ตอนที่ 222 ฆ่าฟัน
“ เป็นเจ้า “
เยี่ยจงจ้องมองไปยังเด็กหนุ่มที่มีอายุเพียงแค่เจ็ดแปดปีผู้นี้ ใบหน้าปรากฏไปด้วยความเคร่งเครียดสายหนึ่งที่ยากจะพบเจอ เด็กหนุ่มผู้นี้ถึงแม้จะเด็กเหมือนเป็นเผ่ามนุษย์ แต่ว่าบรรยากาศบนร่างกายกลับน่ากลัวและประหลาดเป็นอย่างยิ่ง เห็นได้ชัดว่า ร่างเดิมของเขาคงจะต้องเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าหวาดกลัวชนิดหนึ่งอย่างแน่นอน
ในสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ บรรยากาศบนร่างของเด็กหนุ่มกลับให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยอยู่หลายส่วน เขาในตอนนี้ก็เริ่มเหมือนจะคาดเดาสถานะของเด็กหนุ่มผู้นี้ได้หลายส่วนแล้ว
“ สายตาที่ดี “ เด็กหนุ่มกวาดสายตามองไปที่เยี่ยจงคราหนึ่ง จากนั้นก็ได้ยิ้มออกมาแล้วตอบ “ ก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่าพวกเจาจะมีเรื่องเข้าใจผิดกันเล็กน้อย ก็ถือได้ว่าไม่มีอันใดแล้ว ? การที่สามารถมองออกถึงความลับที่ซ่อนอยู่ภายในสมองของเขาได้ ย่อมดีต่อพวกเราอยู่แล้ว มิใช่หรือ ? “
เยี่ยจงขมวดคิ้ว หลังจากนั้นก็ได้หัวเราะออกมา อีกทั้งยังไม่แม้แต่จะคิดในตอนนี้ก็ได้โยนเสวี่ยซินที่ใบหน้าขาวซีดไปทางด้านหน้าของเด็กหนุ่มทางด้านหน้า กล่าวตอบเสียงเบา “ เชิญเลย “
ในที่ห่างไกล เหล่าผู้ติดตามเสวี่ยซินก็ได้ซบตามองกัน แต่ว่าในที่สุดก็ไม่มีผู้ใดที่หาญกล้าที่จะเข้าไปออกหน้าให้แก่เสวี่ยซินแม้แต่คนเดียว ความแข็งแกร่งของเยี่ยจงเป็นสิ่งที่แม้แต่พวกเขาเองก็ยังมิอาจที่จะขัดขืน บวกกับว่าเสวี่ยซินในตอนนี้ยังตกอยู่ในน้ำมือของเยี่ยจง พวกเขาเหล่านี้ที่เป็นเหล่าผู้ติดตามหากว่ายังไม่ต้องการที่จะมีชีวิตอยู่แล้วละก็ เช่นนั้นก็คงจะมีสภาพต่อไปไม่แตกต่างเสวี่ยซินก็มิปาน พวกเขาก็เพียงแต่แค่ติดตามเสวี่ยซินเพียงชั่วคราวเท่านั้น อีกทั้งเขายังมิใช่ผู้คุ้มกัน ไม่จำเป็นที่จะต้องขายชีวิตในตอนนี้ให้กับเขาจนเกินไป
“ อย่านะ อย่าได้ทำเช่นนี้ หากว่าเจ้ากล้าลงมือต่อข้าละก็ รัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาจะไม่ปล่อยเจ้าเอาไว้แน่ “
เด็กหนุ่มที่ดูไปแล้วเหมือนเด็กอายุเจ็ดแปดปีก็ได้ค่อยๆที่จะเข้าไปใกล้เสวี่ยซิน พลังกดดันอันน่าหวาดกลัวอันแปลกประหลาดคล้ายกับของนกฮวางเชวียนได้ถูกแผ่พุ่งออกมาจากร่างกายของเขา จนทำให้เสวี่ยซินร่างกายสั่นเทาขึ้นมาอย่างไม่หยุดยั้ง จากนั้นเขาก็ได้กล่าวเสียงอยู่ภายในลำคอจนกล่าวออกมาไม่คล้ายกับคำพูดออกมา
“ รัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉางั้นหรือ ? ที่นั้นคืออะไร ? “ เด็กหนุ่มสั่นศีรษะไปมา ราวกับว่าเขากำลังตกอยู่ในความคิด แต่กลับไม่เหมือนกำลังจะใช้กำลัง เพียงแต่จ้องมองไปทางเสวี่ยซินแล้วหัวเราะออกมา กล่าวเสียงเบา “ เจ้าไม่จำเป็นต้องกลัว ไม่เจ็บหรอก “
หลังจากที่สิ้นเสียง ทันใดนั่นแม้แต่เสวี่ยซินเองก็ยังมิทันจะร้องด้วยความเจ็บปวดออกมา เด็กหนุ่มก็ได้อ้าปากออกมา แล้วก็ได้นำเอาประกายแสงสายหนึ่งที่มีทั้งสีดำขาวรวมอยู่ด้วยกันออกมา แล้วก็ได้แตะเข้าไปยังใจกลางบริเวณหัวใจของเสวี่ยซิน
“ ที่แท้ก็เป็นมัน นกฮวางเชวียน “ เยี่ยจงเดินยืนอยู่อีกด้าน สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ภายในส่วนลึกของดวงตาก็ได้สาดทอความเครียดออกมาสายหนึ่ง ราวกับว่าทั้งหมดที่เขาคาดเดาก็มิปาน เด็กหนุ่มผู้ที่ดูเหมือนอายุเพียงแค่เจ็ดแปดปี ยิ่งไปกว่านั้นก็คือสิ่งที่อยู่ที่เมืองฮวงกู่ก่อนหน้า ที่กลืนกินจิตวิญญาณของเด็กสาวนับร้อยนกฮวางเชวียนนั้นเอง
เพียงแต่ว่าไม่ทราบเป็นเพราะอะไร ในเวลาเช่นนี้ เด็กน้อยนี้ถึงกลับกลายร่างอยู่ในสภาพของมนุษย์ กลับมิได้เลือกที่จะเผยร่างที่แท้จริงออกมา อย่างน้อยคงจะต้องมีเป้าหมายอะไรอย่างแน่นอน
ทว่า ในตอนนี้เยี่ยจงกลับไม่ต้องการที่จะกล่าวอะไรมากจนเกินไป เพียงแต่จ้องมองไปยังฉากเบื้องหน้าอย่างเงียบเชียบ
ในตอนที่ประกายแสงสีดำขาวนี้ได้แตะลงบริเวณหัวใจ ทันใดนั้นสีหน้าของเสวี่ยซินก็ได้เปลี่ยนไปอย่างไร้สติสัมปชัญญะ หลังจากนั้น เขาก็ได้กล่าวออกมาเสียงแผ่วเบา “ การเปิดของตึกใหญ่ก่อนหน้านี้ ก็เป็นได้เพียงแค่บริเวณส่วนนอกของบ่วงมายาโลหิตเท่านั้น ทางเข้าบ่วงมายาโลหิตที่แท้จริง สมควรที่จะเปิดออกมาหลังจากนี้อีกสามเดือน แน่นอนว่า สิ่งที่เกี่ยวข้องกับความลับของสถานที่แห่งนี้ แม้แต่พวกเรารัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาก็ยังมิอาจที่จะทราบได้ “
หลังจากที่กล่าวจบ เสวี่ยซินก็ได้เผยให้เห็นรอยยิ้มอันโง่งมสายหนึ่ง
นกฮวางเชวียนปกคลุมไปด้วยสีหน้ากระจ่างใส เห็นได้ชัดว่า เขาในตอนนี้เหมือนกับได้รับข่าวสารที่ตนเองต้องการทราบอยู่แล้ว ต่อมาก็ได้หันกลับไปยิ้มให้แก่เยี่ยจง แล้วก็ถอยลงไป
“ สามเดือนให้หลังงั้นหรือ ? “ เยี่ยจงครุ่นคิด หลังจากนั้นก็ได้หัวเราะออกมา ยื่นมือออกไป แล้วก็จับไปที่ศีรษะของเสวี่ยซิน หลังจากนั้นก็โยนร่างที่เป็นศพไปยังท่ามกลางทะเลมายาโลหิตอย่างไม่ใส่ใจ เขาจึงได้ปัดมือไปมา แล้วก็กุมมือเดินจากไป
“ สามเดือนให้หลัง ? “
เมื่อครู่ที่เสียงของเสวี่ยซินกล่าวออกมาแม้จะไม่ชัดเจนมากนัก แต่ว่า คำพูดเหล่านี้ก็ราวกับว่าได้ส่งไปถึงในหูของผู้คนทั้งหมดในสนามแห่งนี้ บ่วงมายาโลหิตที่แท้จริง ยังต้องรอคอยเวลาอยู่สามเดือนจึงจะมีการเปิดขึ้นมา ถ้ามองในมุมมองของผู้คนมากมาย ก็ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ดี อย่างน้อยก็เป็นตัวบ่งบอกได้ว่าสิ่งที่พวกเขากระทำมาอย่างยาวนานเช่นนี้กลับไม่จำเป็นที่จะต้องสูญเปล่า
“ สามเดือน ระยะเวลาภายในสามเดือนนี้ เกรงว่าเพียงพอที่จะทำการดึงดูดยอดฝีมือของแต่ละฝ่ายมาได้มากมายยิ่งนัก ? “
“ นี้ก็ใช่ว่าจะจำเป็น ถึงแม้การอยู่ภายใต้ทะเลมายาโลหิตจะไม่ง่าย แต่ขุมกำลังเหล่านี้ต่อให้คิดจะปล่อยข่าวลือออกไป ก็มีแต่จะห้ำหั่นกันระหว่างศิษย์พี่น้องสำนักเดียวกัน เกรงว่าเวลานี้จะมิใช่เวลาที่สมควร “
“ ภายในสามเดือนนี้ เกรงว่าคงจะต้องปะทุการต่อสู้ครั้งใหญ่ขึ้น ถึงแม้ว่าจะไม่มีผู้ใดทราบว่า ถ้าหากว่าบ่วงมายาโลหิตที่แท้จริงเปิดขึ้นมาแล้วละก็ จะอยู่ในสภาพเช่นไรกันแน่ แต่ว่าในเมื่อทราบถึงช่วงเวลาในการเปิดประตูแล้วละก็ เกรงว่าคงจะมีผู้คนไม่น้อยที่คิดจะรวมหัวกันจัดการแต่เนิ่นๆ “
“ ภายในสามเดือนต่อจากนี้ เกรงว่าคงจะมิอาจที่จะผ่านไปได้โดยง่าย “
“ ทว่า เป็นเหมือนดั่งข่าวลือที่แพร่ออกมา เกี่ยวทางด้านหมู่เกาะที่อยู่รอบนอก ก็มีทักษะยุทธ์ สมบัติปราณปรากฏออกมา ไม่แน่ว่าอาจจะไปยังสถานที่แห่งนั้นเพื่อที่จะเสาะหาโชคลาภ จะยังดีเสียกว่า “
ยอดฝีมือนับไม่ถ้วนต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันไปมา จากนั้นกลุ่มคนทางด้านหลังก็ได้ค่อยๆถอยออกไป รวมทั้งการตายของเสวี่ยซิน เทียบจะไม่มีผู้ใดเห็นอยู่ในสายตาเลย
ท่ามกลางผู้คนในกลุ่ม บริเวณหัวมุมหนึ่ง ก็ได้มีการรวมตัวกันของหลิงเหยียนและพวก จ้องมองไปยังทิศทางที่เยี่ยจงหายตัวไป ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด
“ คิดไม่ถึงว่าข่าวสารที่พวกเราต้องลงทุนลงแรงอย่างยากลำบากกว่าจะทราบได้ กลับถึงการเค้นถามออกมาเช่นนี้ เพียงแต่ว่าก็เป็นเพราะเสวี่ยซินผู้นั้นหาที่ตายเอง ภายในสามเกือนมานี้ เขาก็ถือได้ว่าเหิมเกริมเกินไปแล้ว “ เด็กหนุ่มผมเงินไป่หยู่หัวเราะเย็นชาออกมา สีหน้าปรากฏไปด้วยความยินดี
“ เยี่ยจงผู้นี้ เขาที่แท้เตรียมที่จะกระทำอันใดกันแน่ ? “ โหยวกู่ขมวดคิ้ว ถึงแม้ว่าเยี่ยจงจะสามารถกระจายข่าวนี้ออกมาได้ เขาที่แท้ต้องการที่จะทำสิ่งใดกันแน่
“ ถึงแม้ว่าเขาจะมีเพียงคนเดียว ทางด้านรอบนกอของบ่วงมายาโลหิตก็ถือได้ว่าอันตรายเป็นอย่างยิ่ง ความน่ากลัวของบ่วงมายาโลหิตที่แท้จริงแต่ละก้าวมีแต่เครื่องจักรสังหาร หากว่าไม่มีคนที่คิดจะชักชวนเขาเข้าร่วมแล้วละก็ เขาคงจะต้องลำบากไม่น้อยแล้วละ “ หลิงเหยียนหัวเราะอย่างเย็นชา “ แต่ว่าก็ชังมันเถอะ ในเมื่อได้รับข่าวสารแล้ว ข้าเองก็ยังต้องทำการเตรียมการเอาไว้แต่เนิ่นๆ การเปิดประตูของบ่วงมายาโลหิตที่แท้จริง ในตอนที่เปิดเผยออกมา เมื่อถึงเวลานั้น ไม่ว่าจะเป็นมังกรพยัคฆ์คำรน ก็ยากที่จะรั้งเอาไว้ได้ “
หลังจากสิ้นเสียง หลิงเหยียนก็ได้โบกมือคราหนึ่ง แล้วก็ได้นำพาคนกลุ่มใหญ่ค่อยๆเดินจากไป
นอกเสียจากในที่แห่งนี้ ยอดฝีมือไม่น้อยต่างก็ได้รวมตัวกันเข้ามา สีหน้าของแต่ละคนก็ได้แบ่งเป็นงุนงงอยู่หลายส่วน เห็นได้ชัดว่า การกระทำของเยี่ยจงเช่นนี้ ได้เกินเลยความคาดหมายของผู้คนมากมายไปแล้ว จนทำให้พวกเข้ามิอาจทำความเข้าใจได้ ทว่ายอดฝีมือเหล่านี้ต่างก็มิได้กล่าวอันใดออกมา เพียงแต่เริ่มที่จะแยกย้ายกันไป รอคอยช่วงเวลาที่เหมาะสมในการกลับมาแย่งชิงอีกครั้ง
……
ช่วงพลบค่ำ ด้านบนเก๋งน้อยที่ตั้งอยู่ทางด้านบนชายหาดทะเลมายาโลหิตแห่งหนึ่ง บนชายหาดแห่งนี้มิได้เป็นเหมือนดั่งชายหาดอื่นก็มิปาน ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยยาปราณและตึกชนิดต่างๆ แต่มีเพียงแค่เก๋งน้อยๆที่สร้างจากหินตั้งอยู่ตรงริมชายหาด ทั้งยังถูกคลื่นซัดกระทบ เป็นทิวทัศน์ที่งดงามไม่น้อย
ในตอนนี้ เยี่ยจงก็ได้นั่งอยู่มีก้อนศิลาตัวหนึ่ง แล้วก็ได้นำโอสถปราณกลืนเข้าไปหลายเม็ด จ้องเขม็งไปทางดานบริเวณชายหาดอีกด้านทีเป็นที่ตั้งของบ่วงมายาโลหิต สีหน้าเย็นเยียบ
หลังจากนั้น ทันใดนั้นเยี่ยจงกได้ค่อยๆขมวดคิ้วขึ้นมา จากนั้นก็กล่าวเสียงดัง “ ในเมื่อมาถึงแล้ว ก็ออกมาเถอะ อย่าได้เอาแต่หลุบหางอยู่ในสถานที่เช่นนี้เลย ไม่คิดว่าไม่มีความหมายเลยหรอกหรือ ? “
“ เยี่ยจง การเสาะหาเจ้านี้ลำบากยิ่งนัก “ หลังจากที่เงียบงัน ก็ได้มีเงาร่างสายหนึ่งได้ค่อยๆเดินออกมาจนถึงบนเกาะ เสียงของนางฟังแล้วเย็นเยียบ ราวกับเป็นภูเขาน้ำแข็งก็มิปาน แต่ว่าก็ฟังแล้วเพราะเสนาะหูดี
เงาร่างสายนั้นมีลักษณะสูงและอ้อนแอ้น ราวกับว่าสามารถถูกลมโชยพัดไปได้ ชุดฝึกยุทธ์สีดำรัดรูปสวมอยู่บนร่างกาย เผยให้เห็นถึงส่วนโค้งส่วนเว้าอันงามชดช้อยของร่างกายอย่างถึงที่สุด ทั้งยังมีโครงหน้าคล้ายดั่งพระจันทร์ก็มิปาน
“ เป็นเจ้า “ เยี่ยจงหันศีรษะกลับไปมองนางคราหนึ่ง แล้วก็จดจำออกมาบุคคลผู้นี้เป็นผู้ที่เข้ามายังตึกใหญ่สีโลหิตเมื่อช่วงเวลาก่อนหน้านี้ อีกทั้งยังได้ทำการลงมือลอบสังเกตหญิงสาวชุดดำผู้นี้ แม้แต่เยี่ยจงเองก็ยังคิดไม่ถึงว่า นางถึงกลับสามารถซ่อนตัวได้อย่างมิดชิดเช่นนี้
“ เจ้าที่แท้ก็สังเกตเห็นข้าสินะ “ หญิงสาวชุดดำจ้องเขม็งไปที่เยี่ยจง ใบหน้าของนางได้ถูกปกคลุมไปด้วยผ้าไหมสีดำผืนหนึ่ง จนไม่อาจที่จะเห็นได้
“ มีเรื่องอันใดหรือ ? “ เยี่ยจงขมวดคิ้ว ทั้งไม่ตอบทั้งยังถามกลับไป หญิงสาวผู้นี้มีความลับมากเกินไป กล่าวตามตรง เขาในตอนนี้ไม่คิดที่จะยุ่งเกี่ยวด้วย
“ การที่เจ้าตัดสินใจที่จะทำให้เจ้าขยะไร้ประโยชน์เสวี่ยซินเผยความลับอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ออกมา ทำให้แผนการตลอดหลายวันของข้า จำต้องล้มเลิกไปไม่น้อย เจ้าคิดว่าการที่ข้ามาหาเจ้าเพราะมีเรื่องอันใดเล่า ? “ หญิงสาวจ้องเขม็งไปที่เยี่ยจง ทันใดนั้นก็ได้เผยให้เห็นรอยยิ้มอันสวยงาม กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ ถ้างั้นเจ้าก็คงจะมาหาเรื่องข้าแล้วสินะ ? “ เยี่ยจงตอบกลับไป
“ แล้วก็มิใช่มาเพื่อที่จะหาเรื่องเจ้า เพรวงแต่ว่า เจ้าได้ทำลายแผนการที่วางเอาไว้ของข้า จำเป็นที่จะต้องชดใช้ด้วยสิ่งของเล็กน้อย มิใช่หรอกหรือ ? “ หญิงสาวชุดดำจ้องเขม็งไปที่เยี่ยจง ดวงตาทั้งสองดวงราวกับหยกแก้วสีแดงเพลิงก็มิปาน สาดประกายจนเจิดจ้า
” หากว่าเจ้าไม่บอกเล่า ” เยี่ยจงหยักไหล่ไปมาอย่างไม่ใส่ใจ ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถเดาออกมาได้ ว่าเบื้องหลังของหญิงสาวนางนี้ ความจริงแล้วมีที่มาที่ไปไม่ธรรมดาสามัญ แต่ว่า ในสถานที่แห่งนี้ การมีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดาไปกว่านี้แล้วจะเป็นอย่างไร ?
” นิสัยที่เฉพาะตัวดีนิ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมศิษย์น้องข้าถึงถูกใจเจ้านัก อีกทั้งจากการกระทำของเจ้าในหลายวันมานี้ ก็เป็นการบอกถึงราคาคางวด ” หญิงสาวชุดดำตอบอย่างเลี่ยมใส
” ศิษย์น้องเจ้า ” เยี่ยจงขมวดคิ้ว เขาจ้องมองไปยังด้านหลังของหญิงสาว แล้วก็ได้ตอบออกมา ” ข้านั้นมาจากลัทธิหรูเซียนหรือก็คือสำนักเหวินเจี่ยเซินเจรียวงั้นหรือ ? ”
” เจ้าคิดว่าไงละ ? ” หญิงสาวชุดดำยิ้มเล็กน้อย
“ ลัทธิหรูเซียนถึงแม้ว่าจะเป็นกลุ่มสำนักชั้นแนวหน้า แต่ว่าการทำงานก็ถือได้ว่าใจกว้างตลอดมา มิได้เป็นเหมือนดั่งเจ้าที่เอาแต่หลบหลบซ่อนซ่อน ก็อย่างทราบจริงๆว่าการสอนสั่งของลัทธิของเจ้ามันดูเหมือนจะต่างกันเกินไปหน่อยมั่ง “ เยี่ยจงตอบกลับอย่างไม่เกรงใจ
” เหอะ ” หญิงสาวยิ้มเล็กน้อย แต่ก็มิได้ตอบกลับไปโดยตรง กลับกันนั้นยังจ้องมองเยี่ยจงด้วยความยินดีอยู่หลายส่วน หลังจากที่หัวเราะอยู่สักพักก็กล่าว ” ข้ามีความสุขยิ่ง เจ้าไม่เพียงแต่จะมาจากแค่รัฐต้าโจวหวังเฉา อีกทั้งยังมาจากลัทธิแห่งดวงดาว เพราะเหตุใดถึงได้มีความเข้าใจต่อดินแดนที่มีการเปลี่ยนแปลงมากมายเหล่านี้กัน ? เรื่องราวเช่นนี้ มิใช่เรื่องที่บุคคลทั่วไปจะสามารถกระทำออกมาได้ ……. เยี่ยจง เจ้าที่แท้เป็นผู้ที่มาจากรัฐกู่กวอ หรือว่ามาจากเขาไท่กู่หลิงซาน ไม่เช่นนั้น เจ้าก็คงจะต้องมาจากส่วนลึกอีกด้าน …… แท่นราชันเทพเซียน ”
เยี่ยจงจ้องมองไปยังหญิงสาวชุดดำ หลังจากนั้นสักพัก เขาก็ได้หัวเราะเบาๆแล้วตอบ ” แท่นราชันเทพเซียนในตำนาน ถือได้ว่าเป็นขุมกำลังอันดับหนึ่งแห่งดินแดนนี้ ชื่นชอบที่จะรวบรวมเหล่าผู้มีพรสวรรค์ ข้าคิดว่าข้าคงไม่สามารถที่จะเอี่อมไปจนถึงขั้นนั้นได้ ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าหากว่าข้านั้นมาจากแท่นราชันเทพเซียนจริง ยังคงยอมรับไปไม่ใช่ยังดีกว่าหรอกหรือ ? “
” ดังนั้น คำถามข้อนี้ ก็มิได้มีความหมายใดๆ ”
“ ก็เหมือนกับ เจ้ากำลังสอบสวนที่มาของข้าไป ก็มิได้มีอันใดน่าสนใจหรอก มิใช่หรือ ? “ หญิงสาวชุดดำก็ยิ้มเบาๆ “ ดังนั้น พวกเราในตอนนี้สมควรที่จะต้องร่วมมือกัน แต่มิใช่เอาแต่สอบถามที่มาที่ไป มิใช่หรือ ? “
.
.
.
.