เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 236 ห้วงความมืดมิด

ตอนที่ 236 ห้วงความมืดมิด

 

 

 

ในช่วงที่เยี่ยจงเหม่อมองออกไป บริเวณอีกทางด้านหนึ่งของอารามเก่าแก่ก็ได้ปรากฏออกมาเบื้องหน้าสายตาของเขา

 

นับจากสายตาเมื่อมองเข้าไปบริเวณทางด้านหลังของวิหารแห่งสวรรค์ ก็จะสามารถพบเห็นหมอกบางๆบดบังเอาไว้ แล้วก็ได้มีความมืดที่ดูลึกล้ำอย่างไร้ที่เปรียบปรากฏออกมาบริเวณเบื้องหน้าสายตาของเยี่ยจง ท่ามกลางส่วนลึกนั้นเอง ก็ได้มีบรรยากาศอันเย็นเยียบแผ่กระจายออกมาเป็นสาย

 

บรรยากาศเช่นนี้ กล่าวไปก็เหมือนยาพิษเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่น แต่ว่าในตอนนี้กลับสามารถทำให้เยี่ยจงใจเต้นขึ้นมาได้

 

บรรยากาศเช่นนี้ เรียกได้ว่าเป็นดั่งพลังอายแห่งความตาย

 

บรรยากาศเช่นนี้ หากว่าเป็นยอดฝีมือปกติธรรมดาพบเจอแล้วละก็ ไม่แน่ว่าอาจจะต้องตายอย่างไม่รู้ตัวในทันที แต่ว่าเมื่อเป็นเยี่ยจงพบเจอแล้ว ยังถึงกับสามารถหล่อหลอมสิ่งเหล่านี้ได้ อีกทั้งยังสามารถทำให้พลังกระบี่ตราประทับเพิ่มพูนระดับจนเรียกได้ว่าอยู่ขั้นที่เหนือความคาดหมายเอาไว้ได้

 

และภายใต้พลังอายแห่งความตายชนิดนี้ เป็นที่แน่นอนว่าน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับซากศพนับพันนับหมื่นของสำนักมายาโลหิตนี้ เพราะว่าในช่วงเวลานั้น รูเล็กๆบนหน้าอกของศพที่แผ่พุ่งพลังออกจากศพของยอดฝีมือสำนักมายาโลหิตเหล่านั้น แท้จริงแล้วก็คือพลังอายแห่งความตายนี้เอง

 

เมื่อได้จ้องมองไปยังพื้นที่ที่เป็นรอยแตก ก็ได้มีความมืดมิดอย่างไร้ที่เปรียบอยู่ในส่วนลึก เยี่ยจงครุ่นคิดชั่วขณะ แต่ก็มิได้มุ่งหน้าเข้าไปถอดหอกยาวดำทมิฬที่แทงชายชราตายอยู่บนเก้าอี้ ในตอนที่ครุ่นคิดชั่วขณะ ร่างกายก็ได้มุ่งเดินออกไปบริเวณทางด้านหน้า

 

ในตอนนี้ ยอดฝีมือมากมายทางด้านหลังยังคงอยู่ในอาการบ้าคลั่งเพื่อแย่งชิงคัมภีร์เซียนโลหิตอยู่ ไม่มีผู้ใดที่สนใจความเคลื่อนไหวของเยี่ยจงเลย ดังนั้นในทันใดนั้นเอง ร่างกายของเยี่ยจงก็ได้ผ่านเข้าไปอีกทางด้านหนึ่งของวิหารแห่งสวรรค์ไปอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าไปยังบริเวณที่เป็นส่วนลึกเข้าไปด้าน

 

เกี่ยวกับคัมภีร์เซียนโลหิตนั้น เยี่ยจงก็มิได้คิดถึงมันอีก สิ่งของนั้นแน่นอนว่าจะต้องมิใช่วาสนาเพียงสายเดียวนั้นอย่างแน่นอน อย่าว่าแต่การฝึกปรือคัมภีร์เซียนโลหิตนั้น ที่กลายเป็นศัตรูของทั่วทั้งดินแดนซานเชียนเซินเจี่ย ต่อให้เป็นยอดฝีมือที่มิได้เรียกว่าแข็งแกร่งแห่งดินแดนซานเชียนเซินเจี่ยก็ยังไม่มีความสนใจที่จะมองดูดินแดนซีฮวงเล็กๆแห่งนี้ แต่ว่า คนที่ได้รับคัมภีร์เซียนโลหิตไป นับจากนี้เป็นต้นไปคงจะต้องเป็นที่จับตามองของลัทธิใหญ่ในรัฐกู่กวอแห่งดินแดนซีฮวงอย่างแน่นอน จึงเรียกได้ว่าน่ารำคาญอยู่ไม่น้อย

 

ยิ่งไปกว่านั้น คัมภีร์เซียนโลหิตในตอนนี้ก็ได้ถูกแบ่งออกเป็นหกชิ้น ต่อให้มีความแข็งแกร่งอย่างองค์ชายสิบสาม คาดว่าก็คงจะแย่งชิงมาได้แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ในส่วนคนอื่นๆนั้น ก็อย่าได้คิดมากต่อไปจะดีกว่า

 

ดังนั้น โดยส่วนมากในตอนนี้เยี่ยจงก็ยืนยันได้แล้วว่า คัมภีร์เซียนโลหิตนั้นสมควรที่จะไม่รวมกันได้อีกแล้ว อีกทั้งยังมีหอกยาวดำทมิฬนั้น โอกาสที่จะได้ครอบครองสมควรที่จะเรียกได้ว่ายากยิ่ง ในทางกลับกันสถานที่ที่เยี่ยจงเข้าไปในตอนนี้ หากว่าได้พบอันใดที่มีประโยชน์แล้วละก็ ก็จะกลายเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว

 

ไม่นานนัก เยี่ยจงก็ได้ผ่านเส้นทางอันมืดมิดไปแล้ว แล้วก็ได้มาถึงยังส่วนลึกขนาดนั้นที่อยู่บริเวณทางด้านหน้า

 

เมื่อได้มองดูยังสถานที่แห่งนี้เข้าไป ทันใดนั้นตลอดทั้งร่างของเยี่ยจงก็ได้สั่นเทาขึ้นเล็กน้อย เขาสามารถที่จะมองเห็นได้อย่างชัดเจน ถึงสิ่งที่มีขนาดใหญ่ในส่วนลึก ที่เป็นเหมือนดั่งถ้ำที่ปรากฏในแผนที่ก่อนหน้า เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเหมือนดั่งสถานที่เป็นทางเข้าเท่านั้น

 

หลังจากที่ได้จ้องเขม็งสถานที่แห่งนี้ไปเกือบครึ่งแล้ว ก็สัมผัสได้ถึงพลังบรรยากาศแห่งความตายภายในอากาศ ทันใดนั้นเยี่ยจงก็ได้สูดลมหายใจเข้ายาวๆคำหนึ่ง จากนั้นเขาก็ได้ล้วงชิ้นส่วนมายาออกมา ขยับกายคราหนึ่ง แล้วก็ได้เหยียบลงบนชิ้นส่วนมายา จากนั้นก็ได้เคลื่อนไหวชิ้นส่วนมายา ค่อยๆผ่านเข้าไปยังบริเวณส่วนลึก

 

ตลอดเส้นทางมานี้ เยี่ยจงก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ส่วนลึกทั้งสองข้างทางต่างก็เรียกได้ว่าไร้ธารน้ำโลหิตใดๆ มีก็แต่เพียงพลังปราณอันประหลาดลี้ลับเหล่านี้มีสามารถที่จะสร้างความเจ็บปวดอย่างถึงที่สุดได้เกาะอยู่ตลอดสองข้างทาง แน่นอนว่า พวกเขาที่ได้ตายไปแล้วก็คงจะตายอีกมิได้ ภายในร่างไม่หลงเหลือสิ่งที่เรียกได้ว่าชีวิตเอาไว้แม้แต่น้อย แต่ว่าฉากเบื้องหน้าเช่นนี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนขนลุกขนพองไปจนถึงกระดูกได้เลย

 

กับพลังฝีมือเช่นเยี่ยจง ในตอนนี้ก็ยังต้องเกิดอาการขนลุกขึ้นเล็กน้อย ทันใดนั้นเอง เขาก็ตรวจสอบได้ว่าตนเองได้ค้นพบที่เกินความคาดหมายอย่างถึงที่สุดแห่งหนึ่ง นอกจากนั้น ในสถานที่แห่งนี้ยังมีการค้นพบว่า ยังถือได้ว่ามีตำนานที่น่าตื่นตกใจมากกว่าสำนักมายาโลหิตเสียด้วย

 

ยิ่งเข้าไปยังส่วนลึกที่ลึกขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่ได้ผ่านไปเกือบครึ่งวัน ร่างกายของเยี่ยจงก็ได้มาจนถึงส่วนที่ลึกที่สุดส่วนหนึ่ง บนพื้นที่แห่งนี้ ได้มีการสะสมของโคลนตมมานานไม่รู้กี่เดือนกี่ปี ถึงจะสามารถที่จะทำให้เกิดเสียงอันประหลาดพิกลเช่นนี้ได้ และเมื่อมองมาจากทั้งสองด้านที่เยี่ยจงมองเห็น ต่างก็พบว่ามีความลึกที่มองไม่เห็นอันใดนอกเสียจากความมืดมิดอันแตกร้าว

 

และไม่ทราบเริ่มตั้งแต่เวลาใดกัน ศพของสิ่งมีชีวิตที่ถูกแขวนเอาไว้อยู่ก็ไม่อาจที่พบเจอได้อีกแล้ว แต่ว่า ภายในสถานที่แห่งนี้ยังคงมีบรรยากาศแห่งความตายปกคลุมอย่างแน่นหนา ถึงแม้ว่าเยี่ยจงจะได้ใช้ออกด้วยพลังกระบี่ตราประทับเพื่อคุ้มครองร่างเอาไว้ ในตอนนี้เขาก็ยังต้องขนลุกขึ้นมาเล็กน้อยอยู่ดี นั้นก็เพราะว่าเขาสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า หากมิใช่เพราะว่าเขาบังเอิญฝึกปรือพลังกระบี่ตราประทับ ที่เป็นเหมือนคู่อริของพลังแห่งความตายแล้วละก็ เช่นนั้นต่อให้เขาฝึกปรือจนถึงขอบเขตร่างกายไม่สูญสลาย ก็ไม่แน่ว่าในเวลาที่ได้ย่างกรายมายังสถานที่แห่งนี้ ก็คงต้องทิ้งร่างเอาไว้แล้ว

 

บรรยากาศทั่วทั้งสี่ด้านไม่ทราบว่าได้ไหลเวียนจนหายสาบสูญไปตั้งแต่เวลาใด แล้วก็ได้มีความรู้สึกอันแน่นอนชนิดหนึ่งของความตาย ราวกับมีไม่อาจที่จะมีผู้ใดที่จะสามารถมาทำลายความเงียบสงบได้อย่างแน่นอนก็มิปาน

 

ในขณะนั้นเอง ความรู้สึกขนลุกขนพองก็ได้ปกคลุมอยู่ภายในใจของเยี่ยจง จนทำให้เยี่ยจงไม่ทราบว่าต้องกัดฟันอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ไม่รู้กี่ครั้งเพื่อที่จะให้ได้สติแล้วถอยออกมา ทว่าจิตใจของเยี่ยจงก็ถือได้ว่าล้ำเกินกว่าผู้คนธรรมดาทั่วไป เขากัดไปที่ฟัน สัมผัสได้ว่าบรรยากาศที่อยู่ท่ามกลางพลังแห่งความตายได้เปลี่ยนแปลงไป ขยับเคลื่อนไหวก้าวออกไปทางด้านหน้าทีละก้าว

 

ช่วงเวลาได้ผ่านไปอย่างช้าๆ ทั่วทั้งสี่ทิศก็ได้เริ่มที่จะเปลี่ยนเป็นชัดเจนขึ้นมา จากนั้นเยี่ยจงในระหว่างนั้นก็ได้พบว่า บริเวณทางด้านหน้าของตนเอง ก็ได้มีพื้นที่ว่างขนาดใหญ่สายหนึ่ง

 

ท่ามกลางพื้นที่นั้น ได้ปกคลุมไปด้วยอิฐสีอ่อน มีตะไคร่น้ำและเถาวัลย์ปกคลุมอยู่ด้านบน สายตาของเยี่ยจงก็ได้มองเข้าไปยังอิฐสีอ่อน จากนั้นก็ได้เกิดอาการสั่นเทาเล็กน้อยขึ้นภายในจิตใจ

 

อารามใหญ่แห่งหนึ่งได้ปรากฏขึ้นมาอย่างไม่คาดฝัน ราวกับถูกปลูกสร้างอยู่บริเวณหน้าผาก็มิปาน บรรยากาศดึงดูดอันแรงกล้าสายหนึ่งได้ออกมาจากท่ามกลางอารามใหญ่นี้

 

อารามใหญ่แม้จะดูเก่าแก่ แต่ว่าก็ได้เต็มไปด้วยบรรยากาศที่น่าดึงดูด

 

เยี่ยจงก็ได้ค่อยๆที่จะสูดลมหายใจเข้าคำหนึ่ง จนกระทั่งได้สงบสติลงมาอีกครั้ง

 

สถานที่แห่งนี้ จึงจะเรียกได้ว่าเป็นพื้นที่ของบรรพบุรุษของสำนักมายาโลหิตอย่างแท้จริง อีกทั้ง ระหว่างนั้นเยี่ยจงก็รู้สึกได้ว่าสถานที่แห่งนี้รู้สึกคุ้นตาอยู่หลายส่วน หลังจากนั้น จิตใจของเขาก็ได้สั่นไหวขึ้นมา นำเอาแท่นหยกน้ำแข็งเพลิงผลาญหมื่นปีที่ได้มาเมื่อวันก่อนออกมาวิเคราะห์ในทันที ภายในดวงตาก็ได้ปกคลุมไปด้วยความแตกตื่นขึ้นมา

 

ส่วนล่างของแท่นหยกน้ำแข็งเพลิงผลาญหมื่นปีที่มีการแกะสลักเอาไว้อยู่นี้ ถึงแม้ว่าในสถานที่แห่งนี้จะเป็นพื้นดิน แต่ว่าก็ยังมีอยู่ส่วนหนึ่ง ที่เป็นตัวบ่งชี้ว่าสมควรที่จะเป็นสิ่งเดียวกันกับอารามใหญ่แห่งนี้

 

“ นี้มัน ที่แท้คือสถานที่ใดกัน ? “

 

เยี่ยจงยืนอยู่กับที่อย่างยาวนาน หลังจากนั้นสักพักเขาก็ได้ก้าวเท้าออกไป ทันใดนั้นร่างกายก็ได้ทะยานออกไปบริเวณทางด้านหน้า มุ่งหน้าทะยานออกไปยังบริเวณทางเข้าของอารามใหญ่แห่งนี้

 

ห้องโถงของอารามใหญ่มีความกว้างขวางไม่น้อย ทำให้ผู้คนมิอาจที่จะใช้ดวงตามองเห็นสุดปลายได้ เพียงแค่มองไปยังศิลาดำที่มีขนาดใหญ่จนยากที่จะกล่าวออกมาได้ว่าเป็นอะไร และยังมีทางเข้าขนาดใหญ่ มีความกว้างประมาณสิบจัง ราวกับช่องปากของสัตว์อสูรขนาดใหญ่อ้าปากก็มิปาน

 

ร่างกายของเยี่ยจงก็ได้ทอดไปยังบริเวณทางด้านทางด้านหน้า ทันใดนั้นเองร่างกายก็ได้สั่นเทาขึ้นมา ทั่วทั้งแผ่นหลังก็ได้มีเหงื่ออันเย็นเยียบไหลออกมา

 

ตามลักษณะนิสัยของตนเอง เมื่อครู่ทันทีที่ได้มองเข้าไปยังอารามใหญ่นี้ ก็ราวกับว่าได้สูญเสียสติสัมปชัญญะไปก็มิปาน ถึงกลับหมายจะโผพุ่งเข้าไปยังพื้นที่แห่งนี้ ?

 

และในขณะนี้ เยี่ยจงก็ได้กรอกตาไปมาอย่างบ้าคลั่ง เหม่อมองไปยังอารามโบราณที่ตนเองไม่ทราบที่มาที่ไปอยู่ ภายในใจกลับมิได้มีความยินดีเลยแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นยังสัมผัสได้ถึงความสับสนและความหวาดระแวงอยู่ชนิดหนึ่ง

 

บริเวณส่วนลึกของอารามใหญ่อันมืดมิดแห่งนี้ ในตอนนี้ราวกับว่ามีสายตานับไม่ถ้วนจ้องมองมาที่ตนเอง

 

เยี่ยจงก็ได้มองดูเข้าไปยังบริเวณส่วนลึกของอารามใหญ่ มองจากมุมที่อยู่ตรงนี้เข้าไป ก็จะสามารถราวกับมองเห็นบางอย่างที่ประหลาดปรากฏขึ้นมาท่ามกลางอารามใหญ่ ราวกับว่ามีเส้นทางสายยาว ท่ามกลางเส้นทางที่เป็นเหมือนดั่งไม้ขนาดใหญ่ก็มิปานที่ประกอบไปด้วยศิลาสีอ่อนตกแต่งตามรายทาง อีกทั้งยังมิอาจที่จะมองเห็นได้ถึงยอดตึกเลยด้วยซ้ำ

 

เมื่อได้จ้องมองไปยังฉากเบื้องหน้านี้ หลังจากนั้นสักพักเยี่ยจงก็ค่อยได้กัดฟัน แล้วก็ได้หันกายจากไป

 

ไม่ว่าทางด้านในนั้นแท้จริงแล้วมีอันใด แต่ว่าตลอดมานี้ก็น่าประหลาดจนเกินไป ต่อให้เยี่ยจงในตอนนี้มีพลังฝีมืออยู่ในขั้นก่อเกิดระดับที่แปดขอบเขตพสุธาก็ตาม ยิ่งไปกว่านั้นก็คือพลังกระบี่ตราประทับนั้นถือได้ว่าสามารถที่จะกดดันพลังแห่งความตายเอาไว้ได้ แต่ว่าเขาก็ยังทราบดีอยู่แก่ใจ ตนเองอยู่ในสถานที่แปลกประหลาดเช่นนี้ อีกทั้งยังมีเพียงแค่ชีวิตเดียว นอกเสียจาก ตนเองจะถอยออกไปจากสถานที่แห่งนี้ และเข้าแย่งชิงหอกยาวนั้นกับองค์ชายสิบสามและคนอื่นๆ จึงไม่จำเป็นที่ต้องเข้าเสี่ยงอันตรายในสถานที่แห่งนี้

 

ชีวิตมนุษย์นั้นมีค่าในตัวของมันเอง ทราบดีแก่ใจอยู่แล้วว่าอันใดเป็นอะไร ตนเองในตอนนี้ในเวลานี้ไม่หนทางที่จะใช้ฝ่ามือบดบังสิ่งที่อยู่ทางด้านหน้าเอาไว้ ต่อให้เยี่ยจงมีความกล้าหาญเพิ่มอีก ก็ยังไม่อาจที่จะไม่ถอยไปได้

 

หากว่ายังแข็งขืนต่อไป เช่นนั้นก็เหมือนกันหาที่ตายเอง มิอาจที่จะเรียกได้ว่าความกล้า

 

“ ซู่ “

 

จากนั้น ในทันทีที่เยี่ยจงกำลังจะถอยออกไป บริเวณไม่ห่างจากทางเข้าก็ได้มีศิลาสีอ่อนสองชิ้นวางอยู่ตรงหัวมุม ทันใดนั้นก็ได้เกิดเปลวเพลิงขึ้นมาสายหนึ่งอย่างกะทันหัน

 

“ ซู่ซู่ซู่ “

 

ในระหว่างที่กลุ่มเปลวเพลิงทั้งสองกลุ่มประกฎขึ้นมา และจากนั้นก็ได้ทอแสงอยู่ด้านบนของศิลาสีอ่อน ก็ได้มีเปลวเพลิงสีอ่อนอยู่มันขบวนแผดเผาขึ้นมา จากนั้นก็เข้าไปยังส่วนภายในของตึกขนาดใหญ่สีดำอย่างรวดเร็ว จนส่องให้เห็นถนนสายหนึ่งได้ทำสว่างขึ้นมา

 

เยี่ยจงความจริงคิดที่จะถอยจากไปก็ได้เหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้า ภายในดวงตาก็ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นมาอีกครั้งอย่างอดไม่ได้ ประกายแสงนำทางสีอ่อนนี้เห็นได้ชัดว่าสาดส่องมาเพื่อตนเอง เช่นนั้น นี้เป็นดั่งการเชื้อเชิญ หรือว่าจะกับดักชนิดหนึ่งที่มีตั้งแต่สมัยก่อนจวบจนถึงวันนี้

 

“ โครม “

 

หลังจากนั้นสักพัก เยี่ยจงก็ได้สูดลมหายใจเข้าอย่างช้าๆคำหนึ่ง เขาในตอนนี้ได้กัดฟันไปมา และก็ได้เริ่มต้นที่จะค่อยๆก้าวเดินออกไปทีละก้าว

 

ไม่ว่าจะเป็นการเชื้อเชิญหรือว่ากับดัก แต่มีสิ่งหนึ่งที่ชัดเจนเป็นอย่างยิ่งว่า สิ่งที่อยู่ภายในนั้นทราบถึงการมาของตนเอง อีกทั้งในขณะนี้ ตนเองราวกับว่าไม่มีทางที่จะถอยได้แล้ว และสิ่งที่อยู่ทางด้านหน้าชนิดนี้ กับไพ่ตายที่ตนเองมีอยู่อันน้อยนิด ยังคงใช่ว่าจำเป็นที่จะต้องใช้ออกมาทั้งหมด

 

ในช่วงที่เยี่ยจงก้าวเข้าสู่ภายในท่ามกลางอารามใหญ่ บนพื้นศิลาเก่าแก่ก็ได้ปรากฏเสียงของการแตกร้าวขึ้นมาสายหนึ่ง ราวกับว่าการที่เยี่ยจงเข้ามาไม่ทราบว่าได้เข้ามายังท่ามกลางภายในที่ไม่ทราบว่าไม่เคยมีสิ่งใดผ่านเข้ามาหลายเดือนปีแล้วก็มิปาน

 

“ โครม “

 

“ โครม “

 

ระหว่างที่เยี่ยจงเดินเข้าไป ประกายสีอ่อนของเพลิงไฟที่อยู่บนศิลาตลอดสองข้างทาง ก็ได้เริ่มที่จะทวีความร้อนแรงขึ้นมา ราวกับว่าทุกก้าวที่เขาก้าวเดิน ต่างก็ได้ทำให้เปลวเพลิงเพิ่มความร้อนแรงขึ้นมาส่วนหนึ่งก็มิปาน

 

ถนนหนทางนี้ถึงแม้จะไม่ยาวนัก มีเพียงแค่ไม่กี่ร้อยจัง แต่เยี่ยจงในช่วงเวลาท้ายที่สุดได้ที่ก้าวออกไปแล้วนั้น ศิลาสีอ่อนทั้งสองข้างทางทันใดนั้นก็ได้สั่นไหวเบาๆ จากนั้นเปลวเพลิงสีอ่อนก็ได้หายไปในเวลาเดียวกัน

 

“ ตูม “

 

และทันใดนั้นต่อมา ในเวลาเดียวกันนั้นเองเปลวเพลิงก็ได้แผดเผาขึ้นมาจากทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน จากนั้น ก็ได้พบว่าท่ามกลางอากาศของภายในอารามใหญ่แห่งนี้ เปลวเพลิงสีแดงก็ได้รวมตัวกันจนกลายเป็นแผนที่เก่าแก่ชิ้นหนึ่ง และลักษณะของแผนที่ชิ้นนี้ ราวกับถูกยื่นออกมาจากทางด้านนอกของทั้งสองข้างทางก็มิปาน จากนั้นสายตาก็ยังไม่ทันที่มองเห็นการเผาไหม้กลับขึ้นมาอีกครั้ง และจากนั้นระยะห่างนับร้อยจังนับจากเยี่ยจงและฝั่งตรงข้ามก็ได้พับเข้าหากัน

 

แผนที่เปลวเพลิงนี้มีลักษณะที่ใหญ่โตมโหฬาร และลักษณะของมันมีขนาดเทียบเท่ากับทางเข้าตรงที่เยี่ยจงอยู่พอดิบพอดี

 

สายตาของเยี่ยจงก็ได้ทอดลงไปยังเปลวเพลิงท่ามกลางเหล่านี้ ภายในดวงตาได้ก่อรวมไปด้วยความไม่แน่นอนอย่างลึกล้ำ ถึงแม้ว่าภายนอกจะมีพลังอันมหาศาล แต่ก็ยังไม่ถึงกับมีความหวาดกลัวที่พอที่จะทำให้เยี่ยจงเกิดความหวาดเกรงได้ แต่ว่าเกี่ยวกับพลังที่ใช้ควบคุมสิ่งนี้ กลับทำให้เยี่ยจงมิอาจที่จะละสายตาได้

.

.

.

.

กลุ่มลับ ติดต่อได้หลังไมค์ครับ กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่น เข้ากลุ่ม 3/4/5/6/7 ราคา 450
กลุ่ม3 https://goo.gl/dV1p9e ตอนที่ 210-290
กลุ่ม4 https://goo.gl/ESwaou ตอนที่ 291-370
กลุ่ม5 https://goo.gl/ekcF7V ตอนที่ 371-450
กลุ่ม6 https://goo.gl/4rqw89 ตอนที่ 451-530
กลุ่ม7 https://goo.gl/qrQ7GA ตอนที่ 531-610 ล่าสุดตอนที่ 550

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ INBOX ในเพจเลยครับ

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset