ตอนที่ 219 ใจกลางอาราม
“ ทุกท่าน หากว่าข้าจดจำไม่ผิดแล้วละก็ นับตั้งแต่เริ่มแรกที่มีการเปิดของประตู ก็เป็นเพียงเพราะป้ายแผ่นเล็กเล็กเพียงแผ่นหนึ่งเท่านั้น ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ทราบว่าเจ้าของแผ่นป้ายนี้อยู่ภายในสนามแห่งนี้หรือไม่ ยังมีชีวิตอยู่ไหม แต่ว่าข้าก็สัมผัสได้ เมื่อได้เดินมาถึงยังฉากเบื้องหน้านี้ ทุกคนสมควรที่จะมีการเตรียมตัวเตรียมตัวรับมือกับการเปิดประตูในครั้งนี้ แต่มิใช่เอาแต่ตัวแข็งทื่อเช่นนี้ “ ทันใดนั้น ก็ได้มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเดินออกมา ถึงแม้ว่าคนเหล่านี้จะมีลักษณะคล้ายกับมนุษย์ แต่ว่าบรรยากาศรอบตัวที่แผ่ออกมาจากร่างของพวกเขาก็ถือได้ว่าน่ากลัวอย่างที่สุด เห็นได้ชัดว่าไม่มีคนใดเลยที่มีร่างเดิมเป็นเพียงมนุษย์ พวกเขาต่างก็เป็นผู้ที่มาจากเขาไท่กู่หลิงซานและเผ่าพันธุ์โบราณ
“ ตอนนี้พวกเรามีเกราะอยู่ชิ้นหนึ่ง แต่ว่าถ้าต้องพึ่งพาเกราะชุดนี้เพื่อเปิดประตู เกรงว่าจะไม่เพียงพอ “
สิ้นเสียงกล่าวเหล่านี้ ท่ามกลางภายในกลุ่มคนเหล่านี้ก็ได้ล่วงเอาเกราะสีโลหิตชิ้นหนึ่งออกมา อีกทั้งยังส่องประกายแสงสีโลหิตออกมาเป็นสาย
ภายในกลุ่มคนเริ่มที่จะมีการเคลื่อนไหวขึ้นเห็นได้ชัดว่ามีคนอยู่ในอาการเคร่งเครียด มีคนเริ่มที่จะคิดวิเคราะห์ หลังจากนั้น จึงได้พบเห็นกลุ่มยอดฝีมือมนุษย์อสรพิษ พวกเขาได้ใช้ทั้งสองมือประกบกันจนเป็นสัญลักษณ์เปลี่ยนแปลงไปมา วินาทีนั้นก็ได้พบเห็นกระบี่หักชิ้นหนึ่งพุ่งออกมา ประทับอยู่บริเวณบนท้องฟ้า
“ บวกกับกระบี่หักด้ามนี้ของพวกเรา มีหรือที่จะไม่เพียงพอ “
“ หาวิธีเปิดประตูบานนี้ให้ได้ก่อนอย่างอื่นค่อยว่ากันอีกที ดูว่าภายในจะมีอันใดอยู่กันบ้าง คงได้แต่ดูคนที่มีความาสามารถและวาสนาแล้วละ แต่ว่าถ้าหากในตอนนี้แม้แต่ประตูก็ยังเปิดไม่ออก เช่นนี้ก็ถือได้ว่าเป็นปัญหาใหญ่แล้วละ “ แล้วก็ได้มีกลุ่มยอดฝีมือลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็เดินออกไป พวกเขาพลิกทั้งสองมือออกไปเป็นสัญลักษณ์ วินาทีนั้นก็ได้พบเจอกับป้ายโลหิตแผ่นหนึ่งปรากฏขึ้นมา ป้ายโลหิตนี้เป็นเหมือนดั่งป้ายแผ่นที่หญิงสาวชุดดำใช้ออกมาก่อนหน้านี้ก็มิปาน อีกทั้งยิ่งเพิ่มความสมบูรณ์มากขึ้นอีกด้วย
“ พวกเราในที่แห่งนี้ได้ใช้ด้วยสมบัติสำนักมายาโลหิตเล็กน้อย น่าจะได้ผลอยู่หลายส่วน “ หลินเหยียนและพวกหลังจากที่เกิดความลังเลก็ได้เดินออกมา เสวี่ยซินผู้นั้นก็ได้ล้วงเอาแผ่นบันทึกอยู่ม้วนหนึ่งออกมา จนทำให้ดวงตาของผู้คนไม่น้อยต้องเปลี่ยนแปลงไปในทันที ทว่าในตอนนี้ก็คือ”ผู้คนมากมายร่วมมือกัน” กลับไม่มีผู้ใดกล่าวอันใดออกมา
“ ซวบ “
บริเวณที่มืด ก็ได้มีป้ายอีกแผ่นลอยออกมา เห็นได้ชัดว่าเป็นแผ่นเดียวกับก่อนหน้านี้ที่หญิงสาวชุดดำใช้ทั้งสิ้น ในตอนนี้นางได้ยืนอยู่ภายในกลุ่ม ขยับแผ่นป้ายอย่างไร้สุ่มเสียง เป็นที่ชัดเจนว่านางเองก็เข้าใจ หากว่าไม่มีวิธีเปิดประตูเหล็กอ่อนบานใหญ่นี้ได้แล้วละก็ การออมแรงตลอดมาก็คือ…..
ในตอนนี้ก็ได้รวบรวมไว้ด้วยวัตถุที่เป็นของสำนักมายาโลหิตเอาไว้เข้าด้วยกัน จนกลายเป็นคล้ายกับการสร้างกระแสเลือดส่องสว่างออกมา แล้วก็ได้ค่อยๆไหลรินลงสู่ประตูเหล็กอ่อนบานใหญ่นี้
หลังจากที่ผ่านไปสักพัก ทันทีในตอนที่ราวกับว่าผู้คนทั้งหมดจะล้มลง ประตูเหล็กอ่อนบานใหญ่นี้ก็ได้ปรากฏความเคลื่อนไหวขึ้นมากลุ่มหนึ่งอย่างกะทันหัน และจากนั้นก็ได้เกิดเสียงกระทบกันอย่างรุนแรง ประตูเหล็กอ่อนบานใหญ่ก็ได้ค่อยๆเปิดออกไปทั้งสองด้าน
วินาทีนั้นเอง ก็ได้มีพลังปราณฟ้าดินเข้มข้นอย่างไร้ที่เปรียบสายหนึ่งอยู่ภายในด้านหลังประตูเหล็กบานใหญ่บานนี้ มีความเด่นชัดน่ากลัวอย่างสุดขีด มีแต่ทำให้ผู้คนสูดเข้าไปเพียงถ่ายเดียว ทำให้ร่างกายรู้สึกได้ถึงความผ่อนคลาย จนทำให้ผู้คนในตอนนี้อดใจไว้ไม่อยู่ต้องสูดเข้าไปคำโต
แต่ว่าก็ไม่มีผู้ใดที่เลือกที่จะทำเช่นนั้น ที่เหมือนดั่งเยี่ยจง ภายใต้บรรยากาศเช่นนี้เขากลับเลือกที่จะปิดกั้นลมหายใจในทันที จากที่เขามองแล้ว สำนักมายาโลหิตแห่งนี้มีแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยอันตรายตลอดมา สิ่งที่เรียกได้ว่ามีประโยชน์ได้ก็มิอาจที่จะได้มาอย่างง่ายดาย ความเชื่อมั่นเช่นนี้จึงเป็นสิ่งที่มิผิดแม้แต่น้อย
“ ตูม “
ท่ามกลางอากาศ ก็ได้มีผู้คนไม่น้อยที่มีปฏิกิริยากลับมาได้ทัน ในครั้งนี้ผู้คนที่มองดูอยู่กลับมิได้มีอาการบ้าคลั่งที่จะพุ่งตัวออกไปเหมือนดั่งก่อนหน้านี้ เพียงแต่หลังจากที่เกิดความลังเลขึ้นอยู่สักพัก ก็ได้ค่อยๆที่จะเข้าไปภายในด้านหลังของประตูเหล็กอ่อนบานใหญ่ แล้วก็มีคนกลุ่มหนึ่งที่หลงเหลืออยู่ ก็ได้มายังจุดสูงของจุดสูงของสถานที่แห่งนี้ โดยส่วนมากแล้วก็มีไม่น้อยเลยที่เป็นกลุ่มตระกูลและกลุ่มยอดอัจฉริยะของแต่ละรัฐ ไม่ได้เป็นเหมือนดั่งกลุ่มคนก่อนหน้าที่เอาแต่พุ่งเข้าชนก็มิปาน
ในครั้งนี้เยี่ยจงก็ได้ยืนอยู่บริเวณทางด้านหลัง จ้องเขม็งไปบริเวณฉากเบื้องหน้านี้ ท่ามกลางบ่วงมายาโลหิตถือได้ว่าอันตรายเป็นอย่างมาก เขาไม่คิดว่า หากว่ามีความเร็วมากกว่านี้ซักหลายส่วนแล้วละก็ ก็จะสามารถที่จะได้ครอบครองตำนานแห่งบ่วงมายาโลหิตได้ ดังนั้นเขาจึงมิได้รีบร้อน เพียงแต่หลังจากที่ได้รอคอยอยู่นาน ก็ได้เข้าไปยังภายในด้านหลังของประตูเหล็กอ่อนบานใหญ่อย่างระมัดระวัง
ในตอนที่ได้เข้าสู่ทางด้านใน ก็ได้มีพื้นที่โล่งว่างเปล่าขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ทั่วทั้งสี่ทิศก็มีเพียงแต่ความว่างเปล่า แล้วก็มีแม่น้ำรอบล้อมเอาไว้อยู่ แม่น้ำสายนี้มีน้ำเป็นสีโลหิต ด้านในยังสามารถที่จะมองเห็นศพและกระจายกระจายอยู่ เห็นได้ชัดว่า นี้เป็นสายธารแห่งโลหิตอย่างแน่นอน ถ้าให้กล่าวถึงสำนักมายาโลหิต ถือได้ว่ามีความหมายอย่างมาก แต่ว่ากับยอดฝีมือมากมายที่มองเห็น มีเพียงความรู้สึกที่น่าประหลาด
และบริเวณในกลางท่ามกลางอากาศ ก็ได้มีอารามโบราณโผล่ขึ้นมาเป็นแถบ ทางด้านบนของอารามเหล่านี้ก็ได้ประทับไว้ด้วยแสงสว่างที่ดูไม่เป็นระเบียบประทับอยู่ เห็นได้ชัดว่าเป็นเหมือนเขตหวงห้ามนับไม่ถ้วน และทั่วทั้งสี่ด้าน ก็ได้มีสะพานสีขาวสายหนึ่งเอาไว้เพื่อที่จะสามารถข้ามธารโลหิตนี้ได้ เพื่อที่จะได้เข้าสู่อารามที่อยู่ทางด้านหน้า
ในตอนนี้ในบริเวณที่เยี่ยจงและคนทั้งหมดอยู่ ก็ได้มีบัลลังปรากฏขึ้นมาอยู่ตรงด้านหน้า
ผู้คนมากมายก็ได้ย่างกรายข้ามสะพานไปอย่างระมัดระวัง ยังดีที่ด้านบนสะพานแห่งนี้กลับมิได้มีอันใดที่ดูเหมือนกับการป้องกันเอาไว้ เป็นที่ชัดเจนว่า การป้องกันที่แท้จริงสมควรที่จะอยู่ภายในท่ามกลางอารามแถบนี้ทั้งสิ้น
“ ยาปราณมากมายเหลือเกิน “ ทันใดนั้นเอง ก็ได้มีคนที่ได้ข้ามสะพานไปตะโกนออกมา ผู้คนจำนวนมากต่างก็วาดสายตาออกไป แล้วก็ได้พบว่าท่ามกลางธารโลหิตกับสามารถมองเห็นแท่นหินวางไว้อยู่ไม่น้อย ด้านบนแท่นหินเหล่านี้ต่างก็ได้งอกเงยไข่มุกยาปราณอยู่หลายชิ้น อีกทั้งยังมีอายุไม่น้อยเลย มีอยู่ไม่น้อยที่เป็นสิ่งที่อยู่ในระดับที่ยากที่จะคาดคิดเอาไว้ได้ และเป็นสิ่งที่ยากจะเสาะหาในดินแดนภายนอก
ยาปราณเช่นนี้ถ้าหากสามารถนำไปหลอมเป็นโอสถ อีกทั้งยังให้ผู้สร้างโอสถหลอมจนกลายเป็นโอสถแล้วละก็ เกรงว่าคงจะให้ผลลัพธ์อันน่าตกใจได้ ต่อให้ทานเข้าไปโดยตรง ก็ไม่แน่ว่าอาจจะสามารถชำระล้างไขกระดูกกล้ามเนื้อได้ จนได้รับผลประโยชน์มากมายมหาศาล
ดังนั้นในขณะนี้เอง ก็ได้มีผู้คนไม่น้อยที่ต่างก็ได้ทอประกายสายตาขึ้นมา หากว่าเก็บเกี่ยวยาปราณเหล่านี้ ไม่แน่ว่าอาจจะได้รับประโยชน์ที่เกินความคาดหมายก็เป็นได้
“ เจ้าเข้าไปลองดูก่อน “ แล้วก็ได้มีคนที่อดใจเอาไว้ไม่อยู่ ผู้คุ้มกันทางด้านหลังก็ได้โบกมือส่งสัญญาณขึ้น
ผู้คุ้มกันพยักหนัก พุ่งร่างออกไป ทว่าเมื่อตอนที่ได้เดินออกจากตัวสะพานไป ท่ามกลางธารโลหิตทางด้านล่างก็ได้กลับทอแสงออกมาเป็นสาย ราวกับว่าทันใดนั้น ผู้คุ้มกันผู้นั้นก็ได้เสียชีวิตจนอย่างไร้สุ่มเสียงไร้การตอบสนอง และจากนั้นก็กลายเป็นเพียงศพร่างหนึ่ง ทอดร่างลงสู่ใจกลางธารโลหิต เริ่มที่จะจมลง
“ เชอะ “
ผู้คนไม่น้อยต่างก็ได้สูดลมหายใจด้วยความตกใจคำหนึ่ง สีหน้าทอแววประหลาดใจ ยาปราณที่อยู่ท่ามกลางธารโลหิตสายนี้ หรือจะเป็นสิ่งที่มนุษย์มิอาจที่จะเก็บเกี่ยวได้งั้นหรือ ?
หลังจากที่ผ่านไปเนิ่นนาน ผู้คนมากมายที่มองเข้าไปต่างก็มิอาจที่จะละสายตา ธารโลหิตนี้แปลกประหลาดจนเกินไป อีกทั้งถ้าเป็นพลังฝีมือและขอบเขตของผู้คนมากมายในที่แห่งนี้แล้วละก็ กว่าครึ่งคงมิอาจที่จะเสาะหาผลประโยชน์อันใดได้
เยี่ยจงหรี่ตาจ้องมองไปยังยาปราณเหล่านี้ ทว่าสีหน้าของเขากลับมิได้มีการเปลี่ยนแปลงไปมากนัก สถานที่แห่งนี้ถ้ามองในมุมมองของคนทั่วไป เรียกได้ว่าสามารถสร้างการดึงดูดได้อย่างมาก แต่ทว่าในตอนนี้กลับมิได้ส่งผลต่อจิตใจของเขาจนเกินไป
“ มาดูเร็ว ในที่แห่งนี้มิได้มีการป้องกันมากมายนัก หากว่าระวังหน่อยแล้ว สมควรที่จะสามารถเข้าไปยังส่วนลึกภายในอารามแห่งนี้ได้ “ มีคนที่ได้มาถึงยังบริเวณทางด้านหน้าของอารามแห่งนี้ก่อนหน้า ทางด้านนั้นมิเพียงทางเข้าเพียงสายเดียว ทางด้านในปกคลุมไปด้วยหมอกควันสีขาว แต่ว่าก็ถือได้ว่ามีความหนาแน่นที่น้อยยิ่ง แต่ว่าหลังจากที่ได้ทดลองอย่างระมัดระวังแล้ว ก็ได้มีคนค้นพบว่า นอกเสียจากว่ารอบด้านของด้านในจะมีขนาดเล็กแล้ว สถานที่แห่งนี้กลับมิได้มีการป้องกันอันน่าหวาดกลัวมากนัก และสถานที่ที่บุคคลธรรมดาอาศัยอยู่กันนั้นก็คงมิมีการจัดตั้งการป้องกันมากมายนักอยู่แล้ว เช่นนั้นก็คงจะมีแต่ทำให้ตนเองเกิดอันตรายหากไม่ระวัง คงจะมิใช่เรื่องที่ดีสำหรับคนทั่วไปอย่างแน่นอน
หลังจากที่ค้นพบในความข้อนี้แล้ว สายตาของขุมกำลังแต่ละสายก็ได้จ้องมองไปก็ได้เปลี่ยนแปลงไป ทว่าสถานที่แห่งนี้กลับมิได้มีความพิเศษอันใด อีกทั้งยอดฝีมือจำนวนมากก็อดใจเอาไว้ที่จะไม่ลงมือต่อกัน อีกทั้งยังมีการรวมกลุ่มกันขึ้นมา เข้าสู่ภายในท่ามกลางอารามอย่างระมัดระวัง
เยี่ยจงเหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้า หลังจากนั้น เขาก็ได้ก้าวไปตามเส้นทางที่เป็นดั่งทางเข้าอย่างช้าๆ
จากการเข้าสู่ทางเข้าของอารามแถบนี้ ก็ได้ค้นพบว่า ทั่วทั้งสี่ทิศได้มีแต่กลิ่นอายของพลังแห่งฟ้าดินเข้มข้นอย่างถึงที่สุด ราวกับเป็นดั่งหมอกขาวก็มิปาน บดบังวิสัยทัศน์ของผู้คน เห็นได้ชัดว่า สำนักมายาโลหิตในสมัยก่อน มีความเป็นไปได้ที่จะไม่มีการรวมตัวกันของพลังแห่งฟ้าดินมากมายเช่นนี้ได้ เพียงแต่ว่าหลังจากที่ได้ผ่านไปหลายปี พลังฟ้าดินเหล่านี้ต่างก็ได้ก่อตัวรวมกัน จนในที่สุดสามารถสร้างกายภาพของตนเองอย่างเลือนลางออกมาได้
“ นี้มัน “ เยี่ยจงทดลองสูดลมหายใจเพื่อดูดซึมพลังปราณฟ้าดินเข้าสู่ร่างกายคำหนึ่ง ทันใดนั้นเอง สีหน้าของเขาก็ได้เปลี่ยนไปเล็กน้อย บนใบหน้าปรากฏไปด้วยความยากที่จะเชื่อ
บริเวณท่ามกลางอากาศที่เต็มไปด้วยพลังปราณฟ้าดินอยู่ในตอนนี้ ถึงกับมีการแบ่งชั้นบรรยากาศของหยดน้ำปราณก่อฟ้าอีกด้วยงั้นหรือ ?
การค้นพบในครั้งนี้ถือได้ว่าทำให้เยี่ยจงตกใจขึ้นมา ควรทราบว่า เมื่อครั้งที่อยู่ที่ท่ามกลางอารามก่อฟ้า เขาต้องลำบากลำบนถึงเพียงใดเพื่อที่จะได้หยดน้ำปราณก่อฟ้าแม้เพียงเศษเสี้ยว ดังนั้นจึงแทบจะเรียกว่าเสียดายเมื่อจะต้องใช้มัน แต่ว่ากลับคิดไม่ถึงว่าภายในสำนักมายาโลหิตแห่งนี้กลับสามารถค้นพบได้มากมายเช่นนี้ได้ คงมิใช่ว่า พวกเขาได้จัดสร้างสถานที่แห่งนี้เพื่อที่จะทำการเพาะหยดน้ำแห่งพลังก่อฟ้าหรอกนะ ?
ในขณะนี้เอง เยี่ยจงก็ได้สับสนอย่างไรที่เปรียบ หากเป็นไปตามความหมายข้างต้นแล้วละก็ หยดน้ำแห่งพลังฟ้าดินเหล่านี้ถือได้ว่ามีประโยชน์ต่อเยี่ยจงเป็นอย่างมากมายมหาศาล หากว่าเขาในตอนนี้สามารถสงบจิตใจลงมาได้ เสาะหาสถานที่เพื่อที่จะเก็บตัวฝึกปรือแล้วละก็ อย่างมากมิจำเป็นต้องใช้เวลาถึงสิบวันครึ่งเดือน เขาก็สามารถที่จะมีความแข็งแกร่งก้าวหน้าขึ้นอย่างมากได้ หากว่าโชคดีแล้วละก็ อาจจะสามารถที่จะทะลวงเข้าสู่ขอบเขตขั้นความสำเร็จเล็กก็มิใช่เป็นไปมิได้
แต่ว่า หากว่าเขาซ่อนตัวฝึกปรือแล้วละก็ เกรงว่าคงจะต้องสูญเสียโอกาสมากมายก็เป็นได้ อย่าว่าแต่ตำนานของสำนักมายาโลหิตและสมบัติมากมาย อย่างน้อยภายในอารามแห่งนี้คงจะต้องเก็บรวมไว้ด้วยสิ่งของมีค่ามากมายอย่างแน่นอน แต่เขาก็คงจะมิอาจที่จะเสาะหาได้พบ
หลังจากที่ได้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เยี่ยจงก็ได้ทอประกายสายตากระจ่างสดใสขึ้นมา เขาที่เข้ามายังบ่วงมายาโลหิตในครั้งนี้ ก็เพื่อที่จะตามหาตำนานของสำนักมายาโลหิต รวมไปถึงสมบัติที่เล่าขานกันว่าเป็นวาสนาเพียงสายเดียว และถ้าหากต้องแย่งชิงวาสนาเพียงสายเดียวนี้แล้ว คนเองอย่างน้อยก็จำเป็นที่จะต้องมีพลังกำลังที่สามารถที่เรียกได้ว่าที่ผู้ต้าน ผู้คนเฉกเช่นองค์ชายสิบสามแห่งหุบเขาตระกูลถัง หมิงหยี่แห่งหุบเขาหยินหยาง ไม่เพียงแต่จะเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนั้นอาจจะยิ่งมีความแข็งแกร่งที่เก็บซ่อนเอาไว้อยู่ หรือจะเป็นหญิงสาวชุดดำผู้นั้น บุคคลเหล่านี้ต่างก็เป็นผู้ที่รอคอยโอกาสอย่างยาวนาน การที่ไม่ลงมือนั้น หากว่าถ้าลงมือ แน่นอนว่าย่อมต้องเกิดฝนฟ้าคะนองของพลังขึ้น หากใช้พลังฝีมือเฉกเช่นตอนนี้ของตนเอง ไม่แน่ว่าอาจจะพบคราวเคราะเสียมากกว่า
ดังนั้น หากว่าต้องการที่จะแย่งชิงตำนาน ก็คงจำเป็นที่จะต้องปล่อยวางกับความสำเร็จอันน้อยนิดเหล่านี้ การค้นหาโอกาสที่ตนเองจะมีความก้าวหน้าในด้านพลังฝีมือ ก็ถือได้ว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากเช่นเดียวกัน
จนกระทั่ง ราวกับว่าเป็นสถานที่เหมาะสมสำหรับการฝึกปรือเพื่อเลื่อนระดับขอบเขต ที่มีความเป็นไปได้อันน้อยนิด
ยิ่งไปกว่านั้น เยี่ยจงยังไม่คาดคิดว่า ภายใต้ท่ามกลางอารามแห่งนี้จะสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์อันใดที่มีความง่ายดายถึงเพียงนี้
หลังจากที่ได้ครุ่นคิดเอาครู่หนึ่ง เยี่ยจงก็ได้หันกายเดินไปอีกทางด้านหนึ่งออกไป เขามิได้เป็นเหมือนดั่งบุคคลอื่นๆที่เข้าไปยังส่วนลุก เพียงแต่เอาแต่เสาะหาสถานที่ที่อยู่ด้านนอกของอารามแห่งนี้ เพื่อที่จะได้หลอมรวมพลังความรับรู้แห่งฟ้าดินที่รวมตัวกันอยู่ท่ามกลางอากาศอันหนาแน่นอย่างหยดน้ำก่อฟ้า
หลังจากผ่านไปแล้วครึ่งวัน เยี่ยจงก็ได้เสาะหาไปจนถึงสวนดอกไม้ขนาดเล็กแห่งหนึ่ง สวนดอกไม้แห่งนี้ได้เพาะปลูกไว้ด้วยยาปราณธรรมดาอยู่หลากหลายชนิด แต่ว่าด้วยสภาพอากาศที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งฟ้าดิน หยดน้ำของปราณก่อฟ้าที่มีความเข้มข้นอยู่อย่างที่สุด บนใบหน้าของเยี่ยจงก็ได้ปรากฏเค้าโครงยินดีขึ้น เขาได้ทำการจัดตั้งค่ายกลยันต์ปราณคุ้มกันเอาไว้หลายจุดอย่างรวดเร็ว ร่างกายขยับคราหนึ่ง ก็ได้ลอยลงสู่ท่ามกลางบริเวณใจกลางของสวนดอกไม้ขนาดเล็กแห่งนี้
.
.
.
.