ตอนที่ 216 หุบเขาหยินหยาง
*แก้ไข ถังกู่ คือ หุบเขา(ตระกูล)ถัง นะครับ
**แปลผิดพลาดจริงๆครับ ต้องขออภัยไว้ด้วยนะครับ
ได้เกิดความลังเลขึ้นภายในสนาม ยอดฝีมือนับไม่ถ้วนต่างก็อ้าปากตาค้างจ้องมองไปยังฉากเบื้องหน้านี้ การลงมือของทั้งสองคน ไม่ว่าจะเป็นองค์ชายสิบสามหุบเขาถัง หรือว่าจะเป็นเยี่ยจง ต่างก็มีความแข็งแกร่งอย่างเพียงแค่ ไม่ต้องแปลกใจเลยที่จะต้องเป็นยอดอัจฉริยะอย่างแน่นอน การปะทะของยอดอัจฉริยะเช่นนี้ ก็เยงอที่จะทำให้ผู้คนต่างก็เกิดความแตกตื่น ราวกับมิอาจที่จะเป็นตัวของตัวเองได้
ยิ่งไปกว่านั้นก็คือเยี่ยจง ยิ่งทำให้ผู้คนแตกตื่นได้
มีผู้คนไม่น้อยที่ต่างก็จดจำออกแล้วว่า สิ่งที่องค์ชายสิบสามครอบครองไว้อยู่ก็คือเกราะศึกทองคำและง้าวสุริยา ต่างก็เป็นสมบัติปราณประจำรัฐ จึงทำให้เขามีความแข็งแกร่งได้ถึงในระดับนี้ อีกทั้งยังเป็นสิ่งที่ผู้คนทั้งหมดต่างก็ทราบกันดี
แต่ว่าไม่ทราบว่าเยี่ยจงผู้นี้ได้โผล่ออกมาจากสถานที่ใดถึงกับสามารถที่จะปะทะกับองค์ชายสิบสามเช่นนี้ได้ อีกทั้งยังอยู่เหนือความคาดหมายของทุกผู้คนจนเกินไปแล้ว
“ มิผิด หากว่าไม่มีความสามารถเช่นนี้ เจ้าก็คงไม่มีคุณสมบติพอที่จะให้ข้าเชื่อเชิญเข้าร่วมได้ “ องค์ชายสิบสามจ้องมองไปที่เยี่ยจงครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างเย็นชา เพียงแค่ว่า เขาในตอนนี้กลับมิอาจที่จะมองว่าเยี่ยจงมีพลังฝีมือเพียงพอที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของตนเองได้ อีกทั้งการมองบุคคลผู้หนึ่งราวกับเป็นเบี๊ยล่างเช่นนี้ นี้ก็ถือได้ว่าเป็นความเชื่อมั่นในตนเองของตระกูลถังของเขาเช่นกัน ในฐานะที่เป็นอัจฉริยะของตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุด เขาย่อมต้องมีความเชื่อมั่นในตนเองเช่นนี้อยู่แล้ว
เยี่ยจงหัวเราะเย็นชา ภายในดวงตาได้ปรากฏความต้องการต่อสู้ องค์ชายสิบสามเบื้องหน้าสายตาผู้นี้ย่อมต้องเรียกได้ว่าน่ากลัวอย่างถึงที่สุด แต่ว่าเยี่ยจงกลับมิได้เกรงกลัวเขาแต่อย่างไร หากยังต่อยตีต่อไป ก็ยังไม่แน่ว่าผู้ใดจะเป็นผู้ชนะ องค์ชายสิบสามแห่งหุบเขาถังผู้นี้ที่แท้มีทุนเดิมอยู่เท่าไรกันแน่
“ ตูมตาม “
หลังจากที่ได้หรี่ตามองดูเยี่ยจงแล้ว ง้าวทองคำในมือขององค์ชายสิบสามก็ได้เสียบออกไปอีกครั้ง มุ่งหน้าเข้าไปยังจุดตายของเยี่ยจง
หอกอัสนีในมือของเยี่ยจงก็ได้เริ่มต้นที่จะสาดประกายอัสนีขึ้นมา เตรียมพร้อมที่จะใช้หอกเข้าปะทะ
“ เหอะ พวกเจ้ายังจะต่อยตีกันอีก เช่นนั้นสิ่งของนั้นก็เป็นของข้าแล้ว “ ช่วงเวลาทันใดนั้นเอง ก็ได้มีเสียงตะโกนดังออกมา จากนั้นก็ได้พบเห็นเงาร่างสายหนึ่งอยู่อีกทางด้านหนึ่งปรากฏกายออกมา จากนั้นก็ได้มุ่งหน้าไปทางด้านบริเวณทางด้านพื้นที่ด้านหลังขององค์ชายสิบสามเข้าไป ทางด้านนั้น แผ่นหยกสีเขียวก็ได้ร่วงหล่นลงสู่พื้น เพียงเพราะแค่การประมือของเยี่ยจงและองค์ชายสิบสามเท่านั้น แต่ก็ยากที่จะทำให้มีคนที่ไปสามารถเข้าใกล้ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าในตอนนี้กลับมีคนปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ร่างกายองค์ชายสิบสามได้ขยับไปในทันที ความจริงแล้วง้าวสุริยาได้มุ่งหน้าเข้าสังหารเยี่ยจงก็ได้เปลี่ยนไปอีกทางด้านหนึ่ง มุ่งหน้าไปทางด้านหลังที่มีคนลักลอบเข้าไป
หอกอัสนีในมือเยี่ยจงก็ได้สั่นไหว แต่กลับมิได้ลงมือต่อ เรื่องการถือการแทงด้านหลังผู้อื่นเช่นนี้ มิใช่สิ่งที่เขาชื่นชอบ เขาเพียงแต่จ้องมองไปยังฉากเบื้องหน้าอย่างเย็นชา
“ ซวบ “
บริเวณทางด้านหลังขององค์ชายสิบสาม ประกายสีดำขาวทั้งสองสีได้ทอสว่างขึ้นออกมารวมกัน เพื่อที่จะต้านทานการโจมตีขององค์ชายสิบสาม จากนั้น การโจมตีก็ได้หายไปอย่างรวดเร็ว คนที่ลงมือได้ถูกองค์ชายสิบสามไล่ต้อนจนถอยออกไปหลายก้าว
พอมาถึงตอนนี้ สายตาของผู้คนทั้งหมดจึงค่อยสามารถมองลอดเข้าไป หลังจากที่พบว่าผู้คนที่ลงมือนั้นเป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มผู้หนึ่งเท่านั้น ใบหน้าของเด็กนุ่มดูกล้าหาญ มีผมยาวปกปิดไปจนถึงแผ่นหลัง ทว่าทั่วทั้งเส้นผมของเขากลับเต็มไปด้วยสีเงินขาวรวมครึ่ง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งกลับเป็นสีดำขลับ เป็นที่น่าแปลกอย่างถึงที่สุด แต่ว่าเส้นผมสีเงินดำทั้งสองสีนี้กลับมาความเข้ากันได้เป็นอย่างดี หรือแม้กระทั่งชุดที่เขาสวมใส่เอาไว้ ก็ยังเป็นสีขาวครึ่งดำครึ่ง และภายในมือก็ได้จับถือไว้ด้วยกระบี่ยาวประหลาดชนิดหนึ่ง กระบี่ยาวถูกสร้างออกมาด้วยทั้งสองสีตัดกันเป็นทางเข้าด้วยกัน ดูแล้วรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง
ในตอนนี้เขาได้ถูกองค์ชายสิบสามต้อนจนถอยหนี ใบหน้าได้ปรากฏรสชาติอันรื่นรมย์ออกมาอยู่หลายส่วน จากนั้นก็ได้ใช้กระบี่ยาวในมือของเขาฟันออกไป วินาทีนั้นประกายคมกระบี่ขาวดำทั้งสองสีก็ได้พุ่งออกไป มุ่งหน้าไปทางด้านบริเวณที่องค์ชายสิบสามอยู่
“ ไสหัวไปซะ “
สีหน้าขององค์ชายสิบสามเย็นเยียบ ง้าวสุริยาก็ได้ปะทุประกายแสงสีทองออกมา เมื่อได้บเห็นการโจมตีอันน่าหวาดกลัวของทั้งสองฝ่าย ความรุนแรงของพลังของการโจมตีนี้ เมื่อเทียบกับการปะทะขององค์ชายสิบสามและเยี่ยจงเมื่อครู่นี้ แทบจะเรียกได้ว่าไม่ต่างกันเท่าไรนัก
เมื่อได้เหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้า ฝีมือที่มองดูรอบด้านต่างก็ได้ปรากฏใบหน้าแตกตื่นขึ้นมา พวกเกาหลีตาจ้องมองไปยังบุคคลที่ปรากฏออกมา ไม่น่าปรากฏไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ ถึงกับยังมีผู้คนที่หาญกล้าลงมือต่อองค์ชายสิบสามอีกงั้นหรือ ? หรือว่าอาจจะเป็นคนของรัฐกู่กวอหรือว่าเขาไท่กู่หลิงซานกัน ?
“ การมาของหุบเขาหยินหยางของพวกเจ้าในครั้งนี้ คงมิใช่ยื่นมือออกมาจนเกินไปกระทั่ง ? ไม่เกรงว่าเมื่อได้ยื่นมือออกมาแล้ว จะชักมือกลับไปมิได้หรือ ? “ องค์ชายสิบสามยังไม่ทันจะได้ใช้ออกแม้หนึ่งกระบวนท่า เขาก็ได้ชี้ง้าวสุริยาออกไป ใบหน้าเย็นชาแล้วเอ่ยปากถามออกมา
“ หุบเขาหยินหยาง ? “
เมื่อได้ยินสมญานามนี้ ก็ได้มีผู้คนไม่น้อยต่างก็ได้เอ่ยปากออกมาด้วยความแตกตื่น หุบเขาหยินหยางก็คือสำนักแห่งหนึ่ง มีสถานะดั่งเช่นหุบเขาถังไม่ต่างกัน เป็นดั่งตำนานที่อยู่มาอย่างยาวนาน และในส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือ หุบเขาหยินหยางก็คือคู่อริของหุบเขาถัง กล่าวกันเมื่อก่อนหน้านี้ สุดยอดอัจฉริยะของทั้งสองตลอดมานี้ต่างก็มีการปะทะตลอดมา แต่ว่าในด้านผลแพ้ชนะก็ยากที่จะกล่าวออกมาได้ ไม่แปลกใจเลยที่เด็กหนุ่มผู้นี้ถึงกลับหาญกล้าที่จะลงมือต่ออบค์ชายสิบสาม ที่แท้ก็เป็นผู้ที่มาจากหุบเขาหยินหยาง
“ ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามความเป็นอัจฉริยะขององค์ชายสิบสามมานานแล้ว แล้วก็อยากจะลองประลองด้วยสักครามานานเช่นเดียวกัน ข้าน้อยหมิงหยี้จากหุบเขาหยินหยาง ที่มาในวันนี้ ก็เพื่อที่จะเด็ดหัวของท่าน “ เด็กหนุ่มหมิงหยี้แห่งหุบเขาหยินหยางก็ได้เอ่ยปากหัวเราะออกมา
“ ที่แท้เจ้าก็คือ “ ใบหน้าขององค์ชายสิบสามปรากฏรอยยิ้มอย่างเย็นชา “ ได้รับทราบว่าเป็นถึงบุรุษอันใดหนึ่งที่เป็นถึงความหวังแห่งหุบเขาหยินหยางมาก่อนแล้ว หากว่าได้สังหารเจ้าไปแล้ว ตำนานของหุบเขาหยินหยางก็คงจะต้องสิ้นสุดเช่นนี้แล้ว ข้ามั่นใจว่าจะเป็นเช่นนั้นอย่างแน่นอน “
กล่าวจบ ทั้งสองฝ่ายต่างก็กันหน้าสบตากันแล้วยิ้มอย่างอดมิได้ เพียงแต่ว่าใบหน้าของทั้งสองฝ่ายกลับปรากฏรอยยิ้มขึ้น แต่ว่าภายใต้รอยยิ้มกลับมีความหมายลึกล้ำไร้ที่เปรียบ ภายในบริเวณสถานที่แห่งนี้ ราวกับว่ามีไร้ฟ้าไร้สภาพแลบผ่านไหลเวียนไปมาก็มิปาน จนทำให้ผู้คนตื่นตกใจ
“ เคร่ง “
ทันใดนั้นเอง เงาร่างของทั้งสองก็ได้พุ่งออกไปในเวลาเดียวกัน ง้าวสุริยาและกระบี่หยินหยางก็ได้ปะทะกันอย่างรุนแรงท่ามกลางอากาศ ประกายสีทองและประกายขาวดำสาดไปมาไม่หยุดยั้ง จนทำให้ก่อเกิดสายรุ้งติดต่อกันท่ามกลางสนาม
ทั้งสองคนนั้นต่างเป็นทายาทที่มาจากสถานที่เป็นดั่งตำนานของผู้ที่มีชื่อเสียงในสมัยก่อน เกรงว่าภายในดินแดนซีฮวงแห่งนี้ ก็ถือได้ว่าเป็นรุ่นเยาว์ที่มีความอัจฉริยะที่ยากจะหาคนเทียบเคียงได้ การปะทะกันเช่นนี้ ได้ทำให้ผู้คนต่างก็ตื่นตกใจเป็นอย่างมาก
เยี่ยจงกำมือ จ้องมองไปยังฉากเบื้องหน้า ท่ามกลางภายในสนามมีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่สามารถมองเห็นการลงมือของทั้งสองได้ใกล้ที่สุดแล้ว
ทั้งสองคนนี่เมื่อเทียบกับเหล่าอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่พบเจอก่อนหน้านี้ช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เมื่อคราวก่อนที่อยู่ในพิธีถวายพระพร ก็ถือได้ว่ามีเหล่ายอดฝีมือที่มีความสามารถมากมาย แต่กว่าครึ่งแล้วก็ยังมิอาจที่จะเทียบเคียงกับทั้งสองคนได้
“ ตูมตาม “
ยอดฝีมือที่สวมไว้ด้วยชุดหยินหยางมากมายได้ออกมา จนทำให้เกิดแรงกดดันขึ้นมาอย่างรุนแรง และเหล่าลูกน้องขององค์ชายสิบสามก็ได้ออกมาเข้าร่วมการต่อสู้อย่างรวดเร็ว การปะทะของทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าจะลงมือเมื่อใดก็ได้ การเด็ดชีพอีกฝ่ายนี้ ได้ทำให้ทั่วทั้งสนามเกิดแรงกดดันที่รุนแรงอย่างไร้ที่เปรียบ
“ เคร่งเคร่งเคร่ง “
บริเวณสุดใจกลาง องค์ชายสิบสามและหมิงหยี้ต่างก็เข้าปะทะกันอย่างไม่หยุดยั้ง ในทุกครั้งที่เกิดการปะทะก็จะแผ่คมสายลมกระจายออกมาอย่างน่าหวาดกลัว ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เมื่อครู่ที่เยี่ยจงยังเป็นผู้ลงมืออยู่นั้น ก็ได้กลับกลายเป็นคนนอกโดยปริยาย
เยี่ยจงทอดสายตามองไปยังบนเนื้อตัวของหยกเขียวก็ได้กลายสภาพเป็นชิ้นภายในสนาม หลังจากนั้นสักพัก เขาก็ได้หันกายจากออกไปในทันที หยกเขียวชิ้นนี้ถึงกลับมีความลี้ลับยิ่ง แต่ว่าเยี่ยจงกลับคาดว่าสิ่งนี้ไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับวาสนาเพียงสายเดียวแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น หุบเขาถังในตอนนี้และหุบเขาหยินหยางกลับต้องลงมือกันเพียงเพราะวัตถุชิ้นนี้ หากว่าเยี่ยจงคาดเดาไม่ผิดแล้วละก็ ผลลัพธ์ในตอนท้าย หยกเขียวชิ้นนี้อย่างน้อยก็ต้องถูกผู้ใดผู้หนึ่งช่วงชิง ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ไม่อาจที่จะฉกฉวยโอกาสได้
ดังนั้น จากที่ได้มองดูการต่อสู้ในที่แห่งนี้ อีกทั้งยังสามารถที่จะคาดเดาผลลัพธ์ได้ตั้งแต่แรก จึงมิสู้จากไปแต่เนิ่นๆ เพื่อที่จะตามหาสมบัติที่มีความยิ่งใหญ่กว่านี้
ทันทีที่เยี่ยจงหันกายจากไป ภายใต้สายตาที่ทอแววแปลกใจจากผู้คนมากมายนับไม่ถ้วน แล้วก็ได้มุ่งหน้าไปยังทางด้านของตึกใหญ่สีเลือดเข้าไป
ด้านหน้าตึกใหญ่สีเลือด ในตอนนี้ความจริงที่ได้ถูกเหล่ายอดฝีมือของแต่ละฝ่ายปิดกั้นเอาไว้ก็ได้สาบสูญไป ก็ได้มีการรวมตัวกันจำนวนมากที่บริเวณพื้นที่ว่างที่อยู่ทางด้านหน้าของตึกใหญ่สีโลหิตพอดิบพอดี
“ เกิดอันใดขึ้นกัน ? “ เยี่ยจงก็ได้เอ่ยปากถามยอดฝีมือผู้หนึ่งที่อยู่ทางด้านข้าง
ยอดฝีมือผู้นี้เมื่อครู่ได้เห็นถึงการลงมือของเยี่ยจง หลังจากที่ได้กล่าวอ้ำอึ้งครุ่นคิดแล้ว จึงได้ค่อยเอ่ยปากตอบเสียงแผ่วเบา “ หลังจากในตอนที่องค์ชายสิบสามแห่งหุบเขาถังจากไปแล้ว ความแปลกประหลาดของตึกใหญ่ก็ได้เลือนหายไป ราวกับสูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย ในตอนนี้ได้เริ่มที่จะมีผู้คนทดลองหาวิธีเพื่อที่จะเข้าไปยังภายในประตูใหญ่
หลังจากที่เงียบงัน สีหน้าของเยี่ยจงก็ได้ขยับไปมาเล็กน้อย หลังจากที่เกิดความสงสัย เขาก็ได้ใช้ปลายเท้าเหยียบไปที่พื้นเบาๆ ทันใดนั้นร่างกายก็ได้พุ่งออกไปดุจดั่งประกายแสง มุ่งหน้าไปบริเวณทางด้านหน้า
ไม่นานนัก เยี่ยจงก็ได้มาถึงยังพื้นที่ว่างบริเวณด้านหน้าของตึกใหญ่สีเลือด ในตอนนี้ก็สามารถที่จะพบเห็นยอดฝีมือจากที่ต่างๆมารวมตัวกันอย่างมากมาย ราวกับว่าสีหน้าทุกผู้คนต่างก็เคร่งเครียดขึ้น จ้องมองไปยังการแก่งแย่งที่ด้านหน้าบริเวณประตูทางเข้า
ทางเข้าของประตูใหญ่ เป็นเหมือนกับถูกสร้างมาจากก้อนหินที่ถูกทำมาจากชิ้นเดียวกับตัวตึกใหญ่สีเลือด ในตอนนี้ด้านบนได้มีตัวอักขระส่องเป็นประกายไหลเวียนไปมาไม่หยุด เต็มเปี่ยมไปด้วยบรรยากาศของความแปลกประหลาด
มียอดฝีมือไม่น้อยที่ในมือได้ครอบครองไว้ด้วยสมบัติปราณที่แปลกประหลาดแตกต่างกัน ได้เคลื่อนไหวไปมาไม่หยุด และเมื่อได้เห็นประกายแสงสาดส่องออกมาเป็นสายๆ แล้วก็ได้ร่วงหล่นไปด้านบนบานประตูใหญ่ แต่ว่ากลับมิได้เกิดผลกระทบอันใด
เยี่ยจงพบเห็นผู้คนที่ใช้แม้กระทั่งเรือปราณกระดูกขาวเข้ากระแทก สาดประกายแสงออกมาไม่หยุด คิดไม่ถึงว่าการเปิดประตูทางเข้าเพียงแค่นี้เท่านั้น ถึงกลับทำให้เยี่ยจงมองฉากเบื้องหน้าอย่างเอื่อมระอา ไม่ทราบว่าผู้คนเหล่านี้ในสมองคิดอันใดกันอยู่
“ อือ ? “
ในช่วงทันใดนั้นเอง จิตใจของเยี่ยจงก็เกิดสั่นคลอน จ้องมองไปยังทางด้านหัวมุมหนึ่ง ทางด้านนั้นได้มีเด็กสาวสวมไว้ด้วยชุดสีดำผู้หนึ่ง ใบหน้าของเด็กสาวงดงามสดใส แต่ว่า สิ่งที่เยี่ยจงมองออกมา กลับมิใช่เป็นเพราะเหมือนกับผู้อื่นที่มองเข้าไปอย่างวุ่นวาย และเพียงแต่จ้องมองอย่างสงบนิ่งไปทางด้านประตูใหญ่ ราวกับว่ากำลังคิดอันใดอยู่
“ เด็กสาวผู้นี้ แข็งแกร่งยิ่ง “
หลังจากที่ได้จดจ่ออยู่ที่หญิงสาวชุดดำแล้ว ภายใจจิตใจของเยี่ยจงก็ได้ปรากฏความรู้สึกตื่นเต้นชนิดหนึ่งขึ้น นั้นก็เพราะว่ากับความสามารถของเขา นั้นก็เพราะว่าแม้แต่เขาเองก็ยังไม่อาจที่จะสามารถมองเห็นระดับพลังขอบเขตของเด็กสาวผู้นี้ได้
หลังจากที่ได้เกิดความลังเลขึ้น เยี่ยจงก็ได้โบกมือคราหนึ่ง ก็ได้ค่อยๆถอนพลังของร่างมหัศจรรย์หมื่นโบราณออก จากนั้นก็ได้ถอยหลังไปยังบริเวณหัวมุมหนึ่ง แล้วก็ได้เริ่มกรีดโลหิตให้กับร่างมหัศจรรย์หมื่นโบราณอย่างช้าๆ ในเวลาเดียวกัน เขาก็ได้กลืนโอสถปราณลงไป เพื่อฟื้นฟูพลังกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่าเยี่ยจงต้องไม่เข้าไปกระทำเรื่องอย่างทดสอบเปิดประตูใหญ่เหล่านี้แน่ ทว่าหากว่าเขาคาดเดาไม่ผิดแล้วละก็ ภายในสถานที่แห่งนี้ต้องมีผู้ที่สามารถเปิดประตูใหญ่ได้อยู่อย่างแน่นอน อีกทั้งน่าจะเป็นหญิงสาวชุดดำผู้นั้นด้วย หากว่าเป็นเช่นนั้นแล้วละก็ สิ่งที่เขาสมควรกระทำที่สุดก็คือ การฟื้นฟูพลังกลับคืนจนถึงระดับสูงสุดให้รวดเร็วที่สุด แล้วก็เตรียมตัวและอุปกรณ์ทั้งหมดให้พร้อม เห็นได้ว่า เมื่อทันทีที่ประตูใหญ่ได้ถูกเปิดออกมา ภายในสถานที่แห่งนี้ คงจะต้องเกิดคงามวุ่นวายขึ้นแน่นอน
ช่วงเวลาได้ล่วงเลยไปนาทีแล้ววินาทีเล่า ไม่นานนัก ก็ได้มียอดฝีมือจำนวนมากแทรกเข้ามา ในเวลาเดียวกันก็ได้ส่งข่าวสารมาให้ ว่าป้ายหยกชิ้นนั้นได้ถูกหมิงหยี้ช่วงชิงไปแล้ว และทางด้านหุบเขาตระกูลถังและหุบเขาหยินหยางก็ได้ก่อเพลิงแคล้นขึ้นอีกครั้ง ในตอนนี้ทั้งสองฝ่ายต่างก็ทอดร่างไปไม่น้อย
.
.
.
.