ตอนที่ 212 กดดันเสวี่ยซิน
เยี่ยจงจ้องมองไปยังร่างกายของคนเหล่านี้ สีหน้าเย็นเยียบขึ้นมา ความจริงการที่ทุกคนร่วมมือกันก็เพียงเพราะเพื่อการแสวงหาเท่านั้น ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายมิได้เข้ามาเพื่อช่วยเขา ในตอนนี้ตัวเขาเองก็มิได้ต้องการที่จะให้พวกเขากล่าวอธิบายอันใดออกมาเช่นกัน
“ ที่แท้เยี่ยจงก็มีความสามารถ เมื่อตกอยู่บนเกาะหลิงเต่าถึงกลับยังสามารถมีชีวิตกลับออกมาได้ ผู้น้อยเลื่อมใสยิ่งนัก “ เด็กหนุ่มที่สวมหมวกเอาไว้ได้ยกมือคารวะไปทางด้านของเยี่ยจง นัยน์ตาทอแววตื่นตกใจ ตลอดรายทางมานี้พวกเขาได้พบเจอกับยอดอัจฉริยะมากมายที่ต้องทิ้งร่างเอาไว้บนเกาะหลิงเต่า แต่เยี่ยจงกลับสามารถปรากฏขึ้นอยู่ในสถานที่แห่งนี้ สิ่งนี้เรียกได้ว่าเกินความคาดหมายของพวกเขาเป็นอย่างมาก
เหยียนหยูและพวกสาดประกายสายตาขึ้นมา จนกวาดไปจนถึงร่างของเยี่ยจง บรรยากาศภายในร่างของเยี่ยจงในตอนนี้เมื่อเทียบกับก่อนหน้าเรียกได้ว่าไม่เหมือนกันเลย พวกเขาเหล่านี้ต่างก็เป็นเหล่ายอดอัจฉริยะ ย่อมต้องสามารถที่จะตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้
นอกเสียจากว่า เยี่ยจงผู้นี้ถึงกับพบเจอกับปาฏิหาริย์อันใดบนเกาะหลิงเต่าแห่งนั้น ? เพียงแค่อึดใจเดียว สายตาของผู้คนมากมายก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างช้าๆ
“ เหอะ เยี่ยจง ไม่ว่าจะกล่าวอย่างไร พวกเราก็ยังถือได้ร่วมมือกันไปแล้ว หากว่าได้พบเจอกับสิ่งดีๆแล้วละก็ เจ้าคงจะไม่เก็บเอาไว้อยู่คนเดียวหรอกสินะ ? “ ทันใดนั้นเสวี่ยซินก็ได้หัวเราะอย่างเย็นชาขึ้นมาแล้วกล่าว เขาความจริงที่มีความแค้นเคืองกับเยี่ยจงอย่างลึกล้ำ เมื่อครู่ที่กล่าวว่าเยี่ยจงยังไม่ตายก็เป็นเขานั้นเองที่เอ่ยถามขึ้นมา ในตอนนี้เมื่อพบเห็นว่าเยี่ยจงได้ครอบครองบางอย่าง ภายในใจของเขาก็ก่อเกิดเพลิงริษยาก็มิปาน ยากที่จะทานทนเอาไว้ได้
“ เสวี่ยซินเจ้าอย่าได้เกินเลยไปอีกแล้ว การที่เยี่ยจงสามารถทำเช่นนี้ได้ นั้นก็ล้วนแล้วแต่เป็นความสามารถของตัวเขาเอง มิได้มีอันเดียวเกี่ยวข้องกับข้า “ เด็กหนุ่มผมเงินไป่หยูกล่าวออกมาเสียงแผ่วเบา กล่าวเตือนเสวี่ยซิน ความจริงแล้วเขาคิดที่จะสานสัมพันธ์อันดีกับเยี่ยจง แต่เขาก็มองออกว่า พลังการต่อสู้ของเยี่ยจงนั้นสูงล้ำ หากว่าต้องมีปัญหากับบุคคลเช่นนี้แล้วละก็ ยังคงอย่าได้มีเลยยังจะดีเสียกว่า
