เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 205 ภูเขามายาโลหิต

ตอนที่ 205 ภูเขามายาโลหิต
“ ถอย “
ราวกับว่าทันใดนั้นเอง มู่เจ่อก็ได้มีปฏิกิริยากลับมาได้ทัน เขาขยับกายคราหนึ่ง แล้วก็ถอยไปยังบริเวณทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าเตรียมพร้อมที่จะถอยหนี
“ ต้องการที่จะไปในตอนนี้ เกรงว่าจะสายเกินการณ์ไปแล้วละมั่ง ? “ เยี่ยจงยิ้มอย่างเย็นชา ฝ่าเท้าได้เหยียบย่างไปบนกระดูกขาว ทันทีที่ได้เหยียบลงไปก็ได้เกิดประกายอัสนีบาตรอันลี้ลับขึ้นมา จนทำให้บนร่างของเขาสามารถทะยานออกไปปานสายฟ้าแลบก็มิปาน แล้วก็ได้มุ่งหน้าไปเข้าสังหารในบริเวณที่มู่เจ่ออยู่โดยตรง
มู่เจ่อกรอกนัยน์ตาคราหนึ่ง คนของเผ่ามนุษย์ผู้นี้ก็ช่างน่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว ทันทีที่ปะทุระดับความเร็วขึ้นมาก็สามารถปะทุขึ้นสู่ระดับสูงสุดได้
เขาสะบัดมือทั้งคู่ออก ดีดนิ้วขึ้นมาในเวลาเดียวกันแล้วเถาวัลย์แต่ละสายก็ได้ฟาดออกมา มุ่งหน้าไล่ฆ่าสังหารในบริเวณที่เยี่ยจงกำลังเข้ามาให้กระเด็นออกไป และความเร็วของตัวเขาเองก็ได้เพิ่มสูงขึ้นมาหลายเท่า เห็นได้ชัดว่า ผู้มีพรสวรรค์ในหมู่ของเผ่าต้นไม้นี้ ก็ได้หยุดยั้งความเคลื่อนไหวของตนเองทุกวิถีทางอย่างถึงที่สุด
เยี่ยจงขยับร่างคราหนึ่ง ในช่วงเวลาที่ราวกับไม่สามารถที่จะสลัดเถาวัลย์เหล่านี้ออกไปได้ ก็ได้หายวับเข้าไปบริเวณทางด้านหลังของมู่เจ่อ ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มขึ้นสายหนึ่ง
“ เพียะ “
ทันใดนั้นต่อมา เยี่ยจงก็ได้ใช้ฝ่ามือตบออกไป ในครั้งนี้กลับมิได้มีความเกรงใจที่จะประทับฝ่ามือสู่บริเวณหน้าท้องของมู่เจ่อเลย
“ เปรี้ยง “
ท่อนไม้ขนาดใหญ่ได้ลอยออกไป ร่างกายของมู่เจ่อก็ได้กระเด็นออกไปบริเวณทางด้านหลัง แล้วก็ได้ตกลงไปท่ามกลางทะเลเลือด วินาทีนั้นก็ได้ยินเสียงกรี๊ดร้องออกมาสายหนึ่ง
ยอดฝีมือเผ่ามนุษย์ต้นไม้เหล่านี้ก็ได้มองไปยังฉากเบื้องหน้าอย่างเย็นเยียบ ถึงแม้ว่าจะมีอยู่หลายคนที่คิดจะออกหน้าในเวลานี้ ทว่าผู้มีพรสวรรค์ภายในเผ่าพันธุ์กลับตกลงอยู่ท่ามกลางทะเลเลือด ? ต้องรู้ว่า ทะเลเลือดที่ดูแล้วมีความพิศวงไร้ที่เปรียบนี้ คงไม่มีใครกล้าพอที่จะลงไปทดสอบแน่นอน ในตอนนี้ยังดี ผู้มีพรสวรรค์อันดับหนึ่งของเผ่าพันธุ์พวกเขาก็ได้ตกลงไปยังด้านในแล้ว
“ ตอนนี้ พวกเจ้าจะกระโดดลงไปด้วยตัวเอง หรือว่าเตรียมที่จะให้ข้าส่งพวกเจ้าลงไปทีละคนดี “ ระหว่างที่จัดการกับมู่เจ่อแล้ว เยี่ยจงก็ได้เงยหน้ามองไปยังเหล่ายอดฝีมือเผ่ามนุษย์ต้นไม้ที่เหลืออยู่หลายคนคราหนึ่ง ด้วยสีหน้าที่เย็นชา
เหล่ายอดฝีมือเผ่ามนุษย์ต้นไม้เหล่านี้ต่างก็เปลี่ยนสีหน้าไปมา พวกเขาในตอนนี้ก็ได้เข้าใจแล้วว่า ตนเองและพวกคงได้ย่างกรายเหยียบลงบนแผ่นหนามเข้าให้แล้ว พวกเขาในตอนนี้แม้แต่คำขอร้องก็ยังไม่กล้าที่จะเอ่ยออกมา
“ คว้าง “
ทันใดนั้นเอง ทะเลเลือด ทะเลโลหิตก็ได้ถูกแหวกออกมาสายหนึ่ง แล้วก็พบว่าร่างกายของมู่เจ่อได้ทะยานขึ้นมาจากท่ามกลางทะเลโลหิตนี้ แล้วก็ได้หยุดลงบนกระดูกขาวชิ้นหนึ่ง
“ ยังไม่ตายอีกงั้นหรือ ? “ เยี่ยจงกวาดสายตามองไปทางด้านมู่เจ่อคราหนึ่ง แต่ว่าภายในดวงตากลับปรากฏความแตกตื่นขึ้นมา
บนร่างของมู่เจ่อในตอนนี้มีลักษณะสีดำ ราวกับว่าถูกสายฟ้าฟาดมาก็มิปาน อีกทั้งบนร่างของเขาก็ได้เต็มไปด้วยรังสีแห่งความตายเต็มเปี่ยม เห็นได้ชัดว่าเป็นเหมือนดั่งความแข็งแกร่งที่ถูกต้องสาปชนิดหนึ่ง เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ทะเลโลหิตนี้แน่นอนว่าคงมิอาจที่จะจัดการได้เอง ยอดฝีมือเผ่ามนุษย์ตนไม้ ร่างเนื้อที่มีความแข็งแกร่ง อีกทั้งยังได้รับผลลัพธ์เช่นนี้ไปด้วย หากว่าเป็นคนท่ามกลางเผ่ามนุษย์ธรรมดา เกรงว่าคงไม่จำเป็นต้องนึกถึงสถานการณ์ต่อไปแล้ว
“ ช่างเถอะ ในเมื่อไม่ตายแล้วละก็ ข้าค่อยส่งเจ้าไปอีกสักคราก็แล้วกัน “ เยี่ยจงขมวดคิ้วไปมา จากนั้นก็ได้ค่อยๆก้าวไปทางด้านหน้า หากว่าภายในสมรภูมิฮวงกู่นี้ ถึงกับมีการฆ่าฟันเช่นนี้ขึ้นนับตั้งแต่ช่วงเวลาตั้งแต่เริ่มต้น เขาก็ไม่คิดที่จะปล่อยเสือเข้าถ้ำอย่างแน่นอน
“ นายท่านผู้นี้ ช้าก่อน “ เมื่อพบเห็นเยี่ยจงเดินเข้ามา สีหน้าของมู่เจ่อก็ได้เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง ในครั้งนี้เขาเรียกได้ว่าหวาดกลัวเยี่ยจงอย่างไร้ที่เปรียบแล้ว เมื่อพบว่าหลังจากที่เยี่ยจงหยุดเท้าลงแล้ว เขาก็ค่อยกลืนน้ำลายลงคอคำหนึ่งแล้วกล่าว “ นายท่าน ข้าและพวกในครั้งนี้ช่างไม่รู้ว่าเขาไท่ซานอยู่เบื้องหน้า เช่นนั้นเห็ดหลิงจือนั้นก็เป็นของพวกท่านก็แล้วกัน “
“ วาจาไร้สาระ ถ้าเห็ดหลิงจือโลหิตมิใช่ของพวกเรา แล้วจะเป็นของพวกเจ้างั้นหรือ ? “ เยี่ยจงตอบกลับอย่างดุดัน
“ นี้ ……. “ ใบหน้าของมู่เจ่อเปลี่ยนกลับกลาย เขามองออกว่าเยี่ยจงในตอนนี้ไม่อาจที่จะไม่สังหารได้แล้ว อีกทั้งยังเข้าใจ ถ้าหากว่าในครั้งนี้เขาไม่นำเอาสิ่งที่มีราคาเท่าเทียมกันออกมาแล้วละก็ เกรงว่าคงจะจากไปมิได้แล้ว “ นายท่านผู้นี้ หากว่าท่านสามารถปล่อยข้าและพวกไปแล้วละก็ เช่นนั้นข้ายินดีที่จะมอบข่าวสารชิ้นหนึ่งเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน “
“ ข่าวสารอันใด “ เยี่ยจงเหลือบมองเขา เผ่ามนุษย์ต้นไม้นี้นับได้ว่าเข้าใจตอบ ทั้งยังทราบวิธีที่จะปกป้องชีวิตเอาไว้
“ บนภูเขาลูกนั้น ภูเขาลูกนั้นเรียกว่าภูเขามายาโลหิต กล่าวกันว่าเป็นจุดศูนย์กลางของสมรภูมิฮวงกู่ อีกทางหนึ่งก็เรียกได้ว่าเป็นพื้นที่ของสำนักแห่งหนึ่งที่มีขุมกำลังอันแข็งแก่งเรียกว่าสำนักมายาโลหิต ทั้งยังกำลังสร้างบ่วงมายาโลหิต ตอนนี้เท่าที่ข้าทราบทั้งหมด ส่วนหนึ่งได้มาจากกู่กวอและชนชาวไทกู่หลิงซานในตอนนี้ก็ได้มีการติดต่อกัน คิดที่จะตัดสินใจทำลายบ่วงมายาโลหิตนั้น อีกทั้งด้วยความสามารถของนายท่านถ้าหากสอดมือเข้าไป ก็สมควรที่จะได้รับผลประโยชน์มากมายอยู่ไม่น้อย “ มู่เจ่อชี้ออกไปยังบริเวณไม่ไกลจากภูเขามากนักแล้วกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา
“ พวกเราความจริงได้ตระเตรียมที่จะไปยังเขาลูกนั้น “ เยี่ยจงดีดนิ้วมือไปมา มิได้กล่าวคำพูดไร้สาระมากนัก
ใบหน้าของมู่เจ่อได้ปรากฏเค้าความเจ็บปวดขึ้น จากนั้นเขาก็ได้ปล่อยมือลง แล้วก็ได้มอบกระดูกสีขาวชิ้นหนึ่งให้แก่เยี่ยจง กล่าวเสียงแผ่วเบา “ สมบัติปราณชิ้นนี้เป็นเผ่าพันธุ์ของข้าก่อนหน้านี้ได้รับมา โดยที่จะสามารถใช้มันเพื่อข้ามทะเลโลหิตนี้ได้ น่าจะสมควรเพียงพอแล้วกระมั่ง ? “
หลังจากที่เงียบงัน เยี่ยจงก็ได้มองดูกระดูกขาวในมือ กระดูกขาวชิ้นนี้มีลักษณะคล้ายกับเรือลำน้อยลำหนึ่ง ทอประกายพลังปราณออกมาอยู่หลายส่วน เห็นได้ชัดว่าเป็นสมบัติปราณชิ้นหนึ่ง หลังจากที่ได้ศึกษาดูอย่างรวดเร็ว เยี่ยจงก็ได้โยนมันออกไป แล้วก็ได้พบว่ากระดูกขาวเรือน้อยลอยอยู่ด้านบนทะเลโลหิต พลิ้วไหวไปมาอย่างช้าๆ
เยี่ยจงเมื่อเห็นฉากเบื้องหน้าตาก็เป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อย ในเมื่อมีวัตถุชิ้นนี้แล้วละก็ พวกเขาทั้งห้าก็จะข้ามทะเลโลหิตนี้ได้ อีกทั้งยังสามารถที่จะย่นเวลาลงได้ถึงมากกว่าครึ่งอีกด้วย
เมื่อพบเห็นเยี่ยจงเผยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความพอใจออกมา มู่เจ่อผู้นั้นก็ได้ยิ้มออกมา จากนั้นก็โบกมือไปมา นำพาเหล่ายอดฝีมือเผ่ามนุษย์ต้นไม้ที่อยู่ด้านหลังที่ทอสีหน้าปั้นยากถอยจากไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อได้เห็นความเคลื่อนไหวของพวกเขา เยี่ยจงก็มิได้ติดตามไปสังหารแต่อย่างไร และหลังจากนั้นก็ได้ครุ่นคิด แล้วจึงได้ค่อยมองเห็ดหลิงจือโลหิตที่อยู่ทางด้านหลังคราหนึ่ง กล่าวเสียงดังออกมา “ พี่ลั่วเฉิง พวกท่านรีบเก็บเห็ดหลิงจือโลหิตโดยเร็ว จากนั้นก็ได้กินมันเข้าไปซะ หากว่าภูเขาลูกนั้นเป็นบ่วงมายาโลหิตแล้วละก็ เกรงว่าการเดินทางครั้งนี้คงจะอันตรายอยู่ไม่น้อย “
หลังจากที่ลั่วเฉิงและพวกได้สบตามองกัน แล้วก็ได้พยักหน้าไปมา จากนั้นพวกเขาก็ได้เก็บเห็ดหลิงจือโลหิตอย่างระมัดระวัง แล้วก็แบ่งกันกินเข้าไป จากนั้นก็ได้นั่งสมาธิหล่อหลอมอย่างช้าๆ
เป็นดั่งที่เยี่ยจงกล่าวออกมาทั้งหมดก็มิปาน หากว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับบ่วงมายาโลหิตจริงแล้วละก็ เช่นนั้นการเดินทางในครั้งนี้คงจะไม่ง่ายดายแล้ว และในเวลาเช่นนี้ สามารถที่จะเพิ่มพูนพลังฝีมือของตนเองก็ถือได้เป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอันดับแรก ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ กับนับจากพลังฝีมือของพวกเขาเยี่ยจงทั้งคณะ เยี่ยจงยังถือว่าดีหน่อย ลั่วเฉิงและพวกยังไงก็ถือได้ว่ายากที่ดูได้
ความแข็งแกร่งที่ได้รับจากเห็ดหลิงจือโลหิต ลั่วเฉิงและพวกหลังจากได้ที่แบ่งกันกินเข้าไปแล้ว เลือดลพลังภายในร่างกายของแต่ละคนก็ได้พรั่งพรู เห็นได้ชัดว่าได้รับประโยชน์อยู่ไม่น้อย ทว่าเยี่ยจงกับมิได้กินลงไป สิ่งของเช่นนี้แน่นอนว่าย่อมมีผลดีต่อบุคคลธรรมดาไม่น้อย แต่ว่าถ้าให้เขาพูดออกมา โดยส่วนมากแล้วเทียบจะไม่มีส่วนช่วยมากมายนัก กระทั่งพลังภายในของเขาก็ยังพิเศษ จึงจะสามารถที่จะฝึกปรือพลังลมปราณกระบี่หกสุสานได้ หากว่าการกลืนกินโอสถที่เปลี่ยนแปลงแนวทางของวิชาลมปราณกระบี่หกสุสานแล้วละก็ เยี่ยจงก็คงจะต้องร้องห่มร้องไห้ไม่หยุดอยู่ในที่แห่งนี้อย่างแน่นอน
“ ในเมื่อกินกันเสร็จแล้ว ก็ไปกันเถอะ “ เมื่อพบว่าหลายคนได้มีความก้าวหน้าขึ้นมา ต่อมาเยี่ยจงก็ไม่เกรงใจอีกต่อไป และก็ได้ลงไปยังเรือกระดูกขาวลำน้อยก่อน จากนั้นผู้คนทั้งคณะก็ได้ลงไปยังเรือน้อย ค่อยๆมุ่งหน้าไปยังบริเวณภูเขาสูงผ่านทะเลเลือดนี้เข้าไป
ตลอดรายทางมานี้ เยี่ยจงและพวกก็ได้พบเห็นยอดฝีมือรุ่นเยาว์ส่วนหนึ่งก็ได้ลงเรือน้อยกระดูกขาว เพียงแต่ว่ายอดฝีมือรุ่นเยาว์เหล่านี้ต่างก็สวมไว้ด้วยชุดคลุมสีดำทั่วร่าง ดูแล้วรู้สึกลี้ลับเต็มสิบส่วน
“ เด็กน้อยที่มาจากกู่กวอและไท่กู่หลิงซานสินะ “ เมื่อได้เหม่อมองลักษณะจากชุดที่สวมใส่ของเด็กน้อยเหล่านี้ เยี่ยจงก็หัวเราะเย็นชาออกมา ทว่าก็มิได้ทำอันใดมากนัก หากทำตามแผนที่เขาวางไว้ คิดที่จะไปยังบ่วงมายาโลหิตแล้วละก็ ยังคงต้องมีความร่วมมือกับยอดฝีมือมากมาย อีกทั้งเหล่าเด็กน้อยที่มาจากกู่กวอและไท่กู่หลิงซานเหล่านี้ ไม่ว่าจะดูอย่างไรต่างก็เหมาะที่จะร่วมมือด้วย ไม่ว่าจะอย่างไรในเวลานี้เขาก็ไม่สมควรที่จะมีปัญหาด้วย
ทะเลโลหิตแม้จะดูกว้างใหญ่ไร้ที่เปรียบ เกินกว่าที่จะคาดเดาเอาไว้ได้ แต่ว่าในความเป็นจริง ก็เสียเวลาไปเพียงแค่สามวันเท่านั้น เยี่ยจงและคณะก็ได้นำเรือน้อยกระดูกขาวเกยตื้นเทียบฝั่งแล้ว
เมื่อมองจากที่ห่างไกล ยอดเขาลูกนี้ถือได้ว่าใหญ่โตมาก แต่ว่าเมื่อได้เข้ามาใกล้ก็ค่อยปรากฏว่า ภูเขาใหญ่ลูกนี้ก็ยังถือได้ว่าใหญ่โตที่สุดท่ามกลางทะเลเลือดสายนี้แล้ว
ทันทีที่ได้เข้ามาใกล้ ใต้เท้าของผู้คนมากมายที่เป็นเด็กน้อยกระดูกขาวก็ได้ปรากฏรอยแตกขึ้นมา เริ่มต้นจากรอยร้าว จนเมื่อในช่วงเวลาที่พวกเขาได้เทียบท่า เรือน้อยกระดูกขาวก็ได้สูญสลายหายไปเป็นที่เรียบร้อย
เห็นได้ชัดว่า เรือน้อยกระดูกขาวเหล่านี้น่าจะเป็นเหมือนดั่งกุญแจเพื่อเปิดสิ่งของชนิดหนึ่ง หากว่าคนที่มิได้นั่งเรือน้อยกระดูกขาวเข้ามา เกรงว่าคงจะต้องจมปรักอยู่ภายในทะเลโลหิตนับสิบปี ก็ยังคงไร้หนทางที่จะเข้าใกล้ภูเขาลูกนี้ได้
“ ที่นี้ก็คือบ่วงมายาโลหิตงั้นหรือ ? “ เยี่ยจงหรี่ตามอง จ้องมองไปยังพื้นที่ทางด้านหน้า จากนั้นก็ได้ทอสีหน้าประหลาดขึ้นมาหลายส่วน
อีกทั้งพื้นที่ยังไม่เหมือนกับแถบทะเลโลหิต หุบเขาด้านหน้าสายตาเห็นได้ชัดว่ามีความลี้ลับอย่างชัดเจน ทั้งยังมีเสียงนกร้องกลิ่นหอมของดอกไม้ ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ปราศจากคำว่า”มายาโลหิต”ทั้งสองคำนี้
หากมิใช่เส้นทางตลอดรายทางมานี้ บริเวณทางด้านหลังยังคงมีทะเลโลหิตแล้วละก็ เกรงว่าเยี่ยจงและพวกคงจะคิดว่าสถานที่บริเวณในตอนนี้เป็นดั่งขุนเขาเทพเซียนแล้ว
ในตอนนี้ผู้คนทั้งคณะต่างก็เริ่มเครียดขึ้นมา จากนั้นก็ได้สบตามองกัน สายตาของเยี่ยจงได้มองไปบริเวณทางด้านหุบเขา มองอยู่นานไม่กล่าววาจา
“ เหอะ พวกเจ้านับกลุ่มคนลำดับที่เก้าแล้ว และก็ถือได้ว่าเป็นกลุ่มสุดท้ายอีกด้วย “ ทันใดนั้นเอง ก็ได้มีเสียงดังกึกก้องออกมา จากนั้นก็ได้พบว่าท่ามกลางอากาศ มีเงาร่างสายของลงมา คนผู้นี้เป็นเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์ปีก เขาเป็นเหมือนดั่งเผ่ามนุษย์ก็มิปาน แทบจะไม่มีอันใดแตกต่าง บนหลังมีปีกอยู่คู่หนึ่ง ทำให้เขาอยู่ในขอบเขตที่สามารถทะยายขึ้นสู่ฟ้าได้ แข็งแกร่งไร้ที่เปรียบ
ดวงตาของลั่วเฉิงและพวกสาดประกายคมกล้า ทว่าเยี่ยจงกลับก้าวไปด้านหน้า โบกมือคราหนึ่ง แล้วกล่าวขึ้นมา “ พวกเราเป็นคนกลุ่มสุดท้าย แล้วจะเป็นอย่างไร ? “
“ ไม่อย่างไร ทว่าในสถานที่บ่วงมายาโลหิตนั้น ถ้าหากจำนวนคนไม่พอแล้วละก็ ไปแล้วก็ตายเปล่า ถึงแม้ว่าพวกเจ้าจะเป็นกลุ่มสุดท้ายแล้วละก็ ก็ขึ้นเขาด้วยกันเถอะ ยังมีเรื่องใหญ่ที่ต้องหารือกัน “
“ เชิญ “
ชายหนุ่มเผ่าปีกยิ้มขึ้นมา จากนั้นก็ได้เชื้อเชิญคราหนึ่ง แล้วก็ได้นำพาเยี่ยจงและพวกค่อยๆมุ่งหน้าไปทางด้านยอดเขา
หุบเขาแห่งนี้ตั้งอยู่ตรงใจกลางของทะเลโลหิตแห่งนี้ ตลอดรายทางก็ได้ยินทั้งเสียงนกกลิ่นดอกไม้ อีกทั้งยังมีไม้โบราณตามรายทาง หินผา น้ำตก ไม่ว่าจะมองเช่นไรก็ถือได้ว่าเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การพักผ่อนฝึกฝนแห่งหนึ่ง
นอกเสียจากตอนนี้ ทางด้านบนของถนนสายนี้ ยังสามารถที่จะพบเจอกับสัตว์ประหลาดปราณเดินไปมา อีกทั้งยังมียาปราณพลิ้วไหวไปตามสายลม ทำให้ผู้คนตาร้อนขึ้นมา ส่วนลั่วเฉิงและพวกก็อดไม่ได้ที่จะต้องลงมือเก็บในเวลานี้ เยี่ยจงก็ได้แต่ส่ายศีรษะเบาๆเพื่อห้ามปราม ชายหนุ่มเผ่าปีกเบื้องหน้าสายตาต่างก็ไม่มีความเสนาะสนใจต่อยาปราณ เช่นนั้นสถานที่แห่งนี้ก็ต้องมีปัญหาแน่นอน ไม่อาจเคลื่อนไหวสุ่มสี่สุ่มห้าได้
ไม่นานนัก ชายหนุ่มเผ่าปีกก็ได้นำพาจนถึงที่หมาย ผู้คนทั้งคณะก็ได้มาถึงยังบริเวณยอดเขา ในตอนนี้ ก็ได้เป็นกับยอดฝีมือรุ่นเยาว์ที่รวมตัวกันเป็นกลุ่มอยู่บริเวณยอดเขา ทว่าในตอนนี้ก็มีการแบ่งก็อย่างชัดเจ นเห็นได้ชัดว่ามาจากขุมกำลังที่ไม่เหมือนกัน
·
.
.
.

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset