เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 208 ความตื่นเต้นแต่ละก้าว

ตอนที่ 208 ความตื่นเต้นแต่ละก้าว

ท่ามกลางทะเลมายาโลหิต ทันใดนั้นก็ได้มีน้ำทะเลพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า สายน้ำสีเลือดแต่ละสายได้แตกกระจายออก สายน้ำได้พุ่งขึ้นสู่ท้องนภาขึ้นโดยตรง และจากนั้นก็ได้พบว่าผิวของทะเลได้ปรากฏหลุมพายุขึ้น ในเวลาเดียวกัน ก็ได้ก่อเกิดความแรงกดดันอันน่าหวาดกลัวแผ่กระจายออกมา ทำให้ความกล้าของผู้คนหดหายไป ต่อให้เป็นยอดฝีมือที่มีพลังอยู่ในขั้นก่อเกิดขั้นที่แปดซานกวานเทียนทงขอบเขตปราณอย่างเยี่ยจงและพวก ในตอนนี้แต่ละคนต่างก็หลั่งเหงือเย็นเยียบออกมา ส่วนคนอื่นๆยิ่งมิอาจที่จะทานทดรับได้

“ ตูม “

ท่ามกลางน้ำทะเล ก็ได้พบเห็นธงของเรือกระดูกลำหนึ่งปรากฏออกมา เรือกระดูกมีลักษณะแตกร้าวเสียหาย บนเรือกระดูกก็สามารถที่จะพบกับเงากระดูกสีขาวกระจัดกระจายไปทั่ว จนดูไม่ออกว่าพวกมันที่แท้อยู่ในเผ่าใดกัน แต่ว่าบนตัวของกระดูกขาวเหล่านี้ก็ได้มีแสงของปราณส่องออกมา เห็นได้ชัดว่ามีพลังการสู้รบที่น่าหวาดกลัวไม่น้อย

ท่ามกลางสายน้ำที่คล้ายกับผืนฟ้า เรือกระดูกผอมลำนี้ก็ได้มุ่งหน้าไปเทียบเข้าสังหารบริเวณที่เรือปราณที่เยี่ยจงและพวกอยู่เข้าไป

ระหว่างนั้นเอง สายหมอกที่ให้ความรู้สึกดั่งทหารม้าเกราะทองคำพุ่งเข้ามาสังหารก็มิปาน จนทำให้ผู้คนรู้สึกตื่นตกใจกับการต่อสู้นี้

“ นี้ นี้ที่แท้เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? “ บริเวณทางด้านหลังของเยี่ยจง ใบหน้าขององค์หญิงหกแสดงออกถึงความความลำบากใจเมื่อได้มองไปยังร่างกายของไอโลหิตเหล่านี้ ในตอนนี้นางก็ได้เงยหน้าขึ้นมองไปทางด้านหน้า ด้วยสีหน้าขาวซีดน้อยๆ

เยี่ยจงส่ายหน้า จ้องมองไปยังเด็กหนุ่มผมทองและเด็กหนุ่มเผ่าปีก เห็นได้ชัดว่า มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นที่ทราบถึงสถานการณ์ในตอนนี้ อีกทั้งหากเป็นบุคคลเช่นเยี่ยจงและองค์หญิงหกเป็นต้น ถือได้ว่าบ่วงมายาโลหิตนี้เป็นเหมือนดั่งเงามืดที่อยู่ทางด้านหน้า แทบจะไม่ทราบว่าเป็นอันใดกันแน่

“ มาให้ข้าลองดูละกัน “

เด็กหนุ่มเผ่าปีกสีหน้าปั้นยาก ทว่าเขาในตอนนี้กลับกำลังนำหอกยาวสีเงินด้ามหนึ่งออกมาจากปีกของเขา แล้วก็ได้ขยับกายคราหนึ่งพุ่งออกไปทางด้านหน้า มุ่งหน้าไปทางด้านของเรือกระดูกทางด้านหน้าออกไป

ด้านบนเรือกระดูกได้มีความเคลื่อนไหวขึ้น ไม่นานนัก ก็พบเห็นเงาร่างกระดูกสีขาวลุกขึ้นมา เข้าปะทะกับเด็กหนุ่มเผ่าปีกท่ามกลางอากาศ

“ โครม “

ทันใดนั้นต่อมา เด็กหนุ่มเผ่าปีกก็ได้กระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง ร่างกายกระเด็นตกลงมายังเรือปราณ ใบหน้าของเขาในตอนนี้ขาวซีด สีหน้าปั้นยากแล้วกล่าว “ ถอยเร็ว ข้ารู้แล้วว่านี้คืออะไรแล้ว สิ่งนี้ก็คือเหล่ายอดฝีมือต่างๆที่ได้เข้ามายังทะเลมายาโลหิตก่อนหน้าหลายปีนี้ หากว่าพวกเขายังอยู่ในที่แห่งนี้แล้วละก็ ก็คงจะต้องกลายเป็นเหมือนดั่งหนึ่งในพวกเขาแน่นอน วิญญาณไม่อาจหลับอย่างสงบ อีกทั้งยังมิอาจที่จะหลุดพ้นที่สถานที่เช่นนี้ จนกลายเป็นผู้คุ้มกันของทะเลมายาโลหิตนี้ อีกทั้ง เหล่าซากศพปราณเหล่านี้ยังมีพลังฝีมือที่น่ากลัวอย่างยิ่ง มิใช่สิ่งที่พวกเราจะสามารถต่อกรได้ “

“ ถอยเร็ว “

หลังจากที่เงียบงัน สีหน้าของเด็กหนุ่มผมทองก็ได้ก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เขาขยับกายคราหนึ่ง แล้วก็ได้กระโดดไปทางด้านหัวเรือ ก้าวฝ่าเท้าออกไป แล้วก็ได้กระตุ้นเรือกระดูกขาวออกไปอีกทางด้านหนึ่งออกไป

ทว่าถึงแม้จะมีวิธีใช้จะมิได้มากมายนัก เพียงแต่ว่าทันนั้น เรือกระดูกลำนั้นก็ได้มุ่งสังหารออกไป

“ ลงมือพร้อมกัน “

เด็กหนุ่มผมทองส่งเสียงออกมา

ในครั้งนี้ ไม่แต่เพียงแค่เยี่ยจงเท่านั้น ราวกับว่าในตอนนี้ทุกผู้คนต่างก็ราวกับกระเด้งขึ้นจากกระดานโดยพร้อมเพรียงกัน แต่ละคนพลิกฝ่ามือทั้งออกมา วินาทีนั้น สมบัติปราณก็ได้ออกมาเป็นสาย กลายเป็นประกายแสงพุ่งออกไปบริเวณทางด้านหน้า

เห็นได้ชัดว่า ในเวลาเช่นนี้กลับไม่มีผู้ใดคิดที่จะอยู่ในจุดของเดิม ทุกผู้คนต่างทราบดีว่า หากว่าในเวลาเช่นนี้ไม่ลงมือโดยใช้พลังที่มีทั้งหมดแล้วละก็ เช่นนั้นต่อจากนี้ก็คงยากที่จะรักษาชีวิตเอาไว้ได้ หรือไม่ก็ไม่อาจที่จะแบกผลรับที่จะตามมาได้

“ ปุปุ “

ด้านบนเรือกระดูกฝ่ายตรงข้าม หอกกระดูกได้พุ่งทะลวงออกมาเป็นสาย หอกกระดูกเหล่านี้ได้รวมพลังความชั่วร้ายเอาไว้อย่างหนาแน่น และยังสามารถที่จะทำลายสมบัติปราณของเหล่ายอดฝีมือได้อย่างง่ายดาย

“ ปุ อา “

มียอดฝีมือไม่น้อยที่ร่ำร้องออกมา ในเวลานี้ทุกผู้คนต่างก็มิอาจที่จะดูแลตัวเองได้ แล้วจะมีปัญญาที่จะไปคุ้มครองผู้อื่นได้อีกงั้นหรือ จากนั้นคนเหล่านี้ก็ได้ถูกฆ่าสังหารไปในทันที

เยี่ยจงมองดูจนขนลุกขนพอง ยอดฝีมือในที่แห่งนี้ภายในเวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วยาม หรือแม้แต่เหร่ยทิงเหอก็เกือบที่จะพลาดท่า จนกลายเป็นก้อนเนื้อแหลกเหลว

“ พวกเจ้าหลบเข้าไปก่อน อยู่บริเวณภายนอกข้ามิอาจที่จะคุ้มครองพวกเจ้าได้ “ สีหน้าของเยี่ยจงปั้นยาก ทันใดนั้นต่อมา เขาก็ได้สะบัดมือออก ไม่สนว่าลั่วเฉิงและพวกจะมีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างไร ได้แต่เพียงนำชิ้นส่วนมายาเก็บทั้งสี่คนเอาไว้ไป หลังจากที่จบการเคลื่อนไหวนี้ไปแล้ว สีหน้าของเขาจึงค่อยดีขึ้นมาส่วนหนึ่ง

ไม่ว่าจะกล่าวเช่นไร ในตอนนี้ถือได้ว่าอยู่ในสถานการณ์ที่ขับคันไร้ที่เปรียบ หากว่ายังต้องคำนึงถึงทั้งสี่คนนี้ ก็มีแต่จะคอยขัดมือขัดเท้าแล้วละก็ เกรงว่าแม้แต่ตนเองในเวลาต่อมาก็คงจะดูไม่ดีนัก

นอกเสียจากเยี่ยจงแล้ว ยอดฝีมือคนอื่นๆโดยส่วนมากต่างก็มีปฏิกิริยากลับมาไม่ทัน จนทำให้ร่างกายของยอดฝีมือของพวกเขาต้องทอดร่างไปกว่าครึ่ง

“ ถอย ถอย พวกเรามิใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าพวกซากศพปราณวิญญาณเหล่านี้ หากว่าไม่ถอย ก็มีแต่เพียงตายสถานเดียวแล้ว “ เด็กหนุ่มเผ่าปีกเริ่มที่จะขยับหอกในมือ หอกด้ามนี้ได้แทงไปยังเงาร่างของกระดูกเขาตัวหนึ่งจนร่วงลงสู่ผิวน้ำ แต่ก็ยังต้องกระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเงาร่างกระดูกขาวเหล่านี้มีกำลังรบที่มากเกินกว่าที่เขาจะคาดคิดเอาไว้ได้

“ ตูม “

ทันใดนั้นต่อมา เรือกระดูกของฝ่ายตรงข้ามก็ได้เทียบเข้ามายังเรือปราณของเยี่ยจงและพวก วินาทีในขณะนั้น ก็ได้พบว่ารอยร้าวบนเรือปราณก็ได้แตกออกเป็นสาย มีผู้คนรวมสิบคนที่มีการตอบสนองกลับมาไม่ทันก็ได้ตกลงไปท่ามกลางทะเลโลหิต ไม่ทราบว่าถูกสิ่งใดดึงเข้าไปท่ามกลางภายใต้ท้องทะเล มิอาจที่จะพบเห็นเงาแม้แต่น้อย

“ ถอยถอยถอย ทุกคนถอยเร็ว ไม่เช่นนั้นพวกเราคงต้องตายกันแน่ “ เด็กหนุ่มผมเงินร้อง เขาเป่าขลุ่ยกระดูกในมือออกมาจนกลายเป็นสายลมคมกลีบออกมา คอยลงมือขัดขวางเพื่อสร้างทางถอยหนีอย่างรวดเร็ว

และในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นเด็กหนุ่มผมทองหรือว่าจะเป็นเด็กหนุ่มเผ่าปีก ร่วมไปทั้งเด็กสาวเย็นชา สีหน้าของแต่ละคนก็ได้เปลี่ยนไปอย่างมาก จนแทบจะไม่เหลือแรงใจที่จะต่อกรกับซากศพปราณวิญญาณเหล่านี้แล้ว เมื่อได้พบเห็นว่าพวกเขาแต่ละคนเริ่มที่จะวางมือ แล้วก็ได้ถอยรนออกไปบริเวณทั้งสี่ทิศแปดด้านไป

ในตอนนี้เยี่ยจงมิอาจที่จะเข้าร่วมกับคนเหล่านี้ เขาวางเท้าทั้งสองข้างอยู่บนชิ้นส่วนมายา แล้วก็ได้เคลื่อนไหวชิ้นส่วนมายาให้หลบออกไปอีกทางด้านหนึ่งอย่างรวดเร็ว ทั้งสองมือใช้ออกด้วยหอกอัสนีกระบี่คงหมิงไม่หยุดยั้ง แล้วก็สังหารออกไปเพื่อสร้างเส้นทางในการมีชีวิตรอด

หลังจากที่เป็นเช่นนี้อยู่นาน เยี่ยจงในที่สุดก็ได้หลีกหนีพ้นจากบริเวณเขตแดนนั้น ทว่าสีหน้าของเขาก็ได้ปั้นยากขึ้นมาอย่างเต็มสิบส่วน เพียงแค่เรือลำหนึ่งเท่านั้น ถึงกับสามารถที่จะทำให้ยอดฝีมือที่มีพลังฝีมือที่สามารถควบคุมตัวเรือทั้งเก้าคนเกือบที่จะเอาชีวิตไม่รอด บ่วงมายาโลหิตนี้ไม่ว่าจะมองเช่นไร ก็มิได้มีส่วนที่ดีใดๆเลย

หลังจากที่ผ่านพ้นไปเพียงครึ่งวัน ท่ามกลางส่วนลึกของทะเลมายาโลหิตก็ได้มีเกาะร้างอยู่แห่งหนึ่ง อีกทั้งผู้คนมากมายก็ได้รวมตัวกันอีกครั้ง ทว่าในครั้งนี้ผู้คนทั้งหมดต่างก็ทอสีหน้าปั้นยากเต็มสิบส่วน ตลอดรายทางมานี้ พวกเขามิได้สูญเสียผู้คนมากมายนัก แต่ว่าการพบเจอกับเรือกระดูกในครั้งนี้ กลับทำให้ขุมกำลังที่มีอยู่นี้ต้องสาบสูญไปถึงครึ่งหนึ่ง อีกทั้งสีหน้าเด็กหนุ่มผมทองและเด็กหนุ่มเผ่าปีกทั้งสองที่เป็นตัวต้นคิดในตอนนี้ก็ได้ขาวซีดขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าเจ็บปวดอย่างสุดแสน

และสิ่งที่ทำให้ผู้คนยิ่งตกใจมากขึ้นก็คือ เด็กสาวเย็นชาผู้นั้นถึงกับสาบสูญไป หรือกล่าวได้ว่า นางและคนที่นางพามา ต่างก็สาบสูญไปทั้งสิ้น แต่ว่าหากสาบสูญภายใต้ทะเลมายาโลหิตนี้ ก็เหมือนดั่งได้กลิ่นของการสูญเสียแล้ว

และเมื่อมองจากใบหน้าของเยี่ยจงในตอนนี้ ก็หลงเหลือแต่เขาเพียงผู้เดียว เขามิได้ปล่อยลั่วเฉิงและพวกออกมา ถึงแม้ว่าทะเลมายาโลหิตนี้จะไม่ค่อยปลอดภัยนัก กับพลังฝีมือของพวกเขาถ้าหากมีการเปลี่ยนแปลงของพลังแล้วละก็ ถ้าพลาดแม้ซักนิด ย่อมต้องทิ้งร่างไว้ในที่แห่งนี้เป็นแน่

“ เป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน พวกเรายังมิได้เข้าสู่บ่วงมายาโลหิตอีกงั้นหรือ ราวกับว่าได้เข้ามายังดินแดนแห่งความตายแห่งก็มิปาน ? “ เด็กหนุ่มผมทองที่มีชื่อเรียกว่าเหลียนหยู เป็นชนชาติชาวกู่กวอ ในตอนนี้เขาได้จับไปยังแขนของตัวเอง สีหน้าปั้นยากเต็มสิบส่วน

“ เกรงว่าความสำเร็จในการเข้าสู่บ่วงมายาโลหิตของพวกเราจะ ไม่ถือว่ามาก “ เด็กชายเผ่าปีกถอนหายใจออกมาคำหนึ่ง สีหน้าแปลกประหลาดขึ้นมา เขามีชื่อเรียกว่าเทียนยี้ เป็นอัจฉริยะของเผ่ามนุษย์ปีก มาจากทางด้านหนึ่งของไท่กู่หลิงซาน(หุบเขาลมปราณโบราณกาล) มีพื้นเพที่ยากยั้งคาด ตลอดชีวิตมานี้ไม่เคยถูกผู้ใดทำอันใดได้ แต่ว่าในตอนนี้ใบหน้าของเขากลับอยู่ในลักษณะปั้นยาก และผู้ติดตามทั้งสองคนก็ได้ตายไป ทำให้เขารู้สึกสูญเสียเป็นอย่างมาก

“ ในเมื่อเดินทางมาจนถึงขั้นนี้แล้ว หรือพวกเราจะถอยกลับไปกัน ? ตอนนี้ที่พบเจอแต่คู่ต่อสู้ที่มีแต่พลังฝีมืออันแข็งแกร่ง ยิ่งเป็นสิ่งที่เหมือนดั่งบอกได้ว่าพวกเราได้เข้าใกล้บ่วงมายาโลหิตนั้นแล้ว อีกเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น พวกเราก็จะสามารถครอบครองสมบัติที่ล้ำลือกันภายในบ่วงมายาโลหิตแล้ว “ เด็กหนุ่มผมเงินกัดฟันไปมาแล้วตอบกลับ เขามีนามว่า ไบ่หยี่ เป็นผู้ที่มาจากเผ่ามนุษย์โบราณ(กู่กวอ) สีหน้าในตอนนี้ของเขาเคร่งเครียดขึ้น เขาก็ได้มีการสูญเสียเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังยากที่จะทำใจได้

“ กล่าวกันว่า บ่วงมายาโลหิตนั้นได้มีคัมภีร์ระดับเซียนแท้จริงอยู่ และบ่วงมายาโลหิตเป็นมายาโลหิตของผู้เฒ่าท่านหนึ่งในสมัยก่อน กล่าวกันว่าถ้าหากสามารถทำลายกฎเกณฑ์ในที่แห่งนี้ได้ ปรับเปลี่ยนดินแดน เช่นนั้นขุมกำลังของอีกฝ่าย แน่นอนว่ามิอาจที่จะให้ตกอยู่ในมือของผู้อื่น โอกาสวาสนาสายหนึ่งที่ล้ำลือกันนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ หากพวกเราพลาด เกรงว่าในตอนนี้ก็ได้แต่ถอนกลับไปแล้ว แต่ว่าก็ไม่มีวิธีที่จะออกจากสมรภูมิฮวงกู่นี้ได้ “ ผู้ที่กล่าวออกมาไม่หยุดนี้ เป็นหญิงสาวที่สวมไว้ด้วยชุดที่ถักด้วยลายเมฆครามเอ่ยปากกล่าวออกมาเสียงแผ่วเบา เสียงของนางแม้จะแผ่วเบา แต่ก็สัมผัสได้ถึงความเผ็ดร้อนชนิดหนึ่ง จนทำให้ผู้คนทั้งหมดตกอยู่ในความสงบได้ หญิงสาวนางนี้มีนามว่าหวินฉี และเป็นผู้ที่มีฉายานามว่า ควันหลงสู่นิทรา

นอกเสียจากคนเหล่านี้แล้ว ที่เหลือ เยี่ยจง เสวี่ยซิน ยังมีชายหนุ่มสวมหมวกสีเขียวโบราณบนศีรษะ อีกทั้งนับตั้งแต่เริ่มก็มิได้กล่าวอันใดออกมาตั้งแต่ต้นจวบจนถึงตอนนี้

หลังจากผ่านไปนานแล้ว เยี่ยจงก็ได้ถอนหายใจออกมาคำหนึ่งกะทันหันแล้วกล่าว “ ต่อให้พวกเราไม่ยอมแพ้ คิดที่จะเข้าไปภายในส่วนลึกต่อไป ภายใต้สถานการณ์ในตอนนี้ จะเข้าไปได้อย่างไรกัน ? “

“ ข้ายังพอมีสมบัติปราณอยู่ ทว่ากลับต้องใช้พลังปราณที่มากกว่าเรือปราณเป็นอย่างมาก แต่ว่าในสถานการณ์ที่มิอาจทำอันใดได้เช่นนี้ พวกเราทั้งหลายต่างก็ต้องช่วยกันควบคุม ในช่วงเวลาเช่นนี้ หากผู้ใดไม่เห็นแก่ผลประโยชน์ของส่วนรวม ก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ “ เหยียนหยูกล่าวออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นเขาก็ได้สะบัดมือคราหนึ่ง ก็ได้พบกับกระดานหมากรุกขนาดใหญ่ปรากฏครอบคลุมไปทั่วผืนฟ้า ลอยล่องอยู่เหนือทะเลมายาโลหิตแห่งนี้

ผู้คนมากมายเมื่อได้พบเห็นฉากเบื้องหน้า ในตอนนี้ก็มิได้มีทางเลือกอื่นใดอีก แต่ละคนได้แต่ก้าวออกไป จากนั้นก็ได้นำพาคนที่เป็นแก่นนำทั้งแปดเคลื่อนไหวต่อไป มุ่งหน้าไปยังกระดานหมากรุกขนาดใหญ่ทางด้านหน้าอย่างช้าๆ

ยังดีที่ตลอดรายทางมานี้ ดวงของทุกคนเรียกได้ว่าเปลี่ยนเป็นดีขึ้นมาหลายส่วน และมิได้พบเจอกับตัวอันตรายที่น่าหวาดกลัวจนเกินไป จะมีก็เพียงแต่แค่ยอดฝีมือเผ่ามนุษย์อสรพิษส่วนหนึ่งเท่านั้น หลังจากที่ได้สังหารไปแล้ว ตลอดทางก็มิได้พบเจออันใด

หลังจากที่ได้เดินทางเช่นนี้ไปหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว ทะเลโลหิตอีกทางฟากหนึ่งก็ดูลึกมากยิ่งขึ้น ท่ามกลางอากาศ ก็ได้มีกลิ่นอายคล้ายดั่งกลิ่นของคาวเลือดออกมาอย่างหนาแน่นลอยโชยผ่านเข้ามา จนทำให้สีหน้าของผู้คนทั้งหมดต้องเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นเต็มสิบส่วน

ในเวลาเดียวกัน บริเวณผิวทะเลก็ได้ปรากฏโขดหินโสโครกประดับประดาอยู่ไม่น้อย อีกทั้งยังมีสีม่วงแดง จนทำให้ทั่วทั้งร่างเกิดความหนาวเย็นขึ้น

“ สำเร็จแล้ว พวกเราได้เข้ามาใกล้บ่วงมายาโลหิตในระยะร้อยลี้แล้ว อีกไม่นานก็คงจะสามารถไปถึงยังแดนบ่วงมายาโลหิตแล้ว “

เหยียนหยูกัดฟัน ในตอนนี้ร่างกายของผู้คนมากมายก็ได้หลั่งเหงื่อออกมามากมาย การขับเคลื่อนกระดานหมากรุกขนาดใหญ่นี้ทำให้สูญเสียพลังเป็นอย่างมาก หากว่ามิใช่ว่าท่ามกลางพวกเขานั้นมีคนที่มาจากกู่กว่อ ไทกู่หลิงซาน อยู่มากมายแล้วละก็ ไม่แน่ว่าอาจจะมิอาจที่จะควบคุมสิ่งนี้ให้แม้แต่ลอยขึ้นมาได้

แล้วเยี่ยจงก็ได้กลืนโอสถปราณเข้าไปเม็ดหนึ่ง จ้องมองไปบริเวณทางด้านหน้า สีหน้าหนักแน่น

·

.

.

.

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset