เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 231 เศษเล็กเศษน้อย

ตอนที่ 231 เศษเล็กเศษน้อย

 

 

 

“ ตูม “

 

ลำแสงโลหิตสายนี้ได้หยุดยั้งลง แต่ว่าไม่นานนัก ท่ามกลางอารามใหญ่สีเลือดก็ได้สาดประกายแสงคมกล้าออกมาเป็นสายในเวลาเดียวกันโพยพุ่งออกไป มุ่งหน้าหมุนคว้างเข้าไปไปทางด้านยอดฝีมือเผ่าผีดิบ

 

ทันใดนั้นบนใบหน้าของยอดฝีมือเผ่าผีดิบก็ได้เปลี่ยนไปอย่างรุนแรง เขาได้ตัดสินใจที่จะถอยจากไป ทราบว่าตนเองไม่อาจที่จะหยุดยั้งแสงโลหิตนับสิบสายได้ในเวลาเดียวกัน

 

ในระหว่างที่ยอดฝีมือเผ่าผีดิบกำลังจะถอยออก ก็ได้มียอดฝีมือส่วนหนึ่งที่ความจริงอยู่ใกล้ๆก็ไม่ทันจะมีปฏิกิริยาถอยหนีได้ทัน ตอนนั้นเองก็ได้ถูกลำแสงโลหิตกวาดเข้าไป จนกลายเป็นกองเลือดในทันที ไหลรินลงอยู่บนพื้น

 

“ การป้องกันอันร้ายกาจเช่นนี้ หากว่าพึ่งพาเพียงแต่พละกำลังก็สามารถที่จะต้านการการป้องกันได้แล้วละก็ มีแต่จะทำให้การป้องกันยิ่งแข็งแกร่งขึ้น นอกเสียจากว่าจะพึ่งพากำลังของตนเองที่มีอยู่แต่แรกเพื่อหยุดยั้งลำแสงโลหิตนั้น ไม่เช่นนั้นก็น่าจะมิอาจที่จะเข้าไปยังสถานที่แห่งนี้ได้ “ มีคนกล่าวออกมาเสียงแผ่วเบา เห็นได้ชัดว่าราวกับวิเคราะห์การป้องกันนี้ออกมาได้แล้วหลายส่วน

 

ท่ามกลางสนามได้เกิดความงุนงงขึ้นเป็นสาย ถึงแม้ว่าจะมีกรทำลายเช่นนี้ แต่ว่าในเวลานี้กลับไม่มีคนใดยินยอมที่จะลงมือ เพื่อที่จะทดสอบข้อสันนิษฐานเป็นจริงหรือไม่ อีกทั้งหากถ้าหากคาดเดาผิดแล้วละก็ คงจะต้องทิ้งชีวิตเอาไว้แล้ว

 

หลังจากนั้น องค์ชายสิบสามแห่งหุบเขาตระกูลถังผู้นั้นก็หัวเราะออกมาเบาๆ และจากนั้นก็พบเห็นเขาก้าวเดินออกไปทางด้านหน้า ลำแสงโลหิตก็ได้พุ่งออกมาในทันที แต่ว่าทันใดนั้นเองเนตรที่สามก็ได้ถูกเปิดขึ้นมา ก่อลำแสงขึ้นมาเข้าปะทะ จนทำให้ลำแสงโลหิตนั้นแตกกระจายออกไป

 

หลังจากที่หยุดยั้งลำแสงโลหิตเอาไว้ได้ องค์ชายสิบสามก็มิได้ถูกการป้องกันของอารามสมบัติเซียนต้านทานเอาไว้จนทำให้เดินมาจนถึงบริเวณประตูใหญ่ เขายื่นมือออกไปเพื่อดันประตูให้เคลื่อนไหว แล้วก็ได้ยินเสียงครืนครืนดังออกมา ประตูใหญ่ได้ถูกเปิดออก ที่ด้านใดก็ได้มีประกายแสงของสมบัติมากมายสาดทอออกไป จนทำให้ผู้คนใจเต้นไปมา

 

