและพวก ขมวดคิ้วแล้วกล่าวออกมา
“ ใช่แล้ว “ เยี่ยจงหยักไหล่ไปมา “ ซูเหล่าท่านเมื่อครู่สมควรที่จะมองเห็นถึงการมาของปีศาจไร้ขอบเขต(ซ่งจื่อ) หากว่าข้าเดาไม่ผิดพลาด มันก็คงจะต้องมาเพื่อเสาะหาหนึ่งหนแห่งวาสนาอะไรนั้นเหมือนกันละมั่ง ? ซูเหล่าท่านทราบว่าหนึ่งหนแห่งวาสนานั้นแท้จริงแล้วคืออันใดหรือไม่ ? “
หลังจากที่เงียบงัน ซูเหล่าก็ได้ขมวดคิ้วขึ้น ทว่าไม่นานนักจากนั้นเขาก็ได้ส่ายศีรษะแล้วถอนหายใจแล้วตอบ “ ดูเหมือนว่าข่าวสารของต้าโจวเราจะได้รับมายังน้อย หรือแม้แต่ผู้อาวุโสทางวังในก็ยังมิได้รับข่าวสารอันใด เกรงว่าคงจะต้องพึ่งพาพวกเจ้าเมื่อเข้าไปยังสมรภูมิฮวงกู่เพื่อเสาะหาข่าวคราวแล้ว หากว่ามีประโยชน์ต่อต้าโจวเราแล้วละก็ แน่นอนว่าย่อมต้องช่วงชิงมาให้ได้ “
เยี่ยจงกวาดสายตามองไปยังซูหล่าคราหนึ่ง แล้วก็ร้องเหอะออกมาคำหนึ่ง เฒ่าชราผู้นี้ถึงกับต้องการที่จะหลอกใช้ตนเอง ถึงกับมีหรือที่จะไม่ทราบได้ว่าหนึ่งหนแห่งวาสนานั้นคือสิ่งใดกันแน่ แต่ว่าแม้แต่องค์ชายสิบสามแห่งรัฐถัง นกแก้วฮวางเชวิน ปีศาจใหญ่ไร้ขอบเขตก็ยังมาเพื่อหนึ่งหนแห่งวาสนานี้ สิ่งของชิ้นนั้นมีหรือที่จะธรรมดาได้ ? เกรงว่าแม้แต่รัฐต้าโจวในตอนนี้ อ๋องนับไม่ถ้วน และเหล่ายอดฝีมือที่เก็บตัวฝึกตนอยู่ตามหุบเขามากมาย ในตอนนี้ก็ยังต้องใช้กำปั้นฝ่ามือ เพื่อที่จะแย่งชิงหนึ่งหนแห่งวาสนานี้ มีหรือที่จะไม่ทราบได้ว่าหนึ่งหนแห่งวาสนานี้คืออันใด ? คิดที่จะแย่งชิงสิ่งของ เกรงว่าจะไม่ง่ายดายเช่นนั้นไม่ ?
“ เจ้าไม่ต้องมามองข้า “ ซูเหล่าส่ายศีรษะแล้วตอบ “ หนึ่งหนแห่งวาสนานั้น อย่างน้อยก็คงจะต้องมีประโยชน์ต่อพวกเขาเหล่าเด็กหนุ่มอยู่มากแน่นอน ลงมือเพื่อรัฐต้าโจวเรา ก็ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ช่วยเหลือตนเองอีกทางหนึ่ง ภายใต้ สมรภูมิฮวงกู่แห่งนี้ ใช่ว่าต้องการที่จะเข้าไปก็จะเข้าไปได้ ถึงแม้จะเข้าไปภายในแล้ว แน่นอนว่าย่อมต้องเข้าไปแย่งชิงหนึ่งหนแห่งวาสนานี้ “
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ซูหล่าก็ราวกับเหมือนสื่อบางอย่างออกมา หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่นานก็ได้กล่าวต่อ “ ข้าราวกับนึกบางอย่างออกมาได้ เมื่อราวพันปีก่อน ในการเปิดประตูเข้าสู่สมรภูมิฮวงกู่นั้นก็ได้ดึงดูดยอดฝีมือที่มีพลังฝีมือน่าหวากลัวเอาไว้ไม่น้อย ท่ามกลางสมรภูมิฮวงกู่ที่มีการแย่งชิงในครั้งนั้นกลับมิได้เป็นเหมือนครั้งก่อนๆ อีกทั้งในครั้งนั้นยังได้มีเหล่าผู้มีพรสวรรค์มากมายเดินทางออกมาจากสมรภูมิฮวงกู่ ยังไม่ถึงหนึ่งในสิบด้วยซ้ำไป ทว่า หนึ่งในหลายคนนั้นที่ได้กลับออกมาต่างก็สถาปนาตนขึ้นเป็นอ๋อง รวมทั้งรัฐโบราณนั้นด้วย คงแล้วแต่มุมมองของแต่ละคนแล้วละ “
.
.
.
.
สนใจโดเนทกลุ่มลับได้ที่ INBOX เลยนะครับ รายละเอียด โดเนท กลุ่ม/100บาท/80ตอน โปรเข้ากลุ่ม 2/3/4/5/6 ราคา 400 กลุ่ม2 https://goo.gl/ZQf6cj ตอนที่ 131-210 กลุ่ม3 https://goo.gl/dV1p9e ตอนที่ 211-290 กลุ่ม4 https://goo.gl/ESwaou ตอนที่ 291-370 กลุ่ม5 https://goo.gl/ekcF7V ตอนที่ 371-450 กลุ่ม6 https://goo.gl/4rqw89 ตอนที่ 451-530 ล่าสุด 480 ช่องทาง https://goo.gl/dQyf9U