ตอนที่ 214 สามประตูหวนคืน
ทันทีที่สิ้นเสียง เยี่ยจงก็ได้เหยียบไปยังชิ้นส่วนมายา มุ่งหน้าเข้าไปยังบริเวณด้านในของตึกสูงใหญ่ การแก่งแย่งต่อจากนี้ไป แม้แต่เขาเองก็ยังไม่มีความมั่นใจในความสำเร็จ แต่ว่าไม่ไปก็ไม่ได้ นั่นก็เพราะว่า ตำนานของวาสนาเพียงสายเดียวที่เล่าขานกันอาจจะอยู่ในท่ามกลางตึกใหญ่แห่งนี้ หากว่าเป็นเช่นนั้นแล้วละก็ เยี่ยจงย่อมมิอาจผิดพลาดไปได้
ถึงกระนั้น วาสนาเพียงสายเดียวที่แม้แต่ปีศาจหมื่นพิภพก็ยังต้องตาต้องใจ
และท่ามกลางการแย่งชิงเช่นนี้ หากว่าต้องพาองค์หญิงหกและพวกไปด้วย ยิ่งไม่เหมาะสมเป็นที่สุด ดังนั้นเยี่ยจงในตอนนี้จึงได้ปล่อยทั้งสี่คนออกมา เส้นทางต่อจากนี้เป็นต้นไป ก็คงต้องให้ตัวของพวกเขาเองเป็นคนเลือกเอง อีกทั้งยังได้นำพาพวกเขามายังสถานที่ปลอดภัย นี้ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่เยี่ยจงกระทำได้ดีที่สุดแล้ว ถึงแม้ว่าจะอยู่สถานการณ์ปกติก็ตามที หกหญิงหกและพรรคพวกหากคิดต้องการเข้าร่วมด้วยแล้วละก็ อย่างน้อยๆภายในสี่คนนี้ก็คงต้องทอดร่างไปกว่าครึ่ง
“ ซวบ “
เท้าได้เหยียบไปบนชิ้นส่วนมายา ร่างกายก็ได้กลายเป็นประกายแสงหายวับไป ชั่วเวลาเพียงครู่เดียวนั้นเอง ร่างกายของเยี่ยจงก็ได้มาถึงยังตึกใหญ่สีโลหิตบนหัวมุมเกาะแห่งหนึ่ง
ยอดฝีมือที่ยืนอยู่ในที่แห่งนี้ทั้งสี่ทิศแปดด้าน แต่ละคนก็ทอประกายตาสีแดงซ่าน มีผู้คนไม่น้อยที่มุ่งหน้าพุ่งขึ้นไปทางด้านหน้า พยายามที่จะเข้าไปยังภายในตึกใหญ่สีโลหิตนี้
“ กึง “
จู่ๆมีเงาร่างของคนเข้าแทรกระหว่างเส้นทางที่ถูกปิดกั้นอยู่ เขานั้นมิได้ออมเรี่ยวแรงในการลงมือแต่อย่างไร ทันใดนั้นเองก็ได้ยินเสียงกระดูกแตกร้าวดังขึ้นมา ยอดฝีมือบริเวณทางด้านหลังที่มองเห็นต่างก็กำมือขึ้น เพียงแค่การลงมือเพียงครั้งเดียวก็สามารถจัดการยอดฝีมือเหล่านี้ลงได้
เยี่ยจงที่ยืนอยู่บริเวณของหัวมุมหนึ่ง ก็ได้ขยับมือตบออกไปยังเหล่าเด็กน้อยที่คิดจะแทงเข้ามาทางด้านหลังของเขา ทันใดนั้นก็ได้จดจ้องไปยังบริเวณทางด้านหน้า
“ คงได้แต่เพียงรอคอยให้ตึกใหญ่แห่งนี้เปิดขึ้นมาเองแล้วงั้นหรือ ? หรือจะเป็นว่า ต้องการเงื่อนไขอะไรบางอย่าง ? “ หลังจากที่เยี่ยจงได้จัดการกับพวกเด็กน้อยที่ไม่อยู่ในสายตาไปแล้ว ก็มิได้มีผู้เข้ามาก่อกวนเขาอีก จึงทำให้เขาพอจะมีเวลาคิดใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง
หากมองในมุมมองของเยี่ยจง ที่ได้แต่เพียงมองดูแสงสว่างของตึกใหญ่ที่ขึ้นไปยังบนท้องฟ้า แต่กลับมิอาจที่จะสามารถมองเห็นถึงปลายทางของแสงสว่าง อีกทั้งยังดูเหมือนเป็นสิ่งที่ยากจะคาดเดาเอาไว้ได้อีกด้วย และบริเวณโดยรอบของตึกใหญ่สีโลหิตเหล่านี้ที่มีตัวอักขระอยู่ก็ได้ทอแสงสีม่วงขึ้นมาอย่างเข้มข้น คงเป็นเพราะผ่านความเก่าแก่คืนเดือนปีมา ตัวอักขระเหล่านี้จึงดูเหมือนสึกหรอไปไม่น้อย แต่ว่าเยี่ยจงก็ยังค้นหาข้อสรุปออกมาไม่หยุด วิชายันต์ปราณที่พบเจอก่อนหน้านี้น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับตึกใหญ่สีโลหิตนี้ด้วยเช่นเดียวกัน อีกทั้งยังเป็นการวาดเข้าไปโดยตรง จนกลายเป็นค่ายกลยันต์ปราณ นี้จึงน่าจะเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดกำแพงไร้สภาพนี้ และค่ายกลยันต์ปราณประเภทนี้ ต่อให้เป็นเจดีย์ทลายค่ายกลที่อยู่ในมือของหวินฉีก็ใช่ว่าจะสามารถทำอันใดได้มากมายนัก
ทว่าเยี่ยจงกลับมิได้มีอาการเร่งร้อนแต่อย่างไร อีกทั้งตัวเขาเองก็ยังไม่ค่อยจะมีความเข้าใจต่อบ่วงมายาโลหิตแห่งนี้มากนัก แต่ว่า สถานที่แห่งนี้ไม่เพียงแต่จะมีผู้คนมากมายที่เป็นคนของกู่กวอ ไท่กู่หลิงซาน รวมไปทั้งเหล่าศิษย์ของผู้มีชื่อเสียง อีกทั้งยังมีสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในทะเลมายาโลหิตแห่งนี้ตั้งแต่แรก การคงอยู่เช่นนี้ หากว่ามิมีความสามารถที่จะเปิดทางเพื่อเข้าสู่บ่วงมายาโลหิตแห่งนี้ได้ละก็ ก็คงจะไม่มีคุณสมบัติความหาญกล้าที่จะเข้ามาแก่งแย่งสมบัติและตำนานของบ่วงมายาโลหิตแห่งนี้ได้ ดังนั้น สิ่งที่เยี่ยจงสมควรกระทำในตอนนี้ ก็คือการเก็บออมพลังและเรี่ยวแรงที่มีเอาไว้อย่างเงียบเชียบ ไม่ว่าจะกล่าวเช่นไร การที่จะเสาะหาสมบัติในสถานที่แห่งนี้ก็เรียกได้ว่ายากเย็นอย่างยิ่ง อีกทั้งเขาเองก็ยังไม่เชื่อว่า ทรัพย์สมบัติและตำนานที่เล่าขานของสำนักมายาโลหิตจะสามารถที่จะปรากฏสู่สายตาได้อย่างง่ายดายอย่างแน่นอน
หลังจากที่ได้ครุ่นคิดแล้ว เยี่ยจงก็คิดที่จะเข้าไปใกล้เพื่อที่จะตรวจสอบดู ทว่าหลังจากที่เข้าได้สำรวจทั่วทั้งสี่ด้านแล้ว สีหน้าก็ได้เปลี่ยนเป็นปั้นยากขึ้นมาหลายส่วน บริเวณทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้านในตอนนี้ ต่างก็ได้ถูกยอดฝีมือจำนวนมากของขุมกำลังต่างๆคอยปิดกั้นเอาไว้ อีกทั้งบนเส้นทางที่ถูกปิดกั้นสายนี้ กลับเป็นคนที่ดูคุ้นเคยผู้หนึ่งอีกด้วย
คนผู้นั้นที่เป็นเด็กหนุ่มที่มีดวงตาเปรียบเสมือนดั่งสุริยาก็มิปาน ร่างกายของเขาในตอนนี้ได้สวมไว้ด้วยชุดเกราะศึกสีทอง มือหนึ่งถือไว้ด้วยอาวุธที่คล้ายกับหอกยาวด้ามหนึ่ง เพียงแต่ว่าบริเวณปลายด้ามของหอกด้ามนี้ กลับมีใบมีดกลมๆชิ้นหนึ่งติดไว้อยู่ บริเวณจุดกลมๆเหล่านี้ราวกับเป็นเหมือนดั่งปราณอสรพิษที่พร้อมจะสั่นครอนอาวุธชนิดต่างๆได้ก็มิปานปรากฏอยู่ สิ่งนี้คือง้าวไท่หยาง(สุริยา) อีกทั้งยังเป็นถึงหนึ่งในสมบัติประจำตระกูลหยางกู่อีกด้วย เพียงแค่ขยับเบาๆ ก็สามารถทำให้ก่อเกิดวายุหมุนวนสีทองออกมาได้ กรีดออกไปทั่วทั้งสี่ด้าน
และคนผู้นี้มิใช่ใครอื่นใด แท้ที่จริงแล้วก็คือองค์ชายสิบสามถังกู่ที่เยี่ยจงเคยพบเจอกันก่อนหน้านั้นเอง
“ ทุกท่านเส้นทางสายนี้ถูกปิดแล้ว เชิญ “
มีอยู่หลายคนที่คิดจะชิงเข้าใกล้เส้นทางสายนี้เพื่อที่จะเข้าใกล้ตึกใหญ่สีโลหิตนี้ องค์ชายสิบสามผู้นี้กลับขยับง้าวไท่หยางในมือของตนเองเบาๆคราหนึ่ง วินาทีนั้นก็ได้ก่อเกิดประกายแสงสีทองหมุนวนออกมาอย่างรุนแรง จนบดขยี้ร่างกายของผู้ที่กำลังเข้าใกล้จนกลายเป็นเศษเนื้อ
“ พวกเจ้าถังกู่อย่าได้กระทำเกินเลยไป สถานที่แห่งนี้มิใช่ถังกู่ แต่หากเป็นสมรภูมิฮวงกู่ “ คนที่พบเห็นต่างก็ขนลุกขนพองขึ้นมา และก็มีคนที่จ้องเขม็งไปทางด้านขององค์ชายสิบสาม เอ่ยปากออกมาอย่างเยือกเย็นอยู่อีกทางด้านหนึ่ง
“ เจ้ามีคุณสมบัติเพียงพอที่จะสั่งสอนข้าด้วยงั้นหรือ ? “ องค์ชายสิบสามยิ้มออกมาอย่างเย็นชา จากนั้นก็ได้สะบัดง้าวไท่หยางในมือ จนทำให้ร่างกายของคนผู้นั้นแตกกระจายเป็นชิ้นๆ
ถังกู่ผู้นี้เรียกได้ว่าเป็นคนของหนึ่งในตระกูลที่มีชื่อเสียงของรัฐกู่กวอ มีอำนาจความแข็งแกร่งไร้ที่เปรียบ แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นเหตุผลเพียงแค่นี้ เพียงแค่เห็นนิสัยขององค์ชายสิบสามในตอนนี้ ก็เรียกได้ว่าน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุดแล้ว
หลังจากที่เยี่ยจงจ้องเขม็งไปยังองค์ชายสิบสาม ในขณะที่ร่างกายยังมิไดกลับไปยังกลุ่ม และก็มิได้ไปด้านหน้า เขาทราบว่าหากว่าทั้งสองฝ่ายได้พบปะกันแล้วละก็ กว่าแปดส่วนคงจะต้องก่อให้เกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่แน่นอน เพียงแต่ว่าในตอนนี้เขายังไม่ต้องการเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น
“ ดูสิ ที่ด้านหลังของตึกใหญ่โลหิตยังคงมีสมบัติอยู่ “
ทันใดนั้นเอง ก็ได้เกิดความเคลื่อนไหวภายในกลุ่มคน ได้มีคนที่ได้เข้าใกล้ยังเส้นทางสายของของตึกใหญ่โลหิตนี้ ที่มาถึงสถานที่นี้จากบริเวณด้านหลังของเกาะ แล้วก็ได้นำเรื่องอันน่าตกใจนี้มาด้วย
เยี่ยจงขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็ได้แทรกเข้าไปยังกลุ่มคนหมู่มากเข้าไป จากนั้นเข้าก็เห็นสิ่งของ ที่สามารถทำให้เขาถึงกับสั่นเทาไปตลอดทั้งร่างได้
บริเวณทางด้านหลังของตึกใหญ่โลหิตแห่งนี้ ได้ประกอบไปด้วยประตูสีเงินสามบานอยู่ตรงด้านข้างของตึก ภายในของประตูสีเงินทั้งสามบานได้ปกคลุมไปด้วยความลึกลับไร้ที่เปรียบ ดูไม่ออกมาที่แท้นั้นมีอะไรกันแน่ แต่ว่าในส่วนของประตูทั้งสามบานนี้ กลับเป็นหลุมลึกอยู่แห่งหนึ่งอยู่ทางด้านหน้า ราวกับพื้นที่ทางด้านหน้านั้นถูกสร้างมาจากฝีมือมนุษย์ก็มิปาน บริเวณทางด้านของน้ำทะเล กลับหลุมลึกทั้งหมดทั้งสามสายล้อมรอบประตูทั้งสามเอาไว้ แต่จากที่ได้ข้อมูลมา เห็นได้ชัดว่า เป็นเหวลึกที่ยากจะเห็นถึงก้นบึงได้
“ นี้ที่แท้ก็คือ ? “ เยี่ยจงเผลอออกความคิดออกมา ฉากเช่นนี้กลับสามารถทำให้ผู้คนเกิดความตื่นตกใจได้ อีกทั้ง เมื่อได้มองดูประตูสีเงินขนาดใหญ่นี้ ราวกับว่าได้มีการปรากฏการมีอยู่ของผิวทะเลขึ้นก็มิปาน ประตูใหญ่สีเงินนี้ได้เต็มไปด้วยเหล็กหยกเขียวเต็มบานประตู เป็นสิ่งที่สามารถบ่งบอกได้ว่ามีอายุอยู่นานแค่ไหนแล้ว
หลังจากที่ได้ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ ทันใดนั้นเยี่ยจงก็ได้ขยับกายเล็กน้อย บนใบหน้าเต็มไปด้วยความแตกตื่น
“ นอกเสียจาก บริเวณที่แห่งนี้จะเป็นที่เล่าขานกันของตำนานกุยซวี ? “
เมื่อครั้งตอนที่อยู่ในดินแดนซานเชียนเซินเจี่ย เยี่ยจงก็เคยได้ยินตำนานเล่าขานนี้ ยิ่งไปกว่านั้นในบริเวณติดทะเลของดินแดนซานเชียนเซินเจี่ยนั้น แต่ว่ากลับมิมีปรากฏการไหลเวียนของน้ำทะเลที่เผยให้เห็นจากพื้นดิน จนกลับมารวมตัวกันกลางทะเล จนกระทั่งกลับกลายเป็นที่มาของตำนานกุยซวี
การหวนคืนเช่นนี้ เป็นสิ่งที่กักเก็บวัตถุนับหมื่นชนิด ตามตำนานที่เล่าขานกันได้กล่าวไว้ว่าเป็นสิ่งที่ตกทอดมาจากหุบเขาเซียนแห่งหนึ่ง มาจากถ้ำมืดมิดไร้ที่สิ้นสุด อีกทั้งยังเกาะกุมความลับเอาไว้มากมาย
และที่พบเห็นในตอนนี้ทั้งหมด กลับมีการแบ่งตำนานคำเล่าลือของตำนานการหวนคืน หากว่าบริเวณในที่แห่งนี้เป็นตำนานการหวนคืนจริง เช่นนั้นแม้แต่เยี่ยจงเองก็ยังอดมิได้ที่จะเกิดความสงสัย ว่าแท้จริงแล้ววาสนาสายหนึ่งที่แท้เป็นสิ่งเดียวกันกับตำนานการหวนคืนหรือไม่
“ น่าเสียดาย ที่พลังฝีมือในตอนนี้ยังอ่อนแอจนเกินไป มิอาจที่จะเข้าไปทดสอบได้ “ หลังจากที่เยี่ยจงจ้องเขม็งไปยังประตูสีเงินทางด้านหน้า แล้วก็ได้ถอนหายใจเบาๆ กล่าวได้ว่าพลังฝีมือของเขาในตอนนี้ ต่อให้เป็นพลังฝีมือเฉกเช่นเมื่อชาติที่แล้ว หากว่าถ้าเข้าไปยังประตูเงินนี้ ก็ยังไม่แน่ว่าอาจจะหาสามารถค้นหาตำนานกุยซวีได้ ดังนั้นไม่ว่าในตอนนี้เขาจะคาดเดาไปมากมายเท่าใด ต่างก็ยังไร้หนทางที่จะเทียบกับสิ่งที่เป็นอยู่ได้
“ ดู นั้นมันอะไรกัน ? “
ทันทีที่มีคนร้องอย่างตกใจ ผู้คนมากมายต่างก็เงยหน้าขึ้นในเวลาเดียวกัน แล้วก็ได้พบว่าท่ามกลางของประตูเงินทั้งสามบาน ตำแหน่งบริเวณทางด้านหน้าที่อยู่ทางด้านบน ทันใดนั้นก็ได้มีก้อนทองแดงสีเขียวหล่นลงมา ล่อนลงมาพร้อมกับสายลม มุ่งหน้าไปยังบริเวณตามที่เกาะน้อยพัดเข้ามา ถึงแม้ว่าจะได้มองจากสถานที่ห่างไกล แต่ก็สามารถทำให้พบเห็นความลับบางอย่าง ว่าบริเวณเหล็กหยกเขียวกลับได้แผ่รังสีบางอย่างออกมาอย่างรุนแรงชนิดหนึ่ง แต่รังสีชนิดนี้กลับมีลักษณะที่ขัดแย้งกัน ราวกับว่ามีพลังหยินและพลังหยางรวมอยู่ด้วยกัน ทำให้ผู้คนยากที่จะแบ่งแย่งได้ในเวลาเดียวกัน
“ พระเจ้า นั้นราวกับว่าเป็นเหมือนกับตัวอักขระ นอกเสียจากว่าจะสามารถทำให้ใช้ออกด้วยทักษะยุทธ์อย่างไม่หยุดได้ ? “ ไม่ทราบว่ามีเสียงดังขึ้นมาจากที่ใด วินาทีนั้น ก็ได้มีเงาร่างพุ่งหมายสังหารออกมา มุ่งหน้าไปทางบริเวณทางด้านหน้าหมายสังหารเข้าไป
“ ปุ “
เงาร่างของผู้คนเหล่านี้ที่พึ่งโผล่ขึ้นมา ทันใดนั้นยอดฝีมือก็ถูกจู่โจมเข้ามาจากทางด้านหลัง ตลอดเส้นทางมานี้ มีผู้คนไม่น้อยที่ต้องจ่ายค่าตอบแทนไปเป็นจำนวนมาก สูญเสียโอสถปราณยาปราณไปก็ไม่น้อย แต่ว่ากลับมิอาจที่จะได้รับสิ่งรอบแทนใดๆ ตอนนี้เมื่อได้พบเห็นเหล็กหยกเหล็กเขียวชิ้นนี้ ก็มีผู้คนไม่น้อยที่เริ่มบ้าคลั่งขึ้นมา
“ ปุปุปุ “
วินาทีนั้นเอง ทั่วทั้งสนามก็เปลี่ยนเป็นวุ่นวายขึ้นมา ผู้คนทั้งหมดได้ลงมือพร้อมกัน สายโลหิตได้สาดกระจายออกมานับไม่ถ้วน เสียงการใช้ทักษะยุทธ์มากมายนับไม่ถ้วน จนทำให้สถานที่แห่งนี้ที่ความจริงดูสงบเงียบได้เปลี่ยนจนเต็มไปด้วยกลิ่นคาวโลหิตสายหนึ่ง
เหล็กหยกเขียวชิ้นนี้ จำเป็นที่จะต้องใช้เวลานับพันหมื่นปีในการหลอมมาได้สักชิ้น ถ้าหากว่าสามารถที่ครอบครองก็เรียกได้ว่านับเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ไม่น้อย ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดที่คิดจะผิดพลาดไปได้
ในขณะนี้เอง ยอกฝีมือทั้งหมดต่างก็บ้าคลั่งกันไปแล้ว
“ ไสหัวไปให้หมด สมบัตินี้เป็นของข้าทั้งหมด “
ทันทีที่ผู้คนทั้งหมดส่วนใหญ่ต่างก็ฆ่าฟันกัน ทันใดนั้นเอง ก็ได้ประกายท้องฟ้าสีทองค่อยๆทอดลงมา พลังความร้อนเปรียบได้เหมือนดั่งแสงที่ไม่มีวันดับของสุริยา เพียงแค่การสะบัดเพียงครั้งเดียว ก็ได้ทำให้ยอดฝีมือจำนวนไม่น้อยต้องกระอักโลหิตแล้วกระเด็นลอยออกไป
ยิ่งไปกว่านั้นยังมียอดฝีมือส่วนหนึ่งที่ยังมีพลังยังไม่ถึงขั้นก่อเกิดระดับที่เจ็ด ร่างกายกลับต้องแตกกระจายออกไป กลายเป็นก้อนเนื้อแหลกเหลว
ท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ ผู้ที่มีพลังในขั้นก่อเกิดระดับเจ็ดก็เป็นได้เพียงแค่ขั้นต่ำเท่านั้น แน่นอนว่ามิอาจที่จะเป็นกำลังอันใดได้ หรือกระทั่งพลังในขั้นนี้ก็ยังไม่มีแล้วละก็ก็เป็นได้เพียงแค่แมลงตัวหนึ่งเท่านั้น ได้แต่ถูกผู้คนเข่นฆ่า
“ เป็นเขา องค์ชายสิบสามถังกู่ “ มีคนกระอักเลือดออกมา ใบหน้าปรากฏความยากที่จะเชื่อ มิใช่ว่าพวกเขานั้นอ่อนแอ และก็มิใช่ว่าองค์ชายสิบสามนั้นแข็งแกร่งจนเกินไป พลังฝีมือของเขาอย่างน้อยก็ยังจัดอยู่ขั้นก่อเกิดขั้นที่แปดเป็นอย่างน้อย ซานกวานเทียนทงระดับขั้นปราณ บวกกับเกราะรบหวางจิน(ทองเหลือง)และง่ามไทหยาง(สุริยา)ที่อยู่บนตัวของเขา แน่นอนว่าย่อมต้องทำให้เขามีความสามารถเช่นนี้ได้
กระบวนท่าเดียวก็ทำให้เกิดความพ่ายแพ้แก่ผู้คนมากมาย องค์ชายสิบสามหันกายกลับไปช้าๆ ดวงตาที่สามของเขายังมิได้ลืมตาขึ้นมา แต่ว่าดวงตาที่หลงเหลือทั้งสองดวงกลับปรากฏเต็มไปด้วยรังสีความเยือกเย็นปรากฏให้เห็นนับไม่ถ้วน
“ หากว่ามีผู้ใดเข้าใกล้แม้เพียงครึ่งก้าว จะฆ่าให้สิ้น “ ง้าวไท่หยางถูกชี้ขึ้นมา ทอประกายสว่างขึ้น จนทำให้ผู้คนเกิดอาการขวัญหนีดีฝ่อ
ยอดฝีมือนับไม่ถ้วนต่างก็ได้ตัดสินใจที่จะถอยร่นไป ทว่าอัฉจริยะเฉกเช่นกลุ่มของตระกูลจวินเจี่ย ก็เพียงแค่ถอยหลังไปครึ่งก้าว มีผู้คนไม่น้อยที่ใบหน้าปรากฏความยากที่จะเชื่อ องค์ชายสิบสามถังกู่เพียงผู้เดียว ต่อให้ยังแข็งแกร่งกว่านี้ แต่มีหรือที่จะสามารถแข็งแกร่งเกินกว่าผู้คนทั้งหมดในสนามแห่งนี้ร่วมมือกันได้งั้นหรือ ?
หลังจากที่เกิดความลังเลเพียงชั่วขณะ วินาทีนั้น ผู้คนจำนวนมากก็ได้เคลื่อนไหวในเวลาเดียวกัน อาวุธปราณทักษะยุทธ์ต่างแผ่พุ่งไม่หยุด มุ่งหน้ากดดันไปบริเวณทางด้านหน้า คิดหวังจะใช้เพียงพลังของคนธรรมดาในการกดดันองค์ชายสิบสาม
แต่ว่าหลังจากที่ได้มีผู้คนบางส่วนถอยไปแล้ว พวกเขากลับไม่คิดที่จะต้องการเสี่ยงเข้าหาองค์ชายสิบสามอีก
เยี่ยจงขยับกายคราหนึ่ง ถอยไปตามกลุ่มผู้คน เขายังไม่คิดที่จะเข้าปะทะกับองค์ชายสิบสามในตอนนี้ อีกทั้งยังไร้ความหมาย
.
.
.
.