เมื่อได้มองลอดเข้าไปเห็นสมบัติเหล่านี้ ก็สามารถที่จะพบเห็นว่าท่ามกลางอารามใหญ่นี้ ได้มีกายไหลเวียนของแสงขยับไปมาอยู่ไม่น้อย ถึงแม้ว่าจะดูสวยสดงดงาม แต่ว่าก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนจดจำออก ว่าด้านนั้นได้มีทั้งกระบี่ หอก ขวานเป็นต้น อีกทั้ง อย่างน้อยต่างก็ได้สมบัติขั้นเซียน

 

“ สิ่งของที่อยู่ทางด้านใน น่าจะเป็นสมบัติที่เคยเป็นของสำนักมายาโลหิตเมื่อครั้งก่อนแล้ว “ แล้วก็ได้มีเสียงประหลาดกล่าวออกมา จากนั้นก็ได้มีดวงตาอันแดงซานโพยพุ่งออกไป

 

“ ซวบ “

 

ลำแสงโลหิตแต่ละสายได้กวาดออกไป วินาทีนั้น ยอดฝีมือนับสิบก็ได้กลายเป็นสายโลหิตไปในทันที ไม่หลงเหลือแม้แต่ร่างกาย

 

ฉากเบื้องหน้าได้ทำให้ยอดฝีมือที่ความจริงมีเดือดขึ้นมาได้ใจเย็นลงมาบ้าง ทุกผู้คนต่างก็มองไปยังฉากเบื้องหน้า ในเวลานี้ก็เริ่มที่จะได้สติขึ้นหลายส่วน สมบัติมีค่านั้นล่อตาล่อใจยิ่ง แต่ว่าเพียงแค่พลาดไปครั้งเดียว ก็ถึงกับต้องจ่ายด้วยชีวิตของตนเอง

 

องค์ชายสิบสามหันกลับมามองด้วยความเย็นเยียบ มองดูผู้คนมากมายที่มองมาคราหนึ่ง และจากนั้นเขาก็มิได้กล่าววาจาไร้สาระใดอีก เพียงแต่ขยับกายคราหนึ่ง แล้วก็ได้เข้ามายังภายในท่ามกลางอารามสมบัติเซียน เริ่มที่จะค้นหาสมบัติขั้นเซียนที่เหมาะสม

 

“ หากว่าองค์ชายสิบสามได้รับประโยชน์อันใดแล้วละก็ ผู้โชคร้ายในวันข้างหน้าแน่นอนว่าต้องเป็นพวกเราสองคนแน่ ส่วนข้านั้นมิต้องพูดถึง หุบเขาหยินหยางกับหุบเขาตระกูลถังของเขาถือเป็นคู่อริมาแต่ครั้งอดีต และช่วงชีวิตของท่านเหล่านี้จะกลายเป็นคู่อาฆาตของเขาแล้ว “ หมิงหยี่กล่าวออกมาเสียงดัง จ้องเขม็งไปยังฉากเบื้อหน้า ภายในดวงตาทอเป็นประกายขึ้นมา

 

“ ไม่ต้องให้ท่านบอก ข้าก็ต้องลงมืออยู่แล้ว “ เยี่ยจงกวาดตามองไปยังหมิงหยี่คราหนึ่ง เข้าใจเป็นอย่างดีเลยว่าเด็กน้อยผู้นี้กลับต้องการให้ต้นเองเป็นตัวล่อ ทว่าเยี่ยจงก็มิได้กล่าววาจาไร้สาระอันใด เพียงแต่ขยับกายคราหนึ่ง แล้วก็ได้ก้าวไปบริเวณทางด้านหน้าอย่างช้าๆ

 

“ ตูม “

 

ลำแสงเลือดอันเย็นเยียบได้กวาดเข้ามาอีกครั้ง มุ่งหน้าไปทางด้านบริเวณที่เยี่ยจงเข้าไป ทันใดนั้นก็ได้มียอดฝีมือไม่น้อยมองอย่างใจจนใจจ่อ ต้องการที่จะดูว่าเยี่ยจงจะสามารถที่จะหยุดยั้งลำแสงโลหิตนี้อย่างไร แต่ว่าเยี่ยจงกลับมิได้ขยับเคลื่อนไหวหรือทำอันใด เพียงแต่ค่อยๆเดินเข้าไปอย่างไม่รีบร้อน ลำแสงโลหิตทุกสายก็ได้พุ่งเข้าไปยังจุดที่ร่างกายของเขาอยู่

 

“ แซด “

 

ลำแสงโลหิตกวาดไปยังร่างของเยี่ยจง แต่ว่าก็มิได้ส่งผลใดๆแม้แต่น้อย อีกทั้งยังมิอาจหยุดยั้งการก้าวเดินของเขาได้เลย

 

ยอดฝีมือที่มองดูอยู่ในที่ห่างไกลเมื่อมองไปยังฉากเบื้องหน้าแต่ละคนก็ต้องกรอกตาไปมา เยี่ยจงผู้นี้ไม่เพียงแต่น่าหวาดกลัวเพียงอย่างเดียว ? ความสามารถนั้นต่างจากองค์ชายสิบสาม ที่ยังต้องใช้ออกด้วยเนตรปราณฟ้าเพื่อที่จะต้านทานลำแสงโลหิต แต่เขายังดีกว่า ที่พึ่งพาเพียงแค่พลังอันมหาศาลของกล้ามเนื้อเพื่อหยุดยั้งลำแสงโลหิต พลังฝีมือเช่นนี้ก็ได้ทำให้ผู้คนต่างแตกตื่นตกใจ

 

“ เหอะ “

 

บริเวณทางด้านหลัง ทันใดนั้นหมิงหยี่ก็ได้ยิ้มออกมาเบาๆ ร่างกายของเขาก็ได้กลายเป็นประกายแสงสีขาวดำหมุนวนไปมาอย่างกะทันหัน จากนั้นเขาก็ได้ก้าวออกไปทางด้านหน้า เข้าไปยังส่วนภายในของตึกใหญ่นี้

 

และในเวลาเดียวกันนี้ ก็ได้มีคนที่ได้มาจากรัฐกู่กวอและผู้มีพรสวรรค์จากไทกู่หลิงซานต่างก็อดใจเอาไว้ไม่อยู่ แต่ละคนก็ได้ใช้ออกด้วยพลังฝีมือของตนเองเพื่อรับมือ มุ่งหน้าออกไปบริเวณทางด้านหน้า หมายมั่นที่จะแย่งชิงสมบัติเซียนให้ได้

 

ในตอนนี้เหล่าผู้คนที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองต่างก็ได้ลงมือออกมา โดยส่วนมากต่างก็ถือได้ว่ามีความสำเร็จในการหยุดยั้งลำแสงโลหิตนี้ จากนั้นทุกผู้คนต่างก็ได้ค่อยๆเข้าไปยังอารามสมบัติเซียน วินาทีนั้น นัยน์ตาของทุกผู้ตนต่างก็ได้แสดงความสงสัยออกมาหลายส่วน

 

บริเวณท่ามกลางอาราม ในตอนนี้องค์ชายสิบสามก็มิได้ให้ความสนใจบริเวณทางด้านหลัง เนตรปราณฟ้าของเขายังคงทอประกายคมกล้าออกมา ครอบคลุมไปทั่วด้านบนกระบี่กระดูก แล้วเขาก็ได้ก้าวไปทางด้านหน้าอย่างช้าๆ หมายมั่นที่จะต้องการแย่งชิงกระบี่กระดูกเอาไว้ แต่ว่าสมบัติขั้นเซียนนั้นมีปราณอยู่ในตัว อีกทั้งในตอนนี้ยังไหลเวียนออกมาไม่หยุดหย่อน คิดหมายที่จะกระทำเรื่องเช่นนี้นั้นไม่ถือได้ว่าง่ายดายนัก

 

หลังจากนั้นเยี่ยจงก็ได้จ้องเขม็งไปยังกระบี่กระดูก แต่กลับมิได้ลงมือแย่งชิงกับองค์ชายสิบสามในตอนนี้ เพียงแต่จ้องมองไปยังสิ่งของชิ้นอื่นที่อยู่ข้างกาย

 

บริเวณท่ามกลางสนาม ก็ได้มีสมบัติเซียนหลากหลายชนิด ล่องลอยเวียนว่ายอยู่ทั่วทั้งสี่ด้าน เผยพลังอันเข้มแข็งออกมา อัจฉริยะของแต่ละตระกูลที่ได้เข้ามายังที่แห่งนี้ต่างก็มีสิ่งที่ต้องการ ทุกผู้คนในช่วงเวลานี้ต่างก็มีความเข้าใจเต็มสิบส่วน ไม่มีผู้ใดที่ลงมือเพื่อเป็นการรบกวนผู้อื่น อีกทั้งยังมีโอกาสที่จะได้ลงมืออีกมาก คิดที่จะกระทำเรื่องเช่นนี้ท่ามกลางผู้คนมากมายเช่นนี้คงมิใช่เรื่องที่ดีนัก เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกทีก็ยังไม่สาย

 

เยี่ยจงทอดตามองไปยังหอกกระดูกด้ามหนึ่ง ในขณะที่เตรียมที่จะลงมือนั้นเอง แต่ว่าทันใดนั้นร่างกายของเขาก็ได้สั่นเทาขึ้นมาเล็กน้อย แล้วก็ได้มีความรู้สึกประหลาดปกคลุมไปทั่วทั้งจิตใจ

 

เยี่ยจงตัดสินใจที่จะหันกายไป จนสายตาทอดไปยังหัวมุมที่ดูแล้วไม่สะดุดตามากนักในมุมหนึ่งของอารามสมบัติเซียนแห่งนี้ ในที่แห่งนั้นได้ถูกวางไว้ด้วยหินก้อนหนึ่ง มีขนาดเท่าหนึ่งฝ่ามือ มีลักษณะคล้ายกับพัด มีลักษณะมุมหนึ่งคล้ายกับเหมือนกับเป็นสมบัติปราณขั้นเซียนก็มิปาน

 

“ นี้มัน “

 

เยี่ยจงขมวดคิ้ว หินก้อนนั้นถึงแม้ว่าจะมิได้ปกคลุมไปด้วยแสงที่ดูมีค่าขึ้นมา แต่ว่าก็ให้เยี่ยจงมีความรู้สึกที่ประหลาดชนิดหนึ่ง ราวกับว่าวัตถุชิ้นนี้เมื่อเทียบกับชิ้นอื่นๆแล้วจะมีค่ามากกว่าหลายเท่าก็มิปาน

 

ทันทีที่ได้ตัดสินแล้ว เยี่ยจงก็ได้ขยับกายคราหนึ่ง ในช่วงที่ได้ยื่นมือออกไป ฝ่ามือก็ได้คว้าไปยังบริเวณส่วนลึกของหินก้อนนั้นเข้าไป

 

“ ตูม “

 

ทันใดนั้นที่เยี่ยจงกำลังจะลงมือ ก็ได้มีประกายแสงดูวุ่นวายปะทุออกมาจากหินก้อนนั้นออกมา ทั้งดูเก่าแก่และเหมือนกับมีชีวิต

 

“ อะไรกัน ? “

 

ยอดฝีมือที่ความจริงต่างฝ่ายต่างก็กำลังลงมืออยู่ก็ได้ขยับเคลื่อนไหว ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ทราบว่าสิ่งของที่ทอเป็นประกายนั้นที่แท้เป็นอันใด แต่ว่าในทันใดนั้นเอง ก็ได้ก่อจนเกิดบรรยากาศที่ทำให้พวกเขาจิตใจสั่นไหว เห็นได้ชัด วัตถุชิ้นนี้ดูแล้วมีค่ามากยิ่งไปกว่าชิ้นอื่นๆมากนัก

 

“ แย่แล้ว “ จิตใจของเยี่ยจงสั่นเทาคราหนึ่ง แล้วก็ลงมืออย่างรวดเร็ว ไม่สนว่าวัตถุในตอนนี้ที่แท้เป็นอันใด หลังจากที่มือได้ยื่นออกไปจนสุดแล้วก็ได้ค่อยลูบคลำ แต่ว่าในตอนนี้หากว่ามัวแต่ชักช้าแล้วละก็ เกรงว่าตนเองจะไม่ได้รับสิ่งใดๆเลยก็เป็นได้

 

และในเวลาเดียวกัน ก็ได้มียอดฝีมือไม่น้อยที่ยอมแพ้ที่สนใจสมบัติเซียนที่อยู่ในมือ ทันใดนั้นก็ได้พุ่งเข้าไป พวกเขาต่างก็เข้าใจกันดี ย่อมต้องทราบดี วัตถุชิ้นนี้ไม่แน่ว่ายังจะมีค่ามากกว่าเมื่อเทียบกับสมบัติปราณทั้งหมดในที่นี้ก็ว่าได้ ถึงแม้ว่าจะไม่ทราบว่าวัตถุชิ้นด้านหน้านี้มีความเป็นมาอย่างไร แต่ว่านั้นกลับไม่สำคัญ

 

ในตอนนี้ทักษะยุทธ์แต่ละสายก็ได้พุ่งออกไป มุ่งหน้าไปทางยังบริเวณหน้าอกของเยี่ยจง ต่อให้เยี่ยจงจะแข็งแกร่ง ในตอนนี้ก็มิอาจที่จะไม่หันกายกลับไปได้ กวาดมือขวาออก ฝ่ามือมังกรสีรุ้งก็ได้ทอประกายเซียนขึ้นมา ทะลวงหมุนวนออกไปทางด้านหน้าออกไป

 

“ สมบัติปราณของตัวเองไม่ไปจัดการให้ดีๆ ในตอนนี้กลับคิดจะมาหาเรื่องข้า หาที่ตาย “ เยี่ยจงยิ้มอย่างเย็นชา สีรุ้งเจ็ดสีของมังกรเป็นประกายออกมาจากในมือ จนกลายเป็นการโจมตีอันน่าหวาดเกรง พุ่งหมุนวนไปยังบริเวณทางด้านของคนเหล่านี้เข้าไป

 

“ เยี่ยจง วัตถุชิ้นนี้มิใช่สิ่งที่เจ้าจะทำให้แปดเปื้อนได้ “ องค์ชายสิบสามถอดใจจากกระบี่โบราณ เนตรปราณฟ้าก็ได้ทอแสงประกายสีทองขึ้นมา มุ่งหน้าไปยังบริเวณหัวใจของเยี่ยจง หมายมั่นที่จะฆ่าสังหารเยี่ยจงในที่แห่งนี้

 

และหมิงหยี่ผู้นั้นในตอนนี้ก็ได้เข้าร่วมสู่การต่อสู้ เขาพลิกมือขวาเล็กน้อย ไอพลังหยินหยางก็ได้รวมรั้งราวทะเลดวงดาว มุ่งหน้ากดดันไปยังบริเวณที่เยี่ยจงอยู่เข้าไป

 

“ ชี่ “ เสียงดังขึ้น ในช่วงเวลาคับขันนี้เอง หินก้อนนั้นก็ได้เกิดเสียงดังขึ้น ทันใดนั้นสายตาของผู้คนมากมายก็มองไม่เห็นวังวนท่ามกลางการต่อสู้ ไม่ทราบว่าได้เข้าไปยังสถานที่ใด

 

ภายในดวงตาของเยี่ยจงก็ได้ก่อเกิดความโกรธขึ้น หลังจากใช้ฝ่ามือมังกรเจ็ดสี พลังกระบี่ตราประทับก็ได้ซ้อนทับกันอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าเข้าปะทะไปยังทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน เห็นได้ชัดว่าในตอนนี้เยี่ยจงได้ลงมือเอาจริงแล้ว ในตอนนี้จึงไม่มีแม้แต่การออมมือ

 

พลังกระบี่ตราประทับของเยี่ยจงความจริงหลังจากที่ได้หล่อหลอมพลังแห่งความตายก็ได้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ยิ่งบวกกับทักษะยุทธ์ขั้นเซียนระดับกลางแท้จริงอย่างฝ่ามือมังกรสายรุ้ง วินาทีนั้น เยี่ยจงราวกับเป็นเทพสงครามจุติมาก็มิปาน จัดการไปทีละคน จนกระทั่งสามารถหยุดยั้งวงล้อมการโจมตีของยอดฝีมือมากมายภายในสนามแห่งนี้ได้

 

“ ตูม “

 

เยี่ยจงได้ใช้ออกด้วยฝ่ามือมังกรเจ็ดสีพุ่งออกไปทางด้านหลัง วินาทีนั้น ทักษะยุทธ์ก็ได้เข้าปะทะกันเป็นสาย ทันใดนั้นพลังปราณยุทธ์ก็ได้แตกกระจายออก เยี่ยจงขยับกายคราหนึ่ง แล้วก็ได้ประทับฝ่ามืออยู่เหนือศีรษะขององค์ชายสิบสาม พลังกระบี่ตราประทับก็ได้ระเบิดขึ้นมาในทันที

 

 

“ เปรี้ยง “

 

ร่างกายองค์ชายสิบสามถอยออกไป เนตรปราณของเขาทอเป็นประกายไม่หยุด จากนั้นก็ได้ปิดลง และทันใดนั้นเองสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นปั้นยากอย่างไร้ที่เปรียบ เป็นที่ชัดเจนว่าเขาเองก็ทราบดี กระบวนท่าเมื่อครู่ของเยี่ยจง ตั้งใจที่ทำลายเนตรปราณโดยตรง

 

“ เพล้งเพล้งเพล้ง “

 

ยอดฝีมือคนอื่นๆในตอนนี้ต่างก็ได้ถอยหลังไปทีละก้าว ถูกฝ่ามือมังกรสีรุ้งควบคุมเอาไว้ ด้วยความอันแข็งแกร่งจนน่าตกใจ หากว่าในตอนนี้ยังไม่คิดที่จะลงมือเป็นตายกับเยี่ยจงแล้วละก็ ก็คงมิอาจที่จะเอาชนะเขาได้อย่างแน่นอน

 

“ ซวบ “

 

ทันใดนั้นเอง สิ่งที่อยู่ภายในหินก็ได้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง กวาดผ่านศีรษะของเยี่ยจงไป ในครั้งนี้เยี่ยจงก็ตั้งใจที่จะยื่นมือเข้าให้ลึกยิ่งขึ้น เพื่อที่จะใช้มือคว้าจับไปที่ก้อนหินนั้น

 

กล่าวไปก็น่าแปลก ทันทีที่ได้เข้ามาอยู่ภายในมือของเยี่ยจง ประกายบนตัวของหินก้อนนี้ก็ได้หายไปในทันที จนกลายเป็นเพียงหินโบราณเพียงก้อนหนึ่งเท่านั้น อีกทั้งบนตัวหินก้อนนี้ ก็ได้มีตัวอักขระโบราณสลักเอาไว้เป็นแถว ตัวอักขระเหล่านี้ก็ได้เกิดรอยนูนขึ้นมา แต่ว่าตัวอักขระนั้นกลับดูแล้วไม่สมบูรณ์ น่าจะต้องนำส่วนอื่นๆมารวมเข้าด้วยกัน จึงจะสามารถทำให้ตัวอักขระสมบูรณ์ได้

 

“ ชิ้นส่วนสมบัติเซียน ? “ เยี่ยจงเกิดความเบื่อหน่าย จ้องมองไปยังชิ้นส่วนสมบัติเซียน หากว่าเขาไม่ก้าวพลาดแล้วละก็ วัตถุนี้หากว่า ในส่วนตรงกลางนั้นสมควรที่จะเป็นช่องกลมๆคล้ายจาน เพียงแต่ว่า ส่วนที่อยู่ในมือของตนชิ้นนี้ อย่างมากก็มีเพียงแค่หนึ่งในหกส่วน หรือกล่าวได้ว่า ไม่ว่าวัตถุชิ้นนี้มีที่มายิ่งใหญ่เพียงใด แต่ว่ามันก็ยังเป็นสิ่งที่ถูกทำลายมาก่อนแล้ว

 

บุคคลอื่นๆเมื่อทอดสายตามองไปยังชิ้นส่วนชิ้นนี้ หลังจากนั้น พวกเขาต่างก็ได้กวาดตามองเข้ามา ทางด้านหน้าที่เป็นเหมือนสมบัติบางอย่าง ในตอนนี้เมื่อมองดูไปแล้ว เป็นเพียงแต่เป็นแค่ชิ้นส่วนสมบัติเซียน จึงมิได้มีความจำเป็นที่จะต้องสร้างปัญหากับเยี่ยจง

.

.

.

.

กลุ่มลับ ติดต่อได้หลังไมค์ครับ กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่น เข้ากลุ่ม 3/4/5/6/7 ราคา 450
กลุ่ม3 https://goo.gl/dV1p9e ตอนที่ 210-290
กลุ่ม4 https://goo.gl/ESwaou ตอนที่ 291-370
กลุ่ม5 https://goo.gl/ekcF7V ตอนที่ 371-450
กลุ่ม6 https://goo.gl/4rqw89 ตอนที่ 451-530
กลุ่ม7 https://goo.gl/qrQ7GA ตอนที่ 531-610 ล่าสุดตอนที่ 550

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ INBOX ในเพจเลยครับ

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset