ตอนที่ 224 การคำนวณแกะอ้วน
เยี่ยจงและโหยวเหลียนทั้งสองคนก็ได้ทะยานอยู่เหนือผิวทะเล การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างเรียบง่าย และในตอนนี้ทั้งสองคนก็ได้จ้องมองและมุ่งเป้าไปยังองค์ชายสิบสามแห่งหุบเขาตระกูลถัง นัยน์ตาของทั้งสองคนก็ได้ทอประกายขึ้นมาอย่างประหลาดขึ้นมาหลายส่วน
เยี่ยจงก็คิดที่จะลงมือต่อองค์ชายสิบสามผู้นี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เยี่ยจงมีความสนใจต่อสิ่งมีชีวิตที่มีพลังปราณฟ้าแต่กำเนิดมาโดยตลอด เนตรปราณฟ้าขององค์ชายสิบสามถือได้ว่าดึงดูดเยี่ยจงได้เป็นอย่างยิ่ง หากว่ามีโอกาสแล้วละก็ แน่นอนว่าเยี่ยจงจะต้องวิเคราะห์เนตรปราณนี้อย่างละเอียดซักครา
และทางด้านของโหยวเหลียนในตอนนี้ก็ถือได้ว่าเริ่มที่จะมีความสนใจต่อดวงเนตรปราณขององค์ชายสิบสามผู้นี้ขึ้นมาแล้ว ในตอนนี้นางก็ตกอยู่ในห้วงแห่งความคิด ไม่ทราบว่ากำลังคิดถึงสิ่งใดอยู่
“ ทว่ายังมีข้อสงสัยอยู่อีกข้อหนึ่ง “ เยี่ยจงเอ่ยขึ้นมาอย่างกะทันหัน “ ต่อให้พวกเราสามารถที่จะรั้งเด็กน้อยผู้นี้เอาไว้ได้ แต่จะทราบได้อย่างไรว่าเขานั้นค้นพบสิ่งใดกัน ? คิดที่จะล้วงความลับเขานั้นไม่นับว่าง่ายดาย ข้าไม่คิดที่จะถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้คนทั้งหมดอีกแล้วนะ “
” เรื่องนี้ง่ายดายยิ่ง ลัทธิข้า …… ที่บ้านข้ามีโอสถปราณชนิดหนึ่ง เรียกว่าโอสถคายความจริง ขอเพียงแค่ทำให้กลืนมันลงไปได้เพียงหนึ่งเม็ด ไม่ว่าจะถามอันใด เขาก็จะตอบสิ่งนั้นกลับมา และแน่นอนว่าต้องไม่ปลอมแปลงอย่างแน่นอน “ หลังจากที่โหยวเหลียนครุ่นคิด ก็ได้กล่าวเสียงแผ่วเบา
หลังจากที่เงียบงัน ทันใดนั้นเยี่ยจงก็ได้กรอกตาไปมา แล้วก็ได้ตัดสินใจที่จะถอยออกไปครึ่งก้าว เกี่ยวกับโหยวเหลียนผู้นี้ เขาก็คงต้องระมัดระวังมากขึ้นอยู่หลายส่วนเช่นเดียวกัน
ถ้าเกิดถูกนางป้อนโอสถคายความจริงสักเม็ดแล้วละก็ เช่นนี้ในการณ์ต่อไปเกรงว่ายังน่ากลัวเสียยิ่งกว่าความตายอยู่หลายส่วน
“ เจ้าวางใจเถอะ โอสถคายความจริงอยู่ในมือข้าเพียงแค่ไม่กี่เม็ด อีกทั้งยังมีค่ามากยิ่ง วิธีปรุงมันในตอนนี้ก็ได้สาบสูญไปเนิ่นนานแล้วเช่นเดียวกัน หากว่ามิใช่เป็นเพราะวาสนาสายเดียวนี้ ข้าก็คงยังนึกเสียดายที่จะใช้มันออกมา ” โหยวเหลียนราวกับคาดเดาสิ่งที่เยี่ยจงกำลังคิดอยู่ได้ก็มิปาน กวาดตามองเขาคราหนึ่ง แล้วก็เอ่ยปากตอบ
” เป็นเช่นนั้นจริงงั้นก็ดี “ บนใบหน้าของเยี่ยจงเผยให้เห็นถึงรอยยิ้ม ไม่ว่าผู้ใดก็มองไม่ออกว่าความจริงแล้วเขาเชื่อในความพูดนี้หรือไม่ แล้วก็ได้แต่เพียงเชื่อฟังแต่โดยดีจะดีเสียกว่า
“ หลายวันนี้ก็รีบหาโอกาสลงมือเถอะ พวกเรายังต้องบ่มเพาะจัดเก็บไว้ให้ดี เพื่อที่จะทำให้เขาที่ทราบเรื่องที่มากมายเหล่านี้ แน่นอนว่าย่อมมิอาจที่จะต้องเสียเวลาได้ “ โหยวเหลียนก็ได้เอ่ยขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด จากนั้นก็ได้โบกมือ แล้วก็ได้นำพาเยี่ยจงถอยออกไปยังอีกมุมหนึ่งอย่างระมัดระวัง เพื่อที่จะได้จับตาดูองค์ชายสิบสามผู้นั้น หากเป็นไปตามคำกล่าวของโหยวเหลียนแล้ว โอสถคายความจริงมีราคาแพงอย่างยิ่ง แน่นอนว่าจะต้องเก็บไว้ใช้เก็บองค์ชายสิบสามที่เป็นถึง”แกะอ้วน”ตัวใหญ่ที่หลังจากที่ผ่านการเลี้ยงดูมาอย่างดี แล้วค่อยใคร่ครวญดูอีกทีว่าเวลาใดที่จะเหมาะสำหรับการฆ่า
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว แล้วก็ได้ผ่านเลยไปเจ็ดวัน หลังจากผ่านไปเจ็ดวัน เนตรปราณขององค์ชายสิบสามก็ได้ค่อยๆที่จะปิดลง บรรยากาศภายในร่างกายของเขาในตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นอ่อนแอลงอยู่หลายส่วน เห็นได้ชัดว่า การที่เขาควบคุมเนตรปราณเป็นเวลานานก็ยังจำต้องสูญเสียพลังไปไม่น้อย แต่ว่าเขาในตอนนี้ก็ยังไม่อาจที่จะฟื้นฟูพลังกลับมาได้ในทันที แล้วก็ได้ปิดดวงตาลงครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่าการควบคุมเนตรปราณในครั้งนี้ ทำให้เขาได้ทราบเรื่องราวบางอย่างอยู่ไม่น้อย
“ โอกาสนี้ดียิ่ง พวกเราก็แบ่งงานกันลงมือเถอะ ข้าจะไปก่อน ข้าจะหาโอกาสเพื่อที่จะได้ป้อนโอสถคายความจริงให้เขาทานลงไป “ โหยวเหลียนเหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้า แล้วก็ลูบไปที่คางอันขาวผ่องด้วยฝ่ามือน้อยๆไปมาอย่างมีความสุข
เยี่ยจงมองไปที่นางด้วยความคิดบางอย่างคราหนึ่ง แต่ก็มิได้กล่าวอันใดออกมา
“ โอ๊ย เจ้าวางใจได้เลย ข้าจะหลอกหมูหลอกสุนัขก็ไม่ทำเรื่องที่จะหลอกลวงเจ้าหรอก ดังนั้นเจ้าวางใจได้เลย ไม่ว่าข่าวสารจะมีความสำคัญหรือไม่ เจ้าก็จำเป็นที่จะต้องบอกกล่าวออกมาให้หมดเช่นเดียวกัน ทว่าเจ้าในตอนนี้หากว่าทำตามแผนการที่พวกเราได้วางเอาไว้ ก็ตั้งใจทำงานให้ดี “ โหยวเหลียนยิ้มขึ้นมา แล้วก็กล่าวด้วยน้ำเสียงแง่งอนอยู่หลายส่วน
เยี่ยจงยื่นมือออกมาบีบที่จมูก หลังจากนั้นก็ได้ถอนหายใจออกมาคำหนึ่ง ขยับกายเคลื่อนไหว แล้วก็ได้ก้าวออกไปอีกทาง
“ ผู้ที่มาโปรดหยุดก่อน ทะเลแถบนี้ได้ถูกหุบเขาตระกูลถังเราปิดเอาไว้แล้ว หากกลัวตายก็ถอยไปซะ “ เมื่อพบว่ามีคนเข้าใกล้กะทันหัน ลูกน้องขององค์ชายสิบสามก็ได้ร้องตะโกนออกมาอย่างดุดัน
เยี่ยจงหัวเราะ แล้วกล่าวตอบ “ ข้าเป็นคนคุ้นเคยขององค์ชายพวกเจ้า มาเพื่อที่จะสะสางเรื่องเก่าเท่านั้น ถึงกับไม่ยินดีเลยหรือ ? “
” อะไรกัน ? เป็นเจ้า ? ”
องค์รักษ์เหล่านั้นก็ได้เงียบลง จ้องมองไปยังร่างของเยี่ยจง หลังจากนั้นบนใบหน้าก็ได้ปรากฏความหวาดกลัวขึ้น
พวกเขาย่อมมีความคุ้นเคยต่อเยี่ยจงเป็นอย่างดี คนผู้นี้ถือได้ว่าเป็นบุคคลที่นายเหนือของตนเองมองอยู่ในสายตาในระดับที่สูงยิ่ง มีหรือที่จะสามารถปฏิเสธคำเชิญของคนผู้นี้แทนนายเหนือได้ อีกทั้งถ้าหากยิ่งลงมือลงไปก็เหมือนต้องตายทั้งเป็นแล้ว
“ อย่าให้เขาเข้ามาใกล้ได้ ฆ่า “ ทันใดนั้นก็ได้มีคนมีการตอบสนองกลับมา ร้องตะโกนขึ้นมา แล้วก็โบกมือคราหนึ่ง แล้วก็ได้มีการโจมตีอันน่าหวาดกลัวสายหนึ่งพุ่งออกไป
” ไสหัวไปซะ ”
เยี่ยจงสะบัดมือคราหนึ่ง แล้วก็ได้ใช้เพียงแค่ฝ่ามือเดียวในกับลบล้างการโจมตีนี้ จากนั้นก็ได้ใช้มือขวาคว้าเกี่ยวไปยังกลางอากาศ หอกอัสนีก็ได้ปรากฏขึ้นบนใจกลางฝ่ามือ เยี่ยจงใช้มันกวาดออกไปคราหนึ่ง วินาทีนั้นก็หอกอัสนีก็ได้เปลี่ยนเป็นเงาอัสนีสีทองขนาดใหญ่ซัดเข้าไปยังทางด้านกาบเรือ
” เป็นเจ้า ”
บนเรือสีทองลำนี้ องค์ชายสิบสามที่ได้สวมไว้ด้วยเกราะศึกสีทองบนร่าง ในมือกุมไว้ด้วยง้าวไท่หยาง เขาก็ได้ค่อยๆหันกายกลับไป ใบหน้าปรากฏไปด้วยความโกรธเกรี้ยวอยู่สายหนึ่ง
“ ซูม “
ทันใดนั้นเอง เขาก็ได้สะบัดง้าวทองในมือออก จนกลายเป็นประกายแสงสีทองกวาดออกไป เพื่อที่จะได้ต้านรับการโจมตีของเยี่ยจงเอาไว้ เขาได้เคยปะทะกับเยี่ยจงมาก่อน โดยรวมแล้วก็พอที่จะทราบได้ถึงระดับพลังของกระบวนท่านี้อยู่หลายส่วน
” ตูม ”
ประกายแสงทั้งสองสายได้เข้าปะทะกัน วินาทีนั้นทั่วทั้งทะเลที่เต็มไปด้วยโลหิตก็ได้พุ่งขึ้นฟ้า เกิดเสียงดังจากการปะทะดังสนั่นหวั่นไหว
การลงมือของกระบวนท่านี้ ก็ได้ทำให้เยี่ยจงมิอาจมิถอยกลับไปตั้งหลักได้ และในตอนนี้บริเวณทางด้านหน้าก็ได้มีการโจมตีออกมาอีกครั้ง หอกอัสนีในมือก็ได้ทอประกายแสงออกมา กวาดการโจมตีไปได้นับไม่ถ้วน พุ่งม้วนไปยังบริเวณทางด้านที่องค์ชายสิบสามอยู่เข้าไป
ใบหน้าขององค์ชายสิบสามเคร่งเครียดขึ้นมาเล็กน้อย ถึงแม้ว่าเขาในตอนนี้ยังอยู่ในสภาพที่อ่อนแอ แต่ว่าเยี่ยจงเบื้องหน้านี้เมื่อเทียบกับการปะทะเมื่อครั้งแรกยังถือได้ว่าแข็งแกร่งกว่ามาก เห็นได้ชัดว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ก็ได้ทำให้จิตใจของเขาจดจ่ออยู่ร่างกายของเยี่ยจงในทันที ง้าวทองคำในมือก็ได้สาดประกายคมกล้าไม่หยุด พุ่งออกไปอย่างรุนแรง
“ ชี่ “
และจากนั้น ทันทีที่องค์ชายสิบสามได้ลงมือโดยใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดในทันที ทันใดนั้นเองก็ได้มีหมอกควันสีดำสายหนึ่งเข้ามาทางด้านข้างของเขา การโจมตีปราณสายหนึ่งก็ได้ถูกหลบรอดไป ราวกับว่าในอาณาบริเวณที่องค์ชายสิบสามอยู่นั้นไม่มีที่ยั้งเท้าได้
“ ฉัวะ “
สีหน้าองค์ชายสิบสามเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง ง้าวทองคำในมือก็ได้ร่ายรำเคลื่อนไหว ทันใดนั้นก็ได้ก่อพายุรังสีสังหารระเบิดออกมา คิดหมายที่จะลงมือต้านทานการลงมือของทั้งสองในเวลาเดียวกัน การต่อสู้เช่นนี้ก็ได้ปะทุขึ้นมาในทันที พุ่งออกหมายสังหารออกไป
” ซวบซวบซวบ ”
และในเวลาเดียวกันนี้ ทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้านก็ได้มีเงาร่างพุ่งออกไปไม่น้อย ท่ามกลางใจกลางที่ของกำลังพลถังกู่ ก็คือเหล่าอัจฉริยะเหล่านี้ แต่ว่ากลับเกรงกลัวองค์ชายสิบสามผู้นี้ เมื่อพบว่าในตอนนี้มีคนล้อมตีองค์ชายสิบสาม พวกเขาต่างก็ลงมือกันไม่หยุด เพื่อที่จะใช้ช่วงเวลาในตอนนี้ จัดการกับความยุ่งยากที่สุดขององค์ชายสิบสามให้ได้
ในตอนที่ยอดฝีมือเหล่านี้ลงมือ ราวกับว่าเยี่ยจงและโหยวเหลียนทั้งสองคนก็ได้คาดการณ์เอาไว้แล้ว ทั้งสองคนสบตากัน แล้วก็ได้ใช้การโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา บริเวณใจกลางฝ่ามือของโหยวเหลียน ก็ได้มีดอกบัวสีดำดอกหนึ่งแผ่กระจายออกไป ทันใดนั้นเยี่ยจงก็ได้ควบคุมด้วยพลังกระบี่ตราประทับ ใช้ฝ่ามือฟาดออกไป พลังกระบี่ตราประทับได้ซ้อนทับไปจนถึงชั้นที่สิบห้า พลังความรุนแรงจึงน่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อพบเห็นฉากเบื้องหน้า เงาร่างอื่นๆที่ลงมือต่างก็ได้ถอยรนออกไปเพื่อที่พวกเขาจะได้ทำการเผชิญหน้ากับการต่อสู้ และแต่ละคนก็ได้ใช้ออกด้วยพลังฝีมือของตนเองออกไป พุ่งเข้าโจมตีไปยังบริเวณที่องค์ชายสิบสามอยู่นั้นเอง
ประกายสีทองบนร่างขององค์ชายสิบสามก็ได้ปะทุขึ้นมา จนผมเผ้าหลุดลอยออก ดวงตาที่สามก็ได้เปิดขึ้นอีกครั้ง ระเบิดประกายแสงออกมาสว่างจ้าอย่างถึงที่สุด สาดส่องไปทั่วทั้งสี่ทิศ
“ ซูม “
เนตรปราณฟ้าในตอนนี้ได้ระเบิดพลังออกมาจนเป็นวงกว้าง จนทำให้การโจมตีจากทักษะยุทธ์รอบด้าน ราวกับพบเจอกับดวงอาทิตย์แผดเผาอย่างไม่หยุดยั้งจนสลายพลังหายไป เงาร่างที่โจมตีเข้ามาเหล่านี้ ในตอนนี้ต่างก็ได้เปลี่ยนสีหน้าไปอย่างรุนแรง แต่ละคนก็ได้นำร่างกายถอยออกไปให้เร็วที่สุด
ต่อให้เป็นเยี่ยจงและโหยวเหลียนทั้งสองคนก็ยังต้องหน้าเปลี่ยนสี แล้วก็ถอยไปในทันที
“ ตายไปให้กับข้าให้หมด “ องค์ชายสิบสามกรีดร้องออกมา เขาในตอนนี้ถือได้ว่าได้ถูกความโกรธเข้าครอบงำแล้ว
“ ชี่ “
และในเวลาเดียวกันนี้ ก็ได้มีโอสถเม็ดเล็กๆลอยออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วก็ได้เข้าไปยังภายในปากขององค์ชายสิบสาม ร่างกายของเขาสั่นเทาเล็กน้อย เหมือนกับควบคุมสติเอาไว้ไม่ได้
ทันใดนั้นต่อมา ก็ได้พบว่าโหยวเหลียนที่หนีไปอย่างรวดเร็วนั้นกลายเป็นเพียงแค่ภาพมายาเท่านั้น แล้วก็ได้พบว่าสีหน้าขององค์ชายสิบสามได้แสดงความสงสัยแล้วก็ได้มีแผ่นหยกปราณชิ้นหนึ่งออกมาจากบริเวณทรวงอก จากนั้นก็ปราณหยกก็ได้กระเด็นออกไป
” เพี๊ยะ ”
ปราณหยกได้ลงสู่มือ ร่างกายของโหยวเหลียนก็ได้ถอยออกไปในทันที
ในเวลาเดียวกัน ใบหูของเยี่ยจงก็ราวกับได้ยินเสียงของยุงดังขึ้นมา “ ถอยเร็ว ของที่พวกเราต้องการ ตอนนี้ก็ได้มาอยู่ในมือแล้ว “
“ วิชาส่งเสียงลับ ? “ เยี่ยจงเกิดความงุนงง แน่นอนว่าโหยวเหลียนผู้นี้มีความเป็นมาที่ไม่ธรรมดาสามัญ อีกทั้งยังถือได้ว่าเป็นลัทธิชั้นแนวหน้า ย่อมต้องมีทักษะยุทธ์อันประหลาดพิสดารที่ใช้ออกมาได้อย่างช้ำชอง
ทว่าเขาเองก็มิได้กล่าวอันใดออกมามากมาย อีกทั้งเพียงเคลื่อนไหวร่างกายเพียงคราเดียว ก็ได้แหวกการโจมตีขององค์ชายสิบสามได้ ถอยรนออกไปในทันที
ในช่วงเวลาที่คับขันที่สุดทั้งสองคนก็ได้ถอยจากไป องค์ชายสิบสามที่ได้เกิดความสงสัยทันใดนั้นก็ได้มีสติกลับคืนมา
” แย่แล้ว เป็นโอสถคายความจริง “ สีหน้าของเขาเย็นชาในทันที คิดไม่ถึงว่าตนเองจะต้องถูกผู้คนจัดการอย่างเลือดเย็นได้
“ เจ้าพวกไร้ประโยชน์ ตายไปให้กับข้าให้หมด “
ทันใดนั้นเอง ความโกรธก็ได้ปะทุขึ้นมา ง้าวไท่หยางในมือก็ได้ปะทุสาดประกายคมกล้าอย่างน่าหวาดกลัวระเบิดออกมา ม้วนเข้าไปรอบบริเวณใกล้เคียง มีอยู่หลายคนที่ไม่ทันมีปฏิกิริยากลับมาได้ทันในตอนนี้เยี่ยจงและโหยวเหลียนได้ถอยไปแล้ว ร่างกายก็ได้ถูกสับระเอียดจนกลายเป็นก้อนเนื้อแหลกเหลว เห็นได้ชัดว่า ในยามที่องค์ชายสิบสามกริ้วขึ้นมา ก็ไม่มีการยั้งมือในขณะที่ลงมือเลยแม้แต่น้อย
ยอดฝีมือที่หลงเหลืออยู่ก็ได้นำพาร่างกายมุ่งหน้ากลับไปยังด้านบนเกาะร้าง แล้วก็ได้โบกมือขึ้นมา นำพาคนและม้ากลุ่มใหญ่ถอยออกไป พวกเขาทราบดีว่า ตนเองก็เหมือนกับสมบัติชิ้นหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าต่อให้เป็นคนขององค์ชายสิบสาม ก็เพียงเพราะว่าพวกเขาต้องการที่จะได้รับการคุ้มครองช่วยเหลือ หากว่ามิใช่จากไปได้เร็วแล้ว หากว่าองค์ชายสิบสามระบายความโกรธต่อพวกเขาแล้วละก็ เช่นนั้นก็มิใช่สิ่งที่พวกเขาจะทานทนรับเอาไว้ได้แล้ว
” ผู้ใดกัน ที่แท้เป็นผู้ใดกัน ไสหัวออกมาให้ข้า เยี่ยจง เป็นเจ้าใช่หรือไม่ ” บนท้องทะเล องค์ชายสิบสามตะโกนขึ้นฟ้าดังลั่น ดวงตาที่สามกลางหน้าผากก็ได้ทอแสงสีทองขึ้น กวาดเข้าไปทางด้านที่เยี่ยจงหลบหนีออกไป เพียงแต่ว่าเขาก็ยังช้าอยู่หลายส่วน เงาร่างของเยี่ยจงในตอนนี้ก็ได้หายสาบสูญไปแล้ว
ร่างกายขององค์ชายสิบสามก็ได้ปรากฏอยู่บนผิวทะเล ใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธแค้น หลังจากนั้นสักพัก เขาก็ได้คืนสติกลับมา ในครั้งนี้ เขาก็มิได้ลืมตาขึ้นอีก เพียงแต่นั่งสมาธิอยู่บนเรือทองคำ ฟื้นฟูพลังกลับคืนมาให้เร็วที่สุด เห็นได้ชัดว่า เขาในตอนนี้ในที่สุดก็มีสติกลับคืนมา ถึงแม้ว่าเขาจะต้องสูญเสียไปอย่างมาก ทั้งยังถูกโจมตี แต่ว่าในตอนนี้ก็ไม่ทราบว่ามีผู้คนมากมายเพียงใดกำลังจับตามองเข้าอยู่ หากว่าไม่ทันระวังแม้แต่น้อยแล้วละก็ เช่นนั้นสภาพต่อจากนั้นเกรงว่าคงจะอนาถเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น เขาในตอนนี้ก็ทำได้เพียงแค่อดทนเอาไว้ ฟื้นฟูพลังด้วยความรวดเร็ว
” เด็กน้อยที่แข็งแกร่งยิ่ง ” ในที่ห่างไกล เยี่ยจงและโหยวเหลียนทั้งสองคนก็ได้รวมตัวกันอีกครั้ง เหม่อมองไปยังทางด้านขององค์ชายสิบสามอย่างเงียบงัน จนทั้งสองคนต้องกรอกตาไปมาอย่างวุ่นวาย การปะทะกันเช่นนี้ ก็ช่างน่าหวาดกลัวเสียเหลือเกิน
.
.
.
.