ตอนที่ 204 ทะเลเลือด “ ตูมตูมตูม “ หมอกควันหนาวเย็นที่อยู่ในจุดเริ่มต้นตรงสันเขา ก็ได้มีเสียงดังปะทะเข้ากับท้องฟ้าขนาดใหญ่ ปีศาจแดนรกร้างนับไม่ถ้วนในตอนนี้ต่างก็มีสีหน้าตื่นตกใจจนกระโดดไปมา ราวกับว่าถ้าหากช้าไปแม้เพียงก้าวเดียว ร่างกายจะต้องแตกออกก็มิปาน “ ข้าหิวแล้ว “ ท่ามกลางอากาศ หมอกควันหนาวเย็นก็ได้มีเสียงร้องดังออกมา เหล่าปีศาจแดนรกร้างเหล่านี้ที่ตอนแรกอยู่ในอาการบ้าคลั่ง ในตอนนี้ถึงกับตัวสั่นเทาขึ้นมาในเวลาเดียวกัน จากนั้นก็ได้หยุดลง พวกมันมีแต่เพียงความหวาดกลัว ราวกับคิดที่จะจากไปในตอนนี้ แต่ว่าก็ไม่มีความกล้าพอที่จะจากไปได้ “ ชู่ว “ ทั่วทั้งใจกลางสันเขาที่เป็นจุดเริ่มต้น ทันใดนั้นก็ได้มีเสียงของสายลมอันเย็นเยือบออกมา ปีศาจแดนร้าง(ฮวงเยา)มากมายในเวลานี้ก็ได้กู่ร้องออกมาเป็นสาย ไอโลหิตจากภายในของพวกมันได้สั่นไหวไปมา จากนั้นก็รวมตัวเข้าหากัน จรกลายเป็นทะเลเลือดสายหนึ่งปกคลุมกลืนกินหมอกควันเข้าไป จนแทบจะไม่หลงเหลือสิ่งมีชีวิตใดๆเอาไว้ “ น่าจะราวๆประมาณห้าสิบตน ที่ใช้ได้ทั้งเก้าในสี่สิบ ที่มีพลังเทียนเต๋า หนึ่งในพลังแห่งฟ้า(เทียน) ก็จะกลายเป็นหนึ่งหนแห่งวาสนา ฮี่ฮี่ หนึ่งหนแห่งวาสนา “ เสียงร้องดังฮี่ฮี่อย่างเยือกเย็นได้ค่อยๆดังออกมาจากบริเวณท่ามกลางหุบเขา หลังจากนั้นก็ได้พบว่าท่ามกลางหมอกควันขนาดใหญ่ได้มีเงาร่างสีทองคำปรากฏขึ้นมาเป็นจุดเล็กๆทันทีทันใด จนกลายเป็นมนุษย์ร่างใหญ่เล็ก จากนั้นเงาร่างนั้นก็ได้ขยับคราหนึ่ง มุ่งหน้าไปยังท่ามกลางเมฆหมอกสีดำทมิฬเข้าไป จากนั้นก็ได้หายสาบสูญไป ในระหว่างที่มันได้จากไป หมอกควันที่ปกคลุมไปทั่วทั้งหุบเขาก็ได้หายไปในเวลาเดียวกัน จากนั้นก็สามารถมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างชัดเจน ทั่วทั้งหุบเขาในตอนนี้ได้เต็มไปด้วยไอแห่งความตาย รวมไปทั้งโครงกระดูกของปีศาจแดนรกร้างมากมายนับไม่ถ้วน ต้นไม้ใบหน้าหินผา ต่างก็ไร้ที่สิ่งมีชีวิต ........ ระยะห่างในตอนนี้ที่ไม่ทราบว่าภายในหมื่นหมื่นลี้นั้นได้มีตึกใหญ่สูงตระหง่านอยู่ตรงกลาง ทันใดนั้นเอง ก็ได้มีน้ำตกสายหนึ่งหลั่งไหลออกมาจากท้องฟ้า น้ำตกนี้ราวกับได้ออกมาจากแดนเทพเซียนก็มิปาน เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของทั้งดินแดนฟ้าดิน บริเวณใจกลางของน้ำตก ก็ได้มีสายตาคู่หนึ่งก็ได้จ้องเขม็งมองไปทางด้านดินแดนซีฮวง หลังจากนั้น ก็ได้ค่อยๆสลายหายไป........ ………… ในตอนที่หลังจากที่เยี่ยจงได้ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็ได้มองเห็นทั่วทั้งบริเวณในตอนนี้เป็นสีแดงอย่างตื่นตกใจ จากนั้น เขาก็ได้มองเห็นอย่างชัดเจนถึงบริเวณที่คนในกลุ่มทั้งห้าคนอยู่ในตอนนี้ ในตอนนี้ บริเวณจุดที่ตั้งของพวกเขา ถึงแม้ว่าจะเป็นเหมือนดั่งทะเลเลือด อีกทั้งยังเป็นทะเลเลือดที่ดูไม่ชัดเจน ท่ามกลางทะเลเลือดนี้ ไม่ทราบว่ามีความธรรมดาอยู่หลายส่วน เมื่อมองไปบริเวณด้านในของความธรรมดา ก็ได้มีทะเลเลือดมากมายนับไม่ถ้วน ท่ามกลางทะเลเลือดก็ได้โอบล้อมไปด้วยโลหิตที่เดือดขึ้นมาขนาดใหญ่ ในทุกครั้งที่มีโลหิตเดือดจนแตกออก ก็ได้ส่งกลิ่นคาวเลือดออกมาอย่างหนาแน่นไปทั่วทั้งท้องฟ้า บริเวณทะเลเลือด แต่ละจุดก็ได้มีโครงกระดูกสีขาวขนาดใหญ่มากมาย โครงกระดูกเหล่านี้ไม่ทราบว่าได้อยู่ในที่แห่งนี้มานานกี่ปีแล้ว ในตอนนี้ราวกับได้กลายเป็นคล้ายดั่งก้อนหินก็มิปาน ราวกับดวงดาวที่เป็นประกายอยู่ท่ามกลางทะเลเลิด อีกทั้งในบริเวณที่เยี่ยจงและพวกอยู่ในตอนนี้ ก็ได้ปกคลุมไปด้วยโครงกระดูกขนาดใหญ่อยู่ชิ้นหนึ่ง ในพื้นที่ระยะไม่ห่างไกลกันมากนัก ก็ได้มีเงาร่างของคนออกมาจากโครงกระดูกมากมายในตอนนี้ เป็นที่ชัดเจนว่าพวกเขาเองก็ถูกส่งอกอมาจากทางด้านนี้ “ สถานที่แห่งนี้ ราวกับว่ามีอันใดไม่ถูกต้อง “ เยี่ยหลิงฝานขมวดคิ้วจ้องมองไปทางด้านของทะเลเลือด สุดท้ายพวกเขาก็ทราบแต่แรกแล้วว่า สมรภูมิฮวงกู่แห่งนี้ถือได้ว่าเป็นดินแดนขนาดเล็กแห่งหนึ่ง เยี่ยจงพยักหน้าไปมาอย่างเงียบงัน หลังจากนั้นก็ได้กวาดสายตาสำรวจมองไปรอบด้าน จึงค่อยมุ่งหน้าไปทางด้านทิศเหนือ กล่าวเสียงทุ่มต่ำออกมา “ พวกเจ้าดูทางด้านนั้น “ ในตอนนี้ หากมองจากทางด้านของเยี่ยจงและพวก ระยะห่างจากตรงนี้ไปอีกสิบลี้ ก็จะสามารถพบเห็นภูเขาสูงลูกหนึ่ง ตรงกลางเขาได้มีเกาะอยู่ ท่ามกลางภายในหมอกโลหิตเห็นได้ชัดว่าทำให้มิอาจที่จะเห็นได้อย่างชัดเจนอยู่หลายส่วน แต่ก็ราวกับมองเห็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ภายในหมอกโลหิตได้อย่างชัดเจน “ ไปทางด้านนั้นดูกันเถอะ “ หลังจากที่ครุ่นคิด ลั่วเฉิงกล่าวตอบออกมาเสียงแผ่วเบา ในตอนนี้เมื่อถูกส่งมายังท่ามกลางทะเลเลือดที่ไม่ทราบที่เรียกว่าอะไร ทั้งคณะต่างก็ไม่มีวัตถุประสงค์ที่อันใดที่ชัดเจน แน่นอนว่าคงมิอาจที่จะหยุดอยู่กับร่างโครงกระดูกเหล่านี้ได้ ดังนั้น บริเวณด้านหน้าของที่เป็นเกาะบนภูเขาสูงในตอนนี้ ไม่ว่าจะมีอันตรายหรือไม่ ยังไงเสียก็ต้องเข้าไปดูสักครา “ อือ คงได้แต่ทำเช่นนั้นแล้วละ “ เยี่ยจงก็ได้ค่อยๆเอ่ยปากถอนลมหายใจออกมา จากนั้นก็ได้ตอบกลับมาเสียงแผ่วเบา ท่ามกลางทะเลโลหิตสายนี้ได้ส่งกลิ่นคาวเลือดออกมาอย่างเข้มข้น ภายในอากาศราวกับไม่มีสิ่งที่เรียกว่าปราณฟ้าดินอะไรทำนองนั้นเลย ทั่วทั้งพื้นที่เป็นเหมือนดั่งดินแดนแห่งความตายก็มิปาน ต่อมา หลังจากที่ทั้งคณะได้มุ่งหน้าผ่านเส้นทางที่เห็นก่อนหน้า ก็ได้ค่อยๆคืบคลานลงไปทางด้านโครงกระดูกด้านล่างอย่างระมัดระวัง มุ่งหน้าไปอีกทางด้านหนึ่งที่มีโครงกระดูกอีกทาง โครงกระดูกเหล่านี้แม้จะมิได้อยู่อย่างต่อเนื่องกัน แต่ก็ราวกับกระดูกสีขาวได้จัดเป็นทางสายหนึ่งก็มิปาน จากที่ได้เดินบนกระดูกขาวตลอดรายทางมานี้ ใต้เท้าก็ในเวลานี้กลับมิได้มีเสียงใดๆดังขึ้นมา ทว่ากระดูกขาวเหล่านี้เห็นได้ชัดว่าได้อัดแน่นรวมกันอย่างถึงที่สุด อีกทั้งยังยากที่จะแตกเสียหายได้ หลังจากนั้นคณะทั้งห้าคนก็ได้เดินทางผ่านทะเลเลือดสายนี้ไปอย่างระมัดระวังเช่นนี้ ทันใดนั้นเอง ท่ามกลางอากาศก็ได้แผ่กระจายกลิ่นหวานออกมาเล็กน้อย ทำให้ทั้งห้าคนเคลื่อนไหวด้วยความแจ่มใส “ นั้นมัน เห็ดหลิงจือโลหิต ? “ องค์หญิงหกร่ำร้อง จากนั้นก็ได้ใช้มือน้อยๆที่ดุจดั่งหยกแตะไปทางริมฝีปากน้อยๆ แสดงใบหน้าตกใจมองไปบริเวณทางด้านหน้า ทางด้านกระดูกที่มีขนาดสูงอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่าจะดูไม่ออกมาสิ่งมีชีวิตนี้ที่แท้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ก็นับเป็นที่น่าตกใจอย่างยิ่ง นั้นก็เพราะว่ากระดูกทางด้านหน้าที่อยู่ใต้เท้าของเยี่ยจงและพวกชิ้นนี้มีลักษณะใหญ่กว่ากระดูกชิ้นอื่นเกือบสิบเท่าได้ และในตอนนี้ บริเวณด้านบนของกระดูกขาวเหล่านี้ก็ได้มีรอยแต้มสีแดงจากสิ่งมีชีวิตเอาไว้อยู่ และสิ่งมีชีวิตนี้ก็ได้รวมตัวกันอยู่ในจุดๆเดียว จากนั้นก็ได้มีสายลมที่โชยพัดเข้ามาพร้อมกับฝ่ามือที่คล้ายกับดอกบัวสีแดงที่พัดมาพร้อมกับความหอมสายหนึ่ง วัตถุชิ้นนี้ที่แท้ก็เป็นเห็ดหลิงจือโลหิตที่องค์หญิงหกเอ่ยถึงนั้นเอง “ ลงมือ “ ราวกับว่าทันใดนั้น ลั่วเฉิงและกงซุนจวินทั้งสองคนก็ได้ตบตากัน แล้วก็ได้ร้องออกมาอย่างเจ็บปวดในเวลาเดียวกัน ร่างกายก็ได้พุ่งออกไป เห็ดหลิงจือโลหิตนั้นนับได้ว่าเป็นโอสถในไม่กี่ชนิดที่มีประโยชน์ต่อผู้ที่มีพลังอยู่ในขั้นก่อเกิดทั้งเก้าขั้น ล้ำลือกันหากผู้ที่มีพลังอยู่ในขั้นก่อเกิดกลืนกินเห็ดหลิงจือโลหิตนี้ไปแล้วละก็ เช่นนั้นร่างกายเลือดเนื้อจะสามารถมีการเปลี่ยนแปลง พลังฝีมือปะทุขึ้นมา แต่ว่าเห็ดหลิงจือโลหิตชิ้นหนึ่งนั้นถือได้ว่ามีฤทธิ์รุนแรง จำเป็นที่จะต้องมีเลือดที่บริสุทธิ์อย่างเต็มเปี่ยม จำเป็นที่จะต้องใช้เวลานับพันปีจึงจะสามารถที่จะเติบโตออกมาได้เช่นนี้ และในขอบเขตเช่นนี้ ถือได้ว่าการเติบโตของเห็ดหลิงจือโลหิตจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่สูงทีเดียว “ ไสหัวไป “ บริเวณทางด้านหลัง เยี่ยจงที่มิได้หลีกทางให้ อีกทั้งทันใดนั้นเขาก็ได้จ้องเขม็งพลางครุ่นคิด หลังจากนั้นก็ได้ฟาดฝ่ามือออกไปคราหนึ่ง “ ก๊ง “ จู่ๆเสียงก็ดังขึ้นมา เมื่อได้ยินเสียงที่ดังลอดออกมาสายนี้ จากนั้นเงาร่างสายนั้นก็ได้ปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ได้ถูกเยี่ยจงใช้ฝ่ามือซัดจนถอนรนไป ร่างกายของลั่วเฉิงและกงซุนจวินทั้งสองก็ได้หยุดลงในเวลาเดียวกัน บริเวณทางด้านหลังก็สัมผัสได้ถึงความประหลาด ตลอดรายทางมาพวกเขากลับไม่พบว่าพวกตนเองถูกผู้คนติดตามแต่อย่างไร คิดไม่ถึงว่าเยี่ยจงจะทราบได้ก่อน ความสามารถของคุณชายเยี่ยผู้นี้ ถือได้ว่าเกินกว่าปกติธรรมดาไปมากแล้ว “ ออกมาเถอะ ถึงเวลานี้แล้วยังไม่รีบโผล่หางออกมาอีก มีอันใดที่ไม่น่ายินดีกัน “ เยี่ยจงเอ่ยปากเสียงดุดัน แต่ยังคงสีหน้าสงบอยู่ “ เหอะเหอะเหอะ ความสามารถที่ดี ที่แท้ก็มีความสามารถ “ หลังจากนั้น ก็ได้มีเสียงหัวเราะดังออกมาเป็นสาย หลังจากนั้นก็ได้พบว่าที่บริเวณด้านหลังของกลุ่มโครงกระดูกสีขาวหลายชิ้น ก็ได้มีเงาร่างออกมาหลายสาย บนเงาร่างเหล่านี้ต่างก็ได้แผ่กระจายลมออกมา ดูแล้วให้ความรู้สึกที่แปลกประหลาดอย่างถึงที่สุด “ เผ่ามนุษย์ต้นไม้ “ บริเวณทางด้านหลัง เหร่ยทิงเหอและพวกต่างก็แสดงความสงสัยขึ้นเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าเมื่อได้เข้ามายังสมรภูมิฮวงกู่ ก็พบเจอกับความยุ่งยากเช่นนี้ตั้งแต่เริ่มต้น เยี่ยจงเหม่อมองไปที่ฝ่ามือของตนเอง หลังจากนั้นก็ได้ดีดนิ้วออกมาหลายครา แล้วจึงค่อยกล่าวออกมา “ บอกมา พวกเจ้ามีอันใดจะชี้แนะ หากว่าไม่บอกออกมาสักสามสี่ข้อแล้วละก็ ก็อย่าได้โทษข้าก็แล้วกัน “ “ เหอะ เจ้าหนู เป็นเพียงแค่มนุษย์เท่านั้น พลังยุทธ์ก็ยังไม่นับว่าแข็งแกร่ง หาที่ตายซะแล้ว “ ท่ามกลางเผ่ามนุษย์ต้นไม้ที่คล้ายกับรูปปั้นมนุษย์ต้นไม้สรแดงก็ได้กล่าวออกมาอย่างเย็นชา “ งั้นหรือ ? “ เยี่ยจงแสดงใบหน้าเย็นชา เมื่อครู่ยอดฝีมือมนุษย์ต้นไม้ที่ได้ถูกเขาซัดจนถอยออกผู้นี้ “ อย่าได้ปากมาก “ ยอดฝีมือมนุษย์ต้นไม้ทางด้านหน้าได้ยกมือขึ้นมา จ้องมองไปทางด้านของเยี่ยจงด้วยความเยียบเย็น แล้วกล่าวออกมา “ สหายท่านนี้ พวกเราก็ไม่ทราบว่าพวกท่านเป็นเผ่ามนุษย์ที่มาจากรัฐใดหรือว่ากู่กวอ(รัฐโบราณ) ทว่า เห็ดหลิงจือโลหิตนี้พวกเราได้หมายปองเอาไว้แล้ว เรื่องเช่นนี้ยังไงซะก็ต้องกล่าวถึงใครมาก่อนมาหลัง ขอเพียงท่านพวกเพื่อนของท่านถอยไป ก็คิดเสียว่าข้ามู่เจ่อติดค้างน้ำใจท่านครั้งหนึ่ง ดีหรือไม่ ? “ “ อะไรกัน ? คนผู้นี้ก็คือมู่เจ่อแห่งเผ่ามนุษย์ต้นไม้งั้นหรือ ? กล่าวกันว่าเป็นถึงผู้มีพรสวรรค์ในหมู่ของเผ่าต้นไม้เลยก็ว่าได้ ? “ บริเวณทางด้านหลัง เหร่ยทิงเหอก็ได้สูดลมหายใจเข้าออกอย่างแรง กล่าวตอบออกมาเสียงแผ่วเบา “ ผู้มีพรสวรรค์ในหมู่ของเผ่าต้นไม้ “ เยี่ยจงขมวดคิ้วไปมา กล่าวกันตามตรง เห็ดหลิงจือโลหิตชิ้นหนึ่ง อีกทั้งใช่ว่าเขาจะเห็นอยู่ในสายตา อีกทั้งยังต้องมีปัญหากับเผ่ามนุษย์ต้นไม้อีก แล้วก็มิใช่เรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลแต่อย่างไร ทว่าที่เมื่อครู่ที่อีกฝ่ายได้ลงมือออกมาก็ได้ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจ ดังนั้นเยี่ยจงในตอนนี้ก็ได้หัวเราะอย่างเย็นชาคำหนึ่ง แต่ก็มิได้กล่าวอะไรมากมายนัก ราวกับมองออกถึงความไปไม่พอใจในตัวเยี่ยจง มู่เจ่อผู้นั้นก็ได้ยิ้มออกมาแล้วตอบ “ แน่นอนว่า หากว่าสหายท่านไม่คิดที่จะต้องการน้ำใจนี้แล้วละก็ ก็ให้ข้าน้อได้ลงมือส่งท่านซักระยะดีหรือไม่ ? “ “ อ๋อ ? เจ้าคิดที่จะส่งข้าอย่างไรงั้นหรือ ? “ เยี่ยจงเงยหน้าขึ้น จ้องมองอย่างดุดันไปยังผู้มีพรสวรรค์ในหมู่ของเผ่าต้นไม้ที่อยู่ทางด้านหน้า มิได้มีอารมณ์ที่แปลกประหลาดแต่อย่างไร ช่วงเวลาก่อนหน้าที่เขาอยู่ในดินแดนซานเชียนเซินเจี่ย เขาก็ใช่ว่าจะมิเคยได้พบเจอกับยอดฝีมือของแต่ละเผ่ามาก่อน ? “ แน่นอนว่าต้องใช้ทั้งสองมือส่ง “ มู่เจ่อหัวเราะเบาๆ แต่ว่าทันทีได้สิ้นเสียงหัวเราะ ทันใดนั้นเขาก็ได้ใช้ดัชนีออกไป วินาทีนั้น ก็ได้พบกับพลังที่แผ่กระจายกันออกมาปรากฏไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน จนกลายเป็นประกายแสงมุ่งหน้าเข้าไปยังบริเวณที่เยี่ยจงอยู่ นี้เรียกได้ว่ามิใช่ทักษะยุทธ์ธรรมดาสามัญแล้ว สมควรที่จะเป็นพลังชีวิตเซินทง(เซียน)ของเผ่ามนุษย์ต้นไม้ เห็นได้ชัดว่า มู่เจ่อผู้นี้ก็มองออกว่าเยี่ยจงไม่ธรรมดา การลงมือในครั้งแรกก็เตรียมพร้อมที่จะสังหารแล้ว “ หาที่ตาย “ ใบหน้าของเยี่ยจงดุดันขึ้นมา จากนั้นก็ได้ค่อยๆกำฝ่ามือขึ้น ทันใดนั้นก็ได้ใช้หมัดออกเข้าปะทะบริเวณทางด้านหน้า เข้าหามู่เจ่อโดยตรง ทันทีที่การปะทะของหมัดนี้เกิดขึ้น พลังกระบี่ตราประทับชั้นที่สิบสองก็ได้ถูกซ้อนทับอยู่บนคมหมัดของเยี่ยจงแล้ว จนทำให้ผู้คนรู้สึกตกใจกับพลังของหมัดนี้ สีหน้าของมู่เจ่อเปลี่ยนไป ทันใดนั้นต่อมาเขาก็ได้แผ่มือขวาออก เถาวัลย์เหล่านี้ก็ได้แผ่กระจายกันออกมา จนกลายเป็นเถาวัลย์ขนาดใหญ่ก้านหนึ่ง ตั้งขวางไว้ระหว่างทั้งสองคน “ เปรี้ยง “ เสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นมา พลังโจมตีจากทั้งสองสายได้เข้าปะทะกันอย่างรุนแรง ประกายแสงสีทึบและประกายแสงสีเขียวก็ฟาดฟันในเวลาเดียวกัน แล้วก็ได้มีเสียงดังขึ้นไปยังบนท้องฟ้า จากนั้นทั้งสองคนก็ได้ยั้งเท้าลงบนกระดูกสีขาวจนเกิดรอยร้าว ทะเลเลือดทางด้านล่างจู่ๆก็ได้เดือดขึ้นมา ปรากฏว่าพุ่งขึ้นสู่ฟ้าอย่างรุนแรง มู่เจ่อถอยร่างกายไปทางด้านหลัง สีหน้าปั้นยากเต็มสิบส่วน ในตอนที่เยี่ยจงได้ปล่อยหมัดลงไป ตนเองก็ได้ออกกระบวนท่าโดยใช้เถาวัลย์เส้นนี้เข้าปะทะโดยตรง สิ่งนี้ได้ทำให้จิตใจของเขาคิดที่จะถอยหนีในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่ามู่เจ่อก็มองออกว่า เยี่ยจงสมควรที่จะเป็นผู้มีพรสวรรค์อันดับหนึ่งแห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ เพียงเพราะเห็ดหลิงจือโลหิตเพียงชิ้นเดียวก็ต้องลงไม้ลงมือกัน ช่างไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย . . . .