ตอนที่ 221 ต่อสู้กับเสวี่ยซินอีกครั้ง
“ ตูม “
หลังจากที่สิ้นเสียง เสวี่ยซินก็มิได้เกิดความลังเลแม้แต่น้อย หอกยาวโลหิตในมือของเขาก็ได้พุ่งตะหวัดออกไปทางด้านหน้า แล้วก็พบว่าทะเลมายาโลหิตก็ได้แยกออกเป็นสองฝั่ง จนก่อเกิดเป็นขุมพลังมหาศาล
ในตอนนี้ น้ำทะเลโลหิตก็ราวกับถูกควบคุมโดยใช้หอกนี้ของเขา ม้วนจนเป็นวงมุ่งหน้าเข้าไปทางด้านบริเวณที่เยี่ยจงอยู่เข้าไป จนเกิดเสียงดังน่าตื่นกลัว
เยี่ยจงหัวเราะ แต่ก็มิได้หลบเลี่ยง และก็คร้านที่จะเคลื่อนไหวใช้ออกด้วยทักษะยุทธ์ใดๆ เพียงแค่ใช้ออกด้วยพลังฝ่ามือฟาดออกไปบริเวณทางด้านหน้า พลังฝ่ามือนี้ปกติธรรมดายิ่ง มิได้มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ แต่ว่าก็เพียงพอที่จะทำให้แหวกน้ำทะเลผืนใหญ่จนกลวงได้ แล้วก็ได้แตะเข้าไปยังหอกโลหิตโดยตรง วินาทีนั้นก็ได้ยินเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ชั้นของผิวทะเลทั้งสี่ด้านก็ได้แตกกระจายออก
“ เจ้า “
ใบหน้าของเสวี่ยซินเปลี่ยนไปอย่างบ้าคลั่ง ไม่พบกันเพียงแค่สามเดือน เยี่ยจงผู้นี้ราวกับว่าเปลี่ยนจนกลายเป็นน่ากลัวขึ้นมาได้ ถึงกับใช้เพียงแค่การโจมตีธรรมดาในการล้มเขาได้ การพัฒนาเยี่ยงนี้ก็ช่างน่าหวาดกลัวเสียเหลือคณา
“ ร้ายกาจยิ่ง อีกทั้งยังมิได้ใช้ออกด้วยทักษะยุทธ์ใดๆเลย เพียงแต่แค่ใช้ออกด้วยพละกำลังกายในการต้านหอกนี้ของคุณชายเอาไว้ได้ เด็กหนุ่มผู้นี้ช่างน่ากลัวยิ่งนัก “ ทางด้านข้าง ก็ได้มีผู้ติดตามเกิดอาการตกใจขึ้น
“ ไม่ถูกต้อง พวกเจ้าดูที่ร่างเนื้อของเขา ไม่ว่าจะมองเช่นไรก็มีส่วนที่คล้ายกับพลังขั้นก่อเกิดระดับที่แปดในตำนาน ซานกวานเทียนทงขอบเขตขั้นพสุธา “ ใบหน้าของผู้ติดตามอีกคนหนึ่งก็ได้ปรากฏความสงสัยขึ้น และจากนั้นก็ได้รู้สึกหวาดกลัว หากว่าเขาคาดเดาไม่ผิดแล้วละก็ เด็กหนุ่มเบื้องหน้าสายตาผู้นี้คงจะมีความน่าหวาดกลัวเกินกว่าที่คาดคิดเอาไว้แล้ว
“ เคร่ง “
เยี่ยจงหัวเราะ แต่ก็มิได้อธิบายอันใด เขาเพียงแต่แค่ก้าวฝ่าเท้าออกไปทีละก้าว ทันใดนั้นร่างกายก็ได้หายวาบออกไปจากบริเวณทางด้านหน้า แล้วก็ได้ใช้ออกด้วยฝ่ามือธรรมดาฝ่ามือหนึ่งประทับไปยังบริเวณที่เสวี่ยซินอยู่เข้าไป
เพียงแค่การโจมตีปกติธรรมดาเพียงกระบวนท่าเดียว จากมุมมองของเสวี่ยซินในตอนนี้ ภายในดวงตามีแต่เพียงเบิ่งกว้างขึ้นมา อีกทั้งยังรับรู้ได้ถึงขุมพลังอันน่าหวาดกลัวชนิดหนึ่ง แข็งแกร่งจนน่าหวาดเกรง
“ ไสหัวไป “
เสวี่ยซินแตกตื่นขึ้นมา จากนั้นทันใดนั้นเองก็ได้ร้องออกมาอย่าเจ็บปวด กวาดหอกโลหิตในมือออกไป แล้วก็ได้ใช้ออกด้วยโลหิตอัสนีออกมาเป็นสาย จนกลายเป็นการโจมตีที่รุนแรงไร้ที่เปรียบ คิดที่จะทำให้เยี่ยจงร่างกายแตกกระจายไปในทันที
“ เคร่ง “
ทันใดนั้นเยี่ยจงก็ได้หันกลับไปใช้ฟาดฝ่ามือออกไป แล้วก็ได้ค่อยๆกระทบลงสู่ตัวหอกโลหิตนี้ วินาทีนั้น หอกโลหิตนี้ก็ได้สั่นไหวเสียงดังกังวาน อีกทั้งยังสั่นไหวไม่หยุด ราวกับว่ากำลังจะพังทลายลงในเวลานี้ก็มิปาน
“ ตายไปให้กับข้าซะ ไสหัวไป “
เสวี่ยซินมองดูจนขวัญหนีดีฝ่อ ทันใดนั้นต่อมา เขาก็ได้เริ่มที่จะประสานมือเข้าด้วยกัน ประกายโลหิตก็ได้แผ่กระจายออกไปในเวลาเดียวกัน จนกลายเป็นแสงสว่างจ้า ปกคลุมอยู่บนร่างกายของเยี่ยจง หมายมั่นจะหั่นเขาให้เป็นชิ้นๆ
อย่างไรก็ตามสีหน้าของเยี่ยจงยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นแสงโลหิตที่ปกคลุมเข้ามาบนร่างของเขาเหล่านี้ ก็ได้เกิดเสียงแตกร้าวขึ้นมา แต่ว่ากลับมิอาจที่จะทำอันใดได้เลย
“ อะไรกัน ? การโจมตีของคุณชายไร้ผลอย่างงั้นหรือ ? เช่นนั้นร่างเนื้อของเด็กหนุ่มผู้นี้ แท้จริงแล้วได้ฝึกปรือไปจนถึงระดับใดกันแน่ ? “
“ นี้มัน ที่แท้ก็เป็นระดับตำนานขอบเขตพสุธานั้นเอง กล่าวกันว่ายอดฝีมือที่สำเร็จขอบเขตพสุธาได้ ร่างกายจะแข็งราวกับหินผาก็มิปาน อีกทั้งยังมีพละกำลังไร้ขีดจำกัด นอกเสียจากว่าจะอยู่ในระดับเดียวกันกับเขาแล้ว ไม่เช่นนั้น ไม่ว่าทักษะยุทธ์ใดๆก็ใช้กับเขาไม่ได้ผล “
เหล่าผู้ติดตามของเสวี่ยซินก็ได้เกิดความหวาดกลัวขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความยากที่จะเชื่อ ในเวลาเดียวกันก็เกิดอาการสั่นเทาจากความกลัวชนิดหนึ่งขึ้นมา
“ ติ้งติ้งติ้งติ้ง “
เยี่ยจงก้าวเดินไปรวมพันก้าว การโจมตีอันธรรมดาได้ถูกใช้ออกมาเป็นสายพุ่งไปยังทางด้านหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง มุ่งหน้าไปทางด้านบริเวณที่เสวี่ยซินอยู่เข้าไป
ความจริงแล้วในตอนนี้เสวี่ยซินยังคงกวาดหอกโลหิตของตนออกไปอยู่ ทั้งยังคงต้านรับการโจมตีที่มาจากเยี่ยจงไม่หยุด แต่ว่า หอกโลหิตนี้กลับต้านทานการโจมตีของเยี่ยจงได้เพียงครั้งเดียว แล้วก็ได้ส่งเสียงดังกังวานออกมาไม่หยุด ราวกับว่าส่วนปลายหอกนั้นได้ถูกทำลายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ ติ้ง “
ในครั้งสุดท้าย เยี่ยจงก็ได้ฟาดฝ่ามือลงไปยังหอกโลหิตนี้ วินาทีนั้นก็ได้พบว่ามีเสียงดังกังวานออกมาจากหอกโลหิตนี้แล้วก็แตกสลายไปในทันที หลงเหลือไว้เพียงเศษเสี้ยว
“ เป็น……. เป็นไปได้อย่างไรกัน ? “ เสวี่ยซินจ้องมองไปยังฉากเบื้องหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความยากที่จะเชื่อในสิ่งที่เห็น นี้เป็นสมบัติปราณในตำนานที่เขาได้มาจากท่ามกลางตึกใหญ่ อีกทั้งยังจัดได้ว่าเป็นสมบัติปราณที่อยู่ในระดับเสมือนเซียน หลายวันมานี้เขาเป็นสิ่งที่เหมาะมือสำหรับเขามาก เหมือนกับปลาได้น้ำ มีพลังน่ากลัวอย่างขีดสุด แต่ว่าเพราะเหตุใดในตอนนี้ถึงกลับมิอาจทำอะไรเยี่ยจงได้เลย ?
“ มิใช่ว่าสมบัติปราณอ่อนด้อย แต่เป็นเจ้าที่อ่อนแอ มันก็เป็นเสียอย่างนี้ “ เยี่ยจงเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจ อธิบายตำนิเสวี่ยซิน เพียงแต่ว่าการอธิบายเช่นนี้ก็รังแต่จะทำให้เสวี่ยจุกอยู่ภายในอก อีกเพียงเล็กน้อยก็จะทำให้กระอักโลหิตออกมาได้
“ เยี่ยจง เจ้าตายเสียเถอะ “
เสวี่ยซินระเบิดความโกรธ ทันใดนั้นต่อมา เขาก็ได้ผายมือทั้งสองออก ทันใดนั้นร่างกายก็ได้ขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่าตัว บริเวณทางด้านหลัง ก็ได้มีปีกเนื้อที่คล้ายปีกค้างคาวงอกเงยออกมา ดูแล้วน่ากลัวอย่างยิ่ง
ร่างกายของปีศาจโลหิตได้ถูกเปิดเผยออกมา ทั่วทั้งทะเลมายาโลหิตราวกับมีเสียงดังโหวกเหวกชนิดหนึ่งขึ้นมาก็มิปาน อีกทั้งยังส่งเสียงดังสนั่นขึ้นมา ประกายแสงโลหิตนับไม่ถ้วนก็ได้แผ่กระจายไปทั่วทั้งน้ำทะเลออกไป จนตกมาจนถึงบนร่าง เกิดการสั่นเทาของทั่วทั้งผืนดินขึ้นมา
“ ปีศาจโลหิต ? “
ในที่ห่างไกล ก็ได้มีผู้คนไม่น้อยต่างก็ถูกฉากเบื้องหน้าทำให้ตกใจ สีหน้าของแต่ละคนก็ได้ปรากฏถึงความยากที่จะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ตลอดหลายวันมานี้ ผู้คนไม่น้อยต่างก็เข้าใจดี สำนักมายาโลหิตนี้อย่างน้อยก็ต้องมีความสัมพันธ์กันนับพันหมื่นสายกับเผ่าพันธุ์ปีศาจโลหิต และในตอนนี้ในเมื่อปีศาจโลหิตปรากฏกาย ก็เพียงพที่จะทำให้พวกเขาปะติดปะต่อเรื่องราวขึ้นมาได้
เสวี่ยซินได้เผยรอยยิ้มขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ เขาแทบอย่างจะแบ่งปันความรู้สึกที่ถูกให้ความสนใจออกไป ร่างกายของเขาในตอนนี้ก็ได้ปรากฏขึ้นบนกลางอากาศ ปีกเนื้อบนหลังก็ได้ขยับไปมา ประกายแสงสีโลหิตนับไม่ถ้วนก็ได้กลายเป็นประกายฝนสาดเทลงไป ราวกับเป็นเหมือนคมโลหิตพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว มุ่งหน้าเข้าโจมตีไปยังบริเวณที่เยี่ยจงอยู่เข้าไป
จากนั้น ผลลัพธ์ที่ออกมาก็ได้ทำให้ผู้คนยากที่จะเชื่อ เยี่ยจงยังคงยืนนิ่งไม่ขยับเคลื่อนไหวจากที่เดิม แล้วก็มิได้ลงมือ แล้วก็มิได้สวนกลับ ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีมากมายเพียงใดก็ได้กระทบบนร่างเขาทั้งสิ้น
มีผู้คนไม่น้อยที่มองดูจนอ้าปากตาค้าง การโจมตีของเสวี่ยซินเรียกได้ว่าน่าหวาดกลัว แต่ว่าคู่ต่อสู้ของเขานั้น กลับสามารถต้านทานเอาไว้ได้ อีกทั้งยังสวนกลับไปราวกับเกียจคร้านที่จะกระทำเรื่องเช่นนี้ แต่ก็ยังถือได้ว่าเป็นพลังที่รุนแรงอย่างแท้จริง
“ นี้ …….. นี้ที่แท้คนผู้นี้ยังเป็นคนอยู่อีกงั้นหรือ ? น่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว เผ่าพันธุ์ปีศาจโลหิตใช้ด้วยพลังการโจมตีทั้งหมด ยังถึงกับมิอาจที่จะส่งผลใดๆได้เลยงั้นหรือ ? “
ยอดฝีมือไม่น้อยที่สูดลมหายใจเข้าออก สีหน้าปกคลุมไปด้วยความยากที่จะเชื่อ ภายในสามเดือนมานี้ แน่นอนว่ามีเหล่าผู้มีพรสวรรค์อันดับหนึ่งปรากฏตัวขึ้น เป็นเหมือนดั่งดาวตกที่หายไปก็มิปาน แต่ว่าการกระทำทั้งหมดของพวกเขา เมื่อเทียบกับเด็กหนุ่มเบื้องหน้าสายตาแล้ว แทบจะเรียกได้ว่าเทียบเคียงไม่ได้เลย
“ ลงมือพร้อมกัน ทุกคนลงมือพร้อมกัน ฆ่าเขาซะ ฆ่าเขาซะ “
ท่ามกลางอากาศ เสวี่ยซินเกิดอาการหวาดกลัว หลังจากนั้น เขาก็ไอออกมา ความหวาดกลัวเต็มเปี่ยมภายในจิตใจ
หลังจากที่เงียบงัน ร่างของแต่ละคนของผู้ติดตามเหล่านั้นของเสวี่ยวินก็ได้สั่นเทา ทว่าหลังจากนั้นเอง พวกเขากลับต่างก็ขยับร่างกายคราหนึ่ง หมายมุ่งที่จะฆ่าสังหารออกไป ความสำเร็จของพวกเขาในตอนนี้ก็เหมือนคือร่างกายของเสวี่ยซิน หากว่าเสวี่ยซินทิ้งร่างอยู่ในที่แห่งนี้ พวกเขาก็มิอาจที่จะได้รับผลประโยชน์ใดๆ
“ ซูม “
เยี่ยจงขยับมือขวาออกมาครั้งหนึ่ง กระบี่คงหมิงก็ได้ปรากฏอยู่บนใจกลางฝ่ามือ เขากวาดกระบี่ออกไปอย่างไม่ใส่ใจ ประกายความคมของกระบี่ก็ได้ตัดผ่าออกไป มุ่งหน้าไปยังทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน วินาทีนั้น ผู้ติดตามจำนวนหนึ่งก็ได้ถูกตัดขาดสองท่อน ใบหน้าปกคลุมไปด้วยยากที่จะเชื่อในสิ่งที่เห็น
“ ซวบ “
เพียงแค่กระบี่เดียว ในครั้งนี้ ก็ได้ทำให้ผู้ติดตามจำนวนมากต้องถอยกลับไป ไม่กล้าที่จะเข้าใกล้ บนใบหน้าปรากฏไปด้วยความหวาดกลัว
ยังไม่ทันได้ใช้ออกด้วยกระบี่ที่สองก็ได้ทำให้ผู้ติดตามเหล่านั้นถอยไปได้ ทันใดนั้นต่อมา เยี่ยจงก็ได้ก้าวเท้าเดินออกไป ทันใดนั้นร่างกายก็ได้พุ่งขึ้นไปบนฟ้า มุ่งหน้าประกบเข้าไปยังบริเวณที่เสวี่ยซินอยู่
“ ฮูม “
เสียงดังขึ้นสะนั่น ในทันทีที่เสวี่ยซินยังมีการตอบสนองกลับมาไม่ทัน เยี่ยจงก็ได้ซัดฝ่ามือเข้าไปบริเวณบนทรวงอกของเสวี่ยซินเข้าไปแล้ว จนทำให้กระอักโลหิตคำโต ร่างกายลอยกระเด็นออกไป
เพียงแต่ว่าร่างปีศาจโลหิตของเสวี่ยซินมีพลังฟื้นฟูที่น่าตกใจ ทว่าทันใดนั้น อาการบาดเจ็บก็ได้ถูกเยียวยา
“ ผัวะ “
เยี่ยจงขยับร่างกายอีกครั้ง ลอยอยู่ท่ามกลางอากาศเพียงครึ่งก้าว ก็ได้ขยับมาจนถึงส่วนหัวของเสวี่ยซิน จากนั้นก็ได้ใช้เท้าเหยียบลงไปยังบริเวณเหนือศีรษะของเขา กดทับลงไปอย่างรุนแรง
“ ตูม “
ร่างปีศาจโลหิตขนาดใหญ่ในตอนนี้ของเสวี่ยซินก็ได้ถูกเท้าหนึ่งถีบเข้าไปจังๆกระเด็นจากกลางอากาศลงไป กระแทกไปยังพื้นดินเข้า จนต้องกระอักโลหิตคำโต
เยี่ยจงกวาดเท้าเตะออกไป ร่างกายก็ได้กระเด็นออกไป จากนั้นร่างกายก็ได้เคลื่อนไหวอยู่ท่ามกลางอากาศ แล้วก็ได้เหยียบลงไปบนศีรษะอีกครั้งหนึ่ง
เสวี่ยซินกระอักโลหิตไม่หยุด การโจมตีทุกครั้งของเยี่ยจงดูธรรมดาไร้ที่เปรียบ แต่ว่าก็ยังเต็มไปด้วยขุมพลังที่น่ากลัวสุดขีดเอาไว้ชนิดหนึ่ง จนทำให้ร่างกายของเขาต้องหวาดผวาขึ้นมา แม้แต่เรี่ยวแรงที่จะสวนกลับก็ยังไม่มี
“ โครม “
ในครั้งนี้ เยี่ยจงก็ได้คว้าจับไปยังไหล่ขวาของเสวี่ยซินเอาไว้ แล้วก็ได้บีบมือลงไปยังหัวไหล่ทันที ในช่วงวินาทีนั้นเอง ก็ได้มีเสียงร้องอย่างเจ็บปวดทรมานดังขึ้นสะท้านไปทั่วทั้งฟ้า จนทำให้ผู้คนไม่น้อยต้องให้ความสนใจ เหล่าผู้ติดตามของเสวี่ยซินเหล่านั้นแต่ละคนก็ยิ่งตื่นตกใจจนเนื้อตัวสั่นเทา แทบจะไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะเข้าไปช่วยเหลือเลย
เยี่ยจงไม่ว่าจะทำอะไรต้องทำให้ถึงที่สุด ในตอนที่ได้ฉีกกระชากไหล่ซ้ายและปีกทั้งสองข้างของเสวี่ยซินออกไป ก็ได้ทำให้ร่างกายของเขากระแทกไปมา จนพุ่งเข้าชนกับพื้นดินไม่หยุดยั้ง แต่ว่าถึงแม้ว่าปีศาจโลหิตจะมีพลังฟื้นฟูร่างกายแข็งแกร่งมากกว่านี้อีก ตอนนี้ก็ยังคงต้องถูกเยี่ยจงฉีกกระชากมือไหล่ออกไม่หยุด จนมิอาจที่จะใช้วิชาฟื้นฟูได้
“ ใช่แล้ว ตอนนี้ยังไม่อาจที่จะฆ่าเจ้า ข้ายังมีคำถามที่ยังต้องถามเจ้าอยู่อีก “ ในขณะที่กำลังเตรียมใช้มือฟาดไปยังทรวงอกของเสวี่ยซิน ทันใดนั้นเยี่ยจงก็ราวกับนึกบางอย่างขึ้นมาได้ก็มิปาน ยิ้มออกมาแล้วกล่าวออกมา
เสวี่ยซินเงยหน้าขึ้นมาอย่างยากลำบาก ใบหน้ากลับมิมีความอาฆาตแม้แต่น้อย
“ เจ้าว่าไง เจ้าจะลองบอกให้ฟังหน่อยได้ไหมว่าเจ้าได้รับข่าวลือของตำนานของสำนักมายาโลหิตได้อย่างไรกัน ข้าก็จะปล่อยเจ้าไป ดีหรือไม่ ? “ เยี่ยจงยิ้มเบาๆ เผยให้เห็นถึงรอยยิ้มอันอบอุ่น
“ มีปัญญา เจ้าก็ฆ่าข้าเลยสิ รัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาข้าจะไม่ปล่อยเจ้าเอาไว้แน่ “ เสวี่ยซินกัดฟันดังกรอด มิได้เตรียมที่จะตอบคำถามของเยี่ยจงแต่อย่างไร
เยี่ยจงจ้องเขม็งไปที่เขา หลังจากนั้น ทันใดนั้นเขาก็ได้ลุกขึ้นยืน ตะโกนเสียงเย็นเยียบ “ ทุกท่าน คนผู้นี้เป็นองค์ชายสามแห่งรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉา อย่างน้อยก็ทราบถึงความลับเกี่ยวกับตำนานของสำนักมายาโลหิตนี้ ไม่ทราบว่ามีผู้ใดบ้างที่พอจะมีวิชาล้วงไขความลับ สามารถที่จะทำให้เขาบอกออกมาอย่างตรงไปตรงมา แล้วก็แบ่งปันความลับนี้แก่ทุกท่าน สุดท้ายจะตกอยู่ในมือของผู้ใดคนใดคนหนึ่งก็แล้วแต่ความสามารถก็แล้วกัน “
เมื่อได้ยินคำพูดของเยี่ยจง ยอดฝีมือทั่วทั้งสนามก็ได้แต่สบตากัน จากนั้นก็ได้มีผู้คนไม่น้อยมองเป็นสายตาเดียวกัน ใบหน้าต่างก็ปรากฏไปด้วยความยินดี พวกเขาในตอนนี้ก็ได้รอคอยอย่างยาวนานจนเกินไปแล้ว ระยะเวลาสามเดือน ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนไม่น้อยสูญเสียความมุ่งมั่นไป ในตอนนี้เมื่อได้ยินคำพูดของเยี่ยจงแล้ว ก็มิอาจที่จะไม่มีผู้ใดที่คิดจะออกหน้าให้แก่เสวี่ยซินอีก อีกทั้งยังคิดที่จะล้วงความลับนี้ออกมาอีกด้วย
“ เยี่ยจง เจ้า ……. “ เสวี่ยซินอ้าปากตาค้าง เยี่ยจงผู้นี้ก็ไม่กล่าวถึงเหตุผลกันเลย ผู้อื่นคิดที่จะต้องการรับทราบความลับที่อยู่กับเขา เช่นนั้นมิใช่สมควรที่จะระมัดระวังหน่อยหรือ เขายังดีหน่อย ที่ยังคงเอ่ยออกมาเช่นนี้ หรือไม่กลัวว่าความลับเหล่านี้จะถูกแผ่กระจายไปสู่ผู้คนทั้งหมดหรอกงั้นหรือ ?
“ มอบให้ข้าเถอะ ข้านั้นเชี่ยวชาญทักษะการไขความลับ จะทำให้เขาเอ่ยปากออกไปเองก็แล้วกัน “ ทันใดนั้นเอง ก็ได้มีเด็กหนุ่มอายุประมาณเจ็ดแปดขวบเดินออกมา ใบหน้าปกคลุมไปด้วยรอยยิ้ม
.
.
.
.