“ งั้นหรือ ? การจัดสร้างเกาะหลิงเต่า ไม่แน่ว่าอาจจะลึกล้ำเกินกว่าคำล้ำลือของบ่วงโลหิตเสียอีก หากว่าพวกเจ้ายินยอมที่จะปล่อยวางแล้วละก็ แต่ก็ใช่ว่าผู้อื่นจะยอมแพ้เช่นเดียวกัน “ ทันใดนั้นเสวี่ยซินจู่ๆก็ได้กล่าวออกมาด้วยเสียงที่สูง จนทำให้ยอดฝีมือทั่วทั้งสี่ทิศส่วนหนึ่งต้องส่งสายตามองเข้ามา จ้องมองไปยังทางก้านของเยี่ยจง ด้วยสีหน้าประหลาดใจ อีกทั้งยังคิดที่จะทำความเข้าใจเกี่ยวกับบ่วงมายาโลหิตให้ชัดเจน
“ เสวี่ยซิน เจ้าทำเกินไปแล้ว “ สีหน้าของเด็กหนุ่มผมทองเหยียนหยูเปลี่ยนไปเล็กน้อย เอ่ยปากเสียแผ่วเบา ไม่ว่าเยี่ยจงจะได้รับสิ่งใดก็ดี หรือว่าจะนำออกมาแบ่งปันแก่ผู้คนหรือไม่ นี้ก็เป็นสิ่งที่จะกระทำหลังจากนี้ แต่ในตอนนี้เสวี่ยซินกลับกล่าวออกมาอย่างเจาะจง ไม่สนใจผู้อื่นจะว่ากล่าวเช่นไรอีกด้วย
เด็กหนุ่มผมสีเงินไป่ยู่ได้สาดประกายสายตาจ้องมองไปยังเสวี่ยซินอย่างลึกล้ำ หากให้บุคคลเช่นนี้อยู่ร่วมด้วย ต่อให้เป็นเขาเองก็ใล่ว่าจะมีความรู้สึกที่วางใจได้
“ ทุกท่าน เด็กน้อยผู้นี้ได้ย่างกรายเข้าสู่เกาะหลิงเต่าแต่กลับยังไม่ตาย อีกทั้งหลายวันมานี้ยังไม่พบเห็นแม้แต่เงาของเขา เป็นที่บางบอกได้ว่าเขาอาจจะซ่อนตัวอยู่ในที่ลับตาผู้คน อีกทั้งในตอนนี้ยังเก็บงำเอาไว้อย่างมิดชิด แน่นอนว่าเขาย่อมต้องทราบถึงความลับบางอย่างที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในเกาะหลิงเต่า บ่วงมายาโลหิตที่อันตรายเช่นนี้ หากว่าเขาบอกกล่าวความลับนี้ของเกาะหลิงเต่าออกมา กล่าวไปก็ไม่แน่ว่าตอนที่พวกเรากลับออกไป ยังจะต้องมีความจำเป็นที่จะต้องแก่งแย่งกับผู้คนมากมายเหล่านี้ หรือว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนากันเล่า ? “ เสวี่ยซินยิ้มเย็นชา ใช้อารมณ์และคำพูดเพื่อชักจูงผู้คน ในเมื่อเยี่ยจงไม่ตาย ใจเขาก็ไม่อาจที่จะสงบลงได้
หลังจากที่เงียบงัน สีหน้าของทุกผู้คนก็ได้เปลี่ยนไปเล็กน้อยขึ้นมา จ้องมองไปทางด้านเยี่ยจง บนใบหน้าเผยให้เห็นถึงความริษยาออกมา แล้วก็มียอดฝีมือส่วนหนึ่งที่อยู่ในที่ห่างไกลต่างก็หยุดเท้ามองดูเช่นเดียวกัน และยังมียอดฝีมือที่มาจากภายนอกที่พอจะจดจำสถานะของผู้ที่ลงมือออก อีกทั้งยังต้องการที่จะมองดูว่าพวกเขาที่แท้ต้องการอันใดกันแน่
“ ดูเหมือน เจ้าอยากจะตายจริงๆแล้วสินะ นอกเสียจากรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาของพวกเจ้า คิดที่จะห้ำหั่นกับพวกเรารัฐต้าโจวหวังเฉาจริงงั้นหรือ ? “ เยี่ยจงถ้นหายใจ เขาค่อยๆหันกายไป จ้องเขม็งไปทางด้านเสวี่ยซิน ความจริงแล้วเขายังคิดที่จะเก็บเรี่ยวแรงเอาไว้ เพื่อที่จะได้หาผลประโยชน์ในตอนท้ายของการแย่งชิง แต่ในเมื่อเสวี่ยซินผู้นี้กลับไม่รู้จักลดราวาศอก ดูเหมือนว่าเขาไม่อาจที่จะไม่สังหารก็คงไม่ได้แล้ว
“ ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้าแท้จริงแล้วใช้วิชาฝีมือใดในการทำร้ายพี่ชายข้า ในตอนนี้เจ้าคิดหรือว่าจะสามารถก่อการในสถานที่ไร้กฏระเบียบเช่นนี้ได้ ? อ่อนหัดเสียจริง “ เสวี่ยซินยิ้มอย่างเย็นชา จากนั้นเขาก็โบกมือคราหนึ่ง กล่าวเสียงดังกังวาน “ เสด็จพ่อมีคำสั่งตั้งแต่แรก หากว่าพบเจอกับเขาก็ต้องจัดการ พวกเจ้าลงมือ อย่าได้เกรงใจละ “
หลังจากที่สิ้นเสียงของเขา บุคคลที่สวมไว้ด้วยชุดฝึกยุทธ์สีโลหิตที่ยืนอยู่ทางด้านหลังของเขาทั้งสองคนก็พยักหน้า และจากนั้นก็ได้ก้าวออกไปทางด้านหน้าพร้อมกัน ร่างกายก็ได้แผ่รังสีความน่าหวาดกลัวออกมา
ความจริงจำนวนผู้คนที่ติดตามเสวี่ยซินเช่นนี้ก็นับได้ว่ามีอยู่หลายคน ทว่าในตอนนี้กลับหลงเหลือไว้เพียงแค่สองคน แต่ว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ตอนนี้ เขาก็ได้แต่เหม่อมองเยี่ยจง อีกทั้งสายตาราวกับบุคคลที่ไร้ชีวิตแล้วก็มิปาน
บุคคลทั้งสองที่สวมชุดฝึกยุทธ์ก็ได้ค่อยๆปลดหมวกที่สวมใส่ไว้ลงมา เผยให้เห็นใบหน้าของชายวัยกลางคน ร่างของพวกเขาได้แผ่พุ่งบรรยากาศอันน่าตื่นตกใจออกมา นัยน์ตาสาดประกายเคลื่อนไหวไปมา เห็นได้ชัดว่าพลังฝีมือของพวกเขาได้อยู่ในระดับที่เกินกว่าขั้นก่อเกิดระดับที่เก้าไปแล้ว เพียงแต่ว่าภายในตอนนี้กลับถูกจำกัดเอาไว้อยู่
“ ชิ้นส่วนปิดผนึก “ ปี้กู่เอ่ยออกมาเสียงแผ่วเบา เพื่อที่จะกล่าวเตือนของเยี่ยจง
หลังจากที่เงียบงัน สีหน้าของเยี่ยจงก็ได้เคร่งเครียดขึ้น การปิดผนึกพลังเช่นนี้ ที่จริงแล้วก็คือการผนึกพลังขอบเขตของยอดฝีมือเพื่อเข้าสู่ภายในที่แห่งนี้ พวกเขาต่างก็คงจะมีพลังอยู่ในระดับขั้นก่อฟ้าอยู่เป็นจำนวนมาก รวมไปทั้งยอดฝีมือในขั้นขอบเขตจักรวาล แต่เพื่อที่จะสามารถเข้าสู่สมรภูมิฮวงกู่แห่งนี้ ยังถึงกับไม่เสียดายที่จะกักพลังฝีมือของตนเอง
ทว่า การผนึกพลังตนเองเช่นนี้และการจำกัดพลังฝีมือของสมรภูมิฮวงกู่นั้นไม่เหมือนกัน อย่างน้อยประสบการณ์การต่อสู้และทักษะของพวกเขาก็มิได้ถูกผนึกตามไปด้วย หรือก็กล่าวได้ว่า ต่อให้ทุกผู้คนต่างก็มีพลังอยู่ในขั้นก่อเกิดระดับเก้าเช่นเดียวกัน แต่ว่า การปิดผนึกพลังเหล่านี้ของประสบการณ์และทักษะของพวกเขานั้นเรียกได้ว่าสามารถที่จะต่อกรกับผู้คนในขอบเขตเดียวกันได้ถึงหนึ่งต่อสิบ หรืออาจจะมากกว่านั้น
ดังนั้น ในขณะนี้บุคคลชุดฝึกยุทธ์สีโลหิตทั้งสองคนก็ได้ค่อยๆมุ่งหน้าเข้ามา ถึงแม้ว่าจะมีการแผ่พุ่งพลังออกมาจากร่าง แต่ก็เทียบได้แค่พลังฝีมือขั้นก่อเกิดระดับที่เจ็ดเท่านั้น แต่ว่าถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ พลังที่แผ่ออกมาของพวกเขาก็พอที่จะทำให้คนอย่างเยี่ยจงตกใจขึ้นมาได้
“ โครม “
ทั้งสองคนลงมือในเวลาเดียวกัน วินาทีนั้นก็ได้ปิดทางถอยหนีของเยี่ยจงเอาไว้จนหมด กับบุคคลเช่นนี้ที่สามารถที่จะฆ่าสังหารองค์ชายใหญ่ของพวกเขาได้นั้น พวกเขาต่างก็ไม่กล้าที่จะวู่วามจนเกินไป
“ เอาพวกเจ้ามาทดสอบฝีมือได้พอดีเลย “
เยี่ยจงยิ้มอย่างเย็นชืด ภายในดวงตาปรากฏรังสีฆ่าฟัน จากนั้นก็ได้ก้าวเท้าออกไป ขยับมือขวาออกไป แล้วก็พบว่าบริเวณคมหมัดได้ก่อทับพลังกระบี่ตราประทับถึงสิบสองชั้นแล้ว จากนั้นเขาก็ได้ใช้ออกด้วยพลังหมัดออกไป ทันใดนั้นพลังกระบี่ตราประทับก็ได้สาดประกายแสงซ้อนทับเพิ่มขึ้นมาออกไปในเวลาเดียวกัน
“ กึงกึงกึง “
ทันใดนั้นการโจมตีของทั้งสามคนก็ได้เข้าปะทะกัน วินาทีนั้นเอง บนใบหน้าของทั้งสองคนนี้ก็ได้ปรากฏถึงอารมณ์ที่ยากจะอธิบายออกมาได้ในเวลาเดียวกัน แขนเสื้อของพวกเขาก็ราวกับฉีกขาดขึ้นมาในทันที ทันใดนั้นกระดูกมือก็ได้ส่งเสียงดังกร๊อบแกร๊บขึ้นมาเป็นสาย
“ เปรี้ยง “
ในช่วงเวลาที่ทั้งสองคนยังมีปฏิกิริยากลับมาไม่ทัน เยี่ยจงก็ได้ขยับกายอีกครั้ง ตัดผ่าเขาสู่กลางอกของหนึ่งในสองคน พลังดัชนีได้ชี้เข้าสู่บริเวณใจกลางหน้าอกเข้าไป นอกจากนั้นพลังดัชนีก็ได้ประทับไปด้วยพลังกระบี่ตราประทับขั้นที่สิบห้าในทันที
“ ปุ “
เสียงดังขึ้นเบาๆ ใบหน้าตายด้านของคนผู้นั้นก็ได้ปรากฏความหวาดกลัวขึ้นมา เขาไอดังแค๊กๆออกมา จากนั้นก็ได้กุมไปยังบริเวณหน้าอก จากนั้นก็คุกเข่าถอยไปทางด้านหลัง ท้ายที่สุดก็ได้หงายหน้ามองฟ้าร่วงลงบนพื้น
“ อะไรกัน ? “
ทางด้านคนอีกผู้หนึ่งก็ได้เกิดอาการตกใจเป็นอย่างยิ่ง คิดไม่ถึงว่าเยี่ยจงจะสามารถเด็ดชีวิตสหายของเข้าได้ในทันที วินาทีนั้นเอง เขาก็ได้มีปฏิกิริยากลับมา พลิกทั้งสองมือขึ้นมา ดึงรั้งพลังจากทักษะยุทธ์เอาไว้บนฝ่ามือ ทั้งยังคิดจะเข้าปะทะการสังหารของเยี่ยจง
เยี่ยจงยิ้มอย่างเย็นชา พริบตานั้นก็ได้ชี้นิ้วออกไป พลังกระบี่ตราประทับก็ได้ออกไปพร้อมกับพลังดัชนีที่ทอประกายสีดำทมิฬออกมา ในตอนนี้เยี่ยจงก็ได้ยืนยันแล้วว่า หลังจากพลังกระบี่ตราประทับได้ดูดกลืนพลังแห่งความตายไปแล้ว ก็ได้เลื่อนระดับเข้าสู่ขั้นเสมือนเซียนเป็นที่เรียบร้อย พลังได้เพิ่มพูนขึ้นมาอย่างมหาศาล
“ ตูม “
ทางด้านอีกคนหนึ่งที่เหลือยังไม่ทันได้ใช้ออกด้วยทักษะยุทธ์ ก็ได้ถูกเยี่ยจงจัดการเป็นที่เรียบร้อย นิ้วมือของเยี่ยจงได้เลงไปยังบริเวณลำคอของฝ่ายตรงข้าม จนทำให้เขาต้องกุมไปที่ลำคอของตนเอง จากนั้นร่างกายก็ได้ค่อยๆฉีกขาดลงสู่บนพื้นดิน
ผู้ติดตามทั้งสองคนก็ได้ถูกจัดการภายในเพียงสามกระบวนท่า เยี่ยจงขยับกายคราหนึ่ง แล้วก็ได้ขยับเข้าหมายสังหารบริเวณที่เสวี่ยซินอยู่เข้าไป
“ เจ้าคิดหรือว่าจะไม่มีไพ่ตายแม้แต่น้อยหรือ ข้าคงไม่ห้ำหั้นกับเจ้าเยี่ยจงเช่นนี้แน่ ? “ สีหน้าเสวี่ยซินเย็นเยียบ อีกทั้งยังมิได้มีอาการตกใจที่เยี่ยจงสามารถฆ่าสังหารผู้ติดตามทั้งสองคนของเขาได้อย่างรวดเร็ว เขาขยับมือทั้งสองข้าง บริเวรทางด้านหลังก็ได้ปรากฏปีกค้างคาวงอกเงยออกไป ทันใดนั้นร่างกายก็ได้เปลี่ยนไปในทันที พลังฝีมือได้เพิ่มสูงขึ้นจนถึงระดับขั้นก่อเกิดระดับที่แปดซานกวานเทียนทงของระดับพลังปราณวิญญาณ สองมือได้ปรากฏกรงเล็บขึ้น ขยับสะบัดออกไป แล้วก็ได้แผ่พลังแสงที่เต็มไปด้วยความเย็นเยียบมุ่งหน้าเข้าสังหารในบริเวณที่เยี่ยจงอยู่เข้าไป
“ ซวบ “
เยี่ยจงใช้ความไม่เปลี่ยนแปลงรับมือหมื่นเปลี่ยนแปลง พลังดัชนีในครั้งนี้ได้แปรเป็นฝ่ามือพุ่งออกไป บริเวณใจกลางฝ่ามือ ก็ได้ปรากฏพลังกระบี่ตราประทับชั้นที่สิบห้าขึ้น แผ่พุ่งรังสึความหน้าหวาดกลัวออกมา
“ เยี่ยจง รับความตายไปซะ “ เสวี่ยซินตะโกนก้อง บนร่างของเขานั้นได้มีสิ่งที่เป็นหนึ่งในสมบัติปราณประจำรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉา สามารถที่จะทำให้เขาได้รับพลังร่างกายจากปีศาจโลหิตได้ในทันที เขานับได้ว่ามีความเชื่อมั่นในพลังความแข็งแกร่งของตนเอง ว่าสามารถที่จะสังหารเยี่ยจงได้อย่างแน่นอน
ในขณะที่กรงเล็บได้กวาดออกมา ก็ได้มีรังสีกระบี่ตัดออกมาจากขั่วบรรยากาศอย่างรุนแรง มุ่งหน้าเข้าสังหารไปยังบริเวณทางด้านหน้า เห็นได้ชัดว่า หากว่าเยี่ยจงเกิดต้านรับกระบวนท่าเช่นนี้ขึ้นมาแล้วละก็ ต่อให้เขามีพลังฝีมือเช่นนี้ เกรงว่าก็คงจะต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน
สีหน้าเยี่ยจงยังคงไม่เปลี่ยนแปลง บริเวณฝ่าเท้าก็ได้ปรากฏประกายสายฟ้าขึ้น จนทำให้ระดับความเร็วของเขาพุ่งขึ้นจนถึงระดับสูงสุด เห็นได้ชัดว่าเยี่ยจงได้เตรียมที่จะสังหารเสวี่ยซินก่อนที่จะลงมือถึง ใช้กระบวนท่าต้านรับกระบวนท่า
สีหน้าของเสวี่ยซินเย็นเนียบอย่างถึงที่สุด ปีกค้างคาวทั้งคู่บริเวณด้านหลังก็ได้ปรากฏประกายแสงโลหิตขึ้น จนกลายเป็นประกายวงกลมคล้ายพระจันทร์เต็มดวงสีเลือดสองวงพุ่งสังหารออกไป เขาต้องการที่จะปิดทางถอยหนีของเยี่ยจงทั้งหมด
เยี่ยจงยิ้มอย่างเย็นชา เขาได้ใช้มือซ้ายแสดงคล้ายสัญลักษณ์ขึ้น ทันใดนั้นเอง เตาหลอมสีทองขนาดใหญ่ก็ได้ปรากฏขึ้นมาบริเวณทางด้านหน้า มือคว้าจับไปยังเตาหลอมสีทองขนาดใหญ่ แล้วเยี่ยจงก็ได้ใช้ขว้างออกไป เพื่อใช้พุ่งเข้าชนกับวงพระจันทร์สีแดงทั้งสองวงที่บินเข้ามา และบริเวณทางด้านหลังของเขาก็ได้ปรากฏประกายกระบี่ขึ้นมาเป็นสาย มุ่งหน้าเข้าหาไปทางด้านบริเวณใจกลางตัวของเสวี่ยซิน
“ ตูม “
ทันใดนั้นต่อมา ฝ่ามือของเยี่ยจงก็ได้ฟาดเข้าไปยังบริเวณหน้าอกของเสวี่ยซิน ทันใดนั้นร่างกายก็ได้สั่นไหวคราหนึ่ง กระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง ประกายกระบี่เต็มท้องฟ้าก็ได้หายไป ฉากเบื้องหน้านี้ทำให้ผู้คนแตกตื่นอย่างยิ่ง
เพียงแต่ว่าได้มีสมบัติปราณคุ้มกายประจำรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉา เสวี่ยซินจึงมิได้ตายไปอย่างง่ายดายเช่นนี้
เยี่ยจงส่งเสียงออกมาอย่างแผ่วเบา เขาได้ใช้มือคว้าจับไปยังปีกเนื้อทางด้านหลังของเสวี่ยซิน แล้วก็ใช้แรงเพียงเล็กน้อย ก็ได้ยินเสียงฉีกขาดดังขึ้นมา ปีกเนื้อคู่หนึ่งได้ถูกเยี่ยจงฉีกดึงออกมา
“ อา “
เสียงร้องอย่างเจ็บปวดได้ดังลอดออกมา ร่างกายของเสวี่ยซินได้ดิ้นรนไปมา เขาไม่ว่าจะอย่างไรก็คงไม่อาจที่จะเชื่อได้ว่า หลังจากที่ได้ใช้สมบัติประจำรัฐแล้ว เขายังถึงกับมิอาจที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเยี่ยจงได้
สีหน้าของเยี่ยจงยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ใช้มือข้างหนึ่งคว้าจับไปยังข้อเท้าข้างหนึ่ง แล้วก็ได้ใช้มือขวาหมุนวนอยู่ท่ามกลางอากาศอยู่หลายรอบ จากนั้นก็ได้โยนเสวี่ยซินราวกับลูกหนังใบหนึ่งอย่างรุนแรง พุ่งออกไปยังบริเวณแท่นหินออกไป
“ เปรี้ยง “
เสียงดังสนั่นไหวหวั่น เหยียนหยูและพวกที่อยู่ทั่วทั้งสี่ทิศต่างก็มองดูด้วยอาการอ้าปากตาค้าง เยี่ยจงผู้นี้ ก็ไม่พูดถึงเหตุผลเอาซะเลย เช่นนี้ก็ช่างรังแกผู้อื่นเกินไปแล้วกระมั่ง ?
.
.
.